I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 303 กระต่าย ชีตาห์
หลี่หลานเฟิงหัวใจลุ่มๆ ด่อมๆ รอคอยคำตอบของหุ่นรบระดับกลาง ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่เอ่ยอะไรออกมา ในห้องประลองส่วนตัวเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบไป
หัวใจของหลี่หลานเฟิงหดหู่ลงเรื่อยๆ นี่หมายความว่าอีกฝ่ายปฏิเสธใช่หรือเปล่า? เวลานี้เอง ภายในห้องคนขับหุ่นรบของเขาพลันส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความขึ้นมา หลี่หลานเฟิงกดเปิดตามปฏิกิริยาตอบสนอง จากนั้นก็เห็นข้อความขอเป็นเพื่อน ชื่อ หลิงเทียนอีเซี่ยน ในนั้นยังมีข้อความอีกหนึ่งประโยคเขียนเอาไว้ว่า ‘ชีตาห์ ไว้พวกเราค่อยติดต่อกันทีหลังนะ’
หลี่หลานเฟิงถูกความยินดีอย่างบ้าคลั่งยึดกุมจนเต็มหัวใจทันที เขาอยากกดยอมรับ ทว่าเวลานี้นิ้วมือที่เดิมที่คล่องแคล่วอย่างหาใดเปรียบ ถึงขนาดที่สามารถใช้ทักษะที่ยากที่สุดของนักรบหุ่นรบชั้นกลางได้สำเร็จกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงและอืดอาดอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้ เขากดหน้าจอติดต่อกันสามครั้ง แต่ก็ไม่โดนปุ่มเลยสักครั้ง
หลี่หลานเฟิงสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือซ้ายกุมมือขวาของตัวเองฉับพลัน หลังจากนั้นก็กดปุ่มยอมรับที่แสดงขึ้นมาลงไปอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นชื่อหลิงเทียนอีเซี่ยนปรากฏขึ้นในรายชื่อเพื่อนของตัวเอง ร่างของหลี่หลานเฟิงก็อ่อนยวบลง ดวงตาเริ่มปวดขึ้นมา เขาแหงนหน้าขึ้นทันใด ให้น้ำตาแห่งความสุขที่กำลังจะไหลออกมาจากกระบอกตาไหลกลับเขาไปในดวงตา…
ค้นหามานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ให้เพื่อนที่เขาขาดการติดต่อไปเจ็ดปีหวนกลับมาอีกครั้ง! สวรรค์ ต่อให้ท่านกำหนดให้ชะตาชีวิตของผมกลายเป็นชะตาหงส์ แต่ตอนนี้ ผมยังต้องขอบคุณท่าน ขอบคุณท่านที่มอบโอกาสครั้งนี้ให้ผม!
จ้าวจวิ้นที่เห็นหุ่นรบระดับกลางตัวนั้นไม่ตอบคำถามของหลี่หลานเฟิงเพื่อนสนิทของเขาแล้วก็ออฟไลน์ไป เขาก็เอ่ยด้วยความเดือดดาลทันทีว่า “เชี่ย ทำไมถึงทำแบบนี้ เย็นชาไม่หัวใจ หรือว่าแค่ตอบใช่หรือไม่ใช่มันยากขนาดนั้นเลยเรอะ” แน่นอนว่าเขาก็แค่พูดเท่านั้น ถึงอย่างไรอยากตอบหรือไม่อยากตอบก็เป็นสิทธิ์ของอีกฝ่าย เขาแค่เสียใจแทนหลี่หลานเฟิงเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น ถึงแม้หลี่หลานเฟิมไม่เคยพูดกับเขามาก่อน แต่จ้าวจวิ้นก็ยังรู้ได้รางๆ ว่า สี่ปีมานี้ หลี่หลานเฟิงค้นหาคนผู้หนึ่งในโลกหุ่นรบมาตลอด
คำพูดโกรธเกรี้ยวของจ้าวจวิ้นทำให้หลี่หลานเฟิงได้สติกลับมาจากความตื่นเต้นยินดี เขารีบพูดว่า “ไม่ จ้าวจวิ้น เขาบอกคำตอบฉันแล้ว…”
“หา?” จ้าวจวิ้นเซ่อซ่าไปทันที เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบนะ…
หลี่หลานเฟิงไม่ได้อธิบาย เพียงแต่เอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ต่อไปฉันค่อยเล่าให้นายฟัง พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ!” เขากล่าวจบก็ออกไปจากห้องส่วนตัว
จ้าวตวินเกาหลังหัวด้วยความจนปัญญา ในเมื่อหลี่หลานเฟิงบอกว่าต่อไปจะบอกเขา เขาก็ต้องรอต่อไป ถึงแม้ตอนนี้เขาอยากรู้มากๆ เลยก็ตาม แต่เขาก็จนปัญญากับเพื่อนที่ปิดปาดสนิทเหมือนกัน โชคดีที่หลายปีมานี้ความอดทนของเขาถูกหลี่หลานเฟิงฝึกฝนจนเก่งกาจ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องอึดอัดใจจนตายแน่ๆ จ้าวจวิ้นคิดถึงตรงนี้ก็ได้ตุถอนหายใจเบาๆ ตามหลี่หลานเฟิงออกไปจากห้องส่วนตัว
หลิงหลานเห็นอีกฝ่ายรับเพื่อนแล้วก็ออฟไลน์ทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากคุยเรื่องเก่าๆ กับอีกฝ่าย แต่คุณพ่อเพิ่งจะออฟไลน์รีบไปที่สนามทดสอบ เธออยู่ที่นี่ก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน ถึงอย่างไรเธอคือคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนหลิงเซียวในนาม
หลังจากที่หลิงหลานบอกลาคุณพ่อแล้วก็กลับเข้าไปในที่พักของตัวเอง เวลานี้พวกฉีหลงห้าคนยังไม่กลับมาจากหลักสูตรฝึกฝน หลิงหลานก็ล็อกอินเข้าไปในโลกหุ่นรบทันทีโดยไม่รอพวกเขาเหมือนกัน หลิงหลานเชื่อว่า เสือชีตาร์โง่ตัวนั้นจะต้องรอเธออยู่ในโลกเสมือนจริงแน่นอน
อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ หลังจากที่เธอออนไลน์ก็ได้รับข้อความเสียงของเนี่ยนเทียนโหยวเหริน “กระต่าย นายอยู่ที่ไหน?” เชี่ย ตอนนี้เธอยังเป็นกระต่ายอยู่อีกเหรอ? เมื่อก่อนก็เคยบอกเขาแล้วไงว่าอย่าเรียกเธอว่ากระต่าย แต่หมอนี่ก็ไม่เปลี่ยน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม
หลิงหลานอดกลอกตาทีหนึ่งไม่ได้ อยากทำเป็นไม่ได้ยินมากๆ แต่เธอฟังออกถึงความรู้สึกกังวลของอีกฝ่าย คิดๆ ด฿แล้วไม่ได้เจอกันเจ็ดปี การเจอกันของพวกเขาสองคนไม่ง่ายมากๆ เลย เธอก็เลยตัดสินใจให้อภัยเขาสักครั้ง ดังนั้นหลิงหลานจึงตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ชีตาห์ มาที่ห้องโถงประลองหุ่นรบ”
ไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็เห็นหุ่นรบระดับสูงตัวหนึ่งเข้ามาจากหน้าประตูห้องโถงประลอง หลังจากนั้นก็พุ่งมาหาเธอทันที “กระต่าย ฉันมาแล้ว” หุ่นรบระดับสูงโบกมือให้เธออย่างอวดๆ แต่ไม่เห็นหุ่นรบระดับพิเศษที่อยู่กับเขา
“ชีตาห์ ทำไมเพื่อนนายไม่อยู่ด้วยล่ะ?” หลิงหลานถามอย่างใคร่รู้
“ฉันไม่รู้ว่านายจะถือสาหรือเปล่า ดังนั้นฉันเลยให้เขาไปก่อน” หุ่นรบเสือชีตาห์ ตอนนี้คือเนี่ยนเทียนโหยวเหรินตอบด้วยรอยยิ้ม
หลิงหลานใช้สายตาแล่เนื้อเถือหนังมองไปทางเนี่ยนเทียนโหยวเหริน ให้ตายสิ เธอเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ นอกจากนี้หุ่นรบเสือชีตาห์เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เจอกันในโลกเสมือนจริงโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีความมั่นใจขนาดนี้ คิดว่าตัวเองเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญแน่นอน? จะถือสาที่เขามีเพื่อน? เหอะๆ ควรรู้เอาไว้ว่าข้างกายเธอคือบรรดาเพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกันอีกนับไม่ถ้วนนะ สนิทกับห้าคนในนั้นยิ่งกว่าอีก…
หุ่นรบเสือชีตาห์กับเธอต่างรู้ใจกันเองมากๆ อย่างที่คาดไว้เลย เขาคล้ายกับสัมผัสได้ถึงความคิดของหลิงหลานก็รับอธิบายว่า “ฉัยอยากได้รับคำอนุญาตจากนายก่อนแล้วค่อยแนะนำเขาให้นายรู้จักน่ะ…”
คำพูดนี้ทำให้หลิงหลานเบิกบานใจ เสือชีตาห์เป็นคนที่เคารพเธออย่างยิ่งยวดจริงๆ ด้วย เหมือนกับตอนนั้นไม่มีเปลี่ยน
ดังนั้นหลิงหลานเลยพูดว่า “อันที่จริงก็ไม่เป็นไร ต่อไปรายอยากพามาก็พามาเถอะ”
เนี่ยนเทียนโหยวเหรินได้ยินคำกล่าวก็ยิ้มลึกล้ำมากขึ้น ตอบกลับเสียงดังว่า “เข้าใจแล้ว!”
หลิงหลานนวดหว่างคิ้วอย่างจนปัญญา แล้วถามอีกว่า “เมื่อตะกี้นี้นายจำฉันได้ยังไง?” นี่เป็นคำถามที่เธอกับเสี่ยวซื่อสงสัยเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็เจ็ดปีมาแล้ว นอกจากนี้ยังเปลี่ยนหุ่นรบด้วย ไม่ได้มีรูปลักษณ์ในตอนนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายคือผีซวี แต่เสี่ยวซื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไมได้ใช้ความสามารถผีซวีสืบเสาะพวกเขาเลย ไม่มีเหตุผลที่จะจำเธอได้…
“วิชากระโดดถีบของเธอไม่ใช่วิชากระโดดถีบทั่วไป เธอจะใช้มันในการสอบทุกครั้ง ฉันจะลืมได้ยังไงล่ะ?” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินตอบพลางยิ้มละไม “ถ้านายไม่ใช่มัน ฉันก็ไม่มีทางจำนายได้หรอก” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินอดรู้สึกดีใจไม่ได้ โชคชะตาความบังเอิญทำให้อีกฝ่ายใช้การควบคุมพื้นฐานพวกนี้ ดังนั้นเลยทำให้เขาหาอีกฝ่ายเจอ
คำพูดของเนี่ยนเทียนโหยวเหรินทำให้หลิงหลานกับเสี่ยวซื่อเข้าใจทันที ที่แท้เป็นการเคลื่อนไหวตามความเคยชินของหลิงหลานขายตัวเธอเอง
“ฉันเชื่อว่า โลกใบนี้มีแค่นายเท่านั้นถึงจะใช้ทักษะนี้ได้ เจ็ดปีก่อนพวกเราขาดการติดต่อ ทำให้ฉันตามหานายมาตลอดเจ็ดปีเต็ม ในที่สุดฉันก็หานายเจอแล้ว” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินเอ่ยพลางถอนหายใจ
หลิงหลานรู้สึกละอายอยู่บ้าง เจ็ดปีมานี้เธอไม่เคยเข้าโลกหุ่นรบเลย เอาแต่ทำภารกิจในมิติการเรียนรู้หรือว่ามรดกของคุณเธอให้สำเร็จ ช่วงเวลาเจ็ดปีของเนี่ยนเทียนโหยวเหรินนับว่าเสียแรงเปล่าแล้ว
“ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันคนนั้นคือคนของสำนักนายเหรอ?” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ…ใช่” หลิงหลานอึ้งไปพักหนึ่งแล้วค่อยตอบ เธอไม่ได้อยากจงใจปกปิดนะ เพียงแต่เธอเพิ่งเจอหน้าชีตาห์ เรื่องบางอย่างไม่สามารถบอกให้ชัดเจนได้ ถึงแม้หุ่นรบเสือชีตาห์กับเธอจะรู้ใจกันอย่างยิ่งยวด เธอก็ทะนุถนอมมิตรภาพของอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่ถึงยังไงก็เป็นคนที่รู้จักกันในโลกเสมือนจริง หลิงหลานไม่สามารถปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนกับที่ทำกับพวกฉีหลงได้ที่เชื่อใจอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม คำตอบของหลิงหลานก็ไม่ใช่คำโกหก เธอสืบทอดมรดกของคุณพ่อหลิงเซียว ย่อมอยู่สำนักเดียวกับคุณพ่อตัวเองอยู่แล้ว
“ฉันเห็นแวบแรกก็คิดว่าใช่ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันต่างเป็นท่าสกัด ผลัก ขวาง กั้น พื้นฐานสี่อันที่เรียบง่ายที่สุดในการควบคุมการป้องกัน ไม่ได้ใช้พลังที่มากเกินไปเลยสักนิดเดียว เรียบง่ายจนถึงที่สุด เหมือนกับที่นายบอกฉันเมื่อตอนนั้นเลย เอาการควบคุมพื้นฐานมาผสมผสานเชื่อมต่อกัน กลายเป็นสัญชาตญาณที่แท้จริง” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินเอ่ยพลางอุทานอย่างตกใจ
หลิงหลานได้ยินคำพูดก็ตะลึงไป รีบเอ่ยถามว่า “นายบันทึกการประลองของพวกเราไว้หรือเปล่า?”
เนี่ยนเทียนโหยวเหรินตอบด้วยความกระอักกระอ่วนว่า “ขอโทษนะ ฉันอัดไว้โดยที่ยังไม่ได้ผ่านการเห็นชอบของพวกนาย ถ้าเกิดนายถือสาละก็ ฉันจะรีบลบทันทีเลย”
“ไม่ต้อง ฉันแต่หวังว่านายจะก็อปปี้ให้ฉันสักชุด ฉันเองก็อยากดูเหมือนกัน” ถึงแม้เสี่ยวซื่อจะบันทึกการประลองรอบนั้นไว้แล้ว แต่มันเป็นมุมมองของบุคคลที่หนึ่ง มีของบางอย่างที่ไม่ใช่ว่ามองก็จะเข้าใจ บางทีมุมมองของบุคคลที่สามอาจจะสัมผัสได้ ทำให้เธอมองเห็นได้เข้าใจมากขึ้น
“ได้” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินรีบส่งคลิปให้หลิงหลาน หลังจากที่หลิงหลานรับมาแล้วก็รีบเปิดคลิปทันที แล้วเริ่มดู
หลี่หลานเฟิงเห็นหลิงเทียนอีเซี่ยนเปลี่ยนเป็นเงียบงัน ก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องทุ่มเทความสนใจทั้งหมดในการดูคลิปแน่นอน เขายิ้ม เขสคุ้นเคยกับกระต่ายในโหมดนี้มากๆ เวลากระต่ายเรียนรู้การเคลื่อนไหวใหม่หรือว่ามีความคิดกับรู้แจ้งอะไรดีๆ ได้ เขาก็มักจะจมสู่โหมดรอบข้างไม่มีผู้ใดเช่นนี้ นี่ทำให้หลี่หลานเฟิงหวนนึกถึงตอนนั้นอีกครั้ง ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ เขาก็จะอยู่ข้างกายหุ่นรบกระต่ายเงียบๆ อดทนรอให้หุ่นรบกระต่ายหวนคืนสติกลับมา
ผ่านไปประมาณห้านาที ในที่สุดหลี่หลานเฟิงก็ได้ยินเสียงหลิงเทียนอีเซี่ยนทอดถอนใจ “อย่างที่คิดเอาไว้เลย จากมุมมองของนาย ยิ่งมองเห็นความร้ายกาจของเขา”
หลิงหลานค่อยสัมผัสความร้ายกาจของคุณพ่อหลิงเซียวได้อย่างแท้จริง การควบคุมพื้นฐานของคุณพ่อถึงจะเรียกว่าขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง ถึงแม้เป็นเพียงการเคลื่อนไหวป้องกันธรรมดา แต่ไม่ว่าเป็นเวลาที่สกัดกั้น หรือว่าเคลื่อนไหวต่างก็ปราดเปรียบอย่างหาใดเปรียบ ทำการสกัดกั้นตอนที่พลังของเธอน้อยที่สุด นอกจากนี้ท่วงท่ามือที่เคลื่อนไหวของหุ่นรบหลิงเซียวน้อยสุดขีด เห็นได้ว่าเขาควบคุมการกินพลังงานของหุ่นรบให้ต่ำมากที่สุด หลิงหลานเชื่อว่า ต่อให้คุณพ่อของเธอควบคุมหุ่นรบฝึกหัดเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของเธอ เขาก็ยังต้านทานกลับมาได้โดยการใช้พลังที่ต่ำมากที่สุด
การควบคุมของคุณพ่อถึงจะเรียกว่าการควบคุมพื้นฐานอย่างแท้จริง เทียบกับคุณพ่อแล้ว การควบคุมพื้นฐานของหลิงหลานยังคงสวยงามมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย เทียบกับคุณพ่อแล้ว เธอยังห่างชั้นมากเกินไปจริงๆ
“ผู้ควบคุมระดับราชันย่อมร้ายกายอยู่แล้ว การควบคุมพื้นฐานน่าสนใจมากจริงๆ ด้วย ต่อไปฉันจะต้องเรียนรู้จสกนาย ใช้หุ่นรบระดับต่ำฝึกฝนทักษะการควบคุมพื้นฐานของหุ่นรบระดับสูง แบบนี้น่าจะรับรู้แก่นของการควบคุมพื้นฐานได้มากขึ้น” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินมองหลิงหลานด้วยสายตาเปล่งประกาย ราวกับกำลังบอกว่า เขาฉลาดมากเลยใช่หรือเปล่า?
หลิงหลานอดหลั่งเหงื่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรดี หรือเธอต้องบอกว่า นั่นเป็นเพราะคะแนนของเธอไม่พอ ไม่สามารถใช้หุ่นรบที่ดีกว่านี้ได้ถึงได้ทำแบบนี้?
คิดๆ แล้วการใช้หุ่นรบระดับต่ำมาแสดงทักษะระดับสูง ต้องการเงื่อนไขต่อผู้ควบคุมสูงมากจริงๆ มีความท้าทายมากๆ ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อผู้ควบคุมหุ่นรบเลย ถึงขนาดที่อาจจะเก็บเกี่ยวอะไรบางอย่างได้จริงๆ หลิงหลานคิดแบบนี้แล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เพราะเธอก็กังวลมากเหมือนกันว่าจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังยังไงดีว่า ทำไมเจ็ดปีมานี้ถึงยังไม่มีคะแนนมากพอไปแลกหุ่นรบระดับสูง
หลิงหลานไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง และก็คิดว่าทำแบบนี้ก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่ออีกฝ่าย ดังนั้นจึงเลือกเงียบไปเช่นนี้เอง ทำให้หลี่หลานเฟิงเข้าใจผิดคิดว่าเขาคาดเดาไม่ผิด ดังนั้นเลยเดินไปบนเส้นทางที่ไม่หวนกลับ สร้างเส้นทางตำนานของเขาเอง…