I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 275 เคลื่อนไหวตามลำพัง
หานจี้จวินกลับใจเย็นอย่างเหนือความคาดหมาย เขาคัดค้านความคิดของทั้งคู่ทันที
หานจี้จวินคิดว่า การเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้งในขณะที่สถานการณ์ไม่แน่ชัดจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแทน อาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ถ้าหากอีกฝ่ายเกิดความหวั่นกลัวขึ้นมาในใจ ย้ายลั่วล่างไปยังสถานที่ที่ปิดบังอำพรางมากกว่านี้ก่อน มันก็จะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อการค้นหาของพวกเขา ถ้าหากทำให้ฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวลั่วล่างได้ถึงหนึ่งเดือนละก็ ต่อให้พวกเขาหาลั่วล่างพบ อนาคตของลั่วล่างก็ถูกอีกฝ่ายทำลายไปแล้ว แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้อดทนรอคอยให้ลูกพี่หลานออกมาแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีดีกว่า
การสอบของนักเรียนทหารทุกปีต่างเข้มงวดมาก การขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลจะถูกถอดถอนคุณสมบัติของนักเรียนทหาร กลุ่มอำนาจมากมายต่างใช้วิธีการชั่วช้าบางอย่างเพื่อช่วงชิงบุคลากร การลักพาตัวก็เป็นวิธีการหนึ่งในนั้น เพียงแต่ใช้น้อยมากๆ ถึงยังไงเบื้องบนก็ยังมีหน่วยสังเกตการณ์ของโรงเรียนทหารควบคุมตรวจสอบกลุ่มอำนาจทุกแห่งที่ลงทะเบียนไว้ในแฟ้มข้อมูลอยู่ โดยปกติแล้วกลุ่มอำนาจไม่มีทางใช้วิธีการนี้นอกเสียจากคนเหล่านั้นมั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างไร้ช่องโหว่
เวลานี้เหล่าคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ที่อยู่ตรงนี้รู้สึกอยู่ในใจรางๆ ว่า ลั่วล่างน่าจะถูกลักพาตัวไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของคนผู้เดียวหรือว่ากลุ่มอำนาจ…
เรื่องนี้ทำให้บรรดาคนของกลุ่มนักเรียนใหม่รู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง เดิมทีพวกเขาต่างเป็นลูกรักพระเจ้าของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ เติบโตขึ้นอย่างราบรื่นมาโดยตลอด แทบจะไม่เจออุปสรรคอะไรภายใต้การนำของหลิงหลาน เมื่อเข้าสู่โรงเรียนทหาร ต่อให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ถูกบีบบังคับให้รับการเดิมพัน ในตอนที่ทุกคนต่างเห็นว่าพวกเขาต้องพ่ายแพ้ พวกเขาก็รีบใช้ประโยชน์ในสภาพเสียเปรียบพลิกกลับมาเอาชนะกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง…
จำเป็นต้องพูดว่าพวกเขาเริ่มทระนงตน เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจในตัวเองแล้ว คิดว่าไม่มีกลุ่มอำนาจไหนสามารถขัดขวางการตั้งตนของกลุ่มนักเรียนใหม่ได้อีกต่อไป แต่ว่าเวลานี้ลั่วล่างกลับหายสาบสูญไปอย่างลึกลับต่อหน้าต่อตาพวกเขา เรื่องนี้เป็นเหมือนกับน้ำเย็นถังหนึ่งที่ราดใส่หัวพวกเขา ทำให้พวกเขารู้ว่าโรงเรียนทหารนั้นลึกล้ำซับซ้อน ยังเร็วเกินไปที่พวกเขาจะหยิ่งผยอง
‘ตึง! ตึง! ตึง!…’ เสียงรองเท้าบูททหารย่ำลงพื้นอย่างแข็งแรงและเป็นจังหวะดังลงมาจากด้านบนบันได มันทรงพลังและมั่นคงทำให้หัวใจของบรรดาคนที่เดิมทีนั่งเคร่งเครียดอยู่ด้านล่างสงบลง พวกเขาแทบจะลุกขึ้นมาหันหน้ามองไปพร้อมกัน ร่างหนึ่งที่ดูคุ้นเคยเดินลงมาจากชั้นบน แววตาของพวกเขาวาวโรจน์ฉับพลัน เปลวไฟของสิ่งที่เรียกว่าความหวังส่องประกายอยู่ด้านใน
หลิงหลานเดินลงมาจากบนบันไดด้วยใบหน้าเย็นเยียบ เมื่อเธอเห็นพวกเขาก็สั่งการว่า “อู่จย่ง พวกนายรออยู่ที่นี่ ทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น…” ถึงแม้น้ำเสียงของหลิงหลานยังคงราบเรียบ แต่ว่าทุกคนในที่แห่งนี้ต่างสัมผัสได้ถึงจิตสังหารบนตัวหลิงหลานรางๆ ไอเย็นทะลวงตรงไปที่หัวใจ
ลูกพี่หลานโมโหแล้ว! หัวใจทุกคนต่างรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร
อู่จย่งอึ้งไป แต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ลูกพี่หลาน!”
หานจี้จวินขมวดคิ้ว แววตาฉายความกังวลขึ้นมาแวบหนึ่ง เอ่ยถามว่า “ลูกพี่หลาน นายคิดจะเคลื่อนไหวตามลำพังเหรอ?”
“ใช่ ฉันหาร่องรอยของลั่วล่างเจอแล้ว แต่ว่าที่นั่นไม่เหมาะให้เคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม ฉันไปช่วยลั่วล่างคนเดียวจะสะดวกกว่า” หลิงหลานอธิบาย
“อีกฝ่ายเป็นใคร?” เซี่ยอี๋เอ่ยปากถามฉับพลัน ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยไฟโทสะ
“กลุ่มหุ่นรบเทียนจี!” หลิงหลานกัดฟันกล่าวออกมาทีละคำ ไฟโทสะที่ฝืนข่มกลั้นมาตลอดปะทุออกมาตามห้าคำนี้ มือขวาของเธออดฟาดลงบนราวจับหน้าบันไดไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงผัวะ ราวจับไม้แข็งๆ ของบันไดถูกหลิงหลานฟาดอย่างแรงจนหักเป็นสองท่อนด้วยความเดือดดาล
หานจี้จวินเห็นดังนั้น สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปยกใหญ่ไม่ได้ “ลูกพี่หลาน หรือว่าลั่วล่างเกิดเรื่องแล้ว?”
สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวดเช่นกันหลังจากคำถามนี้ ดวงตาหลายคู่ที่มีไฟโทสะพุ่งทะยานจ้องมองไปยังหลิงหลาน หวังว่าหลิงหลานจะบอกคำตอบให้พวกเขา
หลิงหลานกัดฟันกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่ไม่รับรองว่าหลังจากนี้จะไม่มี ดังนั้น ฉันต้องรีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”
หลิงหลานมองอู่จย่ง หานจี้จวินและคนอื่นๆ แวบหนึ่ง กำชับว่า “อู่จย่ง จี้จวิน ฉันมอบหมายให้พวกนายจัดการที่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกนายต้องรักษาตำแหน่งไว้ จำเอาไว้ว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ของเราไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และก็ไม่มีใครเคยออกไป…ส่วนลั่วล่างแค่ไปศูนย์วิจัยแพทย์เพื่อตรวจอาการซ้ำเท่านั้น”
หลิงหลานกำชับคำพูดประโยคนี้เสร็จก็เร่งฝีเท้าออกไปจากบ้านพักโดยไม่หันหน้ากลับมาเช่นกัน ก่อนจะหายตัวไปท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีอย่างรวดเร็ว
อู่จย่งเก็บสายตาที่ทอดมองของตัวเองกลับมาแล้วหันหน้าไปถามหานจี้จวินด้วยความสงสัยว่า “หานจี้จวิน นายว่าลูกพี่หลานตั้งใจจะทำอะไรน่ะ?”
หานจี้จวินส่งสัญญาณให้พวกเขากลับไปนั่งลงบนโซฟาที่ห้องโถง และให้หลินจงชิงหาสำรับไพ่เข้ามาฆ่าเวลาเล่น จากนั้นถึงค่อยตอบว่า “กลุ่มหุ่นรบเทียนจีจะเจอโศกนาฎกรรมแล้ว…”
“ฮะ?” อู่จย่งคาดเดาว่าหลิงหลานคิดจะไปช่วยคนตามลำพังเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงหลานถึงไม่ให้คนอื่นๆ รู้ว่าคนของกลุ่มหุ่นรบเทียนจีจับลั่วล่างไปแล้ว
หานจี้จวินแค่ส่ายหน้า ไม่คิดแก้ไขข้อสงสัยให้อู่จย่งเลย นี่ทำให้อู่จย่งกระวนกระวายใจ หัวใจเกิดความร้อนรนขึ้นมา ต่อให้เล่นไพ่ก็เล่นได้ไม่ดีเท่าเดิมเช่นกัน
ความจริงแล้วเซี่ยอี๋ก็คลางแคลงใจอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เขารู้ว่าตำแหน่งของตัวเองคืออะไรก็เลยไม่ไปครุ่นคิดเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีท่าทีไม่แน่ใจเหมือนอู่จย่ง สุดท้ายยังคงเป็นหลินจงชิงที่ทนมองไม่ไหว อดเอ่ยเตือนไม่ได้ว่า “ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าลั่วล่างถูกกลุ่มหุ่นรบเทียนจีจับตัวไป ถ้างั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ว่าวันนี้คนที่กวาดล้างศูนย์บัญชาการเทียนจีคือลูกพี่หลานของพวกเรา…”
แววตาของอู่จย่งวาวโรจน์ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” อย่างไรก็ตาม เขาก็หมดอาลัยตายอยากขึ้นมาอย่างฉับไว ชี้ช่องโหว่ในนั้นออกมาว่า “แต่ว่ามีอุปกรณ์กล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ในโรงเรียนทหารนะ…”
หานจี้จวินยิ้มหยัน “นายรู้ฝีมือของลูกพี่หลานมากเท่าไหร่กัน ในเมื่อลูกพี่หลานอยากให้นายทำแบบนี้ นายก็ทำแบบนี้ไปเถอะ ไม่มีทางผิดพลาดหรอก”
อู่จย่งพลันนึกถึงตอนอยู่บนยานบิน ลูกพี่หลานเคยควบคุมอุปกรณ์กล้องวงจรปิดได้สำเร็จ แววตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง ตะโกนว่า “ฉันเข้าใจแล้ว!”
เสียงนี้เรียกสายตาเย็นชาจากอีกสามคน หานจี้จวินกล่าวดูถูกด้วยแววตาเย็นชาว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้วก็เบาเสียงหน่อยสิ นายอยากดึงดูดความสนใจของทุกคน เปิดเผยหลักฐานว่าลูกพี่หลานไม่ได้อยู่ที่นี่หรือไง?”
อู่จย่งโดนหานจี้จวินเอ่ยเหน็บแหนมด้วยสายตาเย็นเยียบก็ไม่ได้โมโห ในเมื่อความสงสัยในใจเขามีคำตอบแล้ว เขาก็สามารถเล่นไพ่ด้วยความวางใจได้แล้ว
……
เมื่อหลิงหลานออกมาจากหน้าประตูก็เอ่ยถามเสี่ยวซื่อในห้วงจิตใจว่า “ศูนย์บัญชาการเทียนจีไปทางไหน”
เสี่ยวซื่อโยนแผนที่ให้เธอทันที แสดงสัญลักษณ์บ่งบอกตำแหน่งที่หลิงหลานอยู่ รวมถึงใช้ธงสีแดงบ่งบอกตำแหน่งของจุดหมายปลายทาง กล่าวได้ว่ามองดูแวบเดียวก็เข้าใจ และเอ่ยปากพูดว่า “ฉันแนะนำให้เธอนั่งโฮเวอร์คาร์ไปก่อนสักระยะ หลังจากนั้นก็เลือกจอดตรงบริเวณที่ใกล้กับพวกเขาและลงจากรถ แบบนี้ก็ทำให้เธอใช้พลังจิตกับกำลังภายในน้อยลงได้นิดหน่อย…” เสี่ยวซื่อรู้ว่าหลิงหลานเดินทางคราวนี้คิดจะไปทำอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีลดการใช้พลังของหลิงหลาน ถึงยังไงการทำลายศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งก็ยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังอย่างมาก เวลาที่ควรประหยัดก็ต้องประหยัด
หลิงหลานตัดสินใจเชื่อฟังความคิดเห็นของเสี่ยวซื่อ เธอก้าวออกไปเพียงหนึ่งก้าว ร่างของเธอเก็ดินทางออกไปได้หนึ่งร้อยเมตรแล้ว เมื่อก้าวออกไปอีกสองก้าวก็มาถึงป้ายประจำทางโฮเวอร์คาร์ที่อยู่ใกล้กับบ้านพักของเธอมากที่สุด จากนั้นเธอก็รอคอยให้โฮเวอร์คารมาถึง ต่อให้ประหยัดพลังปราณ แต่ว่าเวลายังคงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดอยู่ดี เธอไม่อยากให้ลั่วล่างถูกรังแกในช่วงเวลาสุดท้าย
โฮเวอร์คาร์มาถึงอย่างรวดเร็ว หลิงหลานพุ่งขึ้นไปราวกับภูตผีก็ไม่ปาน เสี่ยวซื่อเลือกป้ายประจำทางที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรให้หลิงหลานเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้หลิงหลานกรอกข้อมูลลงไป และปกปิดข้อมูลที่มันกรอกลงไปทันที
โฮเวอร์คาร์ที่หลิงหลานโดยสารคันนี้ยังคงเป็นโฮเวอร์คาร์ว่างๆ ที่ลอยไปในโรงเรียนทหารอยู่ในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหาร และอุปกรณ์กล้องวงจรปิดในช่วงเวลาที่หลิงหลานขึ้นลงจากรถก็ถูกแก้ไขภาพไว้เช่นกัน แน่นอนว่าฝีมือของเสี่ยวซื่อทำออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยเลยว่ามีคนทำการดัดแปลง…
ไม่มีคนและก็ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ พิสูจน์ยืนยันความเป็นจริงได้นับตั้งแต่ที่หลิงหลานเดินออกมาจากในบ้านพักของตัวเองเช่นนี้เอง
…….
ในห้องแห่งหนึ่งของศูนย์บัญชาการเทียนจี ชายหนุ่มชุดขาวฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสที่มาจากตัวเขา แล้วกลืนยารักษาออกฤทธิ์ชะงัดที่ลูกน้องส่งมาให้
“พี่ซี นายไม่เป็นไรนะ” ชายชุดน้ำเงินคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่งไม่นึกเลยจริงๆ ว่าพลังจิตของลั่วล่างคนนั้นจะแข็งแกร่งขนาดนี้ สามารถต้านทานความสามารถของฉันได้ด้วย” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวด้วยความคับแค้นใจ “ไม่เพียงแค่นั้น ยังสะท้อนกลับใส่ฉัน ทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บอีก”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคลายความระมัดระวังลง เชื่อคำพูดของเขาแล้ว ทำไมตอนสุดท้ายถึงกลับมามีสติแจ่มใสอีกล่ะ? ส่วนเขาก็ได้รับบาดเจ็บในครั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาฝืนอดทนไว้ละก็ เกรงว่าเขาคงถูกอีกฝ่ายมองเห็นพิรุธแล้ว และเนื่องจากเขาฝืนข่มกลั้นพลังสะท้อนกลับสายนั้น ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหนักขึ้นกว่าเดิมสามส่วน
“รอให้อาการบาดเจ็บฉันหายดีแล้ว ฉันจะต้องทรมานหมอนั่นแน่นอน” ชายหนุ่มชุดขาวเผยสีหน้าทะมึนออกมา ทำลายดวงหน้าที่เดิมทีดูหล่อเหลางดงามของเขาไปโดยสิ้นเชิง ทิ้งไว้เพียงความดุร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ยินดีด้วยพี่ซีที่ไม่เพียงได้คนงาม แถมยังได้อัจฉริยะด้านการต่อสู้มือเปล่ามาด้วย ช่วยเหลือกลุ่มหุ่นรบเทียนจีของพวกเราได้อย่างมหาศาลอีก” หลู่หย่งกวงที่อยู่ด้านข้างกล่าวยินดีพลางทำหน้าเหมือนสุนัขรับใช้ นี่ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวอารมณ์ดีมาก อาการบูดบึ้งบนใบหน้าก็หายไปไม่น้อยเช่นกัน กลับมาเป็นชายหนุ่มที่เจิดจ้าหล่อเหลามีคุณธรรมอีกครั้ง
“ครั้งนี้นายทำผลงานได้ไม่เลย เดี๋ยวนายไปที่แผนกคุณูปการรับทรัพยากรระดับสองไปหนึ่งชุด ฉันจะมอบคำสั่งรับรองของฉันให้นาย” ชายหนุ่มชุดขาวอารมณ์ดีก็เริ่มตกรางวัลให้ลูกน้องที่มีผลงาน
“ขอบคุณพี่ซี ขอบคุณพี่ซี” หลู่หย่งกวงเอ่ยด้วยใบหน้าตื่นเต้นยินดี เดิมทีเขาคิดว่าได้ทรัพยากรระดับสามก็ดีมากแล้ว ไม่นึกเลยว่าคราวนี้พี่ซีจะใจกว้างขนาดนี้
ชายชุดน้ำเงินที่อยู่ข้างๆ หลู่หย่งกวงคล้ายกับรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอยู่บ้าง ขณะที่เขากำลังคิดจะเอ่ยปากเตือนก็ถูกเพื่อนที่อยู่ข้างกายรั้งไว้ บ่งบอกว่าอย่าพูดมาก เจ้านายตรงหน้าพวกเขาคนนี้เป็นคนดื้อรั้นมั่นใจในตัวเอง เขาไม่ใช้ท่านหัวหน้ากลุ่มผู้ซื่อตรงที่กำลังกักตนคนนั้น
หลังจากที่ชายหนุ่มชุดขาวเสพสุขจากการประจบสอพลอของหลู่หย่งกวงแล้ว เขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า “นายกำจัดร่องรอยหมดแล้วใช่ไหม? แน่ใจนะว่าไม่มีคนหาที่นี่พบ?”
หลู่หย่งกวงตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า “วางใจได้เลย พี่ซี ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ต่อให้หลินจื้อตงที่เป็นแฮคเกอร์อันดับหนึ่งลงมือก็ไม่สามารถหาร่องรอยเจอในช่วงเวลาสั้นๆ” เขายกยิ้มขึ้นมาหลังจากที่กล่าวจบ “กลุ่มนักเรียนใหม่ก็รนหาที่ตายเอง ล่วงเกินเหลยถิงไปแล้ว นายคิดว่าหลินจื้อตงจะลงมือเหรอ? ไม่มีทางอยู่แล้ว ส่วนคนอื่นๆ…ฉันเชื่อว่าไม่มีใครสามารถเจาะฝีมือของฉันได้”
ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินคำพูดเหล่านี้ของหลู่หย่งกวงก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความวางใจฉับพลัน ความหวั่นเกรงของเขาหายไปแล้ว ขอเพียงให้เวลาเขามากพอ เขาสามารถสั่งสอนคนงามคนนั้นได้สำเร็จแน่นอน สุดท้ายกายและใจของหมอนั่นก็จะยอมศิโรราบต่อเขา
สาเหตุที่ชายหนุ่มชุดขาวมั่นใจในตัวเองเช่นนี้เป็นเพราะว่าการกลายพันธุ์ทางจิตของเขาคือ การสะกดจิตอันน่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เขาสามารถได้รับความรู้สึกดีๆ จากคนอื่นมาง่ายๆ ถ้าเกิดเขาอยากให้อีกฝ่ายรักเขาอย่างสุดหัวใจ ขอเพียงให้เวลาเขามากพอ เขาก็สามารถทำได้ ก็เหมือนกับคนรักเก่าทั้งหลายของเขา ถ้าหากทำสำเร็จแบบนี้แล้ว จนกระทั่งตอนนี้พวกเขายังคงคิดว่าตัวเองยินยอมด้วยความเต็มใจเอง