I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 77 ทักษะและท่าไม้ตายออกโรง
ความจริงแล้วหานจี้จวินก็คิดมากเกินไป คนฉลาดย่อมเข้าใจผิดแบบนี้ได้ง่ายมาก คำพูดไม่กี่ประโยคของหลิงหลานเป็นแค่การปลอบใจธรรมดามากๆ เท่านั้น ไม่มีความคิดอื่นเลยจริงๆ ส่วนเพราะอะไรผลของมันถึงได้ดีขนาดนี้ ก็พูดได้แค่ว่าหลิงหลานมีบารมีอยู่ในทีม 072 มากเกินไป ทุกคนต่างเชื่อเธอโดยไม่มีเงื่อนไข
พวกเขาเดินไปที่เขตศึกจัดอันดับของระดับชั้นปีหนึ่ง ฉีหลงลอบดึงหลิงหลานอย่างลับๆ ทำให้หลิงหลานหย่อนฝีเท้าลงตามจิตใต้สำนึก
เมื่อเห็นว่าพวกเพื่อนๆ ตัวน้อยที่อยู่ข้างกายไม่ได้สนใจพวกเขาแล้ว ฉีหลงค่อยเอ่ยปากถามเสียงแผ่วเบาว่า “ลูกพี่หลาน ปัญหาของนายแก้ได้แล้วใช่ไหม?”
บางทีเพื่อนคนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ปัญหาของหลิงหลาน แต่ในฐานะที่ฉีหลงเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมรู้ดีว่า เมื่อหลิงหลานเข้าสู่การต่อสู้พุ่งสมาธิไปที่จุดเดียวแล้วละก็ เธอจะเกิดปัญหาเรื่องสูญเสียการควบคุม
หลิงหลานรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ เธอพยักหน้าน้อยๆ ให้กับฉีหลงพลางพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
ฉีหลงค่อยยิ้มขึ้นมาด้วยความวางใจ “งั้นก็ดีแล้ว” ทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ลูกพี่หลาน คราวนี้ฉันจะสู้อย่างสุดความสามารถ” เมื่อฉีหลงกล่าวคำพูดนี้ออกไป แววตาของเขาก็มีความมุ่งมั่นในการต่อสู้รุนแรงขึ้น ดูท่าเขาต้องการจะเอาชนะหลิงหลานอย่างยิ่งยวด
หลิงหลานพยักหน้าบ่งบอกว่าเธอรับคำท้า
เวลานี้เอง ทั้งสองคนรู้สึกได้ว่าอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง แววตาของพวกเขาสองคนเปล่งประกาย รู้ว่าจดหมายแจ้งการประลองมาถึงแล้ว
รอบการประลองและสถานที่ประลองของพวกเขาปรากฏบนอุปกรณ์สื่อสารตามที่คาดไว้จริงๆ สถานที่ประลองของฉีหลงคือสนามประลองหมายเลข 33 ประลองรอบที่สาม ส่วนของหลิงหลานคือสนามประลองหมายเลข 35 ประลองรอบที่หก
“ลูกพี่หลาน คราวนี้ฉันแข่งจบก่อนนาย” ฉีหลงตื่นแต้นมาก แบบนี้เขาจะได้ไม่พลาดโอกาสชมการประลองของหลิงหลาน
เพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็ได้รับข้อความ พวกเขาเปิดอ่านข้อความด้วยกัน ทันใดนั้นหานซู่หย่าก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “อ้าาาา ทำไมฉันถึงแข่งรอบแรกล่ะ คนเขายังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ”
ลั่วเฉารีบเอ่ยปลอบใจว่า “ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเท่าไหร่เลย ฉันแข่งรอบที่สอง”
“ฉันก็ด้วย!”
“ฉันก็เหมือนกัน!”
หลัวเส่าอวิ๋นกับหลี่จิงหงตะโกนด้วยความตกใจขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขาสามคนยื่นแขนออกมา เรียงอุปกรณ์สื่อสารสามอันเป็นแถวเดียวเพื่อเปรียบเทียบสถานที่ประลองของพวกเขา เมื่อพบว่าไม่ใช่สนามประลองเดียวกัน ทั้งสามคนค่อยโล่งใจ ลั่วเฉาลูบหน้าอก ปลอบโยนหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงให้สงบลง โชคของทุกคนไม่เลวเลย ไม่ต้องต่อสู้กันเองตั้งแต่เริ่มแรก
ทุกคนต่างไม่อยากแข่งกับเพื่อนของตัวเอง ส่งอีกฝ่ายออกไปจากการแข่งขัน
ฉีหลงกับหยวนโหยวอวิ๋นขึ้นประลองในรอบที่สาม แต่พวกเขาอยู่กันคนละสนามประลองเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ประลองในรอบที่สอง หานจี้จวินกับเหอเฉาหยางขึ้นประลองในรอบที่สี่และก็อยู่คนละสนามประลองเช่นกัน ทำให้พวกเขาต่างโล่งอก
ลั่วล่างขึ้นประลองรอบที่ห้า ส่วนหลิงหลานก็รอบที่หก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต่อไปยังมีรอบที่เจ็ดหรือไม่ แต่สำหรับพวกหลิงหลานแล้ว นี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุดแล้ว การที่หลิงหลานซึ่งแข็งแกร่งที่สุดขึ้นสนามประลองทีหลังนั้นได้มอบความกล้าอย่างมหาศาลให้พวกเขาโดยไม่รู้ตัว
คนแรกที่ออกไปต่อสู้คือหานซู่หย่า เธอขึ้นประลองรอบแรกของสนามประลองหมายเลข 32 คู่ต่อสู้คือเด็กร่างอ้วนท้วนจากห้องดีเด่น
การประลองที่สถาบันจัดเตรียมไม่ได้มีคำว่าโชคดีสองคำนี้ คู่ต่อสู้ของนักเรียนห้องพิเศษต่างก็เป็นนักเรียนที่สู้ชนะขึ้นมาจากห้องดีเด่นและห้องทั่วไป ถ้าหากพวกเด็กๆ อยากจะโต้กลับคืน พวกเขาก็ต้องเอาชนะคนของห้องพิเศษตรงๆ
เด็กอ้วนท้วมสองคนยืนอยู่บนสนามประลองด้วยกันดูน่าขบขันมาก โดยเฉพาะหานซู่หย่าที่มีนิสัยประหลาดมากชอบกินเนื้อแผ่นในตอนที่ต่อสู้ แก้มตุ้ยนุ้ยบวมตุ่ยตลอดกาลจนดูเหมือนกับแฮมสเตอร์ที่กำลังกินมากๆ
แน่นอนว่ามีแค่หลิงหลานที่รู้สึกแบบนี้ เด็กคนอื่นๆ ต่างมองสนามประลองหมายเลข 32 ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด รอคอยผลการต่อสู้ของหานซู่หย่า พวกเขาเชื่องมงายหวังว่าหานซู่หย่าจะเอาชัยชนะแรกนำพาความโชคดีมาให้กับพวกเขา
ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า หานซู่หย่าไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง เด็กอ้วนท้วนตรงข้ามไม่ได้สร้างความยากลำบากให้กับหานซู่หย่ามากนัก ผ่านไปไม่นานก็เห็นหานซู่หย่าหาข้อผิดพลาดจากความเลินเล่อของอีกฝ่ายเจอ และถูกเธอโจมตีจนล้มลงไป ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา เธอก็อัดไปที่อีกฝ่ายราวกับจรวดลูกเล็ก
“โครม!” เสียงอัดอย่างหนักหน่วงทำให้พวกหลิงหลานมองแล้วต่างสูดลมหายใจยะเยือก รู้สึกปวดฟัน เด็กอ้วนท้วนตัวน้อยถูกร่างกายที่หนักอึ้งของหานซู่หย่ากระแทกจนมึนงง จนทำให้หานซู่หย่าขี่อยู่บนตัวเขาโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร จากนั้นเธอก็ อัดซ้ายอัดขวาอย่างบ้าคลั่ง
อาจารย์ที่เป็นกรรมการตัดสินอดหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาไม่ได้ เขารีบตะโกนให้หยุด ประกาศว่าหานซู่หย่าชนะในการแข่งรอบนี้โดยไม่ลังเล เขากลัวว่าเด็กอ้วนท้วมตัวน้อยคนนั้นจะตาย หากเขาตะโกนช้าเกินไป
หานซู่หย่าเดินลงจากสนามประลองด้วยท่าทีลำพองใจ ฉีหลงเอ่ยถามหานจี้จวินที่อยู่ข้างๆ ว่า “พวกนายเรียนท่าใหม่กันแล้วเหรอ?” เมื่อก่อนหานซู่หย่าใช้วิธีการอัดคนที่ทำให้คนรู้สึกปวดฟันแบบนี้ไม่ได้
หานจี้จวินผงกศีรษะกล่าวว่า “อื้อ ผู้อาวุโสในตระกูลจัดการสอนเป็นพิเศษเพื่อศึกจัดอันดับในครั้งนี้ สอนลูกไม้เล็กๆ ไม่กี่ท่าที่พวกเราสามารถใช้ได้ในตอนนี้”
สีหน้าของฉีหลงเคร่งขรึมขึ้นมา เกรงว่านักเรียนที่มีเคล็ดวิชาต่อสู้สืบทอดกันมาในตระกูลต่างก็ฝึกฝนพิเศษเพื่อศึกจัดอันดับในครั้งนี้ การแข่งขันนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เขาคิดไว้ขนาดนั้น
เมื่อลั่วเฉาขึ้นประลองต่อจากนั้นก็ได้พิสูจน์เรื่องนี้เช่นกัน ลั่วล่างกับลั่วเฉาเองก็ไม่ได้ใช้เวลาช่วงนี้ไปอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ พลังกายของลั่วเฉาด้อยกว่าหานซู่หย่าอย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้ลั่วเฉาต่อสู้ได้ชาญฉลาดมาก เธอไม่ได้ต่อสู้กับศัตรูโดยตรงเหมือนกับหานซู่หย่า ตรงกันข้ามเธอกลับใช้วิธีการเคลื่อนที่รอบๆ ศัตรูพยายามประหยัดเรี่ยวแรงร่างกายเพื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย
คู่ต่อสู้ของลั่วเฉาเองก็เป็นนักเรียนห้องดีเด่น การต่อสู้พื้นฐานแน่นมาก ถึงแม้ว่ากระบวนท่าแต่ละท่าจะธรรมดา แต่มันกลับไม่มีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัด
“น้องสาวนาย ดูน่าเป็นห่วงนิดหน่อยนะ” ฉีหลงพูดด้วยความกังวล ถึงแม้ว่าเขากับลั่วล่างสองคนจะไม่ได้ลงรอยกัน แต่ว่าเขาห่วงใยลั่วเฉาที่ขี้อายมาก เมื่อเห็นฉากที่ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันก็อดเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้
มือที่อยู่ด้านข้างขาของลั่วล่างกำหมัด เขาเป็นคนที่ห่วงน้องสาวของตัวเองมากที่สุด แต่เขายังคงเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “อย่าร้อนใจ รอดูไปอีก ขอแค่หาจุดอ่อนเจอ ลั่วเฉาต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่นอน” ลั่วล่างมองเห็นความพยายามของลั่วเฉาในช่วงเวลานี้มาตลอด เขาไม่อยากให้ความพยายามของลั่วเฉาเสียเปล่าลงตรงนี้
การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่ยาวนานที่สุดของชั้นปีหนึ่ง เมื่อหลัวเส่าอวิ๋นกับหลี่จิงหงกลับมา การแข่งของลั่วเฉาก็ยังไม่จบ ในตอนนี้เอง ฉีหลงกับหยวนโหยวอวิ๋นก็ได้รับแจ้งเตือนให้เตรียมตัวขึ้นประลอง การแข่งของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฉีหลงกับหยวนโหยวอวิ๋นเพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน ความเร็วในการเคลื่อนที่แต่เดิมของลั่วเฉาก็ช้าลงทันใด สีหน้าของลั่วล่างเปลี่ยนไปฉับพลัน
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่คู่ต่อสู้ของลั่วเฉาอึ้งไป แววตาก็เผยความตื่นเต้นยินดี เขาพุ่งปราดไปข้างหน้าออกหมัดต่อยตรงไปที่หน้าอกของลั่วเฉา
ถึงแม้ว่าลั่วเฉาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้าง แต่เธอก็ยังโดนโจมตีที่ไหล่ซ้าย ดวงหน้าอ่อนเยาวน์เล็กๆ เผยร่องรอยความเจ็บปวดออกมา อย่างไรก็ตามมือซ้ายของเธอไม่ได้ลดความเร็วลงเลย เธอคว้าแขนขวาที่อีกฝ่ายโจมตีเธอไว้
“แย่แล้ว!” เมื่อคู่ต่อสู้สัมผัสได้ว่าแขนขวาของตัวเองถูกจับกุมไว้ ในใจก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว เขาเห็นลั่วเฉาต่อยหมัดขวาออกมาตามที่คาดคิดไว้จริงๆ ทว่าเขาไม่สามารถหลบได้แล้ว ไม่นึกเลยว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแอบอบบางคนนี้จะกล้าแลกหมัดต่อหมัด นี่เป็นวิธีการที่บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายโดยสิ้นเชิง
“ไอ้หยา! บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายแล้ว! น้องลั่วเฉาไม่เป็นไรใช่ไหม” หลัวเส่าอวิ๋นกับหลี่จิงหงที่เพิ่งกลับมาร้องอุทานฉับพลัน พวกเขาชอบน้องสาวแสนสวยคนนี้มากๆ
ลั่วล่างหมดคำพูด เขามองไปในสนามด้วยความเย็นชา ‘บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย? ยังไม่แน่หรอก’
คู่ต่อสู้ของลั่วเฉาไม่อยากทนรับหมัดของลั่วเฉาแน่นอน เขาชูแขนซ้ายขึ้นขวางตรงหน้าอก เตรียมรับการโจมตีของลั่วเฉา ในความคิดของเขา ธรรมชาติของผู้หญิงมีเรี่ยวแรงน้อย ใช้แขนซ้ายก็น่าจะเพียงพอที่จะปัดการโจมตีออกไปให้พ้นตัว
แต่ตอนที่กำปั้นของลั่วเฉาโจมตีใส่แขนซ้ายของเขา ก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลทะลักเข้ามา หลังจากนั้นแขนซ้ายก็ส่งเสียงดังเปราะ ความเจ็บปวดโจมตีไปที่หัวใจทำให้เขาอดร้องโหยหวนขึ้นมาไม่ได้ “อ๊ากกก….”
หลัวเส่าอวิ๋นกลืนน้ำลาย “ลั่วล่าง น้องสาวนายเป็นผู้หญิงบ้าพลังเหรอ?” พละกำลังนี้แข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก ควรทราบว่าเนื่องจากเด็กในตอนนี้ดูซับยายีนเพื่อบำรุงร่างกาย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเรียกได้ว่าหนังทองแดงกระดูกเหล็ก แต่ก็แข็งแกร่งทรหดมากพอ เรี่ยวแรงทั่วไปไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้
“ไม่ใช่ นี่เป็นหนึ่งในทักษะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาในตระกูลของพวกเรา หมัดหนึ่งนิ้ว[1]!” ลั่วล่างไม่ได้ปิดบัง อธิบายให้พวกหลัวเส่าอวิ๋นฟังอย่างจริงจัง
หมัดหนึ่งนิ้วไม่ใช่ทักษะขั้นสูง ตระกูลมากมายต่างก็มีเทคนิคการปล่อยพลังที่คล้ายกัน ลั่วล่างไม่สนใจว่าจะถูกคนรู้ชื่อ ถ้าไม่ได้ถ่ายทอดจากทางคำพูดและสอนจากทางร่างกาย ก็ไม่สามารถเรียนรู้ความลับข้างในได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกคนขโมยเรียนไป
“เสี่ยวซื่อ เมื่อตะกี้นี้ได้อัดการโจมตีของลั่วเฉาไว้หรือเปล่า?” แววตาของหลิงหลานเป็นประกาย เทคนิคการปล่อยพลังแบบนี้ไม่เลวมากๆ ต่อไปมีเวลาก็ค่อยศึกษา?
“อัดไว้แล้ว” คำตอบของเสี่ยวซื่อได้รับคำชมเชยของหลิงหลาน เสี่ยวซื่อฉวยโอกาสตอนที่หลิงหลานไม่สนใจ ท่ามือเป็นรูปตัว V ด้วยความภาคภูมิใจ เขาไม่สามารถบอกหลิงหลานได้ว่า ความจริงแล้วเขาเก็บเรื่องราวทุกช่วงเวลาทั้งหมดตั้งแต่ที่หลิงหลานเป็นเด็กจนโตไว้ในคลังข้อมูล ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องเก็บข้อมูลเลย
เมื่อเห็นเด็กแขนหักได้รับบาดเจ็บ อาจารย์ที่รับผิดชอบสนามประลองของลั่วเฉาก็ตะโกนให้หยุด ประกาศว่าลั่วเฉาได้รับชัยชนะ ถึงแม้ว่าศัตรูของลั่วเฉาจะมีสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับผลสรุปนี้ได้ ทำได้เพียงเดินลงจากสนามประลองโดยที่ขอบตาฉ่ำรื้น คราวนี้เขาพ่ายแพ้ที่ความอดทน เขาไม่ควรหุนหันพลันแล่นขนาดนี้ เดิมทีเขามีโอกาสชนะมากกว่าลั่วเฉาเสียอีก
ลั่วเฉาพุ่งเข้าไปหาพี่ชายตนเองด้วยความตื่นเต้น ลั่วล่างกอดน้องสาวตัวเองไว้พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไมถึงใช้วิธีนี้?” ถึงแม้ว่าเขาจะดีใจมากกับชัยชนะของน้องสาว แต่เขาไม่อยากให้น้องสาวใช้วิธีการที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บแบบนี้เพื่อคว้าชัยชนะ
ลั่วเฉามองลั่วล่างด้วยความขลาดเขลาแวบหนึ่ง “เรี่ยวแรงของฉันใกล้จะหมดแล้ว อีกฝ่ายต่อสู้อย่างมั่นคงไม่เผยจุดอ่อนอะไรมาโดยตลอด พี่เคยบอกว่าความเร็วในการโจมตีของฉันช้ามาก ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ฉันกลัวว่าจะโจมตีเขาไม่โดน”
ลั่วเฉายังอยากพูดอีกหลายประโยค หานซู่หย่าก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า “เอาชนะได้ก็พอแล้ว นายอยากให้ลั่วเฉาแพ้หรือไง?”
ลั่วล่างอ้าปากค้าง “ปะ…เปล่าซะหน่อย” คราวนี้เขาไม่สามารถว่าอะไรลั่วเฉาได้อีก ถึงยังไงลั่วเฉาก็ชนะแล้ว
ลั่วเฉาลอบถอนหายใจ มองหานซู่หย่าด้วยความซาบซึ้งแวบหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของพี่ชาย เธอก็รู้สึกกดดันมาก เธอแอบมองไปยังหลิงหลาน และก็เห็นว่าหลิงหลานกำลังมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แววตายังแฝงไปด้วยความชมเชย ทำให้เธอหน้าแดงก่ำทันที
เขา…กำลังมองฉัน! ลั่วเฉารู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นลม หัวใจยิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างรุนแรง
“เอ๋? ลูกพี่ พอเด็กผู้หญิงคนนั้นมองเธอแล้วก็ดูเหมือนกำลังจะเป็นลมนะ โอ้ ต้องเป็นเพราะลูกพี่ดูดุร้ายเกินไปจนขู่ให้เธอกลัวแน่นอน” เสี่ยวซื่อนึกถึงการกระทำป่าเถื่อนตอนที่เขาเจอหลิงหลานเป็นครั้งแรกก็เข้าใจทันที
……………………………………………..
[1] มัดหนึ่งนิ้วเป็นท่าต่อยที่สามารถชกคู่ต่อสู้กระเด็นไปได้หลายเมตร โดยที่ไม่ต้องง้างหมัดชกเลย