Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 195 กัดฟันดิ้นรน
ตอนที่ 195 กัดฟันดิ้นรน
เซี่ยวเฉินมองดูสีหน้าของมู่ซินหยาเขารู้สึกถึงอารมณ์ซับซ้อน เขาเกลียดหญิงสาวผู้นี้ที่แสนโหดร้ายแต่ในตอนนี้เขากลับเห็นอกเห็นใจนาง
ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในเหมือง,นางก็ได้ตกลงสู่กับดักของศาลากระปสวรรค์ ศาลากระปสวรรค์ต้องการเพียงยืมมือนางเพื่อทําลานหินผนึกมารและปลดปล่อยราชันมารอสูรออกมา หลังจากนั้น,พวกเขาต้องการที่จะสังหารราชันมารอสูรเพื่อช่วงชิงการบ่มเพาะพลังนับพันปีของเขา
หินผนึกมารเป็นสมบัติธรรมชาติลึกลับ มันก่อเกิดมาจากพลังงานจิตวิญญาณธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพีและกักเก็บพลังงานมหาศาลเอาไว้ นอกจากอาวุธต้องห้ามโบราณ ไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะสามารถทําลายมันได้
ในตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจ มันไม่มีสิ่งที่ใสสะอาดหมดจดหรือเลวบริสุทธิ์ในโลกใบนี้ ในส่วนของความโหดร้าย,ศาลากระบี่สวรรค์อาจจะมากเกินกว่ามู่ซินหยาเสียอีก เพื่อที่จะไม่ตีหญ้าให้งตื่น,พวกเขาทอดทิ้งคนเหมืองทั้งหมดภายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้
เซี่ยวเฉินเข้าใจแจ่มชัดว่าทําไมศาลากระบี่สวรรค์ถึงได้ทําแบบนี้ หลังจากภัยพิบัติเมื่อยี่สิบปีก่อน, พวกเขาได้รับความเสียหายหนัก นักบ่มเพาะพลังระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธทั้งหมดตกตายไปหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
ดังนั้น,ศาลากระบี่สวรรค์ที่สืบทอดมากว่าหนึ่ง หมื่นปีก็เกิดช่องว่างความแข็งแกร่งขนาดใหญ่ ภายในศาลากระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่ง,ไม่มีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธแม้แต่คนเดียว
เพื่อที่จะมาชดเชยในส่วนนี้,ศาลากระปสวรรค์ทําได้เพียงหันไปมองราชันมารอสูรที่ได้ถูกปิดผนึกมานับหนึ่งร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นแก่นกลาง,ผิวหนัง,กล้ามเนื้อ,กระดูก,หรือเลือดโลหิต,พวกมันมีค่าเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม,มู่ซินหยานึกไม่ถึงเรื่องแบบนี้นางสับสน ไม่เพียงแค่นางจะช่วยศาลากระบีสวรรค์,นางยังได้เอาชีวิตนางเข้าไปเสี่ยง
“ไม่มีทาง,ความหวังของเผ่าพันธุ์หมาป่าสวรรค์จะไม่จบลงเยี่ยงนี้” ความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่ซินหยา นางพยายามอย่างที่สุดเพื่อเร่งกระแสพลังของนางขึ้นและเตรียมตัวที่จะขึ้นหน้าเข้าต่อสู้ดับเครื่องชน
เซียวเฉินรีบดึงนางกลับ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังปราณของเขาได้ เขายังมีพลังกายที่แข็งแกร่ง มู่ซินหยาไม่สามารถดิ้นหลุดออกไปได้ “เจ้ากําลังจะส่งตัวเองไปตาย? หนีไปเร็ว! ศาลากระบี่สวรรค์สังเกตเห็นแผนของเจ้ามานานแล้ว ผลลัพธ์มันปรากฎมาตั้งแต่แรกเริ่ม”
มู่ซินหยามองดูเซียวเฉินอย่างแปลกประหลาด นางไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะรั้งนางเอาไว้เมื่อครู่เขายังอยากจะสังหารนางอยู่เลย
นางดึงความแข็งแกร่งเล็กน้อยและสลัดตัวเองออกจากมือของเซี่ยวเฉิน นางยิ้มและพูดขึ้น “พี่ชายเย่,ข้าบอกเจ้าไปแล้ว,พ่อแม่ของข้าคือคนที่บังคับข้าให้มาที่นี่ แม้ว่าข้าจะไม่อยากมา ทุกคนล้วนหวาดกลัวความตาย,ตั้งแต่ที่ข้ามาถึงที่นี่ไม่มีทางหลบหนีไว้สําหรับข้าไม่มีทางหลบหนีให้เผ่าพันธุ์หมาป่าสวรรค์เช่นกัน”
รอยยิ้มของนางงดงามสง่าเหมือนเมื่อก่อน
นางกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นและลอยข้ามฝั่งแม่น้ำไปมาถึงอีกฝังและเข้าร่วมการต่อสู้ในทันที
อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ เย่เหวินส่องแสงสีทองออกมาทั่วทั้งร่างของเขา เขาวางมือลงบนกล่องไม้พร้อมกับยืนอยู่กับพื้นไม่ไหวนิ่ง มีลําแสงปลดปล่อยออกมาจากกล่องไม้อย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตกษัตริย์ยุทธอีกเก้าคนด้านหลังเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาพึ่งพาเพียงแสงจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อสัง
หารกองกําลังของนิกายซากศพเลื่อนไหล เป็นผลทําให้พวกเขารุดขึ้นหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย
กระบี่แสงแรกที่ออกมาจากกล่องไม้ได้ฟันกําลังสําคัญ สามราชันซากศพตัวขาดครึ่ง หลังจากตอนนั้นร่างแสงก็ยิ่งกระบี่แสงนับไม่ถ้วนพวกมัน
อยรอบไปในอากาศและช่างดูเจิดจรัส
นิกายซากศพเลื่อนไหลคนที่ตอบสนองได้ทันไม่ได้ถูกสังหารในกระบวณท่าเดียว ถึงอย่างนั้น,ที่พวกเขาทําได้ทั้งหมดก็คือหนีไม่มีโอกาสได้ตอบโต้แม้แต่น้อย
ขณะที่หัวหน้าลี่หลบกระบี่แสงที่ลอยมาอย่างชุกชุมในอากาศ.เขาทําประทับมือบางอย่าง เขาตั้งใจจะปรับแก้สามราชันซากศพที่อยู่บนพื้น
ราชันซากศพมีร่างกายที่ไม่มีวันตาย หากพวกเขาไม่ได้ถูกบดเป็นผุยผง,มันก็ยากเอาการที่จะสังหารพวกเขา ตราบใดที่ผู้ควบคุมไม่ตกตายลงเสียก่อน,ผู้ควบคุมสามารถใช้ทักษะลับของพวกเขาเพื่อชุบขึ้นมาใหม่ได้
หากราชันซากศพทั้งสามถูกชุบกลับมาได้, พวกเขาอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ เขาสามารถบอกได้ว่าเย่เหวินไม่ได้ควบคุมเหนืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้น
กระบี่แสงที่ลอยไปมาในอากาศไม่ได้ทรงพลังเหมือนกระบี่แรกอีกต่อไป เป็นปัญหาที่เห็นได้ชัด
ไม่ใช่ว่าเก้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาไม่ได้ลงมือกลับกัน,พวกเขาลงมือไม่ได้ ในพื้นด้านให้เท้าของพวกเขา,พวกเขากําลังส่งพลังปราณให้กับเย่เหวิน,เพื่อให้เขายืนหยัดอยู่ได้
ถึงแม้กระนั้น,หัวหน้าลี่ก็เป็นกังวลอย่างมาก ชายชุดดําที่ควบคุมราชันซากศพนั้นอื่นแอเป็นอย่างมาก;พวกเขาไตกตายไปเรียบร้อย
เขาคือคนเดียวที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ เป็นเพราะความแข็งแกร่งของราชันซากศพอยู่ที่ระดับน่ากลัวอย่างมาก,มันต้องการคนสามคนในการควบคุม ในตอนนี้เขาคือคนเดียวที่เหลืออยู่ มันเป็นการยากที่เขาจะชุบมันขึ้นมาได้
“ฟู่ฟิ่ว!”
ร่างสีเงินวูบผ่านหัวของทุกคนและตรงเข้าหาเย่เหวิน หมาป่าสีเงินตัวมหึมาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมู่ซินหยา
นี่คือสัญลักษณ์ประจําเผ่าพันธุ์หมาป่าสวรรค์มันมีพลังน่าหวาดกลัว หมาป่ายักษ์หอนอย่างเกรี้ยวกราดและเสียงหนักอึ้งก็แผ่กระจายไป
มันตบไปที่กระบี่แสงทั้งหมดที่ลอยเข้ามาหาสู่ซินหยา นางดิ่งลงอย่างรวดเร็วและบิดมือกลางอากาศ,มือของนางกลายเป็นห้ากรงเล็บแหลมคมและจู่โจมเข้าใส่เย่เหวิน
ห้ากรงเล็บแหลมคมกริบราวกับคมมีด ขรธที่พวกมันตัดผ่านอากาศลงมา,พวกมันส่งเสียง “ชี ชี” ในพริบตาเดียว,มันกลายเป็นเส้นสายกระแสพลังสีแดงกํ่า กรงเล็บขยายใหญ่ขึ้นพร้อมเคลื่อนเข้ามาและมันอยู่ห่างออกไปเพียงสิบเมตร
เย่เหวินไม่กล้าที่จะประมาท เขาชี้นิ้วไปในอากาศด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ร่างมนุษย์สีทองปรากฏออกมาจากร่างของเขา
“ร่างเงาสับ!”
นี่คือทักษะลับของยอดเขาสตรีหยกเย่เหวินร่ำเรียนมันหลังจากที่ออกจากยอดเขาฉิงหยุน ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ค่อยช่วยเขา,มันทรงพลังมากกว่าตอนปกติ
ร่างแสงที่ราวกับคนจริงๆ หลังจากที่มันหลบการโจมตีของมู่ซินหยามันหันกลับอย่างคล่องแคล่วและโจมตีสวนมู่ซินหยาเปลี่ยนตําแหน่งกลางอากาศสามครั้งแต่นางก็ยังสลัดการโจมตีของร่างแสงนั้นไม่หลุด
มู่ซินหยาค่อยๆสงบใจลงและพยายามอย่างที่สุดเพื่อรวมสมาธิ ขณะที่อยู่ในอากาศ,นางปลดปล่อยการรับรู้ของนาง ผ่านไปครู่หนึ่ง,ใบหน้าของนางก็มีประกายความสุข นางกล่าวขึ้น “ข้าเจอมันแล้ว!”
มู่ซินหยาตีลังกากลางอากาศและโบกมือเป็นท่ากางเขนไขว้ เส้นสายแสงที่มองไม่เห็นสองสามเส้นก็ขาดลงไปในทันที ร่างเงาสับที่เย่เหวินใช้ออกมา,ร่างแห่งแสง,ก็ร่วงหล่นไปในทันที
นี่ก็คือความลับเบื้องหลังที่ร่างเงาสับโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว มันพึ่งพาสายแสงที่มองไม่เห็น เมื่อสายแสงนั้นขาด
ข,ร่างแสงที่ไม่วามารถควบคุมได้อีกต่อไป
“อะวู–!”
ขณะที่มู่ซินหยาลงถึงพื้น,นางก็หอนออกมาราวกับหมาป่าดุร้ายและกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ นางกระโดดข้ามหัวของเยีเหวินและตรงเข้าไปหาระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเก้าคนที่อยู่ด้านหลังของเขา
ไม่! เย่เหวินอุทานขึ้นในใจ แม้ว่าขอบเขตพลังของมู่ซินหยาจะไม่สูงมาก แต่หากนางสามารถเข้าไปถึงตรงนั้นได้,คนทั้งเก้าเจอปัญหาแล้ว
คนพวกนี้ต้องส่งพลังปราณให้กับเย่เหวิน, พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เป็นผู้ใดก็สามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ยืนนิ่งเป็นตอได้อย่างง่ายดาย
ในปัจจุบันเขาสามารถควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม,หากหนึ่งในเก้าคนนั้นถูกสังหาร,การควบคุมของเขาจะพังทลายลงในทันทีเขาจะตกระกํากับผลย้อนกลับของอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“ปัง!”
คิดได้เช่นนั้น,สีหน้าเย่เหวินกลายเป็นจริงจัง เขาสูดหายใจเข้าลึกและตบไปที่กล่องไม้อย่างรุนแรงด้วยมือขวาของเขา รอยยิ้มงอกขยายออกไป ด้วยเสียงอันดัง,มู่ซินหยาถูกเด้งกลับมา
มู่ชินหยากระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมกับร่างร่วงลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เย่เหวิน ผู้ที่ใช้ท่วงท่าออกมา มีสีหน้าน่าเกลียดบนใบหน้าของเขา ร่างแสงที่ออกมาจากกล่องไม้ก็เชื่องช้าลงอย่างสังเกตเห็นได้
นิกายซากศพเลื่อนไหลที่ถูกไล่ต้อนในที่สุดก็มีเวลาพักหายใจ หัวหน้าลีใช้โอกาสนี้ทําประทับมือต่อไป ราชันซากศพทั้งสองซีกเริ่มผสานกลับกัน
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
ทันใดนั้นเอง,มีเสียงระเบิดเป็นสายดังออกมาจากค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร รอยแตกปรากฏขึ้นในพื้นที่ที่ปิดไว้โดยห่วงโซ่วิญญาณ,มันแตกเป็นเศษโดยสมบูรณ์
ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารพังทลายลงแล้ว!
ทุกคนมองดูอย่างตกตะลึงก่อนที่จะตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาดึงกลับและถอยหนีออกจากพื้นที่ในพริบตา
พลังรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นมาโดยเขตแดนเล็กกําลังทลายลงมาอย่างน่าหวาดกลัว มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่กล้าไปเผชิญหน้า
“ปัง!”
เกิดเสียงดังสั่นราวกับพื้นที่กําลังแตกหัก ทั่วทั้งถ้ำสั่นไหวไม่หยุด,สายแม่น้ำใต้ดินแปลเปลี่ยนและเหวี่ยงโยนพร้อมกับก้อนหินบนเพดานร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง
เซี่ยวเฉินหลบก้อนหินยักษ์ที่ร่วงลงมาจากเพดาน เขายายามอย่างที่สุดเพื่อทรงตัวเอาไว้ในจังหวะนี้เขาไม่สามารถใช้พลังปราณได้ หากเขาล้มลงไป,มันเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกหินร่วงทับและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย
“ฟู่ ฟิ่ว! ฟู่ฟิ่ว!”
ยี่สิบร่างบินออกมาจากค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร ห่วงโซ่จิตวิญญาณและอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในมือของพวกเขาล้วนแตกหัก สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดซีดขาว
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารมันก็มาได้แค่นี้”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังออกมาจากหมู่เมฆหมอกควันที่บินตลบ เมื่อหมอกควันจางหาย,ร่างท้วมของราชันหมาป่าสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น ร่างของเขาดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย,ผมสีเงินของเขาปลิวไหวในอากาศและกระแสพลังของเขาก็ดิบเถื่อนอย่างที่เคยเป็นมา
อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะโจมตีใส่ดวงวิญญาณโดยเฉพาะ หลังจากที่ดวงวิญญาณถูกทําลาย,มันก็จะเหลือเพียงเปลือกว่างเปล่า โดยปกติมันไม่มีผลกับร่างเนื้อมากนัก
นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเหลิงเทียนเจิ้งและคนที่เหลือเลือกที่จะใช้อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในการจู่โจมราชนหมาป่าสวรรค์ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเกินคนทั่วไป,มันยืดหยุ่นกว่ามาก หากพวกเขาเลือกใช้อาวุธกายภาพ,มันจะให้ผลไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม,พวกเขาไม่คาดคิดว่าแม้ว่าราชันหมาป่าสวรรค์ที่ฟื้นคืนพลังมาได้เพียงห้าในสิบส่วน,ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของเขาจะมากกว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายเสียอีก
ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารรวมชุดกระบวณท่าต่อสู้ไว้ 81 ชุดและสามารถใช้ออกได้ถึง 9,999 กระบวณท่าสังหาร แม้ว่าจะรวมเข้ากับอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์,พวกมันก็ยังทําอะไรไม่ได้
หลังจากที่เขาได้โจมตีมาเป็นเวลานานโดยปราศจากผลสําเร็จ,ราชันหม่าปาสวรรค์ในที่สุดก็จับจุดอ่อนของค่ายกลเก้ากระบีลงทัณฑ์มารได้ เขาจู่โจมด้วยพลังทั้งหมดและทะลวงเขตแดนเล็กออกมาได้
กระแสพลังของราชันหมาป่าสวรรค์เจิดจรัสและปุคลุมท้องฟ้า สายตาของเขาราวกับตะเกียงที่ส่องแสงมายังโลก ทุกคนที่เขามองผ่านรู้สึกกลัวขึ้นจับใจ
“เฮ้! อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของศาลากระปสวรรค์?” ราชันหมาป่าสวรรค์สังเกตเห็นกล่องไม้ในมือของเยเหวิน ใบหน้าของเขาจุดกลประกายความสุขพร้อมกับพูดขึ้น “ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้,ข้ายิ่งมั่นใจว่าข้าจะต้องได้ครอบครองต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณ”
“มานี่!”
ราชันหมาป่าสวรรค์กางนิ้วของเขาออกและแรงดูดอันแข็งแกร่งยึดออกมาจากระยะ 33 เมตร เย่เหวินรู้สึกว่าเขาสูญเสียแรงยึดจังและกล่องไม้ก็ลอยเข้าไปหามือของราชันหมาป่าสวรรค์
สถานการณ์พลิกกลับในทันที เซี่ยวเฉืนมองดูเรื่องทั้งหมดด้วยความตกตะลึง แต่เดิมเขาคิดว่าผู้อาวุโสระดับสูงของศาลากระบี่สวรรค์จะรับมือกับราชันหมาป่าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ราชันหมาป่าสวรรค์ได้อ่อนแรงลงหลังจากที่ถูกจองจํามาเป็นเวลานับร้อยปีและพวกเขาถึงกับร่วมมือกันใช้ออกค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร
อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดคิดว่าค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารจะถูกทําลายลงได้ แม้ว่าดวงวิญญาณของราชันหมาป่าสวรรค์จะอ่อนแอ,คนทั่งยี่สิบต้องอดทนต่อการตีกลับของค่ายกลที่ถูกทําลาย: พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักในเวลานี้,พวกเขาไม่มีทางรับมือกับราชันหมาป่าสวรรค์
พวกเขาสามารถทําได้เพียงมองดูราชันหมาป่าสวรรค์ฉกฉวยเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของศาลากระบี่สวรรค์ไป
ตามจริง,หากว่าค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารถูกใช้ร่วมกับอาวุธกายภาพ,ผลลัพธ์อาจจะกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่ง หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวขยับร่างกายมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี,ร่างกายของเขาต้องอ่อนแอลงอย่างแน่นอน