Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 142 ใครจะปล้นใคร
ตอนที่ 142 ใครจะปล้นใคร
หลิวเฉินยิ้มขมขืน “ศิษย์ชั้นนอกจะได้รับเพียงหินวิญญาณหนึ่งก้อนและหนึ่งพันเหรียญเงินเป็นเบี้ยเลี้ยง นี่มันไม่เพียงพอสําหรับการบ่มเพาะพลัง นอกจากนั้น,การแข่งขันยังสูงเกินไปะทุกคนต่างอยากเข้าไปยังนิกายชั้นใน มันก็เป็นเรื่องง่ายๆก็คือพวกเรามีเงินไม่พอใช้”
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,นี่มันจะต้องเป็นปัญหาสําหรับผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่ นอกจากพวกเขาจะเก็บโชคไว้เยอะ พอหรือไปปล้นสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูง,พวกเขาก็ต้องมาตั้งร้านแผงลอยเหมือนคนที่อยู่ที่นี่
ทันใดนั้น,หลิวเฉินก็พูดขึ้น “พี่น้องเย่,หากเจ้าต้องการจะตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มีไม่กี่แห่งบนแผนที่ที่เจ้าจะหามันพบได้แน่นอน”
“ที่ไหน?” ความสนใจของเซี่ยวเฉินพองโตขึ้น เขายังคงต้องสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ให้ได้ ถึงอย่างไร, เขาก็ได้ตระเตรียมสิ่งของไว้มากมายแล้วเขาไม่อาจปล่อยทิ้งให้สูญเปล่า
หลิวเฉินชี้ไปที่ตําแหน่งบนแผนที่,สัญลักษณ์แสดงว่าสามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 ได้ “ตรงนี้คือสถานที่ที่สามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 หญ้าเรืองแสง นอกจากนั้นเจ้ายังสามารถพบสมุนไพรระดับ 6 บุปผาผลึกน้ำแข็ง มันจะมีสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ที่กําลังปกป้องสมุนไพรระดับ 6 อยู่แน่นอน สามารถพบพวกมันได้ที่นี่,นี่,แล้วก็ตรงนี้”
เซี่ยวเฉินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ระดับสูงที่สุดที่พบบนแผนที่คือระดับ 5 ดูเหมือนหลิวเฉินยังปิดซ่อนข้อมูลบางส่วนเอาไว้
“ ข้ารู้ว่าข้าอาจจะล้ำเส้น,แต่ข้าสงสัย พี่น้องเย่,ทําไมเจ้าถามถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5?” หลิวเฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตเชี่ยวช าญยุทธขั้นสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 แล้วจะรอด
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่มีเหตุผล แค่ถามดูเฉยๆ แผนที่นี้ราคาเท่าไหร? ข้าจะซื้อ”
มองดูเซี่ยวเฉินที่ไม่ยินยอมที่จะบอก,หลิวเฉินก็ไม่ไปกดดันถามถึงอีกต่อไป “แผนที่นี้ถูกมาก,เพียง 200 เหรียญเงินเท่านั้น”
สองร้อยเหรียญเงินสําหรับแผนที่และเจ้าเรียกมันว่าถูก? เขาจะต้องมองข้าเป็นคนโง่
อย่างไรก็ตาม,จํานวนเท่านี้ไม่ได้สะเทือนกระเป๋าตังของเซี่ยวเฉิน: ดังนั้นเขาจึงไม่มัวไปต่อราคา หลังจากที่เขาปล้นทรัพย์สมบัติของตระกูลเจียงมา,นอกจากยี่สิบล้านเห รียญทองที่เขาส่งไปให้คฤหาสน์หิมะล่องลอย,เขายังมีอีกสิบล้านเหรียญทองและเม็ดยากับอาวุธวิญญาณทุกประเภท
เซี่ยวเฉินหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาแลกกับแผนที่ เมื่อหลิวเฉินเห็นแหวนห้วงมิติที่อยู่บนนิ้วของเซี่ยวเฉิน, ประกายแสงแห่งความโลภปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว
ถึงกระนั้น,มันก็จางหายไปแทบจะในทันที เขารักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้าและเอาเงินทอนให้เซี่ยวเฉิน เขาพูดขึ้นอย่างอบอุ่น “ข้าหวังว่าพี่น้องเย่เฉินจะเก็บเกี่ยวได้ดีเยี่ยม บางทีพวกเราอาจจะได้ร่วมงานกันในอนาคต”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไป, แสงแห่งความโลภกลับคืนมาบนดวงตาของเขาขณะที่จ้องมองเซี่ยวเฉินจากไป เขารีบเก็บแผงลอยและบอกผู้คนที่กําลังตรวจดูของด้วยรอยยิ้ม “ต้องขออภัย:แผงลอยของเราปิดแล้ววันนี้”
ท่ามกลางสายตางุนงงของผู้คน,หลิวเฉินรีบจากไปและวิ่งเข้าไปที่ป่ารกร้างด้านนอกหุบเขาสายลมอสูร ภายในป่า,มีคนหนุ่มสองสามคนที่สวมชุดเครื่องแบบศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เบื้องหน้าของพวกเขามีศพนอนอยู่
“ลูกพี่เจ้าหมอนี้มันยาจกโดยแท้เขามีติดตัวเพียงสองพันเหรียญเงิน นอกจากนั้นยังเป็นเศษทั้งหมด พวกเม็ดยาก็เป็นขยะระดับ 2” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นพ่นคําหยาบ
ผู้นํากลุ่มพวกเขาถูกเรียกว่าจางถู,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ำ,ท่าทางร้ายกาจแสดงออกมาบนใบหน้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างมืดมัว “อีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปี หากข้าไม่อาจยกระดับพลังขึ้นไประดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง,จะหมดโอกาสที่ข้าจะได้เข้าไปนิกายชั้นใน”
คนพวกนี้ทั้งหมดเป็นศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์,พวกเขาต่างเป็นนักบ่มเพาะพลังอิสระ เพื่อที่จะได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง,พวกเขามักจะมาดักปล้นนักบ่ม เพาะพลังโดดเดียวในหุบเขาสายลมอสูรบ่อยๆ มีโจมตีคนจากนิกายเดียวกันบ้างเป็นครั้งคราว
TL: จางถูใช้อักษรคนละตัวกับจางเย่นะครับ จางนี้ตัวประกอบ
เมื่อจางถูเห็นหลิวเฉินวิ่งเข้ามา,เขามีสีหน้าไม่เป็นสุข เขาพูดขึ้น “เจ้ามาทําอะไรที่นี้? หนีเอาชีวิตรอด? ทําไมถึงได้วิ่งเร็วนัก?”
หลิวเฉินรู้สึกเป็นกังวลจึงรีบอธิบายทุกอย่างที่เขาเห็นเมื่อครู่กับจางถู
จางถูเผยสีหน้าครุ่นคิดลึก เขาพูดขึ้น “เจ้าแน่ใจว่าเขามาคนเดียว? หากเขามีแหวนห้วงมิติ,เขาน่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง เขาจะมาคนเดียวได้เยี่ยงไร?”
หลิวเฉินหยักหน้า “ข้าแน่ใจที่สุด นอกจากนั้นมช, คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนใหม่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี้สักอย่าง เขาถามคําถามแปลกๆหลายข้อ ดูเหมือนจะเป็นระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง”
“ตอนเขาจ่ายเงิน,เขาหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาใช้อย่างสบายๆ คนผู้นี้ไม่ใช่ยาจกอย่างแน่นอน นอกจากนั้น,เขาไม่แม้แต่จะต่อราคาแม้แต่น้อย มันจะต้อง เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ลูกพี่,ไปลุยกันเถอะ!” หนึ่งในคนที่อยู่ด้านหลังตาลุกวาวเมื่อเขาได้ยินรายงานของหลิวเฉิน
“แน่นอน,ระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง…ลูกพี่, ท่านคนเดียวก็สามารถรับมือมันได้แม้แต่พวกเราแค่สองสามคนก็จัดการได้ง่ายดาย ผู้ที่อ่อนที่สุดของพวกเราอยู่ระ ดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลางไม่มีปัญหา”
“ใช่แล้วไม่ใช่ว่าลูกพี่จะไม่เคยทํามาก่อน ใครจะรู้คนคนนี้อาจจะมีหินวิญญาณติดตัวมาด้วย นั้นคือสิ่งที่เราต้องการ,ลูกพี่!”
จางถูเผยสีหน้าลังเล,ความมีเหตุผลของเขากําลังบอกเขาว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงมาถามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความโลภในใจของเขาก็ไหลทะลัก,โหมกระหน่ำใส่ความมีเหตุผลของเขา
เมื่อจางถูได้ยินคําว่า “หินวิญญาณ” ความโลภก็เอาชนะความมีเหตุผลของเขาไปในทันที เขาปลอบใจตนเอง “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอะไร เขาก็เป็นแค่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง”
หลังจากที่เขาตัดสินใจได้ เขาพูดขึ้น “หลิวเฉิน,เจ้าทิ้งผงยาไว้บนตัวของเขาแล้วใช่ไหม?”
หลิวเฉินหัวเราะ “แน่นอน,ข้าโรยมันไว้บนแผนที่นานแล้ว พวกเราจะสามารถติดตามหาเขาตอนไหนก็ได้”
อยู่นอกบ้าน,ใจมนุษย์แสนคดเคี้ยว ความมั่งคั่งไม่ควรเผยออกมา นี้มันเป็นเรื่องพื้นฐาน,โดยเฉพาะในทวีปเทียนหวู่มือมนุษย์เปื้อนเลือดคนยิ่งกว่าคมเขี้ยวของสัตว์อสูร
ไม่ใช่ว่าเซี่ยวเฉินไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานพวกนี้ ช่างโชคร้าย,เซี่ยวเฉินด้อยประสบการณ์และเผยตัวตนไปอย่างไม่ตั้งใจ เขาคิดว่ามันไม่ใช่อะไรสําคัญนัก อย่างไรก็ตาม,ในหุบเขาสายลมอสูรแห่งนี้ใจมนุษย์โฉดชั่ว ผู้คนต้องระวังตัวให้ดี
โดยรอบหุบเขาสายลมอสูรเป็นภูเขาสูง เรียกมันว่าหุบเขาอาจจะไม่ค่อยถูกต้องนักเมื่อเทียบกับขนาดของมันที่ใหญ่มาก ภายในหุบเขา,มีป่าไม้,ลําธารแม่น้ำ และแท่นหินแปลกประหลาด มันกว้างใหญ่และไม่สิ้นสุด
มีผู้บ่มเพาะพลังมากมายสัญจรเข้าออกหุบเขาสายลมอสูร หลังจากข้ามแม่น้ำไป,เซี่ยวเฉินก็เข้าไปในป่าทึบ ป่าไม้มันกว้างใหมญ่มากะผู้คนต่างแยกย้ายกระจายกันไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเดินต่อไป,จํานวนคนที่เขาพบเจอก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
“ปุ!”
เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดอย่างร่าเริง สองสามวันมานี้ นอกจากตอนอยู่ในบ้าน,เซี่ยวเฉินไม่ให้มันออกมา
เหตุผลหลักก็คือมันเตะตาเกินไป ตัวของมันเป็นสีขาวหิมะทั้งตัวไร้จุดด่างพร้อย,และดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณหน้าตาเช่นนี้,เห็นชัดว่าไม่ใช่ธรรมดา
เสี่ยวไป๋ตื่นเต้นร่าเริงเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในป่าไม้ เมื่อมันลงมาถึงพื้น,มันวิ่งไกลออกไปในทันที เซี่ยวเฉินเพียงแค่ยิ้มและไม่ไปรบกวนมัน ด้วยความรวดเร็วของมัน,ไม่มีสัตว์อสูรวิญญาณตัวไหนไล่จับได้ทัน”
อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินก็เตือนมันว่าอย่าได้ออกไปไกลนัก เขาไม่ได้กลัวสัตว์อสูรวิญญาณโจมตี,แต่เขาเกรงว่าเสี่ยวไป๋จะถูกผู้บ่มเพาะพลังบางคนพบตัวเข้าและมันจะเป็นปัญหา
เซี่ยวเฉินหยิบแผนที่ออกมาดูอย่างละเอียด เขาตัดสินใจไปตรวจสอบตรงจุดที่มีบุปผาผลึกน้ำแข็ง เขาตั้งใจจะไปตรวจสอบดูทุกจุดที่ละจุด
มันไม่สําคัญว่าเก่อหยุนปินคิดอะไร:หลังจากที่ตระเตรียมการมามากมาย,เขาต้องใช้ทุกอย่างที่เขามี หากเก่อหยุนปินยังอยากจะเล่นตุกติก,มันก็ยังไม่สายที่จะไปมีเรื่อง กับเขา
ภายในหุบเขาสายลมอสูร,จางถูตามรอยเส้นทางที่เซียวเฉินใช้ เขาตามหลังไปอย่างไม่รีบร้อน บางครั้ง,หลิวเฉินก็ ยุดลงและสูดดมอากาศ
จิตวิญญาณยุทธของเขาคือสุนัขธรรมดา มันไร้ประโยชน์ในการต่อสู้แต่ดีเยี่ยมสําหรับการตามรอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทําเช่นนี้ ทุกคนต่างมีสีหน้าผ่อนคลายและไม่ได้สนใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น
“ลูกพี่,ดูเหมือนเขาจะไปทางบุปผาผลึกน้ำแข็ง” หลิวเฉินพูดขึ้นหลังจากสูดดมอากาศอยู่ครู่หนึ่ง
จางถูคิ้วขมวดเล็กน้อย,และสีหน้าเขากลายเป็นมืดมน เขาพึมพํากับตัวเอง “เป็นไปได้ว่าเขาตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 จริงๆ? เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
หลิวเฉิน ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ได้ยินจางถูพึมพํา เขาพูดขึ้น “เขาอาจจะมีสมบัติลับ พวกเราอาจจะตกได้ปลาตัวใหญ่แล้วครั้งนี้”
เมื่อจางถูได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดลึก ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “นั้นเป็นไปได้เหตุผลเดียว มันผู้นี้ไม่ใช่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงธรรมดา พวกเราเดินตามแผนปกติไม่ได้”
“น้องสี่,สิ่งนั้นของเจ้ามันสามารถใช้ออกมาได้กี่ครั้ง?” จางถูหันไปถามผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนหนึ่ง
“ผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนนั้นหยิบก้อนโลหะที่ดูธรรมดาออกมาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย “ไม่น่าจะมีปัญหาใช้มันสองหรือสามครั้ง พวกเราต้องใช้มันจริงๆ?”
ความเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นในดวงตาของจางถูพร้อมกับหยิบเอาก้อนโลหะไป เขาพูดขึ้น “เจ้าหมอนี้จะต้องไม่ใช่ธรรมดา จะไม่มีอะไรผิดพลาดต้องฟังข้า เมื่อพวกเราเข้า ไปใกล้,พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ก่อนพวกเราต้องชิงลงมือก่อน ไม่ให้เขารู้ตัวพวกเราต้องไร้ซึ่งร่องรอย”
แม้ว่าแผนที่แผ่นนี้จะแพงเกินไป, สัญลักษณ์ตําแหน่งสัตว์อสูรวิญญาณแม่นยํามาก เซี่ยวเฉินเดินตามไปและสามารถหลบเลี้ยงสัตว์อสูรวิญญาณที่มาเป็นกลุ่มไปได้ ตลอดทางเขาพบเพียงสัตว์อสูรวิญญาณโดดเดี่ยวและสังหารมันลงโดยง่าย
หลังจากจัดการกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ที่ขวางทางเขา,เซี่ยวเฉินก็เก็บเอาแก่นวิญญาณออกมาและใส่ลงในแหวนห้วงจักรวาล เขายึดตามหลักไม่ทิ้งของให้สูญเปล่า
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเขาหยิบเอาแผนที่ออกมาอีกครั้งและมองไปที่มันอย่างละเอียด
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋วิ่งมาจากที่ไหนไม่รู้และกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซี่ยวเฉิน
เมื่อมันเห็นแผนที่ในมือของเซี่ยวเฉิน,มันก็เดินเข้าไปดมอย่างสงสัย “อะชิ่ว!” ก่อนที่จะเข้าไปใกล้,มันจามออกมา ฝุ่นผงลอยขึ้นจากแผนที่
เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดและกลั้นหายใจ เขารีบโยนแผนที่ทิ้งลงพื้น จากนั้นเขาก็หยิบเอาชิ้นกระดาษสีขาวออกมาห่อเก็บผงพวกนั้นไว้ทั้งหมด
แก่นกลางสีเขียวในห้วงทะเลจิตสํานึกของเขาขยายออกมาพร้อมสัมผัสวิญญาณและวิเคราะห์ผงบนกระดาษอย่างละเอียด แก่นกลางสีเขียวนี้คือแก่นกลางจิตวิญญาณที่เฉพาะนักปรุงยาเท่านั้นที่ได้ครอบครอง เซี่ยวเฉินไม่ได้ใช้มันมานานมาก ตอนนี้ถึงเวลางานของมันแล้ว
TL: แก่นกลางสีเขียวนี้ไม่ได้ออกมานานมากถ้าใครลืมให้ไปดูตอนที่ 25 ได้ครับ
ดึงสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา,เซี่ยวเฉินทิ้งกระดาษสีขาว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก,มันเป็นแค่ผงที่มีกลิ่นเฉพาะตัว
ช่างโชคดี,ที่มันไม่ใช่ยาพิษ หากมันใช่แล้วคงโดนพิษไปเรียบร้อยแล้ว
มุมปากของเซี่ยวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาตรวจดูบนแผนที่อีกครั้งอย่างละเอียดและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หัวใจมนุษย์สุดจะหยั่งถึง”
เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป และทุกอย่างในรัศมี 800 เมตรปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา:ดอกไม้ทุกดอก,ต้นไม้ทุกต้น,และผู้บ่มเพาะพลังบางคนที่กําลังต่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณ ไม่มีอะไรรอดพ้นไปจากเซี่ยวเฉิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจับร่างหกร่างซ่อนตัวอยู่ตลอดเส้นทางที่เขาผ่านมาเพื่อไปยังบุปผาผลึกน้ำแข็ง ร่างของหลิวเฉินอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น