I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 53 หน่วยรบช่วยเหลือของตระกูลหลิง
ภายในหน้าจอ ทีมหุ่นรบสีแดงเข้มที่มีสมาชิกสี่คนนั้นตั้งท่าตอบโต้ในชั่วพริบตา อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ลงมือก่อน ตรงกันข้าม หุ่นยนต์หนึ่งในนั้นกลับเริ่มส่งเสียงตะโกนเพื่อสื่อสารกับอีกสองกลุ่ม น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไร นี่ทำให้หลิงหลานใจร้อนอยากจะไปแลกทักษะฝึกฝนพลังจิตในมิติการเรียนรู้ทันทีเพื่ออัปเกรดพลังจิตของตัวเองทำให้เสี่ยวซื่อสามารถแฮ็กข้อมูลสื่อสารได้
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ หุ่นรบสามฝ่ายที่คุมเชิงกันด้วยความเงียบกริบก็ชูอาวุธขึ้นมาก่อนจะเล็งไปทิศทางหนึ่งร่วมกัน ที่แท้หุ่นรบสองตัวที่หลบปืนใหญ่เลเซอร์ของเสี่ยวซื่อได้พุ่งพรวดพราดเข้ามาในขอบเขตระวังภัยของหุ่นรบพวกนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้นออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบ B ที่กำลังหนีอุตลุดก็ส่งเสียงเตือนฉุกเฉินว่า “คำเตือน พบศัตรู คำเตือน พบศัตรู”
หุ่นรบ B ค่อยสังเกตเห็นจุดสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนเรดาร์ตรวจตรา เมื่อเขากดซูม ในหน้าจอก็ปรากฏหุ่นรบสิบห้าตัวที่แบ่งออกเป็นกองกำลังสามแห่ง เวลานี้พวกมันหยิบอาวุธเล็งเป้ามาที่พวกเขา ทว่ายังไม่ได้ล็อกเป้า
“เชี่ย ที่นี่มีหุ่นรบเยอะขนาดนี้ได้ยังไง ไม่ใช่ตกลงกันแล้วว่ารับรองจะไม่มีคนเหรอ” ตอนนี้ในใจหุ่นรบ B รู้สึกเย็นเยียบ เขารู้สึกได้แค่เพียงแผ่นหลังเปียกชุ่มเหงื่อเย็นๆ…หรือว่าภารกิจในครั้งนี้จะเป็นหลุมพราง?
หุ่นรบ A ก็สังเกตเห็นหุ่นรบพวกนี้เช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที เขาก็ดูเหมือนกับมีความเห็นไม่ต่างกันว่า “หัวหน้า พวกเรารีบหนีกันดีกว่า”
หุ่นรบ B กัดฟัน เขามองดูหุ่นรบมากมายที่อยู่ด้านหน้าในหน้าจอแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่จรวดติดตามสองลูกซึ่งจี้ตามหลังพวกเขาไม่ปล่อยอีกครั้ง เขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมายจึงทำการตัดสินใจในชั่วพริบตาและพูดว่า “ตามฉันมาติดๆ พวกเราจะบุกเข้าไปแบบนี้” สภาพอับจนที่โจมตีขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลานี้ พวกเขาถอยไม่ได้แล้ว มีเพียงการพุ่งชนไปด้านเท่านั้นที่อาจจะทำให้พวกเขามีทางรอด
หุ่นรบสองตัวไม่ได้หยุด ในทางตรงกันข้ามพวกมันกลับเร่งความเร็วพุ่งเข้าไปหาหุ่นรบพวกนั้น แน่นอนว่าหุ่นรบ B ไม่ลืมเปิดคลื่นสัญญาณติดต่อสาธารณะท่ามกลางการกระทำนี้ “กองหุ่นรบสามสิบเจ็ดของหน่วยผู้ควบคุมหุ่นรบที่เจ็ด ภายใต้กองพลที่สามของกองทัพ ได้โปรดช่วยพวกเราจัดการจรวดติดตามด้านหลังด้วย…”
หุ่นรบ B รู้ว่าคำโกหกนี้ถูกเปิดโปงได้ง่ายมาก ทว่าเป้าหมายของเขาก็ไม่ได้อยากตบตาพวกเขา เขาแค่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามลังเลไปชั่วขณะเท่านั้น ขอเพียงไม่ยิงปืนใส่ พวกเขาก็สามารถออกจากขอบเขตการตรวจตราของฝ่ายตรงข้ามได้ในอีกหนึ่งนาทีก่อนจะหนีรอดไปได้อย่างปลอดภัย ถ้าหากพวกเขาโชคดีนิดหน่อย พวกเขาอาจจะสามารถอาศัยพลังของอีกฝ่ายจัดการกับจรวดสองลูกที่ติดหนึบด้านหลังพวกเขาได้
ฝ่ายตรงข้ามได้ยินคำพูดที่ดังมาจากในช่องสื่อสารสาธารณะ หนึ่งในกองกำลังก็ลดปืนเลเซอร์ที่อยู่ในมือลงตามที่คาดไว้จริงๆ ส่วนอีกกลุ่มก็ชูอาวุธขึ้นสูงเล็งไปทางด้านหลังพวกเขา มีเพียงหุ่นรบสีแดงเข้มสี่ตัวเท่านั้นที่ยังคงจ่ออาวุธมาที่พวกเขาอย่างแน่วแน่ไม่สั่นคลอน
ส่วนทางด้านหลิงหลานได้แต่มองหุ่นรบสองตัวพุ่งไปหาหุ่นรบสิบห้าตัวนั้นราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟด้วยความมึนงง เนื่องจากเธอไม่สามารถแฮ็กคลื่นสัญญาณติดต่อของฝ่ายตรงข้ามได้ เธอเห็นหุ่นรบหกตัวที่เป็นตัวแทนของฝ่ายกองทัพเริ่มยิงเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อสังหารหุ่นรบสองตัวนั้น หากแต่ยิงปืนใหญ่เลเซอร์ที่ไล่ตามหลังพวกเขาให้ร่วงลงไป
หลิงหลานขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา หรือว่าปฏิบัติการลอบสังหารที่มุ่งเป้ามาที่เธอในครั้งนี้จะเป็นคำสั่งของกองทัพ? เป็นเพราะว่าเธอดูดซับยากระตุ้นยีนโดดเด่นมากเกินไป ดังนั้นเลยสร้างความกังวลให้กับใครบางคนที่อยู่ในระดับสูงของกองทัพ?
ไม่สิ! หลิงหลานไม่เห็นด้วยกับความเป็นไปได้ข้อนี้ ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้เธอจะถูกห้ามเข้าไปในโลกเสมือนจริงเนื่องจากอายุยังไม่ถึง แต่ว่าเธอยังคงรู้ข้อมูลภายในโลกเสมือนจริงอยู่ดี เสี่ยวซื่อเคยแนะนำให้เธออย่างละเอียดมาแล้วว่า ยุคสมัยที่เธออยู่ในตอนนี้เป็นโลกที่อาณาประชาราษฎร์ล้วนเป็นทหาร ทุกคนเริ่มทำการเตรียมพร้อมที่จะกลายเป็นทหารที่มีคุณภาพตั้งแต่เกิด และทหารทุกคนต่างก็เลือกผู้ควบคุมหุ่นรบเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง…
เงื่อนไขในการเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต้นยังนับว่าธรรมดา ทว่าผู้ควบคุมระดับสูงกลับมีเงื่อนไขสูงมากเกินไปแล้ว โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาด ดังนั้นในสหพันธรัฐจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับพวกเด็กๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นผู้ควบคุมระดับสูง กองทัพแต่ละหน่วยต่างควบคุมดูแลร่วมกัน พวกเขาย่อมไม่จัดการเธอเพราะเหตุผลข้อนี้แน่นอน
ในเมื่อกำจัดข้อนี้ไปแล้ว เช่นนั้นเด็กตัวเล็กๆ อย่างเธอจะไปยั่วโมโหใครได้อีกล่ะ ตระกูลสาขาของสกุลหลิงที่ถูกขับออกจากโดฮาเหรอ พวกเขาไม่มีความกล้าขนาดนั้น ถ้าหากถูกตรวจพบว่าเป็นฝีมือของพวกเขา ทางกองทัพจะต้องทำให้ตระกูลสาขาของสกุลหลิงหายไปจากสหพันธรัฐหมดทั้งตระกูลแน่นอน ตระกูลสาขาของสกุลหลิงเดิมพันไม่ไหวหรอก
หลิงหลานตัดตัวเองและก็ตัดตระกูลออกไป ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบำเหน็จความชอบที่ตัวเองได้รับสืบทอด ก่อนหน้าหลิงเซียวพ่อของเธอจะเสียชีวิต เขาก็เป็นพลตรีที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐ นี่จะเป็นสาเหตุทางฝั่งพ่อของเธอหรือเปล่า
หลิงหลานคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง บางทีตอนที่พ่อของเธออยู่ในกองทัพอาจจะไปยั่วโมโหใครเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ…
หลิงหลานค่อยตระหนักได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของหลิงเซียวผู้เป็นพ่ออย่างยิ่ง เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หลายปีมานี้ ทำไมเธอไม่คิดจะไปถามเรื่องพ่อของตัวเองกับพวกพ่อบ้านหลิงฉินเลยนะ
หลิงหลานย่อมรู้ว่าพ่อของเธอเป็นชายที่หล่อเหลาสง่างาม อายุน้อยมากฝีมือโดดเด่นเหนือผู้ใด แข็งแกร่งไร้จุดอ่อนทว่าอ่อนโยนอย่างหาใดเปรียบมากที่สุดในสหพันธรัฐ….อ้อ ไม่สิ ในทั่วทั้งจักรวาล (คำกล่าวข้างต้นที่ทำให้หลิงหลานรู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจมากนัก คือสิ่งที่ออกมาจากปากของหลานลั่วเฟิ่งผู้เป็นแม่ของเธอ ด้วยเหตุนี้หลิงหลานจึงคิดว่าผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงรักคือคนที่ตาบอดสุดขีด แน่นอนว่าคำพูดนี้ได้แต่กลิ้งอยู่ในท้องเธอเท่านั้น เธอไม่กล้าพูดออกไปหรอก ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องถูกแม่เธอคว้าตัวไปฟาดก้นน้อยๆ ของเธอแน่นอน)
น่าเศร้าที่ตอนนี้หลิงหลานรู้แค่ว่าเขาเป็นพลตรีที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐ เขาได้พลีชีพบนเส้นทางแห่งความตายที่โกลาหลในตอนที่ต่อสู้กับจักรวรรดิเฟอแรนด์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ของหลิงเซียวเธอก็ไม่รู้แล้ว…เอ่อ ก็ไม่ใช่เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีพวกคำพูดบรรยายความกล้าหาญที่ทำเอาเธอรู้สึกอับอายจนเหงื่อตกของหลานลั่วเฟิ่งผู้เป็นมารดาที่ยัดเยียดมาให้เธอ
หลิงหลานตัดสินใจว่าเมื่อกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยคราวนี้ เธอจะต้องรู้เรื่องพ่อของตัวเองจนกระจ่างให้ได้และหาเบาะแสจากในนั้น เธอไม่อยากป้องกันการลอบสังหารจากศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ทุกวันหรอกนะ เธอชอบควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือของตัวเอง แบบนี้ถึงจะกำจัดความเสี่ยงทุกอย่างให้หมดสิ้นไป
ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะครุ่นคิดมากมายในสมอง แต่ความจริงแล้วมันเป็นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เมื่อหุ่นรบสองตัวเพิ่งจะเข้าไปใกล้หุ่นยนต์สิบห้าตัวนั้น ทางด้านหุ่นยนต์สีแดงเข้มสี่ตัวที่ไม่ได้ขยับเยื้อนก็ทำสิ่งที่ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งหมดตกตะลึง
หุ่นรบสี่ตัวนั้นรอให้หุ่นรบสองตัวนั้นเข้ามาใกล้ข้างตัวพวกเขา จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืนในมืออย่างเฉียบขาด เลเซอร์อุณหภูมิสูงนับไม่ถ้วนของปืนเลเซอร์สาดยิงออกไปโดยไร้ความปรานี หุ่นรบสองตัวในกลุ่มพวกเขาแยกไปโจมตีใส่ห้องควบคุมของหุ่นรบสองตัวนั้น
ห้องควบคุมทนรับอุณหภูมิร้อนสูงของเลเซอร์พวกนั้นไม่ไหว ในที่สุดมันก็ระเบิดออก หุ่นรบสองตัวนั้นระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ในอากาศกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงสู่พื้น
เวลานี้เอง กลุ่มทหารของฝ่ายกองทัพก็ตกใจตื่นในที่สุด พวกเขาชูอาวุธในมือด้วยความกระวนกระวายใจและเล็งไปยังหุ่นรบสีแดงเข้มสี่ตัวนั้น สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ทันใดนั้นการต่อสู้ก็ดูพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ทีมหุ่นรบของตระกูลหลิงฉลาดมาก เมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาเข้าไปร่วมได้ พวกเขาก็จากไปอย่างลับๆ ในตอนที่ทั้งกลุ่มกำลังคุมเชิงกันเอง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือหาคุณชายหลานของพวกเขา ส่วนคนอื่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
พวกเขาหาเส้นทางที่ถูกต้องก่อนจะเร่งความเร็วมายังทางฝั่งหลิงหลาน เมื่อดูจากความเร็วแล้ว คาดว่าสามารถมาถึงได้ในอีกไม่ถึงหนึ่งนาที
เสี่ยวซื่อเหลือบมองหุ่นรบสีแดงเข้มที่มีพลังทำลายแข็งแกร่งสุดยอดสี่ตัวนั้นด้วยความอิจฉา หลังจากนั้นเขาก็ปรายตามองโฮเวอร์คาร์ที่ติดตั้งปืนใหญ่เลเซอร์สองคันซึ่งถูกเขาควบคุมอยู่อย่างเหยียดหยาม เขาลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิงว่าเมื่อสักครู่นี้เขาตื่นเต้นมากขนาดไหนในตอนแรกเริ่มที่ได้รับโฮเวอร์คาร์ และเกิดความรู้สึกรักทะนุถนอมมากเพียงใดเมื่อพบว่ามันมีปืนใหญ่เลเซอร์…มันไม่สามารถเอามาเทียบได้จริง เมื่อรู้ข้อดีข้อเสียแล้วก็เกิดความรู้สึกอยากจะทิ้งด้วยความดูถูก สิ่งมีชีวิตเอไอไม่อาจหลีกเลี่ยงนิสัยเสียแบบนี้ได้เหมือนกัน
ผ่านไปสามสิบห้าวินาที เลเซอร์สองสายที่ยิงไปทางหลิงฉินแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้โจมตีใส่ชายสองคนสุดท้ายที่กำลังต่อสู้กับหลิงฉินเป็นพัลวัน พวกเขาสองคนรวมไปถึงหัวหน้าทีมคนนั้นถูกยิงเสียชีวิตคาที่
หลิงฉินพรูลมหายใจลึกๆ ค่อยๆ เก็บท่วงท่าโจมตีของตัวเองและยืนตัวตรง เขามองไปบนฟ้าด้วยรอยยิ้ม หุ่นรบห้าตัวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ท้ายที่สุดผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงที่ปกป้องคุ้มครองหลิงหลานก็มาถึง หัวใจของเขารู้สึกมั่นคงปลอดภัยในที่สุด
หลิงฉินที่ผ่อนคลายความเครียดลงก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกายตัวเอง เขารู้ว่านี่เป็นอาการตกค้างหลังจากที่ระเบิดพลังแฝงออกมามากเกินไป แต่ไม่เป็นไร ตระกูลหลิงมีการแช่น้ำยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแบบนี้ ขอแค่พักผ่อนดีๆ อีกไม่กี่วันก็สามารถฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้ แน่นอนว่าสำหรับหลิงฉินแล้ว ขอเพียงหลิงหลานปลอดภัย ต่อให้ร่างกายเขาพังเสียหายไป ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสียใจอะไร
หุ่นรบห้าตัวร่อนลงมาที่เบื้องหน้าหลิงฉินช้าๆ สุดท้ายพวกมันก็ลงสู่พื้นอย่างมั่นคง เวลานี้เอง นอกจากหุ่นรบสามตัวที่รับหน้าที่เฝ้าระวังภัยแล้ว ห้องคนขับของหุ่นรบอีกสองตัวก็ถูกเปิดออก ผู้ควบคุมหุ่นรบที่อยู่ด้านในยืนอยู่บนเชือกชักใบที่ค่อยๆ เลื่อนลงมา พวกเขาสวมชุดหุ่นรบมาตรฐานสีน้ำเงินขาว หน้าอกมีโลโก้นกฟีนิกซ์ของตระกูลหลิงที่สะท้อนแสงแดดจนดูเหมือนมีชีวิต คล้ายกับว่ามันจะกระพือปีกบินขึ้นสูง
นักรบสองคนที่ลงมาที่พื้นรีบเดินไปที่ข้างกายหลิงฉินทันที พวกเขาถอดหมวก หนึ่งในนั้นเริ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ผู้อาวุโสฉิน ขอโทษครับ พวกเรามาช่วยช้าไป” เขาเป็นชายร่างกำยำใบหน้าดูสุขภาพดี สีหน้าเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ อายุประมาณสามสิบสี่สามสิบห้า ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมหนักแน่นมาก
หลิงฉินไม่พอใจเรื่องที่หน่วยหุ่นรบของตระกูลหลิงมาช่วยเหลือชักช้ามาก ควรทราบว่าถ้าไม่ใช่เพราะเวลานี้พวกเขาโชคดีที่โฮเวอร์คาร์ของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ยิงปืนใหญ่เลเซอร์มาโดยตลอด ถึงแม้ต่อมามันจะยิงออกไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนมันจะยิงไปมั่วๆ ราวกับไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปร้อยครั้งพันครั้งแล้ว เมื่อเขาตายไป หลิงหลานที่เป็นเด็กอายุหกขวบยังจะมีความเป็นไปได้ว่าจะหนีรอดอีกเหรอ
เขากล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “หลิงหัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงไม่ตามพวกเรามา” ต้องรู้ว่า หน่วยหุ่นรบของตระกูลหลิงจะต้องตามติดหลิงหลาน ไม่อาจให้หลิงหลานหลุดออกจากขอบเขตระยะตรวจตราของหุ่นรบได้ ตระกูลหลิงมีข้อเรียกร้องที่ชัดเจนต่อผู้คุ้มกันที่คุ้มครองผู้นำตระกูลว่า เมื่อเกิดอันตรายขึ้นจะต้องรีบมาภายในสิบวินาที นอกเสียจากจะเป็นพวกสถานที่ที่ถูกห้ามไม่ให้กองกำลังติดอาวุธเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น สถาบันลูกเสือ ทว่าครั้งนี้หน่วยหุ่นรบของตระกูลหลิงมาช้าไปมากกว่าห้านาทีเต็มๆ นี่เป็นเรื่องหลิงฉินไม่อาจให้อภัยได้
หลิงหัวไม่แก้ตัว เขาเพียงแต่กล่าวด้วยสีหน้าละอายใจว่า “ขอโทษครับ ผู้อาวุโสฉิน เป็นความผิดของเราเอง”
เวลานี้เอง ชายหนุ่มที่ตามหลิงหัวมาก็เอ่ยปากขึ้น เขาอธิบายว่า “ผู้อาวุโสฉิน พวกเราตกอยู่ในแผนการล่อเสือออกจากถ้ำของอีกฝ่ายโดยไม่ทันระวัง พอพวกเรารู้ตัวและรีบมา ก็พบว่าสัญญาณของคุณกับคุณชายหลานหายไปแล้ว”
“หลิงอวี่!” หลิงหัวตวาดด้วยความโมโห ราวกับไม่อยากให้หลิงอวี่อธิบาย บางทีเขาคิดว่าตัวเองทำผิดก็คือทำผิด ไม่มีอะไรต้องอธิบาย
………………………………………