I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 342 ร่างจิตกลายพันธุ์!
พวก D1 ไม่ได้เอาแต่นั่งเฉยๆ พวกเขาติดต่อ D2 กับ D3 สองคนที่อยู่ในฐานที่มั่นลับมาโดยตลอด ทว่าพวกเขาติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงแม้ว่าทางคลังเก็บของจะส่งข่าวดีมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่อารมณ์ของพวกเขากลับย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติรางๆ เกรงว่าฐานที่มั่นลับจะเกิดเรื่องแล้ว ทุกครั้งที่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจพวกเขาก็นึกเสียใจภายหลังว่า ทำไมตอนที่ D2 ยื่นคำขอ พวกเขากลับลุ่มหลงในผลการรบที่กำลังจะมาถึงมือ ไม่ได้ดึงตัวผีซวีไปยังฐานที่มั่นลับทันที?
พวกเขายิ่งลอบคับแค้นใจที่กองทัพสหพันธรัฐลงมือได้แยบยล ใช้วิธีการส่งเสียงทางบูรพาโจมตีทางประจิมแบ่งกำลังของพวกเขา ทำลายสถานการณ์การรบที่เดิมทีต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนของพวกเขา
“นายว่า D2 กับ D3 จะเกิดเรื่องแล้วหรือเปล่า” บรรยากาศเงียบสนิททำให้ D10 ที่มีอายุน้อยที่สุดสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว อดเอ่ยปากถามขึ้นมาไม่ได้
ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเงียบงันของทุกคน เมื่อเห็นอารมณ์ของทุกคนแย่ลงเรื่อยๆ D1 ก็ปลุกเร้าจิตใจเอ่ยคัดค้านเสียงดังลั่นว่า “เป็นไปไม่ได้ เราติดต่อกันเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนั้น D2 บอกว่าทุกอย่างปกติดี ผู้บุกรุกถูกหน่วยหุ่นรบขัดขวางไว้ได้ ส่วนคาร์เตอร์กับพีทก็ได้เปรียบอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน”
“งั้นทำไมไวรัส T ถึงไม่ระบาดล่ะ?” ในที่สุด D10 ก็ถามคำถามที่อยู่ในใจทุกคนออกมา อ้างอิงจากรายงานของ D2 เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ไวรัส T ควรจะระบาดเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ?
คำถามของ D10 ทำให้ D1 เงียบไปหลายวินาทีอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยเอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “บางทีไวรัส T อาจจะเกิดการกลายพันธุ์อะไรบางอย่างชั่วคราว ถึงยังไงเราก็ทำสำเร็จแค่ครั้งเดียว ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเมื่อมันเป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริงแล้วจะเกิดสถานการณ์แบบไหน หรือว่าการระบาดของไวรัสจะมีระยะฟักตัวที่แน่นอนเลยไม่ได้แสดงผลทันที…”
คำพูดของ D1 ทำให้คนอื่นๆ ดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง จริงด้วย การที่ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล้มเหลวแล้วจริงๆ ไม่สู้ติดต่อกับทางฐานที่มั่นลับต่อไป บางทีวินาทีถัดมาพวกเขาอาจจะติดต่อสำเร็จและได้รับข่าวดีก็ได้
เมื่อเห็นทุกคนกระตือรือร้นขึ้นมา D1 ก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เขาพูดต่อว่า “เมื่อตะกี้ฉันติดต่อไรเตอร์แล้ว บอกเขาให้ส่งไวต์ไปแล้ว พวกเราน่าจะได้รู้เร็วๆ นี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทางด้าน D2 กันแน่ ทำไมจู่ๆ ถึงขาดการติดต่อ”
อย่างไรเสีย นี่ก็ไม่ใช่เครือข่ายเสมือนจริงของประเทศพวกเขา ในฐานะที่เป็นผู้บุกรุก พวกเขายังไม่สามารถควบคุมที่นี่ได้โดยสมบูรณ์ มีความเป็นไปได้ที่จะขาดการติดต่อแทบทุกวัน เพียงแต่เมื่อก่อนไม่ได้นานขนาดนี้ ขาดการติดต่อแค่ไม่กี่นาทีสั้นๆ เท่านั้น D1 ปรายตามองปุ่มเร่งการทำงานที่ตั้งค่าไว้ในตอนแรก เขาหวังจริงๆ ว่าจะไม่ได้ใช้ท่านี้…
พวก D1 ที่มีไฟความหวังลุกโชนขึ้นอีกครั้งพยายามควบคุมสถานการณ์ของฐานที่มั่นลับต่อ แต่พวกเขายังคงล้มเหลว ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานน่ากลัวสายหนึ่งตกลงมาบนศีรษะของพวกเขา พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง พลังงานสายนั้นก็บดขยี้ลงมาอย่างไร้ความปรานี
หลังจากที่ D1 สัมผัสได้ถึงพลังงานสายนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก อุทานด้วยเสียงที่ขาดหายว่า “ผี…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เดิมทีพวก D1 คิดว่าคราวนี้สหพันธรัฐหัวเซี่ยส่งผีซวีมาแค่คนเดียว ดังนั้นพวกเขาเลยจงใจวางแผนล่อผีซวีคนนั้นรวมถึงทีมตรวจสอบของสหพันธรัฐมายังกับดักที่พวกเขาวางไว้แต่แรก และส่งผีซวีสองคนไปรับหน้าที่สังหารผีซวีคนนั้นอย่างสุดกำลัง
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามาในกับดักโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียว ยังไม่ทันที่พวก D1 จะดีใจ พวกเขาก็พบว่าฐานที่มั่นลับถูกกองกำลังอีกกลุ่มที่พวกเขาไม่รู้แน่ชัดบุกเข้าไป ข้อความแจ้งเหตุฉุกเฉินของ D2 ทำให้พวกเขารู้ว่าด้านในยังมีผีซวีที่เก่งกาจอีกคน ความเป็นจริงนี้ทำให้ D1 กลัดกลุ้มใจมาก ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่พวกเขามั่นใจว่าไร้ข้อผิดพลาดจะมาเกิดข้อผิดพลาดจากความประมาทเลินเล่อได้
อย่างไรก็ตาม D1 ไม่ได้ตื่นตระหนกมากเกินไป เขาทิ้งผีซวีสองคนให้รักษาการณ์อยู่ที่นั่นเพื่อรับประกันความปลอดภัยของฐานที่มั่นลับ D1 คิดว่าผีซวีสองคนรับมือผีซวีคนเดียวย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน
ถูกต้อง ครั้งนี้จักรวรรดิซีซาร์ไม่เพียงส่งแฮคเกอร์ระดับสุดยอดมาสามสิบคน ขณะเดียวกันก็ใจกว้างส่งผีซวีระดับสุดยอดสี่คนมารับมือกับผีซวีที่สหพันธรัฐหัวเซี่ยส่งมาเพื่อรับประกันความสำเร็จของโปรเจค T
D1 วางแผนไว้อย่างสวยงามมาก สถานที่ทั้งสองแห่งต่างมีผีซวีอยู่สองคน พวกเขาย่อมกำจัดผีซวีทั้งสองคนที่สหพันธรัฐส่งมาได้อย่างแน่นอน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า ทางฝั่งหลุมพรางทำสำเร็จ แต่ทางฝั่งฐานที่มั่นลับกลับตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน พวกเขาถูกฝ่ายตรงข้ามต้านทานไว้ได้ภายใต้สถานการณ์ความได้เปรียบสองต่อหนึ่งและเอากันไม่ลง เขายิ่งนึกไม่ถึงว่า เขาจะขาดการติดต่อกับ D2 และ D3 ในช่วงเวลาสุดท้ายด้วย
ความจริงแล้วเขารู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เขาไม่อยากและไม่อาจยอมรับความล้มเหลวได้ ในใจหวังว่าทางฝั่งฐานที่มั่นลับจะดำเนินการได้ตามปกติ เป็นเพียงขาดการติดต่อทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แต่พอพลังผีซวีมหาศาลสายนี้ปรากฏขึ้นมา D1 ก็รู้แล้วว่าทางฝั่งฐานที่มั่นจะต้องจบเห่แล้วแน่นอน
D1 ไม่ใช่แฮคเกอร์เพียงอย่างเดียว เขายังปลุกพลังผีซวีได้ในเวลาเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่อยากสูญเสียอิสรภาพ ดังนั้นเลยเลือกพัฒนาความสามารถด้านแฮคเกอร์ บางทีพรสวรรค์ของเขาอาจจะยอดเยี่ยมมาก ความสามารถผีซวีเลยไม่ได้หยุดพัฒนาไปด้วย มันถูกเขาทะลวงขีดจำกัดสำเร็จสองครั้ง เลื่อนขั้นเป็นระดับสูง ห่างจากผีซวีระดับสุดยอดแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
นี่เป็นความลับของเขามาโดยตลอด เขารู้ว่าถ้าหากถูกกองทัพของจักรวรรดิรู้เข้า เขาจะต้องสูญเสียอิสรภาพไป ท้ายที่สุดก็กลายเป็นตัวทดลองศึกษาวิจัย ดังนั้นเขาถึงปิดผนึกความสามารถผีซวีของเขามาตลอด และเปิดเผยเพียงความสามารถด้านแฮคเกอร์ที่เหนือชั้นของเขาเท่านั้น
นี่ก็คือสาเหตุที่ D1 ยังสามารถเอ่ยปากได้ภายใต้พลังผีซวีที่น่ากลัวนี้ เนื่องจากการปิดผนึกพลังทำให้เขามีความสามารถต้านทานการโจมตีของพลังผีซวีได้ในระดับหนึ่ง
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ D1 ก็ไม่อาจหลบหนีการโจมตีอย่างเต็มกำลังของเสี่ยวซื่อได้พ้น D1 รู้ดีว่าภายใต้พลังผีซวีที่น่ากลัวสายนี้ พลังผีซวีของเขาแค่ปกป้องร่างหลักตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่วินาทีถัดมามันก็เหมือนกับสวามิภักดิ์ต่อราชาของตน คลายการป้องกันเองแล้วต้อนรับความตายอย่างอบอุ่น
ความคิดหนึ่งแล่นวาบขึ้นในสมองของ D1 เขาตระหนักได้ในชั่วพริบตาว่า พลังผีซวีสายนี้ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าตัวตนระดับสุดยอดอย่างเด็ดขาด หากแต่ทะลุระดับสุดยอดและไปถึงขอบเขตราชาผีซวีในตำนานแล้ว ถึงขนาดที่เป็นเทพผีซวีที่ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อนในโลกเสมือนจริง…บนหนังสือศึกษาวิจัยพลังผีซวีที่เขาเคยอ่านในสมัยนั้นได้เอ่ยถึงความเป็นไปได้ของตัวตนแบบนั้นมาก่อน
D1 เบิกตามองสมาชิกกลุ่ม D ของเขาเปลี่ยนเป็นจุดสีขาวสลายหายไปในโลกเสมือนจริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณพลังผีซวีของเขาต้านทานพลังนั้นไว้ เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนกับพวกเพื่อนๆ แล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็รู้ว่ามีเวลาไม่มากแล้ว เขาเห็นสองเท้าของตัวเองเริ่มว่างเปล่า กลายเป็นจุดแสงหายไปอย่างช้าๆ…
“นายเป็นราชาผีซวี หรือว่าเทพผีซวี?” D1 เอ่ยถามอย่างไร้ความหวาดกลัว เสื้อคลุมสีดำที่เดิมทีปกปิดตัวเขาไว้ถูกพลังผีซวีที่น่ากลัวสายนั้นทำลาย เผยให้เห็นใบหน้าเดิมของเขา เขาอายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้า หน้าตาหล่อเหลา ผมสีทอง ดวงตาสีไพลินลึกล้ำ ดวงหน้าคมสัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวซีซาร์…
“เอ๋? ยังไม่ตายอีกเหรอ?” เสี่ยวซื่อที่เดิมทีตั้งใจสังหารทิ้งในการโจมตีเดียวเห็นว่ายังมีคนรอดชีวิตอยู่ เขาก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ วินาทีต่อมา เสี่ยวซื่อก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า D1 เสี่ยวซื่อที่มีรูปลักษณ์อายุแค่ห้าหกขวบ รูปร่างเตี้ยและอ้วนจ้ำม่ำบวกกับหางเปียตั้งชี้ฟ้านั้นทำให้ D1 จ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“สหพันธรัฐหัวเซี่ยมีตัวตนแบบนายได้ยังไง?” เห็นรูปลักษณ์ของเสี่ยวซื่อแวบแรกก็รู้ว่าเป็นชาวหัวเซี่ย ถึงแม้ D1 รู้ว่าคนที่ลงมือจะต้องเป็นผีซวีของสหพันธรัฐหัวเซี่ยอย่างแน่นอน แต่พอเห็นรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเด็กของเสี่ยวซื่อ เขาก็ตกตะลึงและไม่อาจทำความเข้าใจได้ เพราะว่าอายุของเสี่ยวซื่อ ต่อให้เป็นผีซวีที่มีพรสวรรค์อีกแค่ไหนก็ต้องไปถึงช่วงเวลาที่พลังผีซวีตื่นขึ้นมาเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วผีซวีที่เพิ่งปลุกพลังจะไปถึงขั้นฝึกฝนเท่านั้น หากสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับต่ำได้ในก้าวเดียว นั่นก็เป็นตัวตนปีศาจระดับอัจฉริยะสุดขีดแล้ว และระดับกลางก็เป็นตัวตนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นราชาผีซวี…
แต่ว่าต่อให้เป็นเด็กที่อัจฉริยะอีกสักแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตราชาผีซวีได้ทันที D1 ยิ้มขื่น หรือว่าชะตากรรมของหัวเซี่ยยังไม่สิ้นสุดลง ดังนั้นถึงได้โชคดีครอบครองราชาโดยกำเนิดแบบนี้? สุดท้าย D1 ก็ทำได้แค่คิดแบบนี้เท่านั้น
เสี่ยวซื่อไม่ได้ตอบ D1 เขาแค่แตะร่างของ D1 ก็ได้ข้อมูลของอีกฝ่ายแล้ว “นายประหลาดดีนะ มีพลังผีซวีและแฮคเกอร์พร้อมกัน นอกจากนี้พลังทั้งสองยังไปถึงขั้นสูงในระดับหนึ่งด้วย” เสี่ยวซื่อย่อมรู้ข้อห้ามว่าความสามารถผีซวีกับความสามารถแฮคเกอร์ของโลกใบนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” พอเห็นรูปลักษณ์ของเสี่ยวซื่อที่เหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก D1 ก็รู้สึกขบขันมาก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา บางทีเขารู้ว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว D1 ถึงไม่เก็บงำอารมณ์ตัวเองอีก เขากลับไปเป็นตัวเองอย่างสบายอกสบายใจ อยากหัวเราะก็หัวเราะออกมา…
“หืม จำเป็นต้องศึกษามากๆ” เสี่ยวซื่อมอง D1 บางทีรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลาของอีกฝ่ายอาจทำให้เสี่ยวซื่อมีความรู้สึกดีมากๆ เขาเลยตัดสินใจในชั่วพริบตา จากนั้นก็เห็นเสี่ยวซื่อยื่นมือน้อยๆ ของตัวเองออกมาแล้วมุ่งไปทางศีรษะของ D1 โดยไม่ลังเล
D1 มองการเคลื่อนไหวของเสี่ยวซื่ออย่างตะลึงงัน พบว่ามือของเสี่ยวซื่อจมหายเข้าไปในศีรษะของเขา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองถูกคว้าเอาไว้ ราวกับว่าถูกสูบวิญญาณทั้งเป็นก็ไม่ปาน และก็เหมือนกับว่าร่างกายถูกฉีกกระชากทั้งเป็นด้วย…
“อ๊ากกก…” ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำให้ D1 ร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง
ทว่าความเจ็บปวดกลับทำให้เขามีสติแจ่มแจ้งอย่างยิ่งยวด ในใจเขายังคงมีคำถามนับหมื่นพัน เด็กคนนั้นจะทำอะไรกับเขาบ้าง? ทำไมเขาถึงมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแบบนี้? ทำไมมือของอีกฝ่ายสามารถจมหายเข้าไปในสมองเขาได้…แต่เขาไม่มีโอกาสถามออกมาอีกแล้ว เมื่อมือของเสี่ยวซื่อดึงกลับมาจากในสมองของเขา D1 ก็สิ้นสติไปและตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ทั่วทั้งร่างของเขาพลันระเบิดออกดังปัง กลายเป็นจุดสีขาวนับไม่ถ้วนสลายหายไปในอากาศช้าๆ
เสี่ยวซื่อเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่มือขวาของตัวเอง และไม่ได้สังเกตเลยว่าก่อนที่ D1 จะสูญสิ้นสติไป นิ้วก้อยมือขวาของเขากระตุกขึ้นมา การติดตั้งลับบางอย่างในพื้นที่ห่างไกลถูกเปิดใช้งานขึ้นมาอย่างเงียบงัน
เสี่ยวซื่อแบมือขวาของตัวเอง ฝ่ามือข้างขวาของเขากำลังมีพลังงานบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งที่ปล่อยรัศมีแสงสีขาวที่ลางเลือนออกมา เสี่ยวซื่อศึกษามันอย่างละเอียดก่อนจะพบอย่างรวดเร็วว่า มีสายสีทองหลายเส้นที่บางกว่าเส้นไหมมากนักจนแทบจะถูกมองข้ามอยู่ท่ามกลางรัศมีแสงสีขาว…
“อืม ร่างจิตของเขาผิดปกติอยู่บ้างจริงๆ ด้วย ดูท่าก่อนที่เสี่ยวฮัวจะตื่น ฉันคงไม่ต้องเบื่อขนาดนั้นแล้ว” มุมปากของเสี่ยวซื่ออดยกขึ้นมาไม่ได้ คิ้วก็โค้งขึ้น ดูอารมณ์ดีสุดขีด “ถือว่านายโชคดี เจอฉันที่กำลังอารมณ์ดี ฉันจะให้นายมีโอกาสรอด…”
เสี่ยวซื่อกดร่างจิตกลุ่มนั้นไปที่ร่างกายตัวเองท่ามกลางเสียงพูดพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เห็นพลังจิตนั้นถูกเสี่ยวซื่อดูดซับเข้าไปในร่างกาย หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
——————————-