I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 405 เริ่มการประลอง!
ท่าทีเศร้าหมองของหลี่อิงเจี๋ยทำให้ห้องโถงเงียบงันขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเทียบกับความกังวลใจของอู่จย่งแล้ว สีหน้าของหลิงหลานกลับนิ่งเรียบ เธอแค่เคาะแก้วน้ำในมือ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้น
ผ่านไปไม่นาน หลินจงชิงที่เก็บข้าวของในครัวก็ปรากฏตัวอีกครั้ง เขามาที่เบื้องหน้าหลี่อิงเจี๋ย ก่อนจะวางน้ำเย็นแก้วหนึ่งที่มีไอเย็นลอยขึ้นมาไว้บนโต๊ะชา เทียบกับเมื่อสักครู่นี้แล้ว เรี่ยวแรงในการวางของหลินจงชิงคราวนี้ดูเหมือนจะหนักหน่วงอยู่บ้าง เสียงแก้วน้ำกระทบกับโต๊ะชาดังก้องและเสียดแทงหูอย่างมาก
“นายก็หัวเราะฉันเหมือนกันหรือไง?” หลี่อิงเจี๋ยถูกเสียงดังนี้เรียกสติ เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ดวงตาสองข้างที่แดงฉานถลึงมองหลินจงชิงอย่างโกรธเกรี้ยว เอ่ยถามเสียงลั่นด้วยใบหน้าแข็งกร้าว
หลินจงชิงที่ถือถาดรองในมือก้มตัวลงไปเก็บกาแฟร้อนที่วางอยู่ตรงหน้าหลี่อิงเจี๋ยแก้วนั้นไปด้วยสีหน้าเฉยชา เขาไม่ได้โมโห เพียงแต่ทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งว่า “มีอะไรน่าหัวเราะ? ดูจากวิธีการเมื่อก่อนของนาย ฉันไม่แปลกใจเลยที่มีคนหักหลังนาย”
คำพูดประโยคนี้ของหลินจงชิงแทงเข้าไปในจุดสำคัญของหลี่อิงเจี๋ย ไฟโทสะของเขาลุกโชน ความโศกเศร้าท้อแท้ที่อยู่ในใจแต่เดิมวิ่งหนีหายไปทันที เขาชี้ไปยังกาแฟในมือหลินจงชิงอย่างขุ่นเคือง กล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “ต่อให้เมื่อก่อนฉันเคยใช้วิธีแย่ๆ มารังแกนาย นายก็เก็บกาแฟของฉันไปไม่ได้ อีกอย่าง นายให้น้ำเย็นฉันในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้เนี่ยนะ นายใช้อำนาจส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัวหรือไง?”
หลินจงชิงได้ยินคำกล่าว มุมปากก็แสยะขึ้น ชี้ไปยังน้ำเย็นที่ปล่อยไอเย็นแก้วนั้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันคิดว่า ตอนนี้นายเหมาะกับใช้เจ้านี่มาสงบสติอารมณ์ที่สุดแล้ว ก็แค่คนทรยศโผล่ออกมาเองไม่ใช่หรือไง ต้องถึงขั้นจมปลักอยู่ในความทุกข์ขนาดนั้นเชียวเหรอ? นายที่เป็นแบบนี้ไม่เหมือนกับหลี่อิงเจี๋ยคนก่อนที่รู้จักแค่ข่มเหงรังแกฉันเลยจริงๆ”
กล่าวจบเขาก็ไม่แม้แต่จะหันหน้ามา เดินกลับไปที่ห้องครัวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ท่าทีนั้นเหมือนกับไม่เห็นหลี่อิงเจี๋ยที่โกรธจัดอยู่ในสายตาเลย
หลี่อิงเจี๋ยมักจะเย่อหยิ่งลำพองตนมาตลอด ถึงแม้คนทรยศปรากฏตัวขึ้นในทีมของเขา ทำให้เขาสะเทือนใจมากจริงๆ ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต ถึงแม้เขาจะถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้อยู่ในมือหลิงหลานหลายครั้ง แต่โดยรวมแล้ว เขายังคงใช้ชีวิตอย่างราบรื่นสุดขีด ถูกคนที่บ้านโอ๋ตามใจ ถูกลูกน้องในทีมประจบประแจงเอาใจมาตลอด บ่มเพาะให้เขามีนิสัยเย่อหยิ่งอวดดี เวลานี้โดนคนที่เขาเคยดูถูกเมื่อก่อนพูดจาเยาะหยันใส่ นี่ทำให้เขารู้สึกอัปยศอดสู ไม่อาจทานทนได้
ดังนั้นเขาเลยหุนหันตามหลินจงชิงไปโดยไม่สนใจอู่จย่งกับหลิงหลานจนมาถึงห้องครัว อยากจะโต้เถียงกับอีกฝ่ายด้วยเหตุผล ไอ้หลินจงชินเวรตะไลนี่ไม่มีมิตรภาพของเพื่อนเลยหรือไง? ซ้ำเติมใส่คนอื่นเนี่ยนะ…นี่ มะ แม่งชั่วช้าเกินไปแล้ว
อู่จย่งมองหลี่อิงเจี๋ยที่เมื่อสักครู่ยังจมอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้ากล่าวโทษตัวเองด้วยความประหลาดใจ เวลานี้อีกฝ่ายไล่ตามคนไปที่ครัวอย่างฮึกเหิมประหนึ่งมังกรพยัคฆ์ผาดโผน เปิดฉากโต้เถียงกับหลินจงชิงอย่างดุเดือด เขามองหลิงหลานที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อตะกี้เขายังคิดอยู่เลยว่าจะปลอบหมอนั่นยังไง
หลิงหลานหรี่ตาลงน้อยๆ วางแก้วน้ำในมือลง แล้วตอบอย่างเฉยชาว่า “เรื่องของหลี่อิงเจี๋ย พวกเราไม่ต้องไปสนใจแล้ว ฉันเชื่อว่าเขารู้ว่าปัญหาของตัวเองอยู่ที่ไหน” ไม่เช่นนั้นการสะเทือนใจของหลี่อิงเจี๋ยในตอนแรกคงไม่มากขนาดนี้ ความจริงเขารู้ดีว่า ปัญหาของตัวเองอยู่ตรงไหน เพียงแต่ในใจไม่ยอมรับเท่านั้น
เวลานี้อู่จย่งก็ใจเย็นลงแล้วเช่นกัน เขาผงกศีรษะกล่าวว่า “ก็ใช่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อศึกใหญ่วันพรุ่งนี้บ้างหรือเปล่า” อู่จย่งอดเป็นห่วงนิดหน่อยไม่ได้
“ไม่เป็นไร สาเหตุที่ฉันไม่อยากเปิดเผยรายชื่อก่อนการประลองก็เพราะไม่อยากให้มีปัญหาใหม่เข้ามาแทรกแซงเท่านั้น อันที่จริง ต่อให้เหลยถิงรู้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร” ท่าไม้ตายที่แท้จริงไม่เคยอยู่บนรายชื่อชุดนั้น หลิงหลานแค่ใช้ความจริงเป็นภาพลวง ใช้ภาพลวงเป็นความจริงมาสร้างม่านควันเท่านั้น ทำให้เหลยถิงเชื่อจริงๆ ว่าไพ่ตายของหลิงเทียนมีเพียงสองคนที่อยู่บนรายชื่อนั้น
พอได้ฟังคำพูดของหลิงหลาน อู่จย่งค่อยวางใจในที่สุด ลูกพี่หลานไม่รับปากส่งๆ ถ้ารับปากก็หมายความว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว
อู่จย่งกับหลิงหลานหารือปัญหาที่ต้องระวังในการประลองวันพรุ่งนี้ต่อ ทันใดนั้นพวกเขาสังเกตเห็นว่าเสียงทรงพลังดังลั่นแต่เดิมของหลี่อิงเจี๋ยหายไปจากในครัวแล้ว ทั้งคู่มองไปทางห้องครัวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเห็นหลี่อิงเจี๋ยถือผ้าขี้ริ้วสะอาดสะอ้านผืนหนึ่งด้วยความฉุนเฉียว เช็ดแก้วในมืออย่างรุนแรง เรี่ยวแรงนั้นประหนึ่งว่าแก้วใบนั้นคือศัตรูคู่อาฆาตของเขา
อู่จย่งรู้สึกว่าแก้วใบนั้นดูคุ้นตาเหลือเกิน เขาเผลอมองดูแก้วกาแฟในมือตัวเอง ก่อนจะรู้แล้วว่านั่นคืออะไร
“หัวหน้าอู่ อยากได้กาแฟอีกไหม?” หลินจงชิงสังเกตเห็นอู่จย่งมองไปที่แก้วของตัวเอง ก็ยกหม้อกาแฟที่ตั้งอยู่บนชั้นขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วแล้วเดินออกมาเอ่ยถามด้วยความจริงจัง
“ฮะ อ้อ ได้ ก็ได้…เอ่อ งั้นก็ เติมนิดหน่อยละกัน” หลินจงชิงถามออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้อู่จย่งตอบกลับไปตามจิตใต้สำนึก เขาเพิ่งจะยื่นแก้วกาแฟในมือไป ถึงค่อยพบว่ากาแฟของตัวเองยังดื่มไม่ถึงสองอึก ตอนนี้แทบจะเต็มแก้ว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสริมอีกประโยคด้วยความเกรงใจ
หลินจงชิงคล้ายกับไม่สังเกตเห็นความประดักประเดิดของอู่จย่ง เขาเทกาแฟให้อู่จย่งนิดหน่อยด้วยความจริงจังสุดขีด ก่อนจะถือหม้อกาแฟเดินกลับไปที่ห้องครัว…
“ฉันเช็ดสะอาดแล้ว นี่ไง สรุปให้ฉันดื่มกาแฟได้แล้วใช่ไหม…” หลี่อิงเจี๋ยเห็นหลินจงชิงกลับมาก็รีบชูแก้วที่ถูกเขาเช็ดจนไม่มีรอยเปื้อนเลยสักนิดเดียว บ่งบอกหลินจงชิงว่าเทกาแฟให้เขาได้แล้ว
หลินจงชิงเหลือบมองอย่างเย็นเยียบ เขาวางหม้อกาแฟลงบนชั้นแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “อยากดื่มก็เทเองสิ!”
“เพราะอะไร? อู่จย่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม ฉันเองก็เป็นหัวหน้ากลุ่มเหมือนกันนะ ทำไมนายถึงเทให้เขาได้ แต่เทให้ฉันไม่ได้?” หลี่อิงเจี๋ยฉุนขาดอีกครั้ง
“นายทำผิดแล้วยังมีคุณสมบัติให้คนอื่นเทกาแฟให้นายอีกเหรอ?” หลินจงชิงโยนคำพูดประโยคนี้ใส่อย่างนิ่งเรียบ ไม่แยแสหลี่อิงเจี๋ยที่ถูกเขายั่วโทสะจนหน้าแดงหูแดง สองมือกำหมัด ทำหน้าเหมือนอยากจะอัดคนอีกต่อไป
“หัวหน้าพลาธิการคนนี้ของนาย ในที่สุดก็ได้แก้แค้นสักทีนะ” อู่จย่งมองถึงตรงนี้ก็อดส่ายหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนไม่ได้ และก็รู้สึกจนใจที่หลี่อิงเจี๋ยรนหาที่เข้าไปรับการข่มเหงรังแกเอง
หลิงหลานเงยหน้ามองอู่จย่ง กล่าวเรียบนิ่งว่า “จงชิง เขาไม่ได้กำลังแก้แค้นสักหน่อย”
อู่จย่งตะลึงงัน หลิงหลานกล่าวพลางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “นายไม่รู้สึกเลยหรือไงว่าหลี่อิงเจี๋ยเปลี่ยนกลับไปเป็นหลี่อิงเจี๋ยคนก่อนแล้ว? อวดดี วางอำนาจ ไม่มีเหตุผลนิดๆ?”
อู่จย่งรู้แจ้งแล้ว เขามองไปยังหลินจงชิงที่เมินใส่หลี่อิงเจี๋ยอยู่ในห้องครัวคนนั้นด้วยสายตาล้ำลึก เป็นอีกครั้งที่พบว่าเขาสู้ลูกพี่หลานในด้านเข้าใจคนอื่นไม่ได้จริงๆ ในสายตาของเขา การกระทำของหลินจงชิงดูเหมือนกำลังเยาะหยันหลี่อิงเจี๋ยอย่างชัดเจน ล้างแค้นที่เขาถูกหลี่อิงเจี๋ยบีบคั้นในตอนนั้น ทว่าหลังจากที่การเตือนสติของลูกพี่หลาน เขาถึงค่อยสังเกตเห็นว่า หลินจงชิงแค่กำลังใช้วิธียั่วยุทำให้หลี่อิงเจี๋ยที่สะเทือนใจจนขาดความมั่นใจ สูญเสียเป้าหมายไปฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
คิดๆ แล้วก็ใช่ ถ้าเกิดหลินจงชิงใจแคบขนาดนั้น แล้วเขาจะคู่ควรให้ติดตามลูกพี่หลานจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? เขายังคงดูถูกหลินจงชิงอยู่สินะ
ไม่เอ่ยถึงความรู้สึกล้มเหลวในใจอู่จย่งแล้ว หลี่อิงเจี๋ยรู้สึกว่าเขากับหลินจงชิงคือศัตรูคู่อาฆาตตั้งแต่ชาติปางก่อน และเป็นอริกันในชาตินี้จริงๆ นี่ทำให้พวกเขาไม่มีวันที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้เลย เขาถูกหลินจงชิงยั่วโมโหจนแทบจะเดือดแล้ว โชคดีที่จำได้ว่าเขาอยู่ในอาณาเขตของลูกพี่หลาน ไม่ง่ายเลยกว่าจะระงับโทสะของตัวเองได้ จากนั้นค่อยเดินตามอู่จย่งออกไปจากที่พักของหลิงหลานด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เวลานี้หลี่อิงเจี๋ยคิดแค่ว่า เขาจะให้หลินจงชิงดูถูกเขาไม่ได้เด็ดขาด เขา หลี่อิงเจี๋ยก็คือคนที่เย่อหยิ่งโดยกำเนิด แม่งเอ๊ย ก็แค่คนทรยศคนเดียวเองไม่ใช่หรือไง? เขาจะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่า หากทรยศเขา หลี่อิงเจี๋ยแล้ว ก็จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอนาคตอีก
ดังนั้น ศึกประลองหุ่นรบกับเหลยถิงในวันพรุ่งนี้ เขาจะต้องชนะ ต้องให้อีกฝ่ายรู้ว่า หากคิดจะทำให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนหายไป อยากเห็นเขา หลี่อิงเจี๋ยตกอับละก็ ไม่มีทางอยู่แล้ว
หลี่อิงเจี๋ยที่เดิมทีถูกราชันสายฟ้าเฉียวถิงบีบคั้นจนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง ภาระที่ถ่วงอยู่ในใจถูกกวาดออกไปจนหมดเพราะการทรยศในครั้งนี้ และก็เพราะการกระตุ้นของหลินจงชิง หลี่อิงเจี๋ยในยามนี้กลายเป็นคนหยิ่งผยองอวดดีคิดว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าโดยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเหมือนอย่างในตอนแรกอีกครั้ง ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างราชันสายฟ้าเฉียวถิง หลี่อิงเจี๋ยในยามนี้กัดจนเนื้อหลุดออกมาได้อย่างไม่กลัวตาย
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน เวลามาถึงบ่ายโมงอย่างรวดเร็ว โรงเรียนทหารตัดสินใจให้เป็นวันหยุดของทั้งโรงเรียนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้นักเรียนทั้งหมดสามารถชมการประลองหุ่นรบของหลิงเทียนกับเหลยถิงได้ ถึงขนาดที่อาจารย์ของระดับชั้นต่างๆ ให้การบ้าน เขียนความรู้สึกหลังจากที่ชมการประลองด้วย….
การประลองหุ่นรบระหว่างหลิงเทียนกับเหลยถิงเป็นการประลองเสมือนจริง ดังนั้นสนามประลองจึงอยู่ในโลกหุ่นรบ เพียงแต่การประลองนี้ถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักกำหนดให้เป็นสนามภายใน อนุญาตให้แค่คนที่อยู่ในจุดล็อกอินของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้รับชมเท่านั้น
ภายในโลกหุ่นรบ ไม่ว่าเป็นเหลยถิงหรือว่าหลิงเทียนต่างเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว รอคอยการแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก เข้าสู่แผนที่การประลองหุ่นรบ
เพื่อรับประกันความยุติธรรม เลยให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักสุ่มเลือกแผนที่ประลองหุ่นรบ ทีมหุ่นรบทั้งสองทีมต่างไม่รู้ว่าพวกเขาจะเข้าไปทำการต่อสู้ในแผนที่ใด เมื่อเทียบกับกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแล้ว เหลยถิงดูมีความมั่นใจมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรเสีย พวกเขาที่เคยผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนค่อนข้างรู้จักแผนที่ต่างๆในโลกหุ่นรบ พูดได้ว่า เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่แผนที่จะต้องรับมืออย่างไรนั้น พวกเขามีประสบการณ์มากกว่ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแน่นอน
ภายในห้องพักผ่อนของสมาชิกเข้าร่วมประลอง 12 คนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน เมื่อหลิงหลานขับหุ่นรบที่ฉางซินหยวนปรับแต่งตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทุกคน ก็ทำให้หลายคนที่ไม่รู้เบื้องลึกอุทานด้วยความตกใจไม่หยุด เป็นเหมือนอย่างที่พวกหลิงหลานคาดการณ์ไว้เลย พวกอู่จย่ง หลี่อิงเจี๋ยต่างคิดว่าหุ่นรบของหลิงหลานคือหุ่นรบระดับพิเศษ พวกอู่จย่ง หลี่อิงเจี๋ยต่างอิจฉาและทอดถอนใจด้วยความชื่นชมที่หลิงหลานกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนแรกของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน เป็นอย่างที่คาดไว้เลย ลูกพี่หลานคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาจริงๆ ด้วย
เนื่องจากครั้งนี้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนมีผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษออกไปประลองสามคน ทำให้หัวใจพวกอู่จย่งรู้สึกรู้สึกสงบลงมาก ถึงแม้หลิงหลานเน้นย้ำมาตลอดว่า หลิงเทียนไม่มีทางพ่ายแพ้ในการประลองกับเหลยถิง แต่ในใจพวกเขาก็ยังกระวนกระวายใจอยู่เรื่อยมา ทว่าตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็มีความมั่นใจนิดหน่อยแล้ว
ในทางตรงกันข้าม คนเดียวที่สงบนิ่งคือหลี่อิงเจี๋ย คาดว่าเขาคงถูกหลินจงชิงกระตุ้นมากเกินไป แววตาของเขาจึงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้ ราวกับอยากใช้ความสามารถมาพิสูจน์ว่า เขา หลี่อิงเจี๋ยไม่มีทางถูกโค่นล้ม
ไม่นาน ทุกคนต่างได้รับข้อความแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก สามนาทีให้หลัง พวกเขาถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักดึงเข้าไปในสนามต่อสู้โดยอัตโนมัติ
หลิงหลานกวาดมองทั้งสิบเอ็ดคนในห้องด้วยแววตาเย็นเยียบ เอ่ยว่า “เดี๋ยวพอเข้าไปแล้ว ถ้าเกิดทุกคนอยู่ด้วยกัน ก็จับกลุ่มกันตั้งเป็นทีมที่เราจะจัดเตรียมไว้ในตอนแรกก่อน ถ้าเกิดแยกกัน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือซ่อนตัวเองให้ดีก่อน ฉันจะคิดวิธีติดต่อพวกนาย เวลานั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องให้พวกนายจับกลุ่มกันเป็นทีมสามคนที่อยู่ใกล้กันที่สุดแล้วออกปฏิบัติการด้วยกัน การร่วมมือกันอะไรอาจจะไม่คุ้นเคยมากนัก ทุกคนต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดี”
คำเตือนของหลิงหลานทำให้ทุกคนใจกระตุก รีบตอบว่า “เข้าใจแล้ว ลูกพี่หลาน”