Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 120 สามปีจะกลับมา
ตอนที่ 120 สามปีจะกลับมา
“เขาสามารถสกัดกระหายมรณาใต้สวรรค์ของฮวาหยุ่นเฟย,ฟีนิกซ์น้ำแข็งสยายปีกของตวนมู่ฉิงและแสงนิรันดร์ของจีชางคงเอาไว้ได้ มันช่างคาดไม่ถึง!”
“เกิดบ้าอะไรขึ้น? ข้าเห็นพวกเขาสังหารราชันย์สิงโตทอง คําลงกับตามันกลับมามีชีวิตได้เยี่ยงไร? ยิ่งกว่านั้น,ความแข็งแกร่งของมันฟื้นคืนกลับไปในช่วงที่ทรงพลังที่สุด”
“ไม่สงสัยเลยว่าทําไมเขาถึงกล้าท้าทายสี่ตระกูลใหญ่ สัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์มันเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธขั้นสูงสุด หากสี่ตระกูลใหญ่ส่งระ ดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธมาที่นี่,สถานการณ์คงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบนึ่ง”
“เจ้าจะรู้อะไรเกี่ยวกับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธ?หากระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธทั้งสิบไม่เผยตัวออกมา,ระดับ ขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด พวกเขาคงไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นง่ายๆ นอกจากนั้นเมื่อระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธประมือกัน,คลื่นพลังที่ส่งออกมาจากการต่อสู้จะกินพื้นที่เป็นวงกว้างแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่อาจต้านทานได้”
เสียงของการต่อสู้สั่นสะเทือนโลกา มันดึงดูดนักบ่มเพาะพลังทุกคนที่อยู่ในราชวังใต้ดินให้ตรงเข้ามาถึงอย่างนั้น, พวกเขาก็ได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เซียวเฉินสั่งราชันย์สิงโตทองคําพุ่งเข้าไปหาจินต้าเปาและซูเสี่ยวเสี่ยว เขาตะโกนออกมาเสียงดัง“ขึ้นมา!”
เจ้าหมูและซูเสี่ยวเสียวรีบกระโดดขึ้นหลัง เซียวเฉินใช้เม็ดยาหวนคืนพลังฉีเป็นเม็ดที่สามแล้ว แต่พลังปราณของเขาก็ยังคงหดหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหม้อก้นรั่ว
การควบคุมราชันย์สิงโตทองคําผลาญพลังปราณของเซียวเฉินไปเป็นจํานวนมาก มากเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ หากเขาไม่มีเม็ดยามาฟื้นคืนพลังปราณอย่างเม็ดยาหวนคืนพลังฉี เขาคงควบคุมราชันย์สิงโตทองคําไว้ได้ไม่นานนัก
ซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าใบหน้าของเซียวเฉินซีดเล็กน้อย นางถามขึ้นอย่างกังวล “นายน้อยเซียว,ท่านเป็นเช่นไร?”
เซียวเฉินยิ้มบางๆ “ข้าไม่เป็นไรยังไหวอยู่ เกาะให้มั่น,ข้าจะเร่งความเร็ว”
เซียวเฉินผิวปากยาว,และราชันย์สิงโตทองคําเริ่มเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งด้วยร่างกายใหญ่โตของมันที่พุ่งตรงไปข้างหน้า,ชนกวาดทุกอย่างที่ขวางทางกระเด็นไปซ้ายขวา
“ฟุว!”
ขุนนางกุยยี่กระโดดขึ้นมาจากหลุมลึก,สายตาของเขาแหลมคมราวกับปลายหอก มังกรทองลอยขึ้นมาจากด้านหลังของเขาและส่งเสียงคําราม พลังอันกว้างใหญ่และ ทรงอํานาจของมังกรบีบอัดลงไปในหอกยาวขณะที่เขาปามันเล็งไปที่เซียวเฉิน,ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด
จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าร้องคํารามออกมาจากบริเวณจุดตันเที่ยนของเซียวเฉิน พลังอํานาจของสัตว์อสูรศักดิ์ สิทธิ์โบราณปะทุออกมา เซียวเฉินใช้จังหวะนี้ชักกระบี่ของเขาออกมา,ตีสกัดหอกของขุนนางกุยยี่เกิดเสียงดังกราว
ฮวาหยุ่นเฟยเหล่มองไปที่เซียวเฉินที่อยู่ห่างออกไปและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “เซียวเฉิน,วันนี้เจ้าอาจจะหนีไปได้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ตระกูลฮวาของข้าจะออกหมาย งฆ่าไปทั่วเขตตงหมิง ไม่มีที่ยืนของเจ้าในเขตตงหมิงอีกต่อไป”
จีชางคงกล่าวอย่างเย็นชา “นับแต่นี้ไม่มีที่ยืนให้เจ้าในเขตหนานหลิง”
ขุนนางกุยยี่ตะโกน “ด้วยอํานาจของข้าในฐานะตระกูลราชวงศ์, ข้าขอสั่งตาย นับจากนี้เป็นต้นไป,ไม่มีที่ยืนให้เจ้า บนโลกใบนี้”
ทุกๆคนต่างตกตะลึง,สามตระกูลชั้นสูงออกหมายสั่งตายไปที่คนคนเดียว เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้าฉิน
เซียวเฉินเป็นคนแรกในรอบพันปีถึงอย่างนั้น,มันก็ไม่ใช่ เรื่องน่าปลาบปลื้มโดนสามตระกูลชั้นสูงหมายหัวทําให้เขายากที่จะใช้ชีวิต
เซียวเฉินยิ้มเย็นชากับตัวเอง เขาดึงเจียงหมิงเหิงออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและโยนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ยิงสายเปลวเพลิงสีม่วงออกมาเผาร่างเจียงหมิงเหิงกลายเป็นเถ้าถ่าน
“หมิงเหิง!” เจียงหมิงรุ่นตะโกนขึ้นอย่างปวดร้าวเมื่อเขามองดูเจียงหมิงเหิงที่กลายเป็นเถ้าถ่าน
จีชางคงหน้าซีดที่เห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาตายไปต่อหน้าเขาพูดเสียงเย็น “หากข้า,จีชางคงไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง, ข้าจะไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป!”
“ไม่จําเป็นต้องมาไล่สังหารข้าหากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้งทําให้ข้าไม่อาจหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าได้จนถึงอายุ 15 ,ข้าคงไม่ต้องถอยหนีอย่างน่าสมเพชในวันนี้”
“สามปี ข้าต้องการเพียงสามปี,และข้าจะไปตามสังหารเจ้าถึงตระกูลตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟย,จีชางคงและขุนนางกุยยี่พวกเจ้าล้างคอรอข้าไว้ ข้าจะกลับมาเด็ดหัวพวกภายในสามปี”
เสียงของเซียวเฉินดังมาจากระยะไกล,ได้ยินถึงหูของฝูงชน มันสะท้อนกลับไปกลับมา “สามปีนับจากนี้,ข้าจะกลับมาฆ่าพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง”
“เจ้าหมอนี้ช่างอวดดี เขากล้าท้าชนตระกูลชั้นสูงด้วยตัวคนเดียว ตระกูลเหล่านั้นที่รอดผ่านกาลเวลามานับพันปี”
“สามปีก็นานเกินไปบางทีเขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่นานถึงเพียงนั้น แต่ถ้าหากเขารอดมาได้ด้วยพรสวรรค์ของเขา,เขาจะต้องทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง”
“พอมาคิดดู,เขตตงหมิงของพวกเขาไม่ได้คึกครื้นเช่นนี้มาก็นานมากแล้วช่างเป็นคนที่จิตใจกล้าหาญ… แม้แต่มู่เฉิง เซวจากเขตซี่เขอยังไม่อาจเทียบเท่า”
ฝูงคนต่างถกเถียงกันเรื่องนี้ รู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อ บางคนก็สงสารเซียวเฉิน,บางคนก็เยาะเย้ยเซียวเฉินที่มองตัวเองสูงเกินไป,เขาถูกหยิบขึ้นไปพูดถึงหลากหลายทิศทาง
อู่เฉาหยุ่นยืนนิ่งอยู่บนยอดเสาหินที่อยู่ไกลออกไป เส้นผมของเขาปลิวไหวไปรอบๆ และดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ดี เขาซ่อนกายอยู่ในเงามองไปในทิศทางที่เซียวเฉินจากไป พร้อมกับเผยรอยยิ้มบางๆ
อาวุธศักดิ์สิทธิ์บนหลังของเขาสั่นเทิ้ม,ราวกับว่ามัน พยายามจะหลบหนีออกมาจากฝักและตัดผ่านความมืดอันไร้ขอบเขต “มังกรฟ้ามันก็ผ่านมากว่าพันปีแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทําอะไรให้ข้าได้ปนะหลาดใจ”
เซียวเฉินขี่หลังราชันย์สิงโตทองคํา, พุ่งชนเสาหินหลายต้นและกําแพงหินนับไม่ถ้วน ไม่มีใครหยุดยั้งเขาไว้ได้ในที่สุดเมื่อเขามาถึงพื้นที่ปลายทาง,เขาก็หยุดลง
“บูม!”
ทันทีที่พลังปราณของเซียวเฉินหมดลง,ราชันย์สิงโตทองคําก็กลับกลายไปเป็นรูปสลักสีทอง ทั้งสามคนร่วงลงบนอากาศในทันทีซูเสี่ยวเสี่ยวและจินต้าเป่าตะลึงไปครู่นึงก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว,ลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม, เซียวเฉินราวกับว่าวที่ไร้สายผูกเขาตกลงมาอย่างไร้ทิศทางและไม่อาจทรงตัวไว้ได้เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นดังนั้น, นางก็รีบลุกขึ้นไปรับตัวเซียวเฉินเอาไว้
เซียวเฉินตัวซีดขาว,เขาขอบคุณนางและพยายามลุกขึ้น จากนั้นเขาก็รับเอารูปสลักที่กําลังร่วงหล่นลงมา รูปสลักตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว,และหากมันร่วงไปถึงพื้น, มันคงจะแตกออกเป็นชิ้น
เซียวเฉินมองดูรอยแตกที่ลามไปทั่วรูปสลัก เขาใช้กระบีบาดไปที่มือขวาของเขาและหยดเลือดลงบนรูปสลัก ,สร้างความประหลาดใจให้กับอีกสองคน
รูปสลักสีทองดูดซับเลือดของเซียวเฉินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ,อย่างน่าอัศจรรย์ รอยแตกเริ่มประสานกันอย่างช้าๆ เซียวเฉินผ่อนคลายลงและหลังจากที่มันฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาและหมดสติไป
ในราชวังใต้ดิน,เหล่าตระกูลชั้นสูงไม่รีบร้อนที่จะจากไป มีการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป และพวกเขาทั้งหมดต้องหยุดพักรักษา,รวมถึงฟื้นคืนพลังปราณของพวกเขา
“ทุกคน,ข้ามีข้อเสนอ พวกเราต่างบาดเจ็บล้มตายจํานวนมาก,ก่อนที่จะได้เริ่มค้นหาร่างมหาปราชญ์ทองคําด้วยซ้ำ ทําไมพวกเราไม่มาร่วมมือและค้นหาไปพร้อมกัน” จีชางคงผู้ที่นั่งอยู่กับพื้นแนะขึ้นปรากฏการณ์ลึกลับของเขาถูกทําลายไปเมื่อครู่ และเพิ่งกลืนเม็ดยาเข้าไป,รอฟื้นคืนพลัง
เหล่าตระกูลชั้นสูงล้มตายกันไปมากมายจากการต่อสู่เมื่อครู่หนึ่งในสามของทัพนักรบทองคําของขุนนางกุยยี่ตกตายไปและมีไม่ถึงหนึ่งร้อยที่อยู่ในสภาพพร้อมสู่
หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาถูกธารศักดิ์สิทธิ์ตีกลับ,ชําระล้างพวกเขาจนไม่เหลือแม้แต่เสื้อผ้า พวกเขาทั้งหมดต้องปิดพื้นที่เบื้องล่างด้วยมือของพวกเขา ฮวาหอุ่นเฟยให้หยิบยืมเสื้อผ้าด้วยสีหน้ามืดมน
หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน พวกเขากําลังปฐมพยาบาลเพื่อฟื้นคืนความแข็งแกร่ง ผู้ที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยก็คือตระกูลจีและตระ กูลเจียง ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่จีชางคงยื่นข้อเสนอเช่นนี้
เมื่อฮวาหยุ่นเฟยได้ยินดังนั้น,สีหน้าเขากลายเป็นเย็น ชาเขาไม่ลงรอยกับจีชางคงมาตั้งแต่ครั้งก่อน ตอนนี้เขาเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไรจากคําของมัน…มันชัดเจนว่ามันอยากจะเป็นหัวหน้ากลุ่มทุกคนที่นี้
เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาทันที “จีชางคง,ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคิดว่าจะสามารถเป็นผู้นาของทุกคนที่นี่ได้? เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถล้มระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงลงได้,เจ้าไม่ละอาย?”
จีชางคงลุกขึ้นฤทธิ์ยาภายในร่างของเขาถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น
และสีหน้าของเขาดูดีขึ้น เมื่อเขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย เขาดึงคอเสื้อมันทันทีและพูดเย้ยหยัน “มันก็ดีกว่าตระกูลของใครบางคนที่ชอบเปลืองผ้าเดินล่อนจ้อน ดู เหมือนเจ้าจะขาดแคลนเสื้อผ้าเจ้าอยากจะยืมข้าสักตัว?”
เมื่อเหล่าผู้บ่มเพาะพลังได้ยินเช่นนี้ พวกเขาเหล่มองไปที่ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาที่หลบซ่อนตัวอยู่และไม่อาจกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
ฮวาหยุ่นเฟยเดือดดาลใบหน้าเป็นสีแดง เขาหายใจฟืดฟาดพร้อมกับเดินจากไป ตวนมู่ฉิงเห็นว่าหกระดับขอบ เขตนักบุญยังคงเจ็บหนักและพูดขึ้น “ตระกูลตวนมู่ เห็นด้วยกับข้อเสนอของจีชางคง”
ขุนนางกุยยไล่เก็บชุดเกราะสีทองกลับมาจากร่างไร้วิญญาณของนักรบทองคําก่อนที่จะฝังพวกเขา เขาเดินตรงเข้ามาและตอบกลับเรียบง่าย “ตกลง!”
ฮวาหยุ่นเฟยน้ำหกระดับขอบเขตนักบุญที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วตรงเข้ามา แม้ว่า สีหน้าเขาจะดูไม่ค่อยเป็นมิตร เขาก็ยังคงตอบรับ “ตกลง อย่างไรก็ตาม,หากพบสมบัติใดๆ พวกเราจะหารแบ่งตามบ้าน,ไม่ใช่ตามจํานวนคนแล้วก็,ตระกูลจีกับต ระกูลเจียงให้นับเป็นหนึ่งบ้าน”
เจียงหมิงรุ่นพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฮวาหยุ่นเฟย! เจ้าหมายความเช่นไร? อยากจะลองวัดกันสักหน่อยว่าใครแกร่งใครอ่อน?”
เพียงแค่เจียงหมิงรุ่นพูดจบ,หกระดับขอบเขตนักบุญและ ยี่สิบระดับขอบเขตปรมจารย์เปลี่ยนเป็นท่าพร้อมรบ ด้วยความแข็งแกร่งของฮวาหยุ่นเฟยในตอนนี้เขาเสียเปรียบ
จีชางคงยิ้มบางๆและดึงเจียงหมิงชุนหลบไปด้านข้าง เขาพูดขึ้น “แน่นอนว่าตระกูลเจียงด้อยกว่าตระกูลอื่นในเรื่องศักดิ์และฐานะ อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันนัก เอาเป็นว่านับพวกเขาเป็นครึ่งบ้าน?”
แม้ว่าจีชางคงตั้งใจจะเพิ่มผลประโยชน์ให้ตระกูลเจียง แต่ตระกูลอื่นก็เห็นด้วยกับคําของฮวาหยุ่นเฟย พวกเขาไม่ยอมให้จีชางคงเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้
ต่างคนต่างยอมถอยครึ่งก้าว,ไม่มีใครขัดข้องข้อตกลง ในครั้งนี้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเดินทาง,พวกเขาหยุดพักครู่หนึ่งเมื่อผู้บ่มเพาะพลังอื่นๆเห็นสถานการณ์
กลับกลายเป็นเช่นนี้ก็พากันถอนหายใจหากขุมพลังใหญ่ร่วมมือกัน,โอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์ของพวกเขาก็ลดต่ําลงไปอีก
หลังจากที่ทั้งกลุ่มเดินมาได้เล็กน้อย,พวกเขาก็พบกับโลงศพสีดําอีกโลง พวกเขาเริ่มถกเถียงกันว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีในที่สุด, ขุนนางกุยยก็พูดขึ้น “ข้าเปิดมาหลายโลงแล้ว ทั้งหมดเป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ แม้ว่ามูลค่า ของมันจะสูง,แต่ก็ยังไม่คุ้มกับความเสี่ยง พวกเขาควรเดินหน้าค้นหาโลงศพของระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”
เมื่อฝูงชนได้ยินดังนั้น, พวกเขาต่างรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ตระกูลชั้นสูงตระกูลอื่นก็เปิดมาหลายโลงแล้วเช่นกัน พวกเขารู้ว่ามีเพียงแค่ระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณเท่านั้นตอนนี้ทุกตระกูลต่างเจ็บหนัก, พวกเขาไม่ต้องการที่จะเปลือ งพลังไปกับของเล็กน้อย”
ตลอดทางพวกเขาพบโลงศพสีดํามากมายทุกคนต่างเพิก เฉยหลังจากที่เดินทางมากว่าสองชั่วโมง,พวกเขาพบกับแม่น้ําสีดํา,มีสารควันสีดําลอยปกคลุม
เสียงธารน้ําดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ควันสีดําเหนือแม่น้ำ ช่างดูแปลกประหลาด จีชางคงยื่นมืออกไปดึงเอาควันสีดําเข้ามาอยู่บนฝ่ามือ เขาตรวจดูมันอย่างละเอียด
ควันสีดําดิ้นไปมา,พยายามจะแทรกเข้าไปในเนื้อหนังของเขา มันราวกับว่ามีชีวิต จีชางคงมีม่านพลังล่องหนสกัดกั้นมันเอาไว้ดังนั้นไม่ว่ามันจะพยายามถึงเพียงใด มันก็ไม่อาจแทรกซึมลงไปได้