I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 404 ทรยศ!
โดยรวมแล้ว การปรับแต่งของฉางซินหยวนถือว่าสำเร็จลุล่วง ทว่าหากคิดจะขุดศักยภาพทั้งหมดของหุ่นรบตัวนี้ออกมาอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในวันเดียว หลิงหลานรู้ว่า ตอนนี้ต่อให้เธอไม่อยากลาหยุดก็ไม่ได้แล้ว สามวันสุดท้ายนี้ เธอจำเป็นต้องใช้เวลาขลุกอยู่กับฉางซินหยวนในศูนย์วิจัยปรับแต่งหุ่นรบของหน่วยรบพวกเธอ เพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขการทำงานขั้นสุดท้ายของหุ่นรบตัวนี้ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
เช่นนี้เอง นอกจากหลิงหลานที่มีธุระขอลาหยุดกะทันหันแล้ว คนอื่นๆ ในกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนยังคงเข้าเรียนเลิกเรียนตามปกติ แน่นอนว่า หลี่หลานเฟิงอาสาเป็นคู่ต่อสู้ประลองให้กับหลิงหลานเอง ดังนั้น ทุกวันเขาจึงถูกทรมานจนน่าเวทนาเกินกว่าจะทนมองได้ ทว่าเขายังยินดีรับความทุกข์ทรมานนี้ ไม่มีความคิดถอยหนีเลยแม้แต่น้อย ความเข้มแข็งทรหดอดทนเช่นนี้ทำให้พวกฉีหลงถอนใจด้วยความชื่นชม พวกเขาที่ถูกลูกพี่หลานทรมานเคี่ยวกรำมาตลอดรู้ดีว่า การเป็นคู่ต่อสู้ของลูกพี่หลานทรมานกายทรมานใจเพียงใด…
เมื่อถึงวันสุดท้ายก่อนศึกตัดสิน ในที่สุดกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่เงียบสงบมากมาตลอดก็เคลื่อนไหวแล้ว หัวหน้ากลุ่มทั้งหมดรวมถึงหัวหน้าทีมต่างๆ ได้ขอลาหยุดกับบรรดาอาจารย์ เนื่องจากศึกตัดสินระหว่างกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนกับเหลยถิงถูกกำหนดให้เป็นการประลองแบบเปิด พวกระดับสูงของโรงเรียนทหารจึงเปิดไฟเขียวให้กับกลุ่มหุ่นรบทั้งสอง ขอให้เหล่าอาจารย์ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้พวกอาจารย์จึงไม่มีปัญหาอย่างยิ่งยวด ทุกคนต่างถูกปล่อยผ่านกันหมด
เวลานี้เอง เฉียวถิงที่กำลังฝึกฝนตามลำพังอยู่ในหอฝึกหุ่นรบของโลกเสมือนจริง จู่ๆ เขาก็ได้รับสายฉุกเฉินจากโลกภายนอก เฉียวถิงเกิดความคิดแล่นวาบ ก่อนจะตัดสินใจออฟไลน์
ด้านนอกแคปซูลล็อกอินเสมือนจริง คนสนิทของเขารอคอยอยู่ด้านนอกแล้ว เมื่อฝาแคปซูลเพิ่งจะเปิดออก คนสนิทก็ยื่นผ้าขนหนูมาให้ด้วยความกระตือรือร้น
“มีข่าวแน่ชัดแล้ว?” เฉียวถิงรับมา เอ่ยถามเสียงต่ำ
“ใช่ หัวหน้า เราได้รายชื่อคนเข้าประลองที่แท้จริงของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแล้ว” สีหน้าคนสนิทดูเคร่งเครียดเล็กน้อย พวกเขาคิดมาตลอดว่าคนที่เข้าประลองของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนคือ หัวหน้ากลุ่มและหัวหน้าทีม แต่นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเขารับสมาชิกกลุ่มปีห้าสองคนได้สำเร็จโดยที่ไม่มีใครรู้ แถมหนึ่งในนั้นก็คือ คนที่ติดห้าอันดับแรกของอันดับความสามารถด้านการต่อสู้หุ่นรบในโรงเรียนทหารด้วย นี่ทำให้หัวใจเขาหนักอึ้งอยู่บ้าง
“มีคนที่พวกเราคาดไม่ถึงโผล่มาด้วยเหรอ?” เฉียวถิงเดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นสีหน้าของคนสนิทในกระจกก็รู้ว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงแล้ว
“ใช่ ฉันส่งรายชื่อโดยละเอียดไปที่อุปกรณ์สื่อสารของหัวหน้าแล้ว เดี๋ยวนายเห็นก็รู้” คนสนิทพยักหน้ากล่าว
เฉียวถิงได้ยินคำกล่าวก็ผงกศีรษะ เขาล้างหน้าให้ตัวเองมีสติแจ่มใส หลังจากนั้นก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองกดเปิดรายชื่อคนเข้าประลองของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่คนสนิทส่งมาให้เขาชุดนั้น
คนที่หนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลย เขาก็คือหลิงหลาน หัวหน้ากลุ่มอันดับหนึ่งของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน และก็เป็นหัวหน้าหน่วยรบที่นำทีมในครั้งนี้
คนที่สอง คือฉีหลง นี่ก็เป็นคนที่พวกเขาคาดการณ์ไว้แล้ว ในเมื่อเขาสามารถกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มอันดับสองของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนได้ เขาย่อมเป็นคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากหลิงหลาน
คนที่สามคนที่สี่ยังคงไม่ได้เหนือความคาดหมายของพวกเขา คือหัวหน้ากลุ่มอันดับสามอู่จย่งกับหัวหน้ากลุ่มอันดับสี่หลี่อิงเจี๋ย หัวหน้ากลุ่มทั้งสี่คนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเข้าร่วมการประลองหุ่นรบนี้ทั้งหมดเลย ดูท่าฝ่ายตรงข้ามก็เดิมพันสุดกำลังเช่นเดียวกัน ไม่มีความคิดยอมจำนนยอมรับความพ่ายแพ้เลย
เฉียวถิงอ่านถึงตรงนี้ก็แค่นหัวเราะในใจ แบบนี้ดีที่สุดแล้ว กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่พยายามอย่างสุดความสามารถถูกเขาบดขยี้อย่างง่ายดาย นี่ถึงจะพิสูจน์ความสามารถของเขาได้
ทว่ารายชื่อที่ปรากฏตามหลังอีกหลายคนกลับทำให้เฉียวถิงนิ่วหน้า ไม่ใช่พวกหัวหน้าทีมอย่างที่พวกเขาคิดไว้ นอกจากลั่วล่างที่เขาจดจำได้นิดหน่อยเนื่องจากอีกฝ่ายเคยออกมาต่อสู้ในการประลองบนสังเวียนของกลุ่มเด็กใหม่แล้ว ชื่อของคนอื่นๆ ดูไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง แต่เฉียวถิงก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า คนเหล่านี้น่าจะเป็นสมาชิกของหน่วยรบหลิงหลาน
เฉียวถิงอ่านถึงตรงนี้ ในใจก็ประเมินค่าหลิงหลานสูงขึ้นมาก หัวหน้าทีมที่รู้จักทอดทิ้งคนที่แข็งแกร่งกว่า และเลือกลูกทีมที่ร่วมมือเข้าขากันแทน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่สามารถทำให้หน่วยรบนี้รู้ใจกัน เพิ่มกำลังรบของทีมให้สูงขึ้นได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด นี่ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน
ถึงแม้รายชื่อสิบคนแรก นอกจากห้าคนที่อยู่ในการคาดเดาของพวกเขาแล้ว คนอื่นๆ ต่างอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา แต่เฉียวถิงยังคงไม่รู้สึกกดดันอะไร ต่อให้หน่วยรบของอีกฝ่ายรู้ใจกันเพราะเหตุนี้ แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้ต่างเป็นมือใหม่ ประสบการณ์รวมถึงความสามารถด้านการควบคุมหุ่นรบเทียบลูกทีมที่เข้าประลองของเหลยถิงพวกเขาไม่ได้เลย เฉียวถิงไม่เข้าใจว่า ทำไมคนสนิทของเขาถึงต้องทำหน้าเคร่งเครียดด้วย?
ทว่าไม่นานเฉียวถิงก็รู้สาเหตุแล้ว ชื่อสองคนสุดท้าย ต่อให้เป็นเฉียวถิงที่สงบนิ่งเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็อดสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
“จ้าวจวิ้น หลี่หลานเฟิง!” เฉียวถิงตะโกนโพล่งขึ้นมา “พวกเขาเป็นคนของอู๋จี๋ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไปอยู่ในหลิงเทียนแล้ว?”
ถึงแม้หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นปฏิเสธคำเชิญของหานอวี้ตอนเปิดเรียน แต่ข่าวนี้กลับถูกหานอวี้คอยปกปิดเอาไว้ ต่อให้หานอวี้แค้นเคืองทั้งสองคนมาก แต่เขาก็ไม่อยากให้คู่แข่งรู้ข่าวนี้และคว้าขุนพลสองคนนี้ไป นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เหลยถิงมองข้ามพวกเขามาตลอด
ในโรงเรียนทหาร ถึงแม้มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการสับเปลี่ยนสมาชิกระหว่างกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นในหมู่สมาชิกระดับต่ำ พวกระดับสูงที่แท้จริงจะไม่เปลี่ยนกลุ่มอำนาจกลางคันอย่างแน่นอน และจ้าวจวิ้นคือกำลังรบอันดับหนึ่งของอู๋จี๋ หลี่หลานเฟิงก็คือหัวหน้ากุนซือของอู๋จี๋ พวกเขาย่อมดำรงตำแหน่งสำคัญในอู๋จี๋ คนปกติไม่มีทางยอมทิ้งตำแหน่งเหล่านี้ไป ต่อให้ความขัดแย้งล้ำลึกมาก อยากออกจากกลุ่มจริงๆ กลุ่มก็จะใช้วิธีการต่างๆ นานามาหยุดยั้งไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถ
ควรพูดว่า การร่วมมือกันระหว่างอู๋จี๋กับหลี่หลานเฟิงและจ้าวจวิ้นนั้นไม่ได้ถูกกลุ่มอำนาจอื่นล่วงรู้สถานการณ์โดยละเอียด ดังนั้นถึงได้มีความเข้าใจผิดแบบนี้ ตอนนั้นหลี่หลานเฟิงใช้ประโยชน์จากตำแหน่งกลุ่มอำนาจอันดับสามที่อู๋จี๋อยากรีบคว้ามาเจรจากับอีกฝ่าย เงื่อนไขที่ตั้งไว้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเขา ด้วยเหตุนี้เอง หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นอยากออกจากอู๋จี๋ จึงไม่มีกฎข้อบังคับอะไรมาหยุดการกระทำของพวกเขาได้เลย นี่ก็คือสาเหตุที่หานอวี้เจ็บแค้นเดือดดาล ทว่าได้แต่เบิกตามองพวกเขาจากไปอย่างจนปัญญา
“ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะเก็บงำไม้นี้ไว้” เฉียวถิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าแผนการที่เขาอยากจัดการกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน ในพริบตาจะเป็นหมันแล้ว หากมีจ้าวจวิ้นอยู่ เขาย่อมต้องเสียแรงสักยก บวกกับหลี่หลานเฟิงที่มากแผนการ ชอบวางแผนตลบหลังคนนั้นอีก เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ง่ายดายเหมือนอย่างที่เขาจินตนาการไว้เสียแล้ว
“เรียกรวมตัวสมาชิกกลุ่มที่เข้าประลอง พวกเราต้องเตรียมการสักหน่อยแล้ว” เฉียวถิงสั่งการอย่างเฉียบขาด
แม้ว่ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจะหาจ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงมาได้ ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ยากลำบากขึ้นเล็กน้อย แต่แล้วเป็นยังไง มีเขาอยู่ ชัยชนะย่อมต้องตกเป็นของเหลยถิง เป็นของเขา เฉียวถิง
เพียงแต่เขาอยากเอาชนะอย่างงดงาม ชนะอย่างหมดจด เลยต้องเตรียมการสักเล็กน้อย เฉียวถิงเลือกท้าประลองกับกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนในเวลานี้ก็เพราะอยากใช้ความสามารถของเขาสั่นสะเทือนกลุ่มอำนาจทั้งหมดในโรงเรียน บอกพวกเขาว่า ราชาของโรงเรียนปรากฏกตัวแล้ว
“ได้ หัวหน้า!” เมื่อเห็นแววตาของเฉียวถิงมีเปล่งประกายแรงกล้า รวมถึงความทะเยอทะยานที่ไม่อาจปกปิดได้เลยสักนิดนั้น คนสนิทก็ชื่นชมหัวหน้ากลุ่มของตัวเองอีกครั้ง นี่สิถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เขาอยากติดตาม และมีเพียงคนแบบนี้เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติทำให้เขายอมศิโรราบ
“อีกอย่าง ให้คนไปแจ้งคนที่ปล่อยรายชื่อชุดนี้ด้วยว่า เมื่อการประลองสิ้นสุดลง อนุญาตให้เขาขึ้นตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมระดับแนวหน้า!” เฉียวถิงไม่สนใจที่จะมอบสิ่งที่คนทรยศเจ้านายเดิมต้องการให้แก่อีกฝ่าย และยิ่งไม่กลัวว่าคนแบบนี้จะเปลี่ยนพวกใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเขาเชื่อว่า ขอเพียงเขาแข็งแกร่งพอก็ไม่มีใคนกล้าทรยศเขาแล้ว
“ได้ หัวหน้า ฉันจะแจ้งให้” คนสนิทก้มหน้าตอบ แววตามีความอิจฉาพาดผ่านอย่างรวดเร็ว ไม่นึกเลยว่าแค่แอบเปิดเผยรายชื่อหนึ่งชุดแบบนี้ ก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมระดับแนวหน้าของกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงแล้ว คนที่ขายกลุ่มหุ่นรบของตัวเองคนนั้นฉลาดสายตายาวไกลจริงๆ เขาอยู่ในกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่มีอนาคตไม่แน่นอน เลยไม่สู้ฉวยโอกาสนี้เดิมพันดูสักตั้ง ตอนนี้เรียกได้ว่าก้าวเดียวทะยานขึ้นฟ้าอย่างแท้จริง
……
ทางด้านหลิงหลาน หลังจากที่พาสิบเอ็ดคนที่ร่วมประลองเข้าไปในหอฝึกหุ่นรบของโลกหุ่นรบ พวกเขาก็ทำการฝึกฝนร่วมมือกันครั้งสุดท้ายในห้องส่วนตัวที่ยื่นคำร้องขอไว้แล้ว ส่วนบรรดาหัวหน้าทีมคนอื่นๆ ก็เปิดห้องฝึกส่วนตัวอีกแห่งทำการฝึกฝนต่อสู้ภายใต้คำสั่งของหลิงหลาน
หนึ่งวันมานี้ ในที่สุดเมื่อทั้ง 11 คนเข้าใจคำชี้แนะของหลิงหลานอย่างทะลุปรุโปร่ง หลิงหลานค่อยแจ้งทุกคนให้แยกย้ายได้ และการรวมตัวครั้งต่อไปก็คือการประลองกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงในวันพรุ่งนี้ที่ชี้ชะตาของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน
เมื่อเห็นพวกหัวหน้าทยอยออกไปจากโลกหุ่นรบแล้ว หลิงหลานค่อยพาทั้งสิบเอ็ดคนออกจากโลกหุ่นรบ กลับไปยังโลกความเป็นจริง
พอเปิดแคปซูลล็อกอินเสมือนจริง คนอื่นๆ อีกห้าคนก็ลุกขึ้นมานั่ง ฉีหลงกระโดดขึ้นมาจากในแคปซูลเป็นคนแรก กล่าวว่า “อู่จย่งเพิ่งบอกฉันว่า อีกเดี๋ยวเขาจะมาหาพวกเราที่นี่กับหลี่อิงเจี๋ย”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าว แววตาก็ส่องวาบ เธอพยักหน้าเอ่ยว่า “เข้าใจแล้ว” กล่าวจบ เธอก็ออกไปจากห้องแคปซูลล็อกอินเสมือนจริงแห่งนี้และกลับไปยังห้องของตัวเองก่อน หลังจากที่อาบน้ำดีๆ แล้วถึงค่อยพาร่างที่สะอาดสดชื่นมายังห้องโถงด้านล่าง
อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยมาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาออฟไลน์แล้วก็วิ่งมาหาหลิงหลานที่นี่ทันที หลินจงชิงนำกาแฟที่ต้มเสร็จเข้ามา รินให้พวกเขาคนละแก้ว จากนั้นก็หยิบน้ำเปล่าหนึ่งแก้วออกมาจากในห้องครัวอีกครั้งก่อนจะยื่นให้หลิงหลาน
อู่จย่งหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบคำหนึ่ง รสชาติขมฝาดแผ่ไปในปากของเขาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับอารมณ์ของเขาในเวลานี้ก็ไม่ปาน
“รีบมาขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิงหลานดื่มน้ำเปล่าอึกหนึ่ง วางแก้วน้ำลง จากนั้นค่อยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเฉยชา
“รายชื่อของพวกเราหลุดออกไปแล้ว” อู่จย่งกล่าวอย่างขมขื่น แววตามีร่องรอยความเจ็บปวดพาดผ่านอย่างรวดเร็ว
หลิงหลานได้ฟังก็ประสานนิ้วตัวเอง หลังจากที่เงียบไปหลายวินาที เธอค่อยถามต่อว่า “ใครเป็นคนทรยศ?”
อู่จย่งเผลอมองไปที่หลี่อิงเจี๋ยตามจิตใต้สำนึก เวลานี้หลี่อิงเจี๋ยไม่ได้แตะกาแฟแก้วนั้นเลย สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างยิ่ง สองมือหุบเข้าหากัน นิ้วมือเรียวยาวแทบจะมุดเข้าไปที่หลังมือของตัวเอง ร่างกายสั่นระริกอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
“เป็นคนของหลี่อิงเจี๋ยสินะ” หลิงหลานเห็นแวบเดียวยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกล่ะ เดิมทีเธอคิดว่าคนที่หวั่นไหวน่าจะเป็นคนที่ไม่ได้มาจากสถาบันศูนย์กลางลูกเสือพวกนั้น แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนของฝั่งตัวเองที่ทำผิด
“ฉันไม่นึกเลยว่าเขาจะทำแบบนี้…” หลี่อิงเจี๋ยก้มหน้าลงฉับพลัน ต่อให้ไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ฟังออกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับสัตว์ร้ายที่จนตรอกจากในเสียงของเขา ต่อให้เป็นคนที่อวดดี เข้มแข็งและวางอำนาจบาตรใหญ่อีกสักแค่ไหน เมื่อถูกคนที่ไว้ใจหักหลังก็เสียใจหนักมากเช่นกัน จนถึงขนาดไม่อาจรับได้