I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 340 ตายตกตามกัน!
ตรงหน้าประตูคลังเก็บของฐานที่มั่นลับ เวลานี้แฮคเกอร์สหพันธรัฐสองคนที่ปลอมตัวเป็นคนคุ้มกันเฝ้าหน้าประตูได้ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว ส่วนในมุมมืดที่ไม่ไกลจากหน้าประตู ตี้ซวีที่หลอมรวมเข้ากับความมืดเฝ้าปกป้องหน้าประตู ตอนนี้ก็ไม่สามารถปกปิดร่างของตัวเองได้แล้ว เขาทรุดตัวนั่งอยู่ในมุมมืด ข้างใต้ดวงหน้าที่พร่ามัวคือความเจ็บปวดคับแค้นใจที่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เขาพยายามฝืนประคับประคองมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว…
ตอนนี้เอง ตรงบริเวณที่แต่เดิมมืดมิดซึ่งอยู่ห่างจากตี้ซวีออกไปประมาณยี่สิบสามสิบเมตร จู่ๆ ก็มีคนสวมเสื้อคลุมยาวสีดำสองคนปรากฏกายออกมาจากในความมืด พวกเขาปลอมแปลงรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับตี้ซวี ใบหน้าพร่าเบลอเช่นเดียวกัน ทั่วทั้งร่างปกคลุมอยู่ในเสื้อคลุมยาวสีดำ
ตี้ซวีเห็นสองคนนี้ปรากฏตัวแวบแรกก็รู้ว่า นี่ต้องเป็นผีซวีสองคนที่ต่อสู้กับเขามาเกือบสองชั่วโมงแน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นคนของกลุ่มอำนาจไหน ทำไมถึงบุกรุกเข้ามาในฐานที่มั่นซวิ่นหลง
“นี่ก็คือผีซวีชั้นยอดที่มาจากหัวเซี่ยสินะ…” หนึ่งในนั้นจ้องมองตี้ซวีที่อยู่เบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาในที่สุด เสียงของอีกฝ่ายคล้ายกับเสียงที่ออกมาจากจักรกล ทั้งแสบหูและไม่เพราะ เสียงที่แปลกประหลาดแบบนี้ย่อมผ่านการดัดแปลงจากฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่เสียงที่แท้จริง ผีซวีจะทำการปลอมแปลงตัวเองทุกด้าน ไม่เปิดเผยช่องโหว่สักนิดเดียวเพื่อปกป้องตัวเอง
ตี้ซวีไม่ตอบ เวลานี้เขากำลังกัดฟันฝืนโจมตีผีซวีสองคนนี้อย่างไม่ลดละ ถ้าหากเขาปฏิบัติการคราวนี้ตามลำพังละก็ เมื่อเผชิญหน้าผีซวีสองคนที่มีความสามารถสูสีกับเขา เขาจะต้องเลือกหลบหนีไปไกลๆ แน่นอน แต่ว่าตอนนี้เขากลับทำไม่ได้ ที่นี่ไม่เพียงมีแฮคเกอร์สองคน ด้านหลังเขายังมีเพื่อนหนึ่งกลุ่มที่กำลังสืบหาความลับด้านในคลังเก็บของ เขาไม่อาจทอดทิ้งเพื่อนร่วมรบของตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด…
“จนถึงตอนนี้นายยังไม่ยอมแพ้ ฝืนลำบากประคองเอาไว้ คงจะทำเพื่อทีมที่อยู่ด้านหลังนายสินะ?” คนในเสื้อคลุมดำอีกคนถอนหายใจอย่างแผ่วเบา กล่าวว่า “ฉันบอกไว้ก่อนได้เลยว่า พวกเขาก็เหมือนนาย ไม่รอดแล้ว…ในนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความลับอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงหลุมพรางที่วางไว้สำหรับพวกนายโดยเฉพาะ”
ตี้ซวีได้ยินคำพูดก็เงยหน้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็กัดฟันกรอดถลึงตามองผีซวีที่ลำพองใจสองคนนั้นอย่างเดือดดาล ความจริงแล้วตอนที่เขาจับสังเกตได้ว่ามีผีซวีสองคนจู่โจมเขา เขาก็รู้สึกได้รางๆ ว่า นี่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นกับดักมุ่งเป้ามายังพวกเขา ทว่าเขายังคงกอดความเพ้อฝันว่า อาจเป็นเพราะข้างในมีความลับ ดังนั้นถึงได้ใช้ผีซวีชั้นยอดมาคุ้มกันสองคน
“นายก็มาถึงช่วงเวลาหมดแรงแล้ว จิตใจที่เด็ดเดี่ยวของนายทำให้พวกเรามองนายใหม่ ดังนั้นเราถึงออกมาเจอหน้านาย” น้ำเสียงของผีซวีที่เอ่ยปากคนแรกเผยความนับถือออกมา “ได้ดวลกับผีซวีอย่างนายถือเป็นเกียรติของพวกเรา”
การต่อสู้ระหว่างผีซวีโหดเหี้ยมมาก มันเป็นการตายกันไปข้างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นการบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ทว่านี่ไม่ได้ส่งผลต่อการนับถือของพวกเขาที่มีต่ออีกฝ่าย ว่าตามเหตุผลแล้ว อย่างมากที่สุดพลังผีซวีของตี้ซวีก็ฝืนทนการโจมตีติดต่อกันของพวกเขาได้เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทว่าตี้ซวีกลับฝืนทนได้เป็นเวลาเกือบเท่าตัว จิตใจที่แน่วแน่ไม่ยอมแพ้เช่นนี้ทำให้ผีซวีสองคนนี้เกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมา
อันที่จริงตลอดมาจักรวรรดิซีซาร์ของพวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยว่า ทำไมทหารหัวเซี่ยบางคนที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้แข็งแกร่ง แต่กลับระเบิดพลังรบที่เหนือกว่าความสามารถของร่างกายเขาได้หลายเท่าตัวในช่วงเวลาสำคัญ ก็เหมือนกับผีซวีตรงหน้านี้ที่ฝืนประคับประคองได้เป็นเวลาเท่าตัว
ตี้ซวีได้ยินถึงตรงนี้ แววตาก็ส่องประกายถึงความตระหนักได้แวบหนึ่ง มิน่าล่ะ คู่ต่อสู้ที่ไม่มีทางปรากฏตัวถึงได้โผล่ขึ้นตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน ความรู้สึกในใจเขาสับสนขึ้นมา สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นถอนหายใจ “สุดท้าย ฉันยังคงพ่ายแพ้”
เขารู้ดีว่าเขาเป็นลูกธนูสุดแรงบินแล้ว ฝืนทนได้ไม่นานนัก ส่วนฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากพวกเขาร่วมมือกันโจมตีสองคน ทั้งคู่ต่างมีเวลาพักผ่อนปรับลมหายใจ พลังผีซวียังนับว่าเหลือล้น ผลแพ้ชนะจึงชัดเจนแล้ว
ผีซวีในเสื้อคลุมดำอีกคนเอ่ยด้วยความเสียดายว่า “ตั้งแต่ช่วงเวลาที่นายเหยียบเข้ามาในฐานที่มั่นซวิ่นหลง เราก็ถูกกำหนดให้ต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง บอกโค้ดเนมของนายให้เราฟังได้หรือเปล่า?”
“ฉันไม่มีทางให้เอาชื่อของฉันไปเป็นเหรียญรางวัลของพวกนายหรอก และฉันจะให้ประเทศของฉันอับอายขายหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน” ตี้ซวีได้ยินคำกล่าวก็ฉีกยิ้ม เขาเค้นพลังผีซวีทั้งหมดให้รวมเข้าด้วยกันอย่างไร้สุ้มไร้เสียง หลังจากนั้นก็ระเบิดพลังออกมาในชั่วพริบตา โจมตีใส่หนึ่งในนั้น ต่อให้ตาย เขาก็ต้องลากไปด้วยหนึ่งคน…
ทันใดนั้นเอง พลังผีซวีของตี้ซวีกับพลังผีซวีของหนึ่งในนั้นก็ปะทะกันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ ในโลกเสมือนจริง แต่ผีซวีที่สวมเสื้อคลุมดำหนึ่งในนั้นรู้สึกได้ว่ามีสายฟ้าผ่าดังเปรี้ยงขึ้นที่ข้างหูตัวเอง การปะทะกันอย่างหนักหน่วงของพลังทำให้สติทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะเทือนฉับพลัน ถึงขนาดที่มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
ผีซวีที่สวมเสื้อคลุมดำอีกคนเห็นดังนั้นก็หน้าถอดสีอย่างมาก ปฏิกิริยาตอบสนองของเขารวดเร็วสุดขีด ใช้พลังผีซวีของเขาเข้าไปสกัดไว้โดยไม่ลังเล ทั้งสองคนร่วมมือกันมาตลอด ต่างฝ่ายต่างเข้าใจและคุ้นเคยพลังผีซวีของกันและกันดี ในช่วงเวลาคับขันมากที่สุด พลังของเขาจึงหลอมรวมเข้าไปในพลังผีซวีของคู่หูและขัดขวางการโจมตีที่รุนแรงมากที่สุดสายนั้นไว้
ชายในเสื้อคลุมดำที่ถูกพลังจิตของตี้ซวีจู่โจมถอยหลังติดต่อกันสามก้าวโดยพลันเนื่องจากรับมือไม่ทัน แล้วก็ทรุดตัวนั่งลงไป กระอักเลือดสดๆ พรวดออกมา ส่วนร่างของชายสวมเสื้อคลุมดำอีกคนก็สั่นเทาทันใด สีหน้าของเขาแดงก่ำจากนั้นก็ซีดเผือด แต่เขาก็ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ตี้ซวีทำการโจมตีครั้งสุดท้ายแล้ว เมื่อพบว่ามันถูกฝ่ายตรงข้ามต้านทานไว้ได้สำเร็จก็ได้แต่มองโลกเสมือนจริงใบนี้ด้วยความโศกเศร้าและอาลัยอาวรณ์ ทั่วทั้งร่างของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจุดสีขาวนับไม่ถ้วนก่อนจะปลิวกระจัดกระจายออกไป…ตอนแรกที่เขารับภารกิจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเขาอาจจะถูกเด็ดปีกที่นี่ เรื่องที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ เขาไม่รู้เลยว่าเขาตายด้วยน้ำมือของใคร ไม่อาจบอกเพื่อนให้มาแก้แค้นแทนเขาได้
ผีซวีที่สวมเสื้อคลุมดำสองคนเห็นร่างของตี้ซวีสลายไปจนหมด กลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกเสมือนจริง พวกเขาถึงค่อยพรูลมหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่งก่อนจะวางใจลง คนในเสื้อคลุมดำที่ได้รับบาดเจ็บเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนว่า “ไรเตอร์ ไม่คิดเลยว่าการโจมตีก่อนตายของเขาจะร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าเกิดไม่ได้นายขวางไว้ทันเวลาละก็ ต่อให้ฉันไม่ตายก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว”
“ไวต์ นายต้องใจลอยตอนเรียนแน่ๆ” ไรเตอร์ที่ฟื้นตัวกลับมาอดต่อว่าไม่ได้
“หา?” ไวต์หันไปมองเพื่อนข้างกายด้วยความงุนงง
“อาจารย์บอกชัดเจนในวิชาแนะแนวแล้วว่า ผีซวีของประเทศอื่นๆ ต่างมีลักษณะเฉพาะของตัวเองในเวลาต่อสู้ ส่วนผีซวีของสหพันธรัฐหัวเซี่ย จะต้องระมัดระวังการโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนตายของพวกเขาเป็นพิเศษ เพราะว่าทหารสหพันธรัฐชอบใช้วิธีการตายตกตามกันในตอนที่พ่ายแพ้” ไรเตอร์หยิบคำพูดที่อาจารย์กล่าวตอนนั้นมาเอ่ยทวนให้ฟังหนึ่งรอบ
ไวต์ฟังแล้วก็แลบลิ้นออกมาด้วยความนึกกลัวในภายหลัง เขาใจลอยตอนเรียนจริงๆ นั่นแหละ ไม่นึกเลยว่าจะพลาดประโยคสำคัญที่สุดนี้ไปจนเกือบจะทำให้เขากล้ำกลืนความแค้นตรงนี้แล้ว ยังดีที่คู่หูเก่งกาจช่วยชีวิตเขาไว้
ขณะที่ไรเตอร์กำลังเอ่ยคำพูดประโยคนั้น เขายังใช้พลังผีซวีกำจัดแฮคเกอร์สองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วย เมื่อไม่มีการปกป้องของตี้ซวี ก็ไม่อาจช่วยชีวิตแฮคเกอร์ที่หมดสติสองคนนี้ได้อีกต่อไป พวกเขากลายเป็นจุดสีขาวสลายหายไปในอากาศเช่นเดียวกับตี้ซวี
ภายในห้องแห่งหนึ่งในศูนย์บัญชาการความมั่นคงแห่งชาติของสหพันธรัฐหัวเซี่ย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกริ่งเตือนภัยดังสนั่นขึ้นมา สีหน้าของเจ้าหน้าที่เฝ้าคุ้มกันที่อยู่ด้านข้างพลันเปลี่ยนไป เขารีบกระโจนเข้าไปหาแคปซูลเสมือนจริงสามเครื่องที่กำลังกระพริบแสงไฟสีแดง…
……
“ในที่สุดก็จัดการผีซวีคนนี้ได้สักที ไม่นึกเลยว่าเราเสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง น่าขายหน้าจริงๆ ไวต์ ตอนนี้นายรีบไปที่ใจกลางฐานที่มั่นลับ ช่วยพวกคาร์เตอร์จัดการผีซวีทางฝั่งนั้น” ไรเตอร์ได้รับการแจ้งเตือนจาก D1 นานแล้ว รู้ว่าผีซวีของทางฝั่งคาร์เตอร์ร้ายกาจกว่าที่นี่ พวกเขาสองคนต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี ไม่มีใครทำอะไรใครได้ ดังนั้นคาร์เตอร์เลยขอให้ไวต์เข้าไปช่วยเหลือเป็นพิเศษ ถ้าหากไม่ใช่เพราะการต่อสู้ของที่นี่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเหมือนกัน เขาก็คงให้ไวต์เข้าไปช่วยนานแล้ว
“ทางฝั่ง D1 ไม่ได้รับข้อความจาก D2 อีก คาดว่าทางพวกคาร์เตอร์คงจะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ฉันไปก็ไม่มีประโยชน์มากนักหรอก ไม่สู้ไปจัดการพวกลูกกระจ๊อกตัวเล็กๆ ด้านล่างกับนายดีกว่า” ไวต์ไม่ค่อยเต็มใจนัก เขากลัวว่าพอเขารีบกลับไป พวกคาร์เตอร์ก็จัดการฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเขาไปเสียเที่ยวเลย ผลงานการรบทางฝั่งนี้ก็คว้าไว้ไม่ได้ด้วย
ไรเตอร์ถลึงตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์และดุด่าว่า “ระยำ บอกให้ไปก็ไปสิ พูดไร้สาระทำไม?” เมื่อเห็นดวงหน้าของไวต์เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เขาก็ใจอ่อนทันทีและกล่าวว่า “วางใจเถอะ ถ้าเกิดที่นั่นไม่มีเรื่องให้นายทำ ผลงานการรบของทางฉันจะแบ่งให้นายครึ่งหนึ่ง”
ไรเตอร์ย่อมรู้ว่าไวต์คิดเล็กคิดน้อยเรื่องอะไร เขาเลยบอกความคิดของเขาอย่างตรงไปตรงมา ทีมอยู่ด้านล่างนั้นไม่มีผีซวีคุ้มกัน ต่อให้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหน ในสายตาของผีซวีอย่างเขา คนเหล่านั้นล้วนเป็นเด็กทารกที่ไม่มีอาวุธในมือ เข่นฆ่าได้ตามใจชอบ ไม่มีความยากเลยสักนิดเดียว เขาไม่สนใจที่จะแบ่งผลงานการรบแบบนี้ให้กับคู่หู
“ไรเตอร์ นายเป็นคนพูดนะ กลับคำไม่ได้ล่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไวต์เอ่ยอย่างมีความสุข เขาไม่รอให้ไรเตอร์ตอบ ร่างกายก็หายไปในความมืดยามค่ำคืน พุ่งไปยังใจกลางฐานที่มั่นลับ ถึงแม้ว่าพวกเขาสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาพุ่งทะยานทั้งบนฟ้าและบนดินได้ราวกับเทพในโลกเสมือนจริง ร้ายกาจกว่าคนธรรมดามากนัก แต่พวกเขายังคงเคลื่อนไหวอย่างปกปิดซ่อนเร้น เพราะว่านั่นคือสัญชาตญาณ
ไรเตอร์เห็นไวต์จากไปด้วยความเร่งรีบ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ นิสัยของไวต์ยังคงใจร้อนนิดหน่อย แต่เขายังอายุน้อย ขอเพียงสอนสั่งอีกสักหลายปี เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ต่อจากนั้นเขาก็เข้าไปในประตู เดินไปตามเส้นทางที่ทีมตรวจสอบของสหพันรัฐหัวเซี่ยไป…
เขาต้องจัดการคนเหล่านี้ก่อนที่พวกคาร์เตอร์กำจัดผู้บุกรุกพวกนั้น ไม่อย่างนั้นจะโดนพวกเขาหัวเราะเยาะได้ วางกับดักไว้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ แต่ยังเสียเวลาจัดการคนเหล่านี้มากขนาดนั้น พูดออกไป เขาก็อับอายขายหน้าเหมือนกัน…
………
หลิงหลานเพิ่งจะพาพวกฉีหลงออกมาจากประตูใหญ่ได้ไม่นาน หลี่หลานเฟิงก็ไล่ตามมาถึงแล้ว หลิงหลานกวาดตามองหลี่หลานเฟิงแวบหนึ่ง ถึงแม้สีหน้าของเขาจะดูแย่อยู่บ้าง ทว่าจิตใจกลับมั่นคงแน่วแน่สุดขีด หลิงหลานรู้ว่าชีตาห์สามารถอดทนผ่านด่านนี้ได้ด้วยพลังของตัวเอง ในใจก็ปลื้มปีติยินดีและก็ไม่เป็นห่วงเรื่องนี้อีก
ตอนที่ทีมหลิงหลานเข้ามา พวกเขาเสียเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่งกว่าๆ ค่อยไปถึงจุดหมายปลายทางเพราะว่าต้องต่อสู้ติดต่อกัน ทว่าตอนออกไปนั้น ถึงแม้จะมีทหารขวางไว้ไม่น้อย แต่เพราะกำลังรบของพวกทหารห่างชั้นกับทีมหลิงหลานมากเกินไป พวกเขาเลยไม่ได้เสียเวลามากนัก ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงปากทางแล้ว
—————————-