I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 164 นักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบัน
“เชี่ย เข้าไปไม่ได้แล้ว! เขตที่พักทั้งหมดถูกโล่คุ้มกันพลังงานแสงล้อมไว้แล้ว” เดิมทีนักเรียนปีสิบห้าหกคนนี้อยากจะดูเรื่องสนุก ถ้าเกิดเห็นว่าสถานการณ์แย่แล้วก็จะหนีกลับไปยังเขตที่พัก ไม่นึกเลยว่าออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจะไม่ให้โอกาสนักเรียนที่คิดจะเอาเปรียบเหล่านี้เลย ใช้โล่พลังงานแสงปิดผนึกเขตที่พักทั้งหมด ตอนนี้คนด้านในเดินออกไปไม่ได้ คนด้านนอกก็เดินเข้าไปไม่ได้เช่นกัน
“งั้นจะทำยังไงดี?” นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
“ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ หาสถานที่ซ่อนตัวสักแห่ง รอจนเรื่องจบแล้วพวกเราค่อยออกมา…หึๆ ครั้งนี้คนของปีเจ็ดน้อยกว่าพวกเราร้อยกว่าคน พวกเราปีสิบชนะการต่อสู้ประจัญบานได้ง่ายๆ แน่นอน การที่พวกเราเข้าการต่อสู้ประจัญบานย่อมเป็นการเข้าร่วมที่ถูกต้องแล้ว” คนพูดดูหยิ่งทระนงอยู่บ้าง ดูเหมือนเป็นผู้นำของพวกเขา
“หัวหน้า ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
“ฉันเคยไปค้นข้อมูลดูแล้ว ทุกครั้งฝ่ายที่ชนะการต่อสู้ประจัญบานจะได้รับทรัพยากรของสถาบันมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าคนที่ไม่ได้เข้าร่วมจะไม่มีสิทธิ์ใช้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเสี่ยงพาพวกนายออกมาร่วมด้วยทำไมเล่า”
“ถ้าเกิดเจอนักเรียนปีเจ็ดห้องสเปเชียลเอขึ้นมาจะทำยังไง?” พวกเขาต่างเป็นคนของห้องทั่วไป ต่อให้อยู่สูงกว่าเด็กปีเจ็ดสามปี ก็ต่อกรกับพวกอัจฉริยะของห้องเอไม่ไหวเหมือนกันนะ
“โง่น่า เพราะฉะนั้นพวกเราถึงต้องซ่อนตัวให้ดีไง ถ้าโชคร้ายจริงๆ พวกเราก็ยอมแพ้ พอยอมแพ้ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถลงมือกับพวกเราได้แล้ว ถ้าเกิดลงมือก็กดปุ่มขอความช่วยเหลือ อาจารย์ก็จะมาช่วยพวกเรา เวลานั้น คนที่ลงมือก็จะสูญเสียคุณสมบัติในการต่อสู้ประจัญบานไป….” ดูท่าหัวหน้าทีมคนนี้จะเสียแรงไปทำความเข้าใจกฎที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ประจัญบานเพื่อจับปลาในน้ำขุ่น[1]จริงๆ
“ดูเหมือนมีคนมาแล้ว ซ่อนตัวเร็วเข้า…” หัวหน้าทีมรู้สึกได้ว่ามีเสียงดังเข้ามาใกล้ๆ ก็รีบพาลูกทีมไปซ่อนตัวในป่าเล็กๆ ด้านข้าง
เวลานี้มีพื้นที่หลายแห่งที่นักเรียนปีเจ็ดปะทะกับนักเรียนปีสิบอย่างเป็นทางการแล้ว….
หลิงหลานได้ยินคำประกาศของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักก็พยักหน้าให้กับพวกฉีหลง จากนั้นก็เห็นพวกเขาแยกกันเป็นสองกลุ่มโดยฉีหลงอยู่กับหานจี้จวิน ลั่วล่างอยู่กับหลินจงชิง ก่อนจะออกไปจากจัตุรัสรื่อเย่ว์อย่างรวดเร็ว จัตุรัสรื่อเย่ว์ที่เดิมทีมีผู้คนอยู่กันอย่างคับคั่งพลันเงียบสนิท มีเพียงหลิงหลานยืนอยู่บนเวทีคนเดียว ทอดตามองไปยังทิศทางหนึ่งไกลๆ
“เสี่ยวซื่อ อันดับหนึ่งของห้องเอปีสิบอยู่ที่ไหน?” หลิงหลานตระหนักได้ว่าต้องทดสอบน้ำก่อน ดูว่าผู้แข็งแกร่งของปีสิบอยู่ระดับไหนกันแน่
เสี่ยวซื่อใช้จุดแดงแสดงต่ำแหน่งอันดับหนึ่งของปีสิบบนแผนที่แนวราบของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือออกมาทันที หลิงหลานพุ่งทะยานครั้งเดียวก็ออกไปจากจัตุรัสรื่อเย่ว์อย่างไร้สุ้มไร้เสียง
…………….
“หัวหน้า ไม่ซ่อนตัวเหรอ?” ณ ที่แห่งหนึ่งในสถาบัน มีคนหกคนกำลังยืนโจ่งแจ้งอยู่ในสถานที่สะดุดตาแห่งหนึ่ง ชุดเครื่องแบบสีแดงสดบนตัวแสดงให้เห็นถึงระดับห้องเรียนของพวกเขา สมาชิกทีมหนึ่งในนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าตกใจขณะมองดูเด็กหนุ่มในกลุ่มคนหนึ่งที่มีสีหน้าเคร่งขรึม
“ก็แค่กลุ่มนักเรียนปีเจ็ด มีค่าพอให้พวกเราซ่อนตัวด้วยเหรอ?” เด็กหนุ่มหน้าเคร่งเครียดไม่ได้ตอบ แต่ลูกทีมอีกคนที่อยู่ข้างกายพูดพลางยักคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย ไม่เอาสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้ประจัญบานมาใส่ใจ
“ได้ยินว่าฉีหลงที่เป็นอันดับหนึ่งของพวกเขาร้ายกาจมาก….” ลูกทีมที่มีสีหน้าตกใจเอ่ยเตือน
ไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกมาตลอดว่ามีอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา ถึงแม้เขาไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่มีหลายครั้งที่เขาพึ่งพาสัมผัสแบบนี้ทำให้เขาผ่านพ้นวิกฤติไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า และคราวนี้ ความรู้สึกถึงอันตรายรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก เพียงแต่เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพราะว่าพูดออกมาแล้วก็ไม่มีใครในทีมยอมเชื่อเขา
“ปีที่แล้ว เขาท้าประลองกับเด็กปีแปด หรือก็คือหลูจิ้ง อันดับหนึ่งของปีเก้าในตอนนี้แล้วก็พ่ายแพ้ไป ส่วนหลูจิ้งก็ไม่สามารถรับมือหัวหน้าได้สามสิบกระบวนท่า พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้าแน่นอน” ลูกทีมอีกคนเอ่ยแย้ง
“ใช่แล้ว หัวหน้าเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่เข้าสู่ระดับพลังปราณเพียงคนเดียวของสถาบันลูกเสือในตอนนี้! เขาเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบัน!” ลูกทีมอีกคนกล่าวด้วยใบหน้าที่เผยความเลื่อมใสออกมา “ถ้าเกิดหัวหน้าประกาศข่าวนี้ออกไปละก็ ไอ้พวกสวะปีเจ็ดจะกล้าเสนอการต่อสู้ประจัญบานอะไรนี่ออกมาที่ไหนกัน”
ในตอนนี้เอง เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเคร่งขรึมก็เอ่ยปากว่า “เอาล่ะ ในเมื่อมีความสามารถก็ไม่สู้ไปจัดการพวกปีเจ็ดให้มากๆ ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนอีก…”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความเดือดดาลออกมา เขาเป็นบุตรที่รักแห่งสวรรค์ของชั้นปีนี้ แต่ว่าสามปีก่อนกลับพ่ายแพ้ให้กับทีมฝ่าด่านของสถาบันลูกเสือในดาวระดับสาม ปีนี้ นักเรียนปีสิบที่นำโดยเขาถูกพวกรุ่นน้องปีเจ็ดท้าต่อสู้ประจัญบาน นี่เป็นการตบหน้าเขาชัดๆ! คิดว่าชั้นปีของพวกเขาเป็นชั้นปีที่รังแกได้ง่ายจริงๆ หรือไง?
“มีคนมาแล้ว!” ทันใดนั้นเองหนึ่งในลูกทีมก็เอ่ยปากเตือนขึ้นมา
จากนั้นก็เห็นกลุ่มนักเรียนปีเจ็ดที่สวมชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินชะโงกหัวออกมาจากในพุ่มไม้ไม่ไกล….
“เชี่ย ทำไมพวกเราซวยขนาดนี้วะ เข้ามาก็เจอทีมของจางจิงอัน อันดับหนึ่งของปีสิบเลยเนี่ยนะ” หัวหน้าที่นำทีมนี้เห็นใบหน้าของนักเรียนที่ถูกขนามนามว่าเป็นลูกเสือที่แข็งแกร่งที่สุดของปีนี้ ในใจเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา รีบส่งสัญญาณให้พวกลูกทีมถอยหลังหนีไปเร็วๆ
“เอ่อ ทำไมไม่เห็นพวกเขาแล้วล่ะ?” หนึ่งในลูกทีมหันหน้ากลับไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่กลับพบว่าหกคนที่เดิมทียืนอยู่ตรงนั้นได้หายตัวไปกันหมดแล้ว
“แย่แล้ว รีบพุ่งไปเร็ว!” เสียงของหัวหน้าทีมยังเอ่ยออกมาไม่หมดก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนมหาศาลส่งมาจากใต้เท้าตัวเอง ร่างของเขาล้มกระเด็นขึ้นมา จากนั้นก็กระแทกลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง หน้าอกอึดอัดจนอยากจะอาเจียน
หัวหน้าทีมรีบเด้งตัวขึ้นตรวจดูเพื่อนร่วมทีมข้างกาย ก่อนจะพบว่าสถานการณ์ย่ำแย่มาก ลูกทีมที่อ่อนแอที่สุดถึงกับกระอักเลือดออกมา ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมาก
เวลานี้ ร่างของคนทั้งหกปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา เป็นพวกจางจิงอันหกคนที่เดิมทีอยู่ด้านหลังพวกเขาหนึ่งร้อยเมตร
หนึ่งในนั้นพุ่งเข้ามาฉับพลันและใช้กระบองทุบไปยังหัวหน้าทีมปีเจ็ดห้องทั่วไปคนนี้
หัวหน้าทีมมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วสุดขีด เขาพุ่งตัวหลบ และเหวี่ยงกระบองยางในมือ เข้าไป แต่เมื่อกระบองบาง กำลังจะโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามนั้น จู่ๆ ร่างของอีกฝ่ายก็หายไป หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าท้องถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเท่านั้น ทั่วทั้งร่างเขากระเด็นออกไปอีกครั้ง แล้วกระอักเลือดออกมากลางอากาศทันที!
โจมตีแค่ครั้งเดียว เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้แน่นอน! ในใจหัวหน้าทีมผุดความคิดนี้ขึ้นมาทันใด เดิมทีความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของร่างกายต้องทำให้การรับรู้ของเขาเชื่องช้าลง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นิ้วมือของเขาพลันกดปุ่มยอมแพ้รวดเร็วกว่าความคิดของเขาเสียอีก ในขณะเดียวกันปุ่มขอความช่วยเหลือก็ส่องสว่างขึ้นมา
เขาเพิ่งจะร่วงลงพื้น ลูกทีมของปีสิบคนนั้นก็โจมตีตามเข้ามา เมื่อฟาดกระบองลงไปก็เห็นอุปกรณ์สื่อสารส่องแสงสีขาวขึ้นมาสายหนึ่ง ดีดกระบองอันนั้นออกไปทันที! ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนก็ได้รับการแจ้งเตือนของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักพร้อมกันว่า “โจมตีใส่เป้าหมายที่ยอมแพ้หนึ่งครั้ง หัก 100 แต้ม!”
“เชี่ย อะไรวะ ถูกหักคะแนนเนี่ยนะ!” ลูกทีมปีสิบคนนั้นเห็นข้อความที่ส่งมาในอุปกรณ์สื่อสารก็ตะโกนด้วยความเดือดดาลสุดขีด
จางจิงอันมองหัวหน้าทีมห้องทั่วไปที่ล้มลงกับพื้นคนนั้นแล้วก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก สามารถกดปุ่มยอมแพ้กลางอากาศในชั่วพริบตา หลิวเหลียน นายประมาทมากไปแล้ว”
“ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาตอบสนองของหมอนี่จะยอดเยี่ยมมากเลยนะ!” ลูกทีมอีกคนมองหัวหน้าทีมปีเจ็ดห้องทั่วไปด้วยความสนใจ รู้สึกอยากวิจัยดูมากๆ
“พวกเรายอมแพ้แล้ว!” ในใจหัวหน้าทีมปีเจ็ดห้องทั่วไปรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา รีบตะโกนเตือนอีกครั้ง คู่ต่อสู้ที่ยอมแพ้แล้วคือคนที่ไม่สามารถลงมือได้อีกต่อไป ลูกทีมคนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยารวดเร็วมากเช่นกัน กดปุ่มยอมแพ้ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน
“ชิ ไม่สนุกเลยจริงๆ!” เดิมทีพวกเขาหวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะต่อต้าน ให้พวกเขาได้เล่นสนุก ไม่นึกเลยว่าคนกลุ่มนี้จะไม่มีความกล้าเลยสักนิดเดียว หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งเดียวก็ตัดสินใจยอมแพ้อย่างรวดเร็ว
พวกคนของปีสิบไม่คาดคิดเลยว่า ปีเจ็ดจะเด็ดขาดขนาดนี้ การที่ตัดสินใจยอมแพ้ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเป็นเพราะหลิงหลานใช้พลังควบคุมจิตใจสั่งคนเหล่านี้อย่างลับๆ ว่า เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถแตกต่างกันมากเกินไป ก็ไม่ต้องทำการต่อต้านอย่างไร้ความหมาย แต่ให้เลือกยอมแพ้ทันทีเพื่อรักษาชีวิตไว้
ความจริงแล้ว แรกเริ่มเดิมทีการต่อสู้ประจัญบานไม่ได้นองเลือดขนาดนั้น คนที่เข้าร่วมการต่อสู้ประจัญบานทุกคนต่างรู้ว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองคือใคร พูดอีกอย่างก็คือ ห้องทั่วไปหาห้องทั่วไป ห้องดีเด่นหาห้องดีเด่น ห้องพิเศษหาห้องพิเศษ ทุกคนต่างเลือกต่อสู้กับคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายต่างเพิ่มความสามารถให้สูงขึ้นได้ ในขณะเดียวกันก็ได้รับประสบการณ์ต่อสู้ในระดับหนึ่งด้วย
เพียงแต่พอถึงช่วงหลัง การต่อสู้ประจัญบานเริ่มเปลี่ยนไป ยอดฝีมือจัดการกับพวกนักเรียนห้องทั่วไปก่อนเพื่อให้ ได้รับชัยชนะ เจอคนที่จิตใจบิดเบี้ยวก็ถึงขั้นไม่ให้โอกาสพวกนักเรียนทั่วไปยอมแพ้ สังหารพวกเขาทันที ฝ่ายที่ถูกทำร้ายจึงตัดสินใจว่าเลือดต้องแลกด้วยเลือด เลยเกิดปรากฏการณ์ที่ยอดฝีมือสังหารนักเรียนทั่วไปเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ไม่อาจหยุดสถานการณ์ได้อีก นักเรียนบาดเจ็บล้มตายแสนสาหัสเลยต้องโดนสถาบันสั่งห้ามไว้
หลิงหลานย่อมรู้เรื่องโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การต่อสู้ประจัญบานแน่นอน หลิงหลานถึงได้ทำการบอกลับๆ ทางจิตเพื่อที่จะหยุดความเป็นไปได้แบบนี้ให้หมด ทำให้พลังจิตของเธอแทบจะเกิดการกลืนกินกลับมา เมื่อพบคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถแตกต่างกันมากเกินไปหรือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็จะยอมแพ้ทันที ต่อให้หมดสติ ร่างกายก็จะสั่งให้กดปุ่มยอมแพ้อย่างลับๆ เช่นกัน
“พวกเราไปกันเถอะ พวกเขายอมแพ้แล้ว อีกไม่นานอาจารย์ก็จะเข้ามาพาพวกเขาไป” ลูกทีมอีกคนกล่าวเตือนว่า รั้งอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นการเสียเวลา
“ก็ได้ ฉันสัมผัสได้ว่ามีหนูกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้คนที่มาอยู่ระดับไหน หวังว่าจะทำให้พวกเราสนุกได้นะ” หนึ่งในลูกทีมสัมผัสได้อีกแล้วว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ สายตาของเขาเปล่งแสงสีแดงออกมาจางๆ
“ไป!” จางจิงอันทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะหายตัวไปฉับพลัน หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ตามเขาออกไป
เมื่อเห็นว่ารอบๆ บริเวณไม่มีใครแล้ว สมาชิกทีมปีเจ็ดห้องทั่วไปกลุ่มนี้พลันรู้สึกโล่งอก
“ที่แท้นี่ก็คือทีมอันดับหนึ่งของห้องเอปีสิบ ความสามารถของพวกเราห่างกับพวกเขามากเกินไปแล้ว แค่ท่าเดียวยังรับไว้ไม่ได้เลย…” ความรู้สึกของหัวหน้าทีมดิ่งลงอย่างยิ่งยวด “ไม่รู้ว่าฉีหลงจะต้านทานไหวหรือเปล่า…”
“ฉีหลงแพ้ให้กับหลูจิ้งปีเก้าไปแล้ว หลูจิ้งปีเก้าสู้จางจิงอันไม่ได้ ฉันไม่เห็นจุดจบที่ดีของการต่อสู้ประจัญบานคราวนี้เลย!” มีลูกทีมแสดงท่าทีมองโลกในแง่ร้าย
“พูดอะไรกัน? พวกนายลืมไปแล้วหรือไงว่า เหนือกว่าฉีหลงยังมีลูกพี่อยู่ พวกเรามีหลิงหลาน ราชาไร้มงกุฎที่แท้จริงของปีเจ็ดคอยบัญชาการอยู่นะ?” สมาชิกทีมอีกคนไม่พอใจแล้ว “กระบวนท่าเดียว? หัวหน้า นายรับหนึ่งกระบวนท่าของลูกพี่หลิงหลานได้หรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าหัวหน้าทีมจะโดนลูกทีมพูดจาเสียดแทง แต่เขากลับไม่ได้โกรธเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม เขารู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา “ใช่แล้ว ฉันลืมไปได้ยังไงว่าพวกเรายังมีลูกพี่หลิงหลานอยู่ ไม่ว่าใครก็พ่ายแพ้ในเงื้อมมือเขาด้วยกระบวนท่าเดียว เขาไม่ด้อยไปกว่าจางจิงอันแน่นอน”
“แต่ว่าคราวนี้พวกเราขายหน้าแล้ว เปิดการต่อสู้ได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ถูกเตะออกมาสนามรบ กลับไปแล้วต้องฝึกฝนให้ดีๆ…” หัวหน้าทีมเอ่ยพลางถอนหายใจ
คำพูดของเขาทำให้ลูกทีมทุกคนเงียบไป ใช่แล้ว พวกเขาน่าจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ออกจากสนาม นี่มันน่าขายหน้ามากจริงๆ! ในใจของพวกเขาผุดความคิดอย่างรุนแรงว่าต้องการแข็งแกร่งขึ้น ถ้าหากอนาคตยังมีการต่อสู้ประจัญบานเกิดขึ้นอีก พวกเขาไม่อยากเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่ออกจากสนามอีกแน่นอน!
…………………………