I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 388 อ่อนแอ!
ทีมของหลิงหลานอย่างพวกฉีหลงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนายพลหลิงเซียวกับลูกพี่ของตัวเอง และก็รู้ว่าการปฏิบัติต่อกันของพ่อลูกคู่นี้แปลกพิลึกอยู่บ้าง ไม่มีความรู้สึกสนิมสนมเหมือนกับพ่อลูกทั่วไปเลย ดังนั้นพวกเขาเลยไม่รู้สึกแปลกใจกับคำตอบที่เย็นชาของลูกพี่ตัวเองมากนัก
ส่วนหลี่หลานเฟิงกับหลี่ซื่ออวี๋สองคนไม่รู้ความสัมพันธ์ของหลิงเซียวกับหลิงหลาน ถึงแม้พวกเขาประหลาดใจนิดหน่อยที่หลิงหลานยังสามารถรักษาความเยือกเย็นเมื่อเผชิญหน้ากับนายพลหลิงเซียวไอดอลของเหล่าทหารได้ แต่พอนึกถึงสีหน้าของหลิงหลานที่เย็นชาราบเรียบมาตลอดก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ คิดว่าเป็นแค่ปัญหาด้านนิสัยของหลิงหลาน ดังนั้นเลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก
คำตอบที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของหลิงหลานทำให้ที่แห่งนี้เกิดความเงียบงันไปช่วงเวลาสั้นๆ ทันใดนั้นหลิงเซียวไม่รู้ว่าควรใช้ท่าทีอะไรมาปฏิบัติต่อลูกสาวสุดที่รักของเขา ถ้าหากใช้น้ำเสียงออกคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เอ่ยกับระดับล่าง ต่อให้เขายอมทำได้ แต่ถ้าถูกหลานลั่วเฟิ่งภรรยาของเขารู้เข้า เขาไม่มีทางเจอจุดจบที่ดีแน่นอน...ถ้าหากแสดงท่าทางสนิทสนมเล็กน้อย เขาสงสัยว่าจะยั่วโมโหลูกสาวของเขาหรือเปล่า เพราะว่าท่าทีของลูกสาวเหมือนไม่อยากสร้างความสัมพันธ์กับเขา เปิดเผยฐานะของเธอ
หลิงเซียวรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งอีกครั้งว่า การเป็นบิดาที่ทำให้ลูกสาวพึงพอใจช่างยากเย็นเสียจริง…
ตอนนี้เอง เฉียวถิงที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งขับหุ่นรบพาสมาชิกกลุ่มของเขารีบเข้ามา เขายืนอยู่ข้างกายหลิงหลาน เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “นายพลหลิงเซียว สวัสดีครับ ผมคือเฉียวถิง นักเรียนชั้นปีสี่ของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ดีใจมากที่ได้พบคุณครับ” ถึงแม้คำพูดของเขามีความหมายไม่ต่างจากการทักทายของหลิงหลานในตอนแรก ทว่าเมื่อเทียบกับความเย็นชาของหลิงหลานแล้ว น้ำเสียงของเฉียวถิงดูตื่นเต้นและกระตือรือร้นมาก
หลิงเซียวหันหน้ามองไปยังหุ่นรบฝึกหัดไพ่ราชาที่มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญตัวนี้ เขารู้ว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในนักเรียนที่โดดเด่นเหนือใครในโรงเรียนทหารอย่างแน่นอน ควรรู้เอาไว้ว่าคนที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้ในตอนที่อยู่ปีสี่นั้นหายากสุดขีด ย่อมหาได้ยากราวกับขนนกฟีนิกซ์เขากิเลน ดังนั้น เขาจึงบังคับหุ่นรบพยักหน้าให้เฉียวถิงแสดงการตอบรับ
ท่าทีโต้ตอบแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่งยวด ต่อให้เฉียวถิงเป็นนักเรียนที่โดดเด่นของโรงเรียนทหาร แต่หลิงเซียวเห็นอัจฉริยะที่คล้ายคลึงกันแบบนี้มานักต่อนักแล้ว เวลานี้อาศัยความสามารถของเฉียวถิงยังไม่อาจได้รับสายตาอึ้งทึ่งของหลิงเซียว ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนายพลทั้งสิบของกองทัพ ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะทั้งสิบสองคน มาตรฐานสายตาของหลิงเซียวจึงสูงสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าเฉียวถิงที่มีตัวเปรียบเทียบกลับไม่ได้คิดแบบนี้ ขับหุ่นรบฝึกหัดของโรงเรียนทหารเหมือนกัน แต่ท่าทีของหลิงเซียวที่ปฏิบัติต่อผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาอีกคนดูกระตือรือร้นกว่าชัดเจน นี่ทำให้ในใจเฉียวถิงยากจะทานทนเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา เขาที่ถูกพวกอาจารย์คาดหวังไว้สูง ถูกพวกเพื่อนนักเรียนห้อมล้อมในโรงเรียนทหาร ย่อมมีความรู้สึกว่า เขามีคุณสมบัติได้รับการปฏิบัติเหมือนกับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาอีกคน...
หลิงเซียวย่อมไม่รู้ความคิดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ของเฉียวถิง ตอนนี้ในสายตาของเขามีเพียงลูกสาวตัวเองเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีคนที่ไม่รู้จักอยู่รอบข้าง หลิงเซียวอยากเปิดหุ่นรบของหลิงหลาน ดูด้วยตาตัวเองว่าลูกสาวของเขาปลอดภัยไร้กังวลไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อยจริงหรือเปล่า ทว่าอย่างไรเสีย หลิงเซียวก็คือหลิงเซียว เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่อนุญาตให้เขาทำแบบนี้ หลิงเซียวเลยตัดสินใจจบการสู้รบครั้งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้รู้สภาพอาการที่แท้จริงของลูกสาวเร็วขึ้น
ดังนั้นเขาเลยกล่าวว่า “พวกเธอหยุดพักจัดการทีมแล้ว ก็รีบไปเขตที่พักทันที!” สิ้นคำพูด หุ่นรบมหึมาของหลิงเซียวก็หายไปจากเบื้องหน้าทุกคนอีกครั้ง หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าหากไม่ใช่เพราะตำแหน่งที่หุ่นรบระดับราชันตกลงมามีรัศมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทุกคนคงนึกว่า การมาเยือนของนายพลหลิงเซียวเป็นเพียงความฝันหลอกลวงของพวกเขาเท่านั้น
หลิงหลานเห็นหลิงเซียวจากไปแล้วก็ทอดถอนใจด้วยความโล่งอกเฮือกหนึ่ง ตอนนี้เอง ในที่สุดเสี่ยวซื่อก็กระโดดออกมาจากในห้องมืดเล็กๆ ตะโกนด้วยความโมโหว่า “ลูกพี่ เธอมันขี้ขลาด! ขนาดพ่อยังไม่กล้าเรียกเลย! ฉันขอดูถูกเธอ!” ที่แท้ หลิงหลานกลัวว่าเสี่ยวซื่อเจอหลิงเซียวแล้วจะตื่นเต้นมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอ ดังนั้นตอนที่หลิงเซียวเข้ามาใกล้เธอ เธอเลยโยนเสี่ยวซื่อเข้าไปในห้องมืดเล็กๆ และกักขังเอาไว้
“นี่เป็นสนามรบ ไม่เหมาะให้ฉันเรียกแบบนี้” หลิงหลานเอ่ยด้วยความจนใจ
“ไม่ฟัง ไม่ฟัง เธอก็แค่ขี้ขลาดขี้กลัวเท่านั้น เรื่องที่หลิงเซียวเป็นพ่อทำให้เธอขายหน้าหรือไง?” เสี่ยวซื่ออุดหูตัวเอง บ่งบอกว่าไม่ยอมรับคำอธิบายของหลิงหลาน ตรงกันข้าม เขาถามกลับด้วยความฉุนเฉียวมากยิ่งขึ้น
“จะขายหน้าได้ยังไง ฉันภูมิใจมากเลยที่ได้เป็นลูกสาวของหลิงเซียวนะ! ฉันแค่กลัวว่าตัวเองจะทำให้หลิงเซียวขายหน้าเท่านั้น” หลิงหลานตอบเสี่ยวซื่อด้วยความขมขื่น สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย
สาเหตุที่เธอสามารถยอมรับหลิงเซียวในโลกเสมือนจริงได้ เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าหลิงเซียวคนนั้นคือตัวปลอม เป็นร่างจิตลวงตาที่หลิงเซียวหลงเหลือไว้เท่านั้น เธอเลยปล่อยวางความรู้สึกของตัวเอง เรียกอีกฝ่ายว่าพ่อ การตอบรับของอีกฝ่ายก็พึงพอใจมีความสุขเหมือนอย่างที่คิดไว้ หลังจากนั้นก็เรื่องราวก็จบลงทันที ไม่มีต่ออีกในอนาคต
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลิงเซียวในยามนี้เป็นคนจริงๆ เขามีความรู้สึก มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา เวลานี้สามารถมอบความใจกว้างรวมถึงความรักของพ่อที่ไม่เห็นแก่ตัวให้คุณได้ ทว่าอนาคตเขาก็อาจจะเกิดความผิดหวัง โกรธเกรี้ยวและเกลียดชังได้เหมือนกัน…หลิงหลานกลัวว่า ถ้าเกิดเธอยอมรับหลิงเซียวแล้ว เธอจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแอและก็จะเรียกร้องมากยิ่งขึ้น
ควรรู้เอาไว้ว่า สิบหกปีมานี้ หลิงหลานเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและพึ่งพาตนเอง ชินกับการจัดการเรื่องอะไรต่างๆ เองเพื่อที่จะแบกรับภาระหนักของตระกูลหลิงทั้งตระกูล การกลับมาของหลิงเซียวทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยชินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง นี่ทำให้หลิงหลานสับสนอยู่บ้าง
และสิ่งที่ทำให้จิตใจหลิงหลานปั่นป่วนยิ่งกว่านั้นคือ ความรักที่เต็มเปี่ยมของหลิงเซียว ท่าทางแสดงออกที่ชัดเจนมากเกินไปและระดับความกระตือรือร้นนั้นยิ่งแตกต่างจากบิดาที่เห็นเต็มตาว่าเหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่ายในชาติก่อน นี่ก็คือสาเหตุที่หลิงหลานหลีกหนีมาตลอด ไม่อาจเผชิญหน้าตรงๆ กับจิตใจของตัวเองได้
ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าหลิงหลานไม่อยากยอมรับหลิงเซียว เธอแค่กลัวว่าสักวันหนึ่งในอนาคต ความรักของบิดาที่เต็มเปี่ยมอยู่ในแววตาของหลิงเซียว สุดท้ายจะปรากฏความเบื่อหน่ายเหนื่อยล้าเหมือนอย่างบิดาของเธอในชาติก่อน... หลิงหลานไม่อยากได้รับความเจ็บปวดแบบนี้อีก ก็เหมือนกับที่เสี่ยวซื่อพูดไว้ เธอที่อ่อนแอผลักไสความรักของบิดาที่เปี่ยมล้นของหลิงเซียวครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้รู้ว่าการตอบรับของเธอจะทำให้หลิงเซียวเสียใจอยู่บ้างก็ตามที
“ตัวฉันที่เป็นแบบนี้จะกลายเป็นลูกสาวที่หลิงเซียวพอใจได้เหรอ?” หลิงหลานถามเสี่ยวซื่อด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน เธอถูกมิติการเรียนรู้สั่งสอนจนกลายเป็นเพชฌฆาตเลือดเย็นไร้ความปรานี ไม่อาจกลายเป็นลูกสาวที่น่ารักอ่อนหวานในสายตาของหลิงเซียวได้อีกต่อไปแล้ว
คำถามของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่ออึ้งไป หลังจากนั้นดวงหน้าทั้งดวงของเขาก็ดูขมขื่นใจ เขาตระหนักได้ว่าที่ลูกพี่ของตนพูดมาก็ไม่ผิด เขาที่คุ้นชินกับลูกพี่ที่เย็นชาทรงอำนาจ ไม่อาจจินตนาการถึงพี่สาวที่ดูอ่อนหวานละมุนแบบนั้นได้จริงๆ ดังนั้นเขาเลยปลอบโยนด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียใจว่า “ลูกพี่ เสียใจด้วยนะ!”
หลิงหลานดีดหน้าผากเสี่ยวซื่ออย่างจนปัญญา เมินสายตาวิจารณ์ของเสี่ยวซื่อก่อนจะเอ่ยด้วยความหดหู่ใจนิดหน่อยว่า “ได้แต่ก้าวต่อไปทีละก้าว ถ้าเกิด…” เธอไม่ได้กล่าวต่อว่า ถ้าเกิดวันไหนเธอฝ่ากำแพงในใจได้แล้ว บางทีเธออาจจะเรียกหลิงเซียวว่า ‘พ่อ’ กับปากของเธอเอง
หลิงหลานเก็บความรู้สึกอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สอบถามสภาพของคนอื่นๆ รู้ว่าทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว เธอก็เตรียมตัวพาทีมไปยังเขตที่พักอย่างรวดเร็ว หลิงหลานรู้ดีว่า พ่อของเธอจะต้องรีบไปสะสางเรื่องราวที่นั่นแล้วอย่างแน่นอน
เวลานี้เอง เฉียวถิงที่หยุดพักจัดการทีมเสร็จแล้วเช่นเดียวกันพลันร้องเรียกเธอ “รอเดี๋ยวก่อน!”
“มีเรื่องอะไร?” หลิงหลานชะงักเท้า หันหน้ากลับไปถาม เฉียวถิงตัดสินใจไม่ลงมือกับเพื่อนในช่วงเวลาวิกฤต นี่ทำให้ความประทับใจของหลิงหลานที่มีต่อเฉียวถิงเปลี่ยนเป็นไม่เลวมากๆ
“ไม่ทราบว่านายเป็นนักเรียนชั้นปีไหนภาควิชาอะไร?” เฉียวถิงอยากรู้ว่าผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาตรงหน้านี้คือใครกันแน่ ใครกันที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้สำเร็จเหมือนกับเขา
คำถามของเฉียวถิงทำให้หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เท่านั้น ทว่าไม่ได้ตอบกลับ
ความเงียบของหลิงหลานทำให้เฉียวถิงไม่สบอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม อารมณ์หงุดหงิดตอนที่ถูกหลิงเซียวปฏิบัติใส่อย่างเย็นชาทำให้เขาหัวร้อน ถามพรวดออกมาว่า “นายรู้จักนายพลหลิงเซียวเหรอ?” ไม่อย่างนั้นนายพลหลิงเซียวจะปฏิบัติต่อนายอย่างอบอุ่นแต่ว่าปฏิบัติต่อฉันอย่างเย็นชาแบบนี้ได้ยังไง? นี่เป็นเหตุผลเดียวที่เฉียวถิงสามารถหาได้ในเวลานี้
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้เธอเย็นชาอีกสักแค่ไหน ท่าทีแสดงออกของหลิงเซียวยังคงทำให้ผู้คนมองเห็นเงื่อนงำนิดหน่อยอยู่ดี ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลิงหลานถึงมีความสุขอย่างยิ่งยวด เธอที่เดิมทีไม่อยากตอบก็เอ่ยปากถามกลับเพราะอารมณ์ดีว่า “นายไม่รู้จักนายพลหลิงเซียวหรือไง?”
การถามกลับของหลิงหลานทำให้เฉียวถิงพูดไม่ออกทันใด ควรรู้เอาไว้ว่าในสหพันธรัฐ นอกจากพวกเด็กๆ ที่เพิ่งเกิดไม่รู้เรื่องราวอะไรแล้ว ขอเพียงเป็นชาวหัวเซี่ยที่มีสติแจ่มใสล้วนไม่มีทางไม่รู้จักนายพลหลิงเซียว คำถามเมื่อสักครู่นี้ เขาถามได้โง่เง่าแล้ว
เฉียวถิงกำลังคิดจะเปลี่ยนวิธีการถาม เขาก็ได้ยินหลิงหลานเอ่ยเรียบๆ ว่า “นายพลหลิงเซียวเพิ่งจะสั่งให้พวกเขารีบไปเขตที่พักเดี๋ยวนี้ ฉันคิดว่านายพลหลิงเซียวคงไม่อยากให้พวกเราอืดอาดเกินไปหรอกนะ”
คำพูดของหลิงหลานทำให้เฉียวถิงใจกระตุก เขากลืนคำพูดที่อยากจะสอบถามลงไป แล้วมองหุ่นรบไพ่ราชาฝึกหัดตรงนี้อย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็หันหน้าไปสั่งพวกสมาชิกกลุ่มว่าให้ไปรีบไปเขตที่พักอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเงาหลังของกลุ่มเฉียวถิงหายไปอย่างว่องไว หลี่หลานเฟิงที่เงียบมาตลอดก็ถามว่า “กระต่าย จะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?” พฤติกรรมที่วางอำนาจไร้มารยาทของเฉียวถิงเมื่อสักครู่นี้ทำให้หลี่หลานเฟิงรู้สึกไม่พอใจมากๆ แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะเดิมทีหลี่หลานเฟิงมองเฉียวถิงเป็นศัตรูอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเห็นพฤติกรรมที่ไม่ดีของเฉียวถิงขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“ต่อไปก็ต้องสู้กัน เฉียวถิงไม่มีทางลืมความแค้นในปีนี้อยู่แล้ว มากสุดสองปี พวกเขาจะส่งจดหมายท้าสู้มา” มุมปากของหลิงหลานเผยรอยยิ้มหยัน อันที่จริงแล้วการที่เฉียวถิงไม่ลงมือกับเพื่อนทำให้ความประทับใจของหลิงหลานที่มีต่อเขาดีมากขึ้น ทว่าด้านการวางอำนาจบาตรใหญ่ของอีกฝ่ายก็ทำให้หลิงหลานไม่ชอบมากๆ เหมือนกัน
ควรพูดว่า หลิงหลานถูกมิติการเรียนรู้อบรมสั่งสอนออกมาทั่วร่างให้มีกลิ่นอายทรงอำนาจครอบงำเช่นเดียวกัน เพียงแต่การวางอำนาจครอบงำของเธอถูกซ่อนไว้ในส่วนลึก ไม่ได้เปิดเผยออกไป ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์นิดหน่อยโดยธรรมชาติกับเฉียวถิงที่มีอำนาจข่มเช่นเดียวกัน บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ราชาไม่สามารถอยู่ร่วมบัลลังก์เดียวกันก็ได้
คำพูดของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงนึกถึงกลุ่มนักเรียนใหม่ทำการต่อสู้บนสังเวียนกับเหลยถิงก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าเหลยถิงจะต้องทำการล้างแค้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ดังนั้นเลยกล่าวว่า “ตอนประลองหุ่นรบ นับฉันเข้าไปด้วยคนนะ”
หลิงหลานประหลาดใจ “นายเป็นคนของอู๋จี๋ไม่ใช่เหรอ?”
หลี่หลานเฟิงหัวเราะขึ้นมา “แค่ร่วมมือกันเท่านั้น คนของอู๋จี๋ไม่วางใจพวกเราที่มาจากกลุ่มอำนาจภายนอกเข้าร่วมกลุ่ม” ก็เหมือนกับจ้าวจวิ้นที่ถูกกีดกันออกไปเช่นเดียวกัน หลี่หลานเฟิงลูบคางอดคิดไม่ได้ว่า ‘บางทีปีหน้าเขาจะถือโอกาสล่อลวงพาจ้าวจวิ้นเข้ามาด้วย…’
จ้าวจวิ้นที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในเขตที่พักพลันรู้สึกว่าร่างกายหนาวยะเยือก เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบด้านอย่างเคร่งเครียด นอกจากนักเรียนทหารแล้ว ก็ยังคงเป็นนักเรียนทหารอยู่ดี ไม่พบเจออันตรายอะไรเลย เขาเกาหัวอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าสัมผัสถึงอันตรายนี้มาจากที่ใดกันแน่…