I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 383 เกม!
หลังจากที่หุ่นรบระดับราชันตัวนั้นพลันออกไปจากเขตที่พัก หลายวินาทีให้หลัง มันก็ออกห่างจากเขตที่พักหลายกิโลเมตร สกัดกลุ่มของราชันสายฟ้าที่ลอบแอบหนีตรงหน้าทันที
เมื่อเห็นหุ่นรบศัตรูระดับราชันที่ปรากฏตัวกะทันหันนี้ ต่อให้เป็นราชันสายฟ้าเฉียวถิงที่มั่นใจในตัวเองก็สูญเสียความเยือกเย็นของเขาไปในชั่วพริบตานั้น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกก็คือพาลูกทีมวิ่งหนีสุดชีวิตด้วยความหวั่นกลัว
“ฝูงเด็กกระจอกจริงๆ!” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันกล่าวอย่างดูถูก เขาเงยหน้ามองไปยังทิศไกลๆ เส้นทางที่คนกลุ่มนี้เลือกหลบหนี มีทีมหุ่นรบแปดตัวกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้พอดี…
“บางทีฉันอาจจะเล่นเกมสนุกๆ ได้แล้ว” มุมปากของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเผยรอยยิ้มพิศวงออกมา นี่เป็นเกมที่เขาชอบเล่นมากที่สุด
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันที่ตัดสินใจแล้วก็ไม่ได้เลือกกำจัดกลุ่มของราชันสายฟ้าทันที หากแต่ประกบติดด้านหลังพวกเขา ตามติดช้าๆ ราวกับเงาที่ไม่อาจสลัดหลุด ในขณะเดียวกันเขาเลือกทำการบล็อกพื้นที่แห่งนี้ นี่ทำให้หุ่นรบสองทีมด้านล่างไม่สามารถใช้เรดาร์ล่วงรู้ตัวตนของอีกฝ่ายได้ล่วงหน้า…
“เอ๋?” หุ่นรบระดับราชันพลันส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่า หุ่นรบแปดตัวที่เดิมทีควรจะรีบร้อนมุ่งหน้ามาทางนี้จู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้า พวกเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้วหรือไง? ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ทันที เพราะว่านอกจากหุ่นรบขั้นเทวะแล้ว หุ่นรบตัวอื่นๆ ไม่สามารถเจาะความสามารถบล็อกของหุ่นรบระดับราชันได้
“ยุ่งยากจริง!” การเคลื่อนไหวต่อมาของอีกฝ่ายทำให้หุ่นรบระดับราชันหงุดหงิดอย่างยิ่งท่ามกลางความไม่เข้าใจ เขาอดลอบสบถด่ากับตัวเองไม่ได้ จากนั้นก็พุ่งกายทีหนึ่งก่อนจะหายตัวไปไม่เห็นร่องรอยในอากาศ
กลุ่มของราชันสายฟ้าที่เอาแต่หลบหนีอย่างสุดชีวิตจนกำลังจะสิ้นหวัง จู่ๆ สังเกตเห็นว่าหุ่นรบระดับราชันที่คอยตามหลังมาตลอดหายตัวไป หุ่นรบทุกตัวต่างคุกเข่าล้มลงไปอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ คนเดียวที่ยังสามารถยืนอย่างได้มั่นคงคือราชันสายฟ้า…
“เขาปล่อยพวกเราไปแล้ว?” เฉียวถิงเอ่ยปากถามอย่างไม่อาจทำใจเชื่อได้ ดาบเพชฌฆาตที่ยกขึ้นสูงเหนือหัวหายไปแล้วจริงๆ เหรอ? ราชันสายฟ้าสงสัยมากว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า
“หมอนั่นไม่อยู่แล้ว เขาปล่อยพวกเราไปแน่ๆ เลย” สมาชิกหนึ่งในนั้นตอบกลับพลางหอบหายใจ เขาดีใจมากที่สามารถเก็บชีวิตกลับมาได้ เห็นหุ่นรบระดับราชันตามพวกเขามาตลอดตอนที่กำลังหนีตาย เขานึกว่าพวกเขาจะจบเห่กันหมดเสียแล้ว
“ลูกพี่ ฉวยโอกาสตอนที่หมอนั่นจากไป เรารีบหนีออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” สมาชิกอีกคนยังคงหวาดผวามาก ต่อให้ตอนที่เขาหลบหนีอย่างสุดกำลังเมื่อสักครู่นี้จะผลาญเรี่ยวแรงของเขาไปเกือบหมด แต่เขายังคงคิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอยู่ดี รีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า
“งั้นไปที่ไหนล่ะ? พวกเราไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปไหน ถ้าเกิดทางที่เลือกเป็นทางที่หมอนั่นต้องการไปพอดี จะไม่เป็นการรนหาที่ตายเหรอ?” สมาชิกอีกคนมองเรดาร์ของตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าบนนั้นว่างเปล่า ไม่มีหุ่นรบสักตัวในสิบกิโลเมตรรอบๆ ราวกับว่าปลอดภัยมาก ทว่ายิ่งเป็นแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกว่ายากจะตัดสินใจ
“พวกเรากลับเขตที่พักกันดีกว่า ที่นั่นมีกองทัพสหพันธรัฐอยู่ แถมยังมีอาจารย์ถังอวี้อยู่ด้วย” มีคนเสนอแนะให้กลับไปที่เดิม ในใจพวกเขา อาจารย์ถังอี้คือคนที่แข็งแกร่ง บางทีอาจจะคุ้มครองพวกเขาได้ นอกจากนี้เมื่อมีคนเยอะ พลังก็ยิ่งมาก ความปลอดภัยก็ยิ่งสูงด้วย
“ไม่ควร ฉันคิดว่าที่นั่นกลับอันตรายมากที่สุด ไม่เห็นศัตรูคอยบุกโจมตีที่นั่นหรือไง ฉันกำลังคิดว่าหุ่นรบระดับราชันตัวนั้นไปเสริมกำลังตรงเขตที่พักหรือเปล่า? ถ้าเกิดไปที่นั่นจริงละก็ ต่อให้อาจารย์ถังอวี้อยู่ ก็ต้านทานไม่ไหวเหมือนกัน” เฉียวถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น ต่อให้อาจารย์ถังอวี้เป็นราชันแห่งไพ่ราชา ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันก็ต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียวเช่นกัน
แน่นอนว่า เฉียวถิงไม่อยากกลับไปเหมือนกับที่เขากล่าวไว้ ยังอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ตอนนั้นเขาฝืนพาคนทั้งสิบสองจากมาก็เพราะอยากสร้างผลงาน ถ้าหากกลัวจนหางจุกตูดวิ่งหนีกลับไปแบบนี้ละก็ เฉียวถิงคิดว่านี่มันขายหน้าเขามากเกินไปแล้ว เขาย่อมไม่อยากให้สมาชิกกลุ่มสามคนที่มีใจออกห่างตรงนั้นเห็นเป็นเรื่องตลกแน่นอน
“ใช่ หัวหน้ากลุ่มพูดถูก” ลูกทีมที่หนุนหลังเฉียวถิงมากที่สุดกระโดดออกมาสนับสนุนความคิดเห็นของเฉียวถิงอีกครั้ง
“มุ่งหน้าไปทางนี้ต่อดีกว่า ถ้าเกิดจุดที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอยากไปคือทางนี้ละก็ ฉันคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมเขาต้องหายตัวไปเองด้วย ตามหลังพวกเราไปไม่ดีกว่าเหรอ?” เฉียวถิงกัดฟัน ในที่สุดก็ตัดสินรุดหน้าต่อ
คำพูดของเฉียวถิงมีเหตุผลอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย กอปรกับเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มด้วย ต่อให้มีสมาชิกกลุ่มที่คัดค้านในใจ ทว่าพวกเขาก็ได้แต่มุ่งหน้าตามทุกคนไปภายใต้การตกลงของเสียงส่วนใหญ่…
ขณะเดียวกันทางฝั่งของหลิงหลาน เธอที่เข้าไปใกล้เขตที่พักด้วยความเร็วสูงมาตลอดหยุดหุ่นรบของเธอฉับพลัน เมื่อหลิงหลานหยุดชะงัก ลูกทีมทั้งหมดก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างรู้ใจโดยไม่ต้องให้เธอออกคำสั่ง ก่อนจะกระจายตัวไปอยู่รอบๆ หลิงหลานอย่างเงียบงัน พวกเขาที่ร่วมมือเข้าขากันรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง พวกเขาเชื่อว่าหัวหน้าทีมของตัวเองไม่มีทางชะงักฝีเท้าลงอย่างไม่มีเหตุผล จะต้องพบเจอเรื่องอะไรบางอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทำให้หลิงหลานชะงักฝีเท้าคือ เมื่อสักครู่นี้จู่ๆ เสี่ยวซื่อก็ร้องเตือนเธอด้วยความตกใจในห้วงจิตใจว่า ด้านหน้ามีศัตรู และศัตรูผู้นี้คือหุ่นรบระดับราชัน!
ข่าวนี้ทำให้หลิงหลานตื่นตะลึง เธอตัดสินใจหยุดการเคลื่อนไหวของหุ่นรบทันที หลังจากนั้นก็สอบถามเสี่ยวซื่อว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสี่ยวซื่อกลุ้มใจมากเหมือนกัน เขากุมศีรษะ เอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า “ฉันเองก็ไม่เข้าใจ โลกนี้มีปฏิญญาร่วมกันว่าไม่อนุญาตให้หุ่นรบระดับราชันขึ้นไปปรากฏตัวขึ้นในสนามรบไม่ใช่เหรอ?”
“ลูกพี่ เปลี่ยนเส้นทางหนีกันดีกว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นร่องรอยของพวกเราแล้ว…” เสี่ยวซื่อมีความสามารถในการกำบัง แต่เขาไม่มั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างไร้ช่องโหว่ต่อหุ่นรบระดับราชัน เขารีบเสนอแนะให้ลูกพี่ตนเลือกหลบหนีหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายไปก่อนชั่วคราว
“ได้!” หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉียบขาด เธอส่งสัญญาณให้ลูกทีมติดตามเธอ หันซ้ายเก้าสิบองศาทันทีแล้วรุดขึ้นหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว…
กลับไปทางเดิมจะต้องเจอศัตรูที่ไม่รู้จักตามรอยมา หลิงหลานย่อมไม่คิดที่จะเสี่ยงอันตราย ทว่าหันไปทางขวาก็จะลดระยะห่างระหว่างพวกเขากับหุ่นรบระดับราชันโดยทางอ้อม หลิงหลานไม่กล้าเสี่ยง มีเพียงหันขึ้นหน้าไปทางซ้ายเท่านั้นถึงจะสามารถเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขากับหุ่นรบระดับราชันได้มากสุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
แต่กลุ่มของหลิงหลานเพิ่งจะรีบแล่นตะบึงไปได้ถึงสิบวินาที เสี่ยวซื่อก็อุทานขึ้นมาว่า “เขาเจอพวกเราแล้ว ทิ้งเหยื่อเดิมแล้วไล่ตามพวกเรามา…คาดว่าจะมาถึงในอีกสิบวินาทีข้างหน้า!” คำพูดประโยคสุดท้าย เสี่ยวซื่อพูดปนร้องไห้สะอึกสะอื้น เนื่องจากเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่า พวกเขามีวิธีการอะไรที่จะหลบหนีออกจากเงื้อมมือมารของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันได้
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็กัดฟันกรอด การเคลื่อนไหวที่เดิมทีวิ่งตะบึงไปอย่างเร่งรีบก็หยุดลงอีกครั้ง เธอหันกายโดยพลันและตะโกนว่า “เตรียมตัวต่อสู้!”
เสียงนี้ของหลิงหลานทำให้ทีมของหลิงหลานที่ร่วมมือกันเป็นอย่างดีชะงักฝีเท้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะหันกายไปเผชิญหน้ากับศัตรูตามหลิงหลาน ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ถืออาวุธที่ห้อยอยู่ด้านหลังไว้ในมือ
เมื่อพวกเขาเพิ่งทำทุกอย่างนี้เสร็จก็เห็นท้องฟ้ายามราตรีด้านบนพวกเขาพลันปรากฏหุ่นรบขนาดมหึมาตัวหนึ่งอย่างไร้ที่มาที่ไป ร่างหุ่นรบที่งามสง่าทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาที่รู้จักหุ่นรบระดับต่างๆ เป็นอย่างดีย่อมจำได้ว่า นี่คือหุ่นรบระดับราชัน
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลูกพี่หลานถึงให้พวกเขาเตรียมตัวต่อสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชัน พวกเขาไม่มีทางหลบหนีได้พ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเขาเลือกต่อสู้ดีกว่า ต่อให้ตายก็ตายอย่างมีเกียรติบ้าง
“น่าสนใจอยู่นิดๆ นะเนี่ย ไม่นึกเลยว่าสามารถเลือกความตายได้โดยไม่สะทกสะท้าน...” เมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้าตัดสินใจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หุ่นรบระดับราชันก็ตื่นเต้นขึ้นมา ยิ่งเป็นพวกหัวแข็งหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาก็ยิ่งอยากหยามหยันพวกมัน อยากดูว่าเมื่อคนเหล่านี้เผชิญหน้ากับความสิ้นหวังจะเลือกอะไร พวกเขาจะประจันหน้ากับความตายอย่างกล้าหาญ หรือว่าจะเอาตัวรอดไปวันๆ?
“ฉันจะให้โอกาสพวกนายรอดชีวิต นั่นก็คือกลับไปเส้นทางเมื่อตะกี้ พวกนายจะเจอคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนั้นมีหุ่นรบสิบสามตัว ขอเพียงพวกนายฆ่าอีกฝ่ายได้หมด ฉันก็จะปล่อยพวกนายไป!” หุ่นรบระดับราชันเปิดเครื่องขยายเสียงฉับพลัน และกล่าวกับทีมหลิงหลาน
แววตาของหลิงหลานหดลงทันที “ถ้าเกิดเดาไม่ผิด คนกลุ่มนั้นน่าจะเป็นคนของพวกเรา นายอยากเห็นพวกเราฆ่ากันเองสินะ?”
เสียงปรบมือของอีกฝ่ายพลันดังขึ้นในเครื่องขยายเสียง แป๊บเดียวก็มีเสียงน่าสะพรึงกลัวของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันดังขึ้นอีกว่า “นายฉลาดมาก ถูกต้อง ฉันอยากเห็นพวกนายฆ่ากันเองมาก แต่นี่ก็เป็นโอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวของพวกนายกับคนอีกกลุ่มพอดี ถ้าเลือกปฏิเสธ จุดจบของพวกนายสองทีมก็คือตาย เพียงแต่ตายในน้ำมือฉันเท่านั้น”
“แน่นอนว่า นายเลือกสละชีวิตตัวเองได้เหมือนกัน พาทีมของนายไปประจันหน้าแล้วฆ่าตัวตาย ฉันก็จะปล่อยคนกลุ่มนั้นไป” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเสนอแนะด้วยรอยยิ้ม ราวกับเป็นซาตานที่ปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งการล่อลวง ทำให้คุณปฏิเสธไม่ได้
หลิงหลานเงียบไป ทันใดนั้นเธอไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี อีกฝ่ายให้เหตุผลที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ ในตอนที่หลิงหลานลังเลใจอยู่นั้น ดวงหน้าที่สิ้นหวังของเสี่ยวซื่อพลันปรากฏร่องรอยความตื่นเต้นยินดีออกมา เขาตะโกนดังลั่นว่า “ลูกพี่ พ่อมาแล้ว”
“ฉันตกลง!” หลิงหลานยินดีในใจ เธอตอบกลับไปอย่างเฉียบขาด หลิงหลานไม่ได้คิดจะสังหารอีกกลุ่มเพื่อคว้าโอกาสรอดชีวิต และก็ไม่ได้คิดจะพาลูกทีมไปตาย เธอแต่อยากถ่วงเวลาเท่าที่เธอจะทำได้ ในเมื่อรู้ว่าผู้ช่วยชีวิตมาแล้ว ถ้าเกิดตายอยู่ที่นี่โดยไม่ระวังก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากเกินไปแล้วจริงๆ
ตอนที่หลิงหลานตอบก็ไม่ลืมสั่งเสี่ยวซื่อในห้วงจิตใจว่า “เสี่ยวซื่อ รีบคิดวิธีส่งข้อความหาพ่อบอกให้เขามาช่วยเร็วเข้า!”
“คนอีกกลุ่มกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้พอดี ฉันให้เวลาพวกนายสิบวินาที ถ้าเกิดอีกสิบวินาทีให้หลังพวกนายยังไม่เจอพวกเขา ฉันก็จะทำลายพวกนายให้สิ้นซาก เพราะว่าพวกนายมันเป็นขยะ ไม่คู่ควรที่จะเล่นเกมนี้” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไม่ได้เป็นเหมือนดั่งที่หลิงหลานปรารถนาที่มอบเวลาให้เธอมากนัก เขาให้กฎพวกหลิงหลานอีกข้อ ทำให้พวกหลิงหลานจำเป็นต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิตขึ้นมา
“ฉันจะเริ่มนับแล้ว…1…” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไม่ให้เวลาพวกหลิงหลานเตรียมตัว เพิ่งจะกล่าวจบก็เริ่มนับแล้ว เมื่อหลิงหลานได้ยินคำว่า 1 เธอก็ขับหุ่นรบรีบไปยังทิศทางเดิมเป็นคนแรก
ไม่ว่าอีกสิบวินาทีให้หลังเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ตอนนี้เธอจำเป็นต้องช่วงชิงเวลาสิบวินาทีนี้ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวคือให้เสี่ยวซื่อติดต่อพ่อโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…
เมื่อเห็นลูกพี่ตนพุ่งออกไปราวกับพยัคฆ์ดุร้าย พวกลูกทีมของหลิงหลานก็ตอบสนองรวดเร็วสุดขีด ทยอยขับหุ่นรบของตัวเองติดตามลูกพี่ของตน…
“ช่างเป็นกลุ่มเด็กดีที่เชื่อฟังจริงๆ จากนี้ไปจะน่าสนุกแล้ว!” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเลียริมฝีปากอย่างตื่นเต้น เขาแย้มยิ้มที่เปี่ยมด้วยความชั่วช้าขึ้นมา วินาทีต่อมา หุ่นรบระดับราชันที่งามสง่าตัวนั้นก็หายตัวไปในท้องฟ้าโดยไร้ร่องรอยอีกครั้ง