I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 317 ทำลาย!
“ตั้งค่าหุ่นรบให้เป็นหุ่นรบในอวกาศ” ในมือหลิงหลานตั้งค่าหุ่นรบของตัวเองอย่างว่องไว ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมเตือนพวกเพื่อนๆ
“ได้เลย ลูกพี่!” เวลานี้ทุกคนต่างรู้ว่าสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงทำตามคำพูดของหลิงหลานอย่างใจเย็นโดนไม่พูดมากความ ไม่นานทีมก็ตั้งค่าหุ่นรบให้เป็นหุ่นรบในอวกาศแล้ว เมื่อเห็นพวกลูกทีมรายงานว่าทุกอย่างโอเค หลิงหลานก็ชักปู้หุ่ยออกมาฉับพลัน
จีอู๋ปู้ซิวที่อยู่ด้านหลังเห็นอาวุธที่ดูคุ้นเคยในมือหลิงหลาน ความรู้สึกสับสนสายหนึ่งก็อดผุดขึ้นมาในใจไม่ได้ อาวุธชิ้นนี้แทบจะทำให้เขาหยุดชีวิตในโรงเรียนทหาร แต่ก็เป็นเพราะอาวุธชิ้นนี้ถึงทำให้เขาหากลุ่มเพื่อนดีๆ เจอ เขาภูมิใจขณะเดียวกันก็ซาบซึ้งใจต่อความเชื่อมั่นที่หลิงเทียนอีเซี่ยนมีต่อเขา
เดิมทีหลิงหลานวางแผนไว้ดีมาก ให้เสี่ยวซื่อแทรกซึมเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของยานลำเลียงลำนี้แล้วเปิดประตูยานอัตโนมัติ แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ทะเลพายุสนามแม่เหล็กปรากฏขึ้น ไม่รู้ว่าไอ้ระยำคนไหนลนลานหรือว่าจงใจกดผิดปิดตายประตูยานโดยโดยสมบูรณ์ พูดอีกอย่างก็คือ ใช้ระบบอัตโนมัติของยานอวกาศมาเปิดประตูยานบานนี้ไม่ได้อีกต่อไป มีเพียงใช้กำลังอย่างรุนแรงเท่านั้นถึงจะได้
“พวกเขาจะทำลายประตูยาน คิดจะฆ่าพวกเรา” หุ่นรบสักตัวที่เดิมทีนึกเสียใจที่ทำลายบูสเตอร์ซีท กล่าวโทษความผิดนี้ให้หลิงหลาน เห็นการกระทำของหลิงหลาน ความแค้นเก่าใหม่ก็ผนวกเข้าด้วยกัน รีบเปิดช่องสื่อสารสาธารณะแล้วตะโกนไปหาผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้
เสียงนี้ทำให้สายตาของหุ่นรบที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจ้องมองกลุ่มของหลิงหลาน เมื่อเห็นพวกเขาคิดจะทำลายประตูยานจริงๆ ก็เดือดดาลขึ้นมาโดยพลัน ตอนนี้ยานลำเลียงกำลังแล่นอย่างรวดเร็ว การทำลายประตูย่อมส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของยานลำเลียงอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงขนาดที่สร้างกระแสลมภายในยาน เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของพวกเขา
ทุกคนต่างไม่ยอมเห็นความปลอดภัยของตัวเองถูกคนอื่นคุกคาม การกระทำของหลิงหลานกระตุ้นโทสะของผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย หุ่นรบที่สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งหมดต่างรวมตัวกันเข้ามาหาหลิงหลานด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ท่าทีดูเหมือนจะฉีกทึ้งหุ่นรบระดับกลางตัวนี้โดยสิ้นเชิงเอามากๆ
“ใครกล้ารบกวนฉัน ฆ่าทิ้งโดยไม่ต้องปรานี” หลิงหลานไม่ได้หันหน้ากลับไป แต่เสี่ยวซื่อแสดงเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องขึ้นในห้วงจิตใจของเธอตามความจริง มุมปากของหลิงหลานเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมา สั่งเข่นฆ่าอย่างเย็นเยียบ
ไม่ว่าใครที่คิดขัดขวางการเคลื่อนไหวของเธอ เธอไม่สนใจที่จะทำเรื่องโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมเพื่อชีวิตของทีมพวกเธอ เวลานี้เอง จิตสังหารกระหายเลือดที่ได้รับจากการเข่นฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในมิติการเรียนรู้ได้พรั่งพรูทะลักออกมา
ทุกคนในทีมต่างสัมผัสได้ถึงไอสังหารอย่างไร้ที่สิ้นสุดของหลิงหลาน ทั้งแปดคนยกอาวุธที่ถืออยู่ในมือของตัวเองขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทยอยกันเล็งไปยังบรรดาหุ่นรบที่รวมตัวกันเข้ามา ครั้งนี้บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายตึงเครียดขึ้นมาทันที การต่อสู้ครั้งใหญ่คล้ายกับจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“นึกไม่ถึงเลยว่าหุ่นรบระดับสูงธรรมดาไม่กี่ตัวจะกล้าต่อกรกับพวกเราทุกคนในห้อง จองหองจริงๆ” เสียงแค่นหัวเราะเย็นๆ ดังออกมาจากในปาก ก่อนจะเห็นหุ่นรบระดับพิเศษตัวหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น
ฉีหลงอดร้องเหอะไม่ได้ หลังจากนั้นก็ออกมายืนข้างหน้า เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของทีม ลูกพี่ทุ่มความสนใจกับการทำลายประตูยาน มีเพียงเขาที่ต้องจัดการคู่ต่อสู้คนนี้ เขาไม่ได้ขลาดเขลา หากแต่มีความรู้สึกตื้นเต้น ความจริงเขาอยากต่อสู้กับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสักรอบมานานแล้ว ดูว่าตัวเองห่างชั้นกับพวกเขามากเท่าไหร่
ฉีหลงไม่ได้อวดดีขนาดคิดว่าเขาสามารถเอาชนะหุ่นรบระดับพิเศษได้ เขาเพียงแต่เชื่อว่า ลูกพี่ของตนจะทำลายประตูยานได้สำเร็จแล้วช่วยเหลือเขาได้ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้
ความเชื่อใจเช่นนี้ทำให้ฉีหลงออกมายืนโดยไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว แน่นอนว่าสิ่งที่มากกว่านั้นคือความปรารถนาในการต่อสู้ของหมอนี่ลุกโชนขึ้นอีกแล้ว
เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น มีดสั้นคลื่นแม่เหล็กของหุ่นรบสองตัวปะทะกันอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะเฉียดผ่านตัว เมื่อเผชิญหน้ากับรอบด้านที่เป็นหุ่นรบทั้งหมด และคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ฉีหลงกับหุ่นรบระดับสูงตัวนั้นจึงใช้มีดสั้นที่ควบคุมได้ดีเยี่ยมมาต่อสู้ประชิดตัว
จีอู๋ปู้ซิวชักปืนออกมาสองกระบอก แต่ไม่ได้ทำเพื่อจัดการบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบในห้อง เขาหันตัวไปเอ่ยกับหลิงหลานที่กำลังเตรียมตัวลงมือว่า “หัวหน้า ฉันลงมือก่อนนะ”
หลิงหลานมองปืนที่ในมือจีอู๋ปู้ซิวที่มีรูปทรงค่อนข้างผิดแปลก รู้ว่านี่เป็นของที่จีอู๋ปู้ซิวสร้างด้วยตัวเอง เธอผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วก็เก็บมือก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าว มอบตำแหน่งให้กับจีอู๋ปู้ซิว
ครั้งนี้ทีมไม่ได้แบกอาวุธที่ส่งผลต่อแรงขับเคลื่อนอย่างพวกอาวุธเย็นหนักและปืนใหญ่อะไรมาเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนไหว นี่ก็คือเหตุผลที่หลิงหลานจำเป็นต้องเข้าไปทำด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อจีอู๋ปู้ซิวมีอาวุธที่ทำลายประตูยานได้ หลิงหลานย่อมยินดีชม
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตูมๆ สองครั้งในปืนสองกระบอกของจีอู๋ปู้ซิว ปืนใหญ่เลเซอร์ที่ใหญ่เท่าปากชามพลันระเบิดยิงออกมา อัดใส่ตรงข้อต่อข้างประตูยานอย่างแรง ห้องลำเลียงทั้งห้องสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรงเพราะการโจมตีอย่างหนักหน่วงในครั้งนี้
ผู้ควบคุมหุ่นรบที่สูญเสียการล็อกของบูสเตอร์ซีทล้มลงไปกับพื้นทันทีเพราะการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน ขณะเดียวกันการสั่นสะเทือนนี้ก็ส่งผลต่อการต่อสู้ระหว่างฉีหลงกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษด้วย ร่างของทั้งคู่เริ่มสั่นโคลงเคลง ยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการควบคุมสมดุลของทั้งสองคนยอดเยี่ยมสุดขีด ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยืนได้มั่นคงแล้ว เพียงแต่ทั้งสองคนไม่ได้สู้กันต่อเนื่องจากผลกระทบในคราวนี้ พวกเขายืนคุมเชิงกันเอง ไม่มีใครกล้าลงมือง่ายๆ
จีอู๋ปู้ซิวโยนปืนสองกระบอกในมือลงไปที่เท้าด้วยความดูถูก ถึงแม้ว่าของชิ้นนี้มีอานุภาพไม่เลว แต่กลับเป็นของที่ใช้ได้ครั้งเดียว มันเป็นของมีตำหนิที่เขาสร้างออกมาตอนที่เบื่อหน่ายก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงื่อนไขในหมู่บ้านเวลานั้นไม่อนุญาตและไม่มีวัตถุดิบที่ทนทานมากพอที่จะสร้างปืนใหญ่เลเซอร์แบบนี้ เขาจึงใช้วัตถุดิบทดแทนสร้างออกมา เปลี่ยนเป็นอาวุธไม่สมบูรณ์ที่ยิงได้เพียงครั้งเดียว จีอู๋ปู้ซิวไม่ชอบพวกมัน ดังนั้นถึงได้โยนมันไว้ในมุมของกระเป๋า ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาพบมันตอนจัดกระเป๋าก่อนออกเดินทาง เขาก็ลืมไปแล้วว่าตอนนั้นตัวเองยังเคยสร้างขยะแบบนี้ออกมา…
ถึงแม้ว่าปืนใหญ่เลเซอร์มีอานุภาพยอดเยี่ยมมาก แต่ประตูยานรวมถึงโซ่เชื่อมใช้เหล็กหนาแน่นสูงที่ทนทานที่สุดซ้อนกันเก้าสิบเก้าชั้นสร้างออกมา ปืนใหญ่เลเซอร์หลอมผิวด้านนอกสุดไม่กี่ชั้นเท่านั้น สำหรับโซ่เชื่อมและประตูยานที่มีเหล็กหนาแน่นสูงเก้าสิบเก้าชั้นแล้ว ความเสียหายเล็กน้อยนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย
หุ่นรบภายในห้องเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก วินาทีถัดมาก็เห็นปืนที่เหมือนกันสองกระบอกปรากฏขึ้นในสองมือของจีอู๋ปู้ซิวแล้วก็ยิงเข้าไปอีกครั้ง ควรพูดว่า ความสามารถในการยิงจีอู๋ปู้ซิวไม่เลวเอามากๆ ตำแหน่งการยิงไม่คลาดเคลื่อนจากครั้งแรกเลยสักนิดเดียว หลอมละลายไปได้อีกหลายชั้น
เมื่อจีอู๋ปู้ซิวหยิบปืนแบบนี้ออกมาเป็นครั้งที่สี่ สีหน้าของผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งหมดในห้องต่างเปลี่ยนไปยกใหญ่ เชี่ย ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางคนนี้คือโดราเอมอนในตำนานหรือไง อาวุธในกระเป๋าใบนั้นหยิบออกมาได้ไม่มีขีดจำกัดเหรอ?
ว่ากันตามตรงก็ไม่ได้เกินจริงขนาดนั้น จีอู๋ปู้ซิวทำปืนแบบนี้สิบกระบอกในตอนที่เบื่อ มากสุดก็ยิงติดต่อกันได้ห้าครั้ง เขาก็ยิงจนกระสุนหมดแล้ว
แต่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่นี่ต่างไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาคิดว่าหากให้จีอู๋ปู้ซิวทำลายแบบนี้ต่อไป จะต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่นอน พวกเขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่เพราะการกระทำที่บ้าระห่ำโง่เง่าพวกนี้ ดังนั้นหุ่นรบที่สามารถเคลื่อนไหวได้จึงกระโจนไปที่หน้าประตูยานแทบจะพร้อมกัน พยายามหยุดยั้งการกระทำอันป่าเถื่อนของจีอู๋ปู้ซิว
พวกหลี่หลานเฟิงหกคนที่เตรียมพร้อมต่อสู้อยู่นานแล้วไม่มีทางให้อีกฝ่ายผ่านเข้ามาในแนวป้องกันของพวกเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการต่อสู้ที่สับสนวุ่นวายจึงเกิดขึ้น โชคดีที่ทุกคนใช้อาวุธเย็นกันทั้งนั้นเพราะกลัวว่าจะนำหายนะมาให้ห้องลำเลียง แน่นอนว่าไม่ได้ตัดเรื่องที่บนตัวหุ่นรบเหล่านี้ไม่มีอาวุธร้อนทำลายล้างแข็งแกร่งสุดขีดอะไรเหมือนกัน
ฉีหลงกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษยังคงคุมเชิงกันอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่สับสนวุ่นวาย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต่อสู้กันในวินาทีถัดไป…
ทั่วทั้งยานบินเปลี่ยนเป็นโคลงเคลงขึ้นโดยพลันเพราะการจลาจลของผู้ควบคุมหุ่นรบในห้อง และพายุสนามแม่เหล็กเนบิวลาทางด้าน X193 ก็สั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวซื่อที่คอยเฝ้าระวังทะเลพายุสนามแม่เหล็กมาตลอดก็เริ่มเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะว่าสถานการณ์ของทะเลพายุสนามแม่เหล็กแย่กว่าที่เขาคาดการณ์ไว้…
เมื่อจีอู๋ปู้วิวยิงปืนใหญ่เลเซอร์เป็นรอบที่ห้าก็แจ้งหลิงหลานให้รับช่วงทำลายต่อ
หลิงหลานรู้ว่าจีอู๋ปู้ซิวไม่มีปืนเลเซอร์แล้วแน่นอน แต่หลิงหลานยังคงพอใจอย่างยิ่งยวดที่เขาสามารถทำลายความหนาของข้อต่อและประตูยานได้ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นนี่จึงประหยัดเวลาของเธอได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่พวกเขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา
หลังจากที่จีอู๋ปู้ซิวยิงปืนครั้งที่ห้า วินาทีต่อมาหลิงหลานก็ใช้ปู้หุ่ยแทงไปที่จุดข้อต่ออย่างแรง คมดาบที่แหลมคมสุดขีดแทงเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย ความเล็กๆ น้อยๆ นี้แหละที่ทำให้แววตาของหลิงหลานเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าความคมของปู้หุ่ยจะยอดเยี่ยมเป็นพิเศษจริงๆ
หลิงหลานชักออกมาอีกครั้งโดยพลันแล้วเสือกดาบเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง พอทำซ้ำแบบนี้หลายรอบ ในที่สุดเธอกู้สึกเหมือนแทงทะลุแล้ว จากนั้นก็เริ่มแทงเข้าไปอย่างสุดชีวิตก่อนจะได้ยินเสียงซี่แสบแก้วหู ผู้ควบคุมหุ่นรบที่กำลังต่อสู้ทั้งหมดหยุดการต่อสู้ลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มองไปที่หลิงหลานด้วยความตกตะลึง
บางทีพวกเขาคงไม่คิดไม่ถึงว่า หลิงหลานจะพังประตูยานเร็วขนาดนี้ หลังจากที่อึ้งไปแล้ว พวกเขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังคิดจะกระโจนเข้ามาขัดขวางอีกครั้งก็ได้ยินเสียงกระจ่างใสหนึ่งตะโกนขึ้นในห้องลำเลียง
“ถ้าพวกนายอยากตายก็ขวางพวกเราต่อไปเถอะ” หลี่หลานเฟิงพลันเอ่ยปากกล่าวเสียงเย็น
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตะลึงอีกครั้ง พวกเขามองหน้ากันไม่รู้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร
“นายคิดว่าพวกเรากำลังก่อกวนอยู่เหรอ? ใครอยากตายอยู่ที่นี่กันเล่า? เพราะว่าไม่อยากตาย พวกเราถึงได้ต้องทำแบบนี้” หลี่หลานเฟิงกล่าวต่อ
หานจี้จวินได้ยินคำพูดก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็วางใจลงอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาที่มองไปยังหลี่หลานเฟิงเปลี่ยนเป็นลึกล้ำอย่างยิ่งยวด ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร เพราะว่าลูกพี่หลานไม่ได้ห้ามปรามการกระทำของหลี่หลานเฟิง ส่วนหลิงหลานไม่สนใจว่าจะบอกความจริงหรือไม่ ขอเพียงไม่รบกวนการทำลายของเธอ เนี่ยนเทียนโหยวเหรินจะพูดอะไรก็ตามใจ
คนแรกที่เอ่ยปากพูดก่อนคือผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่คุมเชิงกับฉีหลง เขาเอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“จากที่พวกเรารู้ว่า ทะเลพายุสนามแม่เหล็กก่อตัวขึ้นตรงที่ไม่ไกลจากเราแล้ว และกองยานรบของพวกเราอยู่ในขอบเขตการระเบิดของทะเลพายุสนามแม่เหล็ก”
“ว่าไงนะ?” “เป็นไปไม่ได้…” “นายพูดเหลวไหล” คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้ผู้ควบคุมหุ่นในที่แห่งนี้ประท้วงขึ้นมาทันที
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเป็นคนใจเย็นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษได้ ควรรู้เอาไว้ว่าการที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งยวด
เขาครุ่นคิดเงียบๆ เอ่ยถามต่อว่า “พวกนายรู้ได้ยังไง?”
——————————