Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์
ตอนที่ 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์
สิบขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธแต่ละคนต่างค่อยปกป้องเขตแดน ทุกคนต่างอยากฟังบรรยายของพวกเขา แต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้ เซี่ยวเฉินไม่เคยคาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะมีระดับขอบเขตยอดกษัตริย์มาบรรยายเป็นการส่วนตัวช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
แม้ว่ามันจะไม่ใช่การชี้แนะแบบตัวต่อตัว ได้ฟังเขาพูดได้เหลือบมองเขาจากระยะไกล สามารถช่วยพวกเขาได้อย่างมากในการบ่มเพาะพลัง
หลิวหรูเยว่ผิวปากเบาๆ และวิหคสีเขียวก็ร่อนลงมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ นางเดินนําไปก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนวิหค
จากนั้นนางก็พูดกับเซี่ยวเฉิน “เย่เฉิน ขึ้นมามากับข้า!”
หลิวสุยเฟิงยิ้มและพูดขึ้น “พี่สาวอย่าได้ลําเอียงถึงเพียงนี้ ข้าเป็นน้องชายเลือดเดียวกับเจ้านะ!”
“ลูกไม้นี้เก่าไปแล้ว…หากเจ้าอุตสาหะได้สักครึ่งของเย่เฉิน และโดดไปจีบสาวที่ยอดเขาสตรีหยกให้น้อยครั้งลง ข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าเดินไปไปถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า” หลิวหรูเยว่ดพร้อมกับนั่งลงบนวิหคสีเขียว
เมื่อช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่งได้ยินดังนั้น ก็อดขําคิกคักในใจไม่ได้ ภายใต้สายตาริษยาของหลิวสุยเฟิง เซี่ยวเฉินปืนขึ้นไปบนวิหคสีเขียวและบินออกไปพร้อมกับหลิวหรูเยว่
สูงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางเมฆขาว เซี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ วิหคบินสูงผ่านหมู่ขึ้นไปบางครั้งก็มีวิหคของคนอื่นบินผ่านไปพวกเขาคือผู้บ่มเพาะพลังที่กําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าเช่นกัน
วิหคสีเขียวมีขนาดใหญ่มากและมันยากสําหรับเซี่ยวเฉินที่จะเลี่ยงไม่ให้แตะโดนเนื้อตัวของหลิวหรูเยว่เป็นครั้งคราวนี้มันทําให้เซี่ยวเฉินเป็นกระวนกระวาย
บางครั้ง สายลมพัดพาผมของหลิวหรูเยว่มาปะหน้าของเซี่ยวเฉิน กลิ่นหอมหวานจากผมของหญิงสาวลอยเข้าจมูกของเขา นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สําหรับเซี่ยวเฉิน เขาพยายามอย่างที่สุดในการควบคุมปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกาย
นี่เป็นสิ่งที่ทําเขาหัวใจของเขาตื่นเต้นถึงขีดสุด แต่เขาจําเป็นต้องควบคุมตัวเอง เซี่ยวเฉินกําลังทุกข์ทรมาน ความปรารถนาในใจของเขาพองโตขึ้นเรื่อยๆ
ในจังหวะนั้นเอง เรืออันสง่างามบินเข้ามาด้านหลังของพวกเขา เรือนั่นประดับประดาไปด้วยทองคําทุกประเภท มันช่างดูรุ่งโรจน์
เรือนั้นมีธงสีดําโบกสะบัดที่มีตัวอักษร ‘ซ่ง’ เขียนเอาไว้ นี้เป็นเรือสงครามของยอดเขาหยุน
ที่ยืนอยู่บนหัวเรือคือลูกชายของท่านเจ้ายอดเขาหยุน ซ่งเชียนเหอ เขาแต่งกายด้วยชุดที่สง่างาม และเขาช่างดูหล่อเหลา มือของเขากําลังจับลงบนที่ราวเรือ และเสื้อผ้าของเขาปลิวไหวไปตามลม เขาแลดูสง่างามและมั่นใจ
มีคนอีกจํานวนหนึ่งอยู่บนดาดฟ้าพวกเขาเป็นสานุศิษย์ของยอดเขาหยุน พวกเขามากมายราวกับดวงดาว พวกเขายืนอยู่ด้านหลังของซ่งเชียนเหอ ทําให้เขาดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก
“ศิษย์พี่หลิว อีกตั้งไกลกว่าจะถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า ทําไมเจ้าไม่ขึ้นมาบนเรือของข้าล่ะ!” ชายหนุ่มตะโกนและเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อเขาเห็นหลิวหรูเยว่
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นไปมองดู เขารู้สึกคุ้นเคยกับฉากตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนอะไร มันคล้ายกับลูกคนรวยที่ขับเบนซ์วนไปรอบเมืองเพื่อนิ้วหญิง
เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็มักจะมีคนประเภท ‘ชายสมบูรณ์แบบ’ อยู่เสมอ หลิวหรูเยว่ทําเป็นเหมื่อนไม่ได้ยิน นางไม่แม้แต่จะหันไปมอง และสั่งวิหคสีเขียวบินตรงต่อไป
ชายหนุ่มคนนั้นอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ เขานึกว่าหลิวหรูเยว่ไม่ได้ยินเสียงของเขาและตะโกนซ้ำด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่สั่งขึ้นอีกครั้ง นางสั่งวิหคสีเขียว เพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าทันที ทิ้งคนกลุ่มนั้นไว้ข้างหลัง
เมื่อซ่งเชียนเหอเข้าใจถึงสถานการณ์ เขาทุบราวเรืออย่างแรง เขามองเห็นเซียวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ และปรากฏจิตสังหารขึ้นมาในดวงตาของเขา เขาพูดขึ้นด้วยเสียงดํามืด “เจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่มันเป็นใคร? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
คนที่อยู่ด้านหลังของเขาตอบกลับ “นั้นคือศิษย์ที่หลิวหรูเยว่รับเข้ามาเมื่อเร็วๆนี้ เขาน่าจะชื่อเย่เฉินหรืออะไรทํานองนี้เขาอายุ 16 ปีอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น”
ผู้ที่ตอบขึ้นรู้จักกันในชื่อจางจิน และภายในยอดเขาหยุน เขารู้จักกันในนามเจ้าข่าวลือ เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่เขาชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทา นั่นเป็นเหตุว่าทําไมเขาถึงมีความรู้ในเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ
ซ่งเชียนเหอคิ้วขมวดประหลาดใจ หลิวหรูเยว่รับศิษย์เข้ามาแล้วจริงๆ นางยังคงไม่ยอมแพ้?
เจ้าเด็กเหลือขอนั้นสนิทชิดเชื้อกับหลิวหรูเยว่ถึงขั้นนางยอมให้เขานั่งวิหคสีเขียวไปกับนาง เขาได้จ้องมองตําแหน่งนั้นมาหลายปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่ก็มักเมินเฉยเขาไม่สนใจเขาแม้ แต่น้อยเมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินได้เข้าไปนั่งในตําแหน่งนั้นเขา หวังอยากจะบินเข้าไปเตะให้กระเด็นในทันที
“ไอ้หมอนั้นมีเบื้องหลังเช่นไร? เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์อย่างไร?”ซ่งเชียนเหอถามต่อ
จางจินตอบอย่างรวดเร็ว “เขาเข้ามาโดยจดหมายแนะนําของเพิ่งเฟยเสียและได้เข้ายอดเขาฉิงหยุน อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก หาก เขามี เขาคงจะไม่ถูกจับไปที่ยอดเขาฉิงหยุน”
ซ่งเชียนเหอดวงตาสว่างขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา “หากเขาไม่ได้มีเบื้องหลังแข็งแกร่งอะไรก็จัดการกับเขาไม่ยากหลิวหรูเยว่ ข้าจะทําให้แน่ใจว่าเจ้าต้องยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ยอดเขานิ่งหยุนจะต้องเหลือเพียงชื่อ”
ขณะเดียวกัน บนหลังของวิหคสีเขียว เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาจึงถามขึ้น “พี่สาวหรูเยว่ ทําไมเจ้าปฏิเสธที่จะขึ้นไปบนเรื่องตามคําชวนของเขา”
แสงเย็นเฉียบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิวหรูเยว่พร้อมกับตอบกลับด้วยเสียงเย็น “อย่าไปพูดถึงมัน เขามันก็แค่พวกกลัวสังคมเหมือนกับพ่อของมัน หากข้าขึ้นเรือไปข้าเกรงว่าจะอดเข้าไปบีบคอมันไม่ได้”
เซียวเฉินนิ่งเงียบในทันที เขารู้ตัวว่าได้ถามเรื่องไม่ควรถามออกไป ทันใดนั้นมีเสียงร้องไพเราะของวิหคดังลงมาจากด้านบนของพวกเขา สู่เฉินกําลังร่อนลงมาอย่างช้าๆ กําลังขอยู่บนวิหคแบบเดียวกัน
หากเขามองดูอย่างละเอียด เขาจะพบว่าวิหคสีเขียวที่เฉินนั่งมาเกือบจะเหมือนกับวิหคที่พวกเขากําลังนั่งอยู่ไม่ว่า จะเป็นสีขนหรือรูปร่าง
“พี่สาวหรูเยว่เจ้ากําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าใช่หรือไม่? มาแข่งกันว่าใครจะไปถึงก่อนผู้แพ้เสียหินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อน” ลู่เฉินยิ้มเบาๆพร้อมกับกล่าวขึ้น
– หลิวหรูเยว่กลอกตาไปหาลู่เฉิน นางตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หยุดพูดไร้สาระไม่เห็นหรือว่าข้ามีคนนั่งมาด้วย?”
ลู่เฉินยิ้มบางๆและไม่ได้ไปใส่ใจ “ไม่เป็นไรงั้นขอพูดเรื่องมีสาระ ข้าได้ไปที่คุกกระบี่มาและเจอกับเหลิงเทียนเยว่เขาอยากจะพบศิษย์ของเจ้า”
เซี่ยวเฉินประหลาดใจและมีความอึดอัดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในครั้งนั้นเขาช่วยเหลิ่งหลิวชูจากเงื้อมือของเหลิ่งเทียนเยว่ หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง หน้าตาของตัวเองเพราะเขารู้ว่าเหลิงเทียนเยว่ถูกขังเอาไว้
หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างเย็นชา “เหลิงเทียนเยว่ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ออกจากคุกแล้วค่อยมาพูดกัน ศิษย์ของข้าไม่ใช่คนที่เขาจะเรียกไปพบได้ตามใจ!”
“เอาล่ะ ข้าก็ส่งข้อความให้แล้ว ไม่ว่าเยู่เฉินจะไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขา ข้าไม่สนใจแล้ว” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับวิหคสีเขียว หายลับไปจากสายตา
เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจจากคําของหลิวหรูเยว่ เขาไม่คาดคิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ช่างโดนใจเหี่ยวเฉิน
วิหคสีเขียวยังคงบินต่อไปครู่หนึ่งจนกระทั่งยอดเขาสูงที่ล้อมรอบด้วยหมู่เมฆปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ที่จุดบนสุดของยอดเขามันเหมือนกับของฐานส่องสวรรค์ ราวกับถูกใครบางคนปาดให้เรียบ มันมีที่ราบขนาดใหญ่อยู่บน นั้นนั้นคือฐานสวรรค์ลอยฟ้า
ฐานสวรรค์ลอยฟ้านั้นต่างจากฐานส่องสวรรค์ มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างแม้แต่หลังเดียวมีเพียงเวทีหินสูงบนพื้นที่ว่างเปล่า ด้านล่างเทวี มีฝูงชนกระจายไปรอบๆ พยายามจะหามุมดีๆ
ขณะที่พวกเขากําลังจะไปถึง เซี่ยวเฉินอดถามขึ้นไม่ได้ “พี่สาวหรูเยว่เจ้าไม่อยากรู้ว่าทําไมเหลิงเทียนเยวถึงได้อยากพบข้า?”
หลิวหรูเยว่ยิ้มบางๆ “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครในอดีต ที่เจ้าต้องจําไว้ก็คือเจ้าคือศิษย์ของข้าเหลิ่งเทียนเยว่กระทําความผิดร้ายแรงและถูกขังอยู่ในคุกกระบี่ เขาไม่อาจ กลับออกมาได้ตลอดชีวิต”
“เขาจะต้องไม่หวังดีที่อยากจะพบเจ้าความสงสัยจะฆ่า แมวตายอย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบไปพบเขา”
ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุย หลิวหรูเยว่ก็บังคับวิหคสีเขียวร่อนลงไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าอย่างช้าๆ หลิวหรูเยว่กระโดดลงไปและนําเซี่ยวเฉินไปพักผ่อนที่มุมเงียบๆ
ผู้คนบนฐานส่วนใหญ่เหมือนกับเซี่ยวเฉินพวกเขาไม่ขี่สัตว์อสูรวิญญาณปีกก็นั่งเรือตรงมา และยังมีอีกหลายคนที่ตีนเขากําลังพุ่งขึ้นมา
ในขณะนั้นเรือหยกโปร่งแสงส่องเป็นประกายลอยช้าๆ มาจากขอบฟ้ามีเสือดนตรีไพเราะบรรเลงมาจากเรือหยกมีหมอกจางๆลอยล้อมรอบเรือ คลับคล้ายกับเรือสวรรค์ในตํานาน
ทันทีที่เรือลํานั้นปรากฏตัว มันดึงความสนใจของทุกคนบนฐานในทันที เมื่อพวกเขามองขึ้นไป พวกเขาสามารถเห็นหญิงสาวงามทุกประเภทกําลังยืนอยู่ตรงหัวเรือ พวกนางรูปร่างงดงามและส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา
“เรือของยอดเขาสตรีหยกมาถึงแล้ว ข้าได้ยินมาว่าสาวงามอันดับหนึ่งของยอดเขาสตรีหยก ฉู่ชินอวิ๋น จะเข้ามาด้วย เช่นกัน
“เป็นความจริงรึ? ฉู่ชินอวิ๋นมักจะอยู่แต่บนยอดเขาสตรีหยก แม้ชื่อเสียงของนางจะกว้างขวาง ข้ายังไม่เคยเจอนางตัวเป็นๆมาก่อน ข้าสงสัยว่านางจะงามดั่งในข่างลือหรือไม่”
“นางคืออหนึ่งในสามบุปผางามแห่งศาลากระบี่สวรรค์ของพวกเรา นอกจากหลิวหรูเยว่และเหลิ่งหลิวซู ไม่มีผู้หญิงนางใดในศาลากระบี่สวรรค์จะไปเทียบเคียงกับนาง
หูของเซี่ยวเฉินนั้นเฉียบคม เขาสามารถได้ยินทุกอย่างที่ผู้คนพูดคุย เขาหันไปจ้องมองรูปร่างอันงดงามของหลิวหรูเยว่ใบหน้าของนางให้ความงดงามแบบผู้ใหญ่
เขาอดใจไม่ไหวที่จะรอการมาของหญิงสาวเรืองชื่อแห่งยอดเขาสตรีหยกฉู่ชินอวิ๋น
เรือหยกลงจอดอย่างช้าๆ และกลุ่มเด็กสาวออกมาจากเรืออย่างช้าๆ ท่ามกลางพลังงานวิญญาณที่เติมเต็มไปทั่วบริเวณเทือกเขาหลิงหยุน สาวงามเหล่านี้คืออาหารตา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตาของทุกคน หญิงสาวในชุดขาวเดินออกมาจากเรืออย่างสบายๆ เมื่อนางลืมตาขึ้น มันราวกับคำาคืนที่เต็มไปด้วยผืนดวงดาว มือของนางอ่ อนนุ่ม ผิวของนางเรียบเนียน คอตรงยาว ฟันของนางขาวเป็นระเบียบนางคือสาวงามในหมู่สาวงาม
รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ละเอียดประณีต เซี่ยวเฉินหันไปมองและรู้สึกราวกับวิญญาณของเขาถูกฉีกกระชาก
นางได้ยิ้มให้ข้า? ชายทุกผู้ถามคําถามเดียวกับที่อยู่ในหัวของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กําลังเต้นแรง
“ ฉู่ชินอวิ๋นงามหรือไม่?” ทันใดนั้นหลิวหรูเยว่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เซี่ยวเฉินตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว “งามแท้!”
“งามเท่าข้า?”
“เกือบเท่า!”
“เกือบเท่าบ้านเจ้าสิ!” หลิวหเยว่ทุบหัวของเซี่ยวเฉินอย่างแรงด้วยกําปั้นของนาง “เจ้าปีศาจน้อยนั้นทําสุยเฟิงหลงหัวปักหัวป่า หากเจ้าไปหลงนางด้วยอีกคน ข้าจะเตะเจ้าออกจากยอดเขานิ่งหยุน”
เซี่ยวเฉินคืนสติและลูบก้อนบวมโนบนหัวของเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาถอนหายใจในใจหายนะโดยแท้… ดูเหมือนไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ที่ไหน ผู้นั้นก็ห้ามพูดถึงหญิงอื่นต่อหน้าสาวงาม
โดยเฉพาะเมื่อหญิงสาวคนนั้นงดงามกว่าหญิงสาวตรงหน้า ก้อนบนหัวของเขาเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี