Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 156 ไอ้เจ้าสารเลวเต็มไปด้วยตัณหา
ตอนที่ 156 ไอ้เจ้าสารเลวเต็มไปด้วยตัณหา
“หลิวหรูเยว!”
ในขณะที่ความคิดของเซี่ยวเฉินกําลังสับสน เขาได้ยินเสียงอันประณีต เขามองตรงไปที่ทิศทางของเสียง และ ก็ตกใจ นั่นคือเหลิ่งหลิวซูเขาซ่อนตนเองอยู่เบื้องหลัง หลิวหรูเยว่อย่างไม่รู้ตัว
หลิวหรูเยว่เองก็เห็นเหลิ่งหลิวซู นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและท่าทางอันเย็นชาปรากฏบนใบหน้านาง นางมองไปที่เห ลิงหลิวซูผู้ที่อยู่ในชุดกระโปรงสีแดงและยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าคิดว่าเหลิ่งเทียนเยว่สังหารเจ้าไปแล้วเสียอีกข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นเจ้าที่ดูแข็งแกร่งและกระฉับกระเฉง”
“ขอโทษที่ทําให้เจ้าผิดหวัง แต่ข้าไม่ได้ตกตาย ข้าก้าวสู่ขอบเขตนักบุญแล้ว” เหลิงหลิวซูโต้กลับอย่างไม่อ่อนข้อให้
บรรยากาศดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ง่ายๆ สาวงามทุกนางในศาลากระบี่สวรรค์ต่างผิดใจกันกับหลิวหรูเยว่? เชี่ยวเฉินเริ่มปวดหัวปวดหัวขึ้นมาเมื่อเขามีความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น มาทันที
ใช่แล้ว เหลิ่งหลิวซูได้เห็นเซี่ยวเฉินที่หลบอยู่ด้านหลังของ หลิวหรูเยว่นางรู้สึกว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกันเช่นไรก็ไม่รู้และกล่าวออกมา “ใครกําลังแอบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเจ้า? ลูกศิษย์คนใหม่ของเจ้า? เขาขี้อายเกินไปที่แสดงตัว?!”
เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินเรื่องนี้ นางมองเขาอย่างประหลาดและผลักเขาไปด้านหน้า “มีอะไรที่จะต้องอาย? เจ้ากลัวอะไรกันคือ?”
เชี่ยวเฉินอยากจะร้องไห้ แต่เขาไม่สามารถเขากลัวที่จะได้พบนางอย่างแท้จริง ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นพรทีมอบให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงในการพบกับเหลิงเทียนเยว่ เขาไม่เคยตระหนักเลยเขาจะชนเข้ากับใครบางคนที่เขาต้องการ หลีกเลี่ยงยิ่งกว่าใครอื่น – เหลิงหลิวซู
“หันหลังกลับมาและให้ข้าเห็นเจ้า!” เหลิ่งหลิวซูมองเชี่ยว เฉินอย่างตั้งใจ นางยิ่งรู้สึกคุ้นเคยเขามากขึ้นอีก
ฟวยเอ้ย! ข้าถูกพบตัวแล้วเซียวเฉินหันหลังกลับและ ยิ้มเล็กน้อย “เราเจอกันอีกแล้วแม่นางเหลิง”
“มันคือเจ้า…” เหลิงหลิวซูตกใจไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะ สามารถเปล่งคําพูดออกมาได้ เซียวเฉินกําลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก.. “เจ้ามันไอ้ชาติชั่วเต็มไปด้วยตัณหา! เจ้ากล้าดีเช่นไรที่มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าจะฟันเจ้าให้ ตายเลย!”
มีเสียงดัง “ฮวบ” ออกมาในขณะที่เหลิ่งหลิวซูชักกระบออกมาจากฝัก และฟันมันไปทางเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็วมี แสงสุกสกาวปรากฏบนกระบีของนางในขณะที่นางยิ่งกระนี่ไปทางเขา
เซี่ยวเฉินสะดุ้งและหลบอย่างรวดเร็ว กระบี่ฉียังคงบินต่อไปทางหลิวหรูเยวที่กําลังยืนต่ออยู่เบื้องหลังเขาอยู่ หลิวหรู เยว่พ่นลมหายใจและชักกระบี่สั้นออกมา ด้วยเสียง ถั่ว” นางได้ทําลายกระบี่ฉี
เหลิ่งหลิวซูเห็นเชี่ยวเฉินหลบได้ และทําให้กระบี่เกิดเสียงห่ง ก้องกังวาลไปทั่วอากาศ เซียวเฉินรู้สึกราวกับว่ากระบี่เงาจันทร์กําลังหนีออกจากมือเขา
“เวิ่ง!” กระบี่สั้นในมือของหลิวหรูเยว่เองก็เริ่มส่งเสียง ซึ่งออกมาไม่หยุดนางพุ่งไปข้างหน้า และยืนอยู่เบื้องหน้าของเซี่ยวเฉินป้องกันการโจมตีของเหลิ่งหลิวซู
“ปัง!” กระบี่ทั้งสองปะทะกันและเกิดเสียงโลหะดังก้องหลิวหรูเยว่ยืนอยู่ที่จุดเดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่เหลิ่งหลิวซู ต้องถอยกลับไปถึงสามก้าวก่อนที่นางจะสลายพลังของกระบี่ออกไป
กระบี่ทั้งสองของพวกนางส่งเสียงหึงอย่างต่อเนื่องหลิวหรูเย่วและเหลิ่งหลิวซูเข้าสู่สภาวะฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมัน ผลของมันทันใดนั้นก็กระจายไปทั่วบริเวณรอบ ข้าง
ในรัศมีหนึ่งพันเมตร อาวุธของทุกผู้คนเริ่มสั่น กระบี่ของผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอลอยออกไป และหยุดนิ่งด้วยตนเองบนพื้นเบื้องหน้าของหลิวหรูเยวและเหลิ่งหลิวซู
ไม่นาน ก็มีกระบี่นับร้อยที่หยุดนิ่งอยู่บนพื้นดิน ผู้บ่มเพาะที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาดู เนื่องจากสถานะของทั้งสองที่กําลังสู้กันยังไม่ชัดเจน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกแซง
“หลิวหรูเยว่ เจ้ากําลังปกป้องเจ้าสารเลวมากตัณหาผู้นี้จากการถูกฆ่าสังหาร?” เหลิงหลิวซู มองไปที่หลิวหรูเยว่และกล่าวอย่างดุดัน
หลิวหรูเยวยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวโดยไม่คิดที่จะอ่อนข้อให้ “เจ้าบอกว่าลูกศิกษย์ของข้าเป็นพวกสารเลวมากตัณหาเพียงเพราะเจ้ากล่าว หมายความว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าสารเลวมากตัณหา? เจ้าสารเลวมากตัณหาเนื่องจากเจ้ ายังคงพูดเช่นนี้ เช่นนั้นก็บอกข้ามาว่าเขาเอาเปรียบเจ้าเช่นไร”
“เขา… เขา…”
คําพูดของหลิวหรูเยว่ดุร้ายเป็นอย่างมากมันทําให้เหลิงหลิวซูหน้าแดงอับอายเป็นเวลานานอย่างไรก็ตามนางจะกล่าวเรื่องน่าอับอายเช่นนั้นต่อหน้าทุกคนได้เช่นไร
เหลิงหลิวซูกระทืบเท้าของนางและกล่าวอย่างเกรียวกราด “อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีก มิฉะนั้น ข้าจะสังหารเจ้าซะ” หลังจากนางกล่าวนางจ้องไปที่เซียวเฉินอย่างโกรธเคืองก่ อนที่จะจากไป
เพียงแค่นั้น ความโกลาหลก็สงบลง เมื่อผู้คนโดยรอบตระหนักว่าไม่มีอะไรให้มองอีกแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มเก็บกระบี่ของตนคืนและจากไป ก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขา เหลือบมองเซียวเฉินอย่างมีเลศนัย
ความหมายที่พวกเขาสื่อชัดเจนแม้ว่าจะไม่ได้ กล่าวออกมาเสียงดัง เจ้ามันช่าง “สุดยอด” ยิ่งนักเจ้าถึงขนาดกล้าลวนลามลูกสาวของท่านเจ้าศาลา เซียวเฉินไม่แม้ แต่จะตอบโต้เรื่องนั้นกลับไปได้ไม่มีทางที่เขาจะแก้ตัวได้เลย ดูเหมือนชื่อ สารเลวมากตัณหา” กําลังจะแพร่กระจายไปทั่วศาลากระบี่สวรรค์
หลิวหรูเยว่เก็บกระบกลับเข้าฝึกก่อนที่จะเดินวนรอบตัว เซี่ยวเฉินไม่กี่รอบ กําลังคาดเดาตัวเขามีรอยยิ้มเล็กน้อยบนหน้าของนาง ซึ่งทําให้คนผู้หนึ่งสงสัยว่านางกําลังคิดสิ่งใด
เชี่ยวเฉินรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อถูกเพ่งพินิศ เขาพยายามอธิบาย “พี่สาวหรูเยว่ที่จริงทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าไม่ได้กระทําอะไรจริงๆ”
หลิวหรูเยวยิ้มเล็กน้อยเหมือนดอกไม้ที่กําลังผลิบาน มัน ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องสวยงามที่สามารถจินตนาการออกมาได้ นางตบไหล่ของเซียวเฉิน “เจ้าไม่ต้องอธิบายอะไร เยู่เฉินน้อย ข้าเข้าใจเจ้านะ!”
“ข้ามองไม่ออกจริงๆ เจ้าดูเรียบร้อยและมีคุณธรรม แต่ เจ้ากลับสามารถทําสิ่งเหล่านี้ลงได้!”
เซียวเฉินรู้สึกหดหูอย่างไม่น่าเชื่อในที่สุดเขาก็เข้าใจความ ปวดร้าวของเจ้าหมู ในเมื่อเขากําลังสามารถอธิบายได้เรือสงครามก็บินข้ามออกมาจากขอบฟ้าไปอีกครั้ง
มันเป็นเรือสงครามที่ถูกหล่อด้วยเหล็กลึกลับสีดําทั่วทั้ง ลํา ธงที่อยู่บนหัวของเรือมีคําว่า “จง” (H) ปรากฏอยู่
ผู้ที่กําลังยืนอยู่บนหัวเรือเป็นชายสวมชุดสีดํา สายตาของ เขาเป็นดั่งสายฟ้าที่กวาดผ่านไปทั่วทั้งลานผู้คนที่ถูกเขามอง รู้สึกเหมือนหัวใจของตนถูกแทงด้วยดาบ มันรุนแรงจนแทบทนไม่ได้
“จงเฉียนแห่งยอดเขาเขียนตัวนมาถึงแล้ว อีกไม่นานจะเกิดการแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้ว ข้าสงสัยว่าเขาจะแสดงออกอย่างไรเมื่อเขาพบว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้”
“เขาไล่ตามเหลิ่งหลิวซูมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตามเขา ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสมือของนางเรื่องนี้ชักจะน่าสนใจขึ้นมา แล้ว”
ผู้คนด้านล่างล้วนพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดล่าสุด มีหลาย คนเหลือบมองไปที่เชี่ยวเฉิ ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอ ย่างมาก พวกเขาช่างมีความสุขในความโชคร้ายของเซียวเฉิน
เรือสงครามคําสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดลงจงเฉียนค่อยๆนําพาศิษย์ของยอดเขาเขียนตัวนไปอยู่มุมหนึ่ง มีบางคนที่รู้จักกับจงเฉียน และรีบวิ่งเข้าไปหาเขาเพื่อบอกเรื่ องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
จางเฉียนหยุดเคลื่อนไหว และการแสดงออกของเขากลายเป็นบิดเบี้ยวทันที การก้าวเดินของเขาหนักแน่นในขณะที่เขานําเหล่าศิษย์ยอดเขาเขียนต้วนเดินไปทางเหี่ยวเฉิ นพร้อมจิตสังหารที่ท่วมท้น
“เจ้าชื่อเย่เฉินใช่หรือไม่?” จงเฉียนหยุดลงและยืนห่างจากเซียวเฉินประมาณสามเมตรขณะกล่าว เขาปลดปล่อยออร่าของตนออกมาสมบูรณ์ มุ่งส่งจิตสังหารไปที่ เซียวเฉิน และทุกคําที่เขากล่าวชัดเจน
เขามองไปที่เซียวเฉิน ผู้ที่หลบอยู่เบื้องหลังหลิวหรูเยว่และกล่าวออกมา “เจ้ากล้าก้าวออกมาไหม?”
จิตสังหารอยู่ในน้ําเสียงของเขาชัดเจน เขาไม่ได้ปกปิดมันหากเซียวเฉินก้าวออกไป แน่นอนว่าเขาจะต้องต้อนรับเซียวเฉินด้วยการโจมตีที่รุนแรง
เขาเยาะเย้ยข้าอย่างเปิดเผย และเขาก้าวออกมาเพื่อจะสังหารข้าให้สิ้นซากโดยไม่รู้เรื่องราวใดๆเลยเซี่ยว เฉินคิดแล้วก็โกรธพร้อมกับค่อยๆขยายจิตสังหารของเขา ออกไป และมือขวาของเขาก็ได้อยู่บนด้ามจับกระบี่เงาจันทร์ เรียบร้อยแล้ว
“เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นอีกรอบมั้ย?” หลิวหรูเยว่ทันใดนั้นก็ พูดออกมาด้วยท่าทางเย็นชาขณะเดียวกับเชี่ยวเฉินที่กําลังจะเคลื่อนไหว ท่าทางเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
หน้าอกของจงเฉียนกลายเป็นรัดแน่นในขณะที่เขาคิดถึงความสําเร็จในอดีตของหลิวหรูเยว่ และอดไม่ได้ที่เขาจะสาปแช่งอยู่ในใจ เขาหุนหันเกินไปในวันนี้ ด้วยความ แข็งแกร่งขอตเขตนักบุญขั้นสูงเขาไม่สามารถทําอะไรเบื้อง หน้าหลิวหรูเยวได้เลย
อย่างไรก็ตาม หากเขาถอยกลับไปด้วยท่าทางเสียใจต่อหน้าทุกผู้คน เขาจะกลายเป็นเรื่องน่าขบขันในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีลูกศิษย์ของยอดเขาเขียนต้วนอยู่เบื้องหลังเขา อีกมากมายเช่นกันเขาอาจจะไม่พ่ายแพ้ต่อหลิวหรูเยว่
เมื่อคิดได้ จงเฉียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา “ทําไมข้า จะไม่กล้า!”
“เครั้ง!”
หลังจากจงเฉียนกล่าว มีประกายแสงเย็นยะเยือกเกิดขึ้นคมกระบี่ได้มาอยู่เบื้องหน้าสายตาเขาแล้วและเส้นผมบางเส้นของเขาก็ค่อยๆล่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
จงเฉียนประหลาดใจ เขาผลักเท้าออกจากพื้นและถอยไปด้านหลัง อย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยวรวดเร็วกว่าเขามาก กระบี่ของนางสับลงไปและรอยแตกก็ปรากฏอยู่บนเก ราะรบบริเวณหน้าอกของเขา มีเลือดไหลออกมาจากรอยแตก
ผู้คนรอบข้างต่างหายใจอย่างหนาวเหน็บ หากเกราะรบตัวนี้ไม่ได้ดูดซับแรงปะทะไปบ้าง จงเฉียนอาจจะถูกผ่าเป็นสองส่วน
ดวงตาของเซี่ยวเฉินเป็นประกาย การเคลื่อนไหวของหลิวหรูเยวคือ การสับ” ของทักษะกระบี่พื้นฐาน เขาไม่คาดคิดว่ามันจะปลดปล่อยพลังออกมาขนาดนี้เมื่อนางใช้ ออกมัน
เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลของเขา และมันก็เจ็บปวดจนไม่น่าเชื่อ ตอนนี้จงเฉียนโกรธอย่างแท้จริงแล้ว มือขวาของเขาเคลือนถอยหลัง กําลังต้องการวาดกระบีออกไป เกิดเสียง เสี้ยว ขึ้นมาแต่ทว่าเขาวาดกระบออกไปได้แค่ครี่ งทางเท่านั้น ก่อนที่เขาจะถูกผลักกลับไปด้วยมือซ้ายของ หลิวหรูเยว่
เกิดลมกรรโชกขณะที่นางใช้ขาขวาของนางกําลังเตะไปที่ หน้าอกของเขาด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด เท้าของนางโดน หน้าอกของเขาและเกิดเสียงบังในทันที
หลิวหรูเยว่ควบคุมพละกําลังได้อย่างยอดเยี่ยมจงเฉียน ไม่ได้ถูกเตะแรงพอที่จะลอยขึ้นไปในอากาศ เขาแค่ล้มลงบนพื้นมันมีเสียง แกรก แกรก” ออกมาจากเบื้องหลังของเขาซี่โครงของเขาหักหลายซี่
เมื่อจงเฉียนต้องการจะยืนขึ้น หลิวหรูเยว่เหยียบหน้าอกของเขาอย่างไร้ปราณี จงเฉียนตะโกนออกมาด้วยความ เจ็บปวดเลือดซึมออกมาจากมุมปากของเขาในขณะที่เขานอนอยู่บนพื้นอีกครั้ง
แม้ว่ามันจะใช้เวลานานในการเล่าอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แต่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น พวกเขาทั้งสองเพียงแค่แลกเปลี่ยนกันเพียงแค่การออกตัวคนละครั้งเหล่าศิษย์ของยอดเขาเขียนตัวนทั้งหมดไม่สามารถต อบสนองได้ทันเวลา
ตามเวลาที่พวกเขาตอบสนอง จงเฉียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหลิวหรูเยู่แล้ว เขานอนราบไปกับพื้นไม่สามารถขยับ
จงเฉียนเป็นศิษย์ชั้นยอดของยอดเขาเขียนต้วน – เขายอดเยี่ยมเหมือนกับหลานคนแรกของท่านเจ้ายอดเขา – เขายังเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาเชียนต้วนอีกด้วยหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาภายใต้จมูกของทุกคนที่อยู่ที่นี่ พว กเขาทุกคนที่นี้จะไม่จบลงด้วยความสุขอย่างแน่นอน
เหล่าศิษย์ของยอดเขาเขียนตัวนทั้งหมดชักกระบี่ออกมาและรีบพุ่งเข้าหาหลิวหรูเยวอย่างรวดเร็วหลิวหรูเยว่หัวเราะ อย่างเย็นยะเยือกและเร่งออร่าของนางขึ้นมา ผู้คนรอบข้างทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม
“นี่คือออร่าของขอบเขตนักบุญขั้นสูง นางกลายมาเป็นข อบเขตนักบุญขั้นสูงอย่างแท้จริงแล้วช่างน่าหวาดผวาอิ งนัก”
“ไม่ประหลาดใจเลยที่นางสามารถเอาชนะจงเฉียนได้ในการออกตัวครั้งเดียว ความแตกต่างของความแข็งแกร่งพวกเขามากเกินไป”
ภายใต้ออร่าที่น่าหวาดผวานี้ เหล่าลูกศิษย์ของยอดเขาเซียนต้วนก็หยุดลง พวกเขาทั้งหมดมองหลิวหรูเยวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าแม้ หนึ่งก้าว
ใบหน้าของจงเฉียนเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขา กล่าวอย่างไม่เชื่อ “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? สองเดือนก่อนเจ้าเพิ่งจะเป็นขอบเขตนักบุญขั้นกลาง เจ้าพัฒนาขึ้นอย่าง รวดได้เช่นไร?!”
เมื่อผู้บ่มเพาะพลังมาถึงขอบเขตนักบุญ ทุกขั้นย่อ ยจะส่งผลให้ความแข็งแกร่งพัฒนาไปไกลมาก อย่างไรก็ตามการพัฒนาไปข้างหน้าก็เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน สําหรับบางคนที่พวกเขามีพรสวรรค์ไม่เพียงพอ และไม่สามารถก้าวหน้าได้แม้ว่าจะผ่านไปสิบปีที่เป็นช่วงเวลาอันมีค่า
่
หลิวหรูเยว่อายุเพียง 20 ปี และนางก็ได้เป็นขอบเขตนักบุญขั้นสูงแล้ว มันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ภายในศาลากระบี่สวรรค์
หลิวหรูเยว่ก้าวถอยหลังและมองไปที่จงเฉียน ผู้ที่กําลังนอนแผ่อยู่บนพื้น นางกล่าวอย่างเย็นยะเยือก “ไปซะ เลิกวางท่าสูงส่งต่อหน้าข้าได้แล้ว มิเช่นนั้น ข้าจะสังหารเจ้าซะบิดาของเจ้าจะไม่แม้แต่จะกล้ากล่าวสิ่งใด”