Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 198 สมุนไพรมากมาย
ตอนที่ 198 สมุนไพรมากมาย
เพื่อความปลอดภัย,เซี่ยวเฉินมองหาหญ้าน้ำที่ยาวประมาณสิบเมตรและผูกไว้รอบเอวของเขา หลังจากนั้นเขาก็ทําตามแผนของเขาทักย่างก้าวของเขาในคลื่นใต้น้ำผ่านไปอย่างยากลําบาก
เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงทางลาดที่ด้านข้าง,เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท เขาปีนขึ้นไปทีละขั้นขณะที่คลื่นใต้น้ำจุ่มโจมใส่เขา มีบางครั้งที่เขาเกือบจะถูกพัดลอยไป
เขาจมแขนของเขาลงไปในโคลนตมและในเล็บของเขาเต็มไปด้วยตะกอนสีดํา ในไม่ช้า เขาก็รอดพ้นจากอันตราย
หลังจากที่พยายามอย่างมาก เซี่ยวเฉินในที่สุดก็สามารถหนีออกมาจากคลื่นใต้น้ำ เขาผ่อนร่างกายและคลายหญ้าน้ำที่มัดอยู่รอบเอวของเขา
เมื่อเซี่ยวเฉินขึ้นมาถึงฝั่ง,เขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก อาการวิงเวียนที่เขารู้สึกกลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้น เขาพยายามรวบรวมสติและต่อต้านไม่ให้ล้มตัวลงนอน จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าชุ่มน้ำของเขาทั้งหมดออก
หลังจากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าแห้งสะอาดออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและสวมใส่ก่อนที่จะกลืนเม็ดยาหวนคืนโลหิตเข้าไป เมื่อเขาทําทั้งหมดเสร็จสิ้นเขาก็ลากตัวเองไปที่บนหน้าผาและเอนตัวพิงเพื่อพักผ่อน
เซี่ยวเฉินหลับไปโดยไม่รู้ตัวเขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
เมื่อเหี่ยวเฉินตื่นขึ้น,จิตใจของเขาก็ฟื้นคืนมา ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาหวนคืนโลหิต, อาการบาดเจ็บทางกายของเขาฟื้นคืนเช่นกัน
เขาหยิบเอาอาหารแห้งและน้ำออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เขากินอาหารอย่างหิวโหยและเทน้ำตามลงคอไปอีกอึกใหญ่ หลังจากกินดื่มเสร็จสิ้น,ความแข็งแกร่งของเขาก็ฟื้นคืนมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นเซี่ยวเฉินก็ลุกขึ้นยืนและสํารวจพื้นที่โดยรอบ เขาอยู่ในถ้ำมืดสลัว เซี่ยวเฉินพยายามขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปแต่ก็ไม่เป็นผลสัมผัสวิญญาณที่เขาแสนคุ้นเคยไม่ปรากฎออกมา
เซี่ยวเฉินยิ้มขมขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นพิการจริงๆ เขาค่อยๆเดินไปที่ริมแม่น้ำและมองดูเงาสะท้อนของเขา:ผิวน้ำนิ่งสงบสะท้อนสีซีดกลับมา
หลังจากที่จมลงไปในน้ำเป็นเวลานาน,ผิวของเซี่ยวเฉินซีดขาวจนน่ากลัวเมีบางจุดที่ผิวหนังถึงกับลอกหลุดออกมา
เขาได้กลับไปสู่รูปลักษณ์แบบเดิม รูปร่างที่เขาใช้คาถาเปลี่ยนลักษณ์หายไป อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินก็ไม่อาจไปใส่ใจเรื่องนี้
หลังจากที่เขาทําความสะอาดเล็บของเขา เขาก็เดินตามแม่น้ำไป ไม่ว่าสถาจะเป็นเช่นไร เขาต้องหาทางออกไปให้ได้
“ติ่ง! ติ่ง!”
บางครั้ง,จะมีน้ำหยดลงมาจากเพดาน ทันทีที่น้ำหยดลงมาร่างของเซี่ยวเฉินก็จะถอยกลับเพื่อหลบมัน หยดน้ำเฉียดจมูกของเขาและตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของข้ายังควอยู่ความสามารถในการต่อสู้ของข้ายังไม่หายไป แม้จะไร้ซึ่งพลังปราณ,ข้าก็สามารถรู้สึกถึงจุดที่หยดน้ำหยดลงมาได้อย่างง่ายดาย” เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าประหลาดและยินดีออกมาขณะที่กําหมัดของเขา
ด้วยแรงโน้มถ่วงทําให้ความเร็วของหยดน้ำตกลงมาเร็วมา แม้กระนั้น,เซี่ยวเฉินก็สามารถพึ่งความสามารถทางกาย เพื่อตรวจจับหยดน้ำก่อนที่จะหลบมันอย่างง่ายดาย
ความเร็วในการตอบสนองของเขาเทียบเท่ากับระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธทั่วไป สิ่งนี้ทําให้เซี่ยวเฉินฟื้นคืนความมั่นใจในตัวเอง
แม้จะปราศจากจิตวิญญาณยุทธ,ข้าสามารถพึ่งเพียงพลังกายเพื่อกลายเป็นปราชญ์ มันก็เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ข้าก็ทําได้เช่นกัน แสงเด็ดเดี่ยวปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิน
หลังจากที่เขาเดินมาเป็นเวลานาน มันก็ค่อยๆสว่างขึ้น เซี่ยวเฉินเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็มาถึงที่โล่งกว้าง
โลกใต้ดินอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน มันสูงหลายร้อยเมตรและกว้างไปไกลสุดลูกตา
มีทั้งต้นไม้,ต้นหญ้าและหมู่บุปผามันมีแม้กระทั้งแม่น้ำ เขารู้สึกราวกับได้เดินทะลุม่านพลังมาและเหมือนจะเกิดเวลาหยุดลงชั่วครู่หนึ่ง
เซี่ยวเฉินเดินเข้าเดินออกสองสามครั้งเขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เขาพบว่าเขาสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ,เขาก็ไม่ไปสนใจอีก
“ฟี! ฟี!”
ทันใดนั้น,นกสองสามนัวก็บินออกมาจากปาด้านหน้าของเขา เซี่ยวเฉินตกตะลึง มีสัตว์อาศัยอยู่ที่นี่? ข้าต้องระวังตัวไว้ หากข้าไปพบสัตว์อสูรดุร้ายเข้า ข้าจะเจอปัญหา
“ปัง! ปัง!”
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง,สัตว์อสูรวิญญาณตัวมหึมาพุ่งตรงออกมาจากปา นี่คือหมีเพลิงแดงเมื่อมันยืนขึ้นสองขา,มันสูงเท่ากับคนสองคนต่อกัน ดวงตาสีแดงของมันมองมาที่เซี่ยวเฉิน,เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน
หมีเพลิงแดงคือสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 มันเทียบเท่ากับระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธ เซี่ยวเฉินเคยพบเห็นมันมาบ้างที่ภูเขาษีเจียวมันอาจจะดูดุร้ายแต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตาม, หากเซี่ยวเฉินต้องการจะจัดการกับมันไปตอนนี้ มันออกจะยากไปเล็กน้อย
“ปุ ปุ!” ขณะมีเซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิด, หมีเพลิงแดงยืนสี่ขาและพุ่งตรงเข้ามา ในไม่ช้า,มันก็มาถึงหน้าเซี่ยวเฉิน อุ้งเท้าของมันแบกพลังมากหลายร้อยกิโลกรัมกระแทกเข้ามา
เซี่ยวเฉินไม่ได้แตกตื่น ก่อนที่อุ้งเท้าของหมีเพลิงแดงจะมาถึงเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลมและก้าวออกซ้ายอย่างใจเย็นเขาหลบการโจมตีไปได้
เซี่ยวเฉินตะโกนและรวมความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาไปที่กําปั้นขวา กล้ามเนื้อทั้งหมดบนแขนขวาของเขานั้นขึ้นมา เซี่ยวเฉินรู้สึกถึงพลังงานอันไร้ขอบเขตพร้อมกับชกไปที่หน้าอกของหมีเพลิงแดงด้วยความเร็วสูง
ต่อมาในทันที,ร่างอ้วนของหมีเพลิงแดงถูกชกและลอยกลับไปพร้อมเสียงปัง เซี่ยวเฉินสามารถได้ยินเสียงอวัยวะภายในที่ถูกทุบ หลังจากที่มันล้มลง,มันก็ไม่ยืนกลับขึ้นมาอีกเลย
เซี่ยวเฉินมองไปอย่างตกใจ หลังจากนั้น
เขาก็เห็นว่าหมีเพลิงแดงได้ตายไปแล้วจริงๆ เขาพึมพํา “เป็นไปได้อย่างไร? ที่จุดสูงสุด,พลังของกําปั้นของข้าน่าจะอยู่เพียง 1,500 กิโลกรัม ตอนนี้, จิตวิญญาณยุทธของข้าถูกทําลายและอาการบาดเจ็บยังไม่หายดีนัก ว่าตามตรง,ดึงพลังก่อนหน้าของข้าออกมาได้ถึงครึ่งมันก็เยอะมากแล้ว”
น้ำหนักของหมีเพลิงอย่างน้อยก็ 500 กิโลกรัม หากส่งมันลอยไปด้วยหมัดเดียวแถมอวัยวะภายในของแตกสลาย หมัดจะต้องมรพลังอย่างน้อย 2,000 กิโลกรัม
เซี่ยวเฉินงุนงงพร้อมกับจ้องมองไปที่หมัดของเขาเขาไม่อยากจะเชื่อ “ในหมัดเมื่อครู่, ข้ารู้สึกได้ว่าข้ายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ทําไมพลังของข้าถึงได้เยอะกว่าเมื่อก่อนเสียอีก?”
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานแต่เขาก็ไม่พบคําตอบต่อไป,เซี่ยวเฉินก็ได้เข้าไปในป่า เขาพบหมีเพลิงแดงอีกตัวที่ชายป่า เมื่อมันเข้ามาใกล้ เซี่ยวเฉินก็ต่อยมัน
เมื่อตัวก่อนหน้า,หมีเพลิงแดงตัวขนาด 500 กิโลกรัมลอยกระเด็น อวัยวะภายในแหลกเหลวและตกตายในทันที!
หลังจากนั้นเซี่ยวเฉินก็เชื่อแล้วว่ามันคือเรื่องจริง;ความแข็งแกร่งของเขามากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”เป็นไปได้ว่าการบ่มเพาะพลังของข้าไม่ได้หายไป?”
“ความแข็งแกร่งหมัดของข้าน่าจะมีพลังถึง 1,750 กิโลกรัม,เกือบจะถึง 2,000 กิโลกรัม มิฉะนั้น,มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารหมีเพลิงแดงได้ภายในหมัดเดียว” เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ
เกิดอะไรขึ้น? ทําไมความแข็งแกร่งกายภาพของข้าถึงได้เพิ่มขึ้น? เซี่ยวเฉินไตร่ตรองอยู่เป็นเวลานานแต่เขาก็ยังคงไม่ได้รับคําตอบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นบางๆ “ไม่เป็นไร,ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดี เมื่อข้าคิดไม่ตกก็ไม่จําเป็นไปเสียเวลาครุ่นคิด”
คิดได้ดังนี้ เซี่ยวเฉินก็ออกจากป่าไป ยิ่งเข้าไปลึกในป่า เซี่ยวเฉินยิ่งรู้สึกถึงอันตราย มันจะต้องมีสัตว์อสูรวิญญาณที่ทรงพลังอยู่ในป่าแห่งนี้
เซี่ยวเฉินใช้เวลาที่เหลือในการสํารวจโลกในดินนี้ต่อไปในทิศตะวันออกเฉียงใต้ เซี่ยวเฉินพลกับทุ่งสมุนไพรโดยบังเอิญ
สมุนไพรหลากชนิดเขียวขจีหนาแน่น มีแม่งกระทั่งสมุนไพรวิญญาณอายุนับหลายร้อยปี อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะได้เข้าไปใกล้ทุ่งสมุนไพร เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายกระแส บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงคํารามน่ากลัวของสัตว์อสูร
พวกมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณแข็งแกร่งทั้งหมด ด้วยขอบเขตพลังของเซี่ยวเฉินในตอนนี้เขาลืมที่จะเข้าไปต่อได้เลย มองเห็นภูเขาสมบัติอยู่ข้างหน้าแต่ไม่อาจจับต้อง,ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด
เซี่ยวเฉินหลบเลี่ยงบริเวณนี้และเดินต่อไปข้างหน้า แม้ว่าจิตวิญญาณยุทธของเขาจะถูกทําลาย เขายังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่ ฝีเท้าของเขาไม่ได้เชื่องช้าอะไร ภายในช่วงกลางวัน
เขาก็ได้ตรวจสอบพื้นที่รัศมีนับพันเมตร
เซี่ยวเฉินพบว่าเขาได้ประเมินขนาดของโลกใต้ดินนี้แล้ว แต่หลังจากที่เขาเดินมาทั้งวัน มันครอบคลุมพื้นที่ยังได้ไม่ถึงครึ่ง
ไม่รู้ว่าทําไมแต่มันมีเวลากลางวันกลางคืนในโลกใต้ดินแห่งนี้ ความสว่างผันแผรไปตามการไหลของเวลาและก็ค่อยๆมืดลง
ไม่แน่ว่าอาจจะมีอันตรายในเวลากลางคืน เซี่ยวเฉินไม่กล้าอยู่ที่นี่ เขาถอยกลับไปจนถึงม่านพลังรอบโลกแห่งนี้ก่อนที่จะหยุดลง
เขาตัดสินใจนั่งลงขัดสมาธิแลพพยายามจะบ่มเพาะพลัง เซี่ยวเฉินสิ้นหวังหลังจากที่จิตวิญญาณยุทธของเขาถูกทําลาย มังกรฟ้าเป็นสัตว์อสูรโบราณ,มันจะต้องมีอะไรที่พิเศษ
ตอนนี้ร่างของเซี่ยวเฉินว่างเปล่าปราศจากพลังงานจิตวิญญาณ:ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ เมื่อเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งได้ข้ามภพมา, พลังในตอนนี้มันอ่อนยิ่งกว่าเสียอีก
อย่างน้อยที่สุดในตอนนั้นเขายังมีพลังงานจิตวิญญาณที่บ่มเพาะมาเป็นเวลาสิบปี แม้ว่าเขาไม่อาจจะเปลี่ยนพลังงานนั้นให้เป็นพลังปราณได้มันก็เพียงพอให้เขาใช้ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนี้ไม่มีพลังงานจิตวิญญาณที่ว่าเหลืออยู่ในร่างกายของเขา ย้อนกลับไปในตอนนั้น,มันต้องใช้เวลาถึงสิบหกปีเพื่อที่จะมาถึงจุดนี้ หากเป็นตอนนี้ไม่ว่าเขาจะมีความพยายามแรงกล้าถึงเพียงใด เขาก็อาจคงต้องยอมแพ้
เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงพลังงานจิตวิญญาณที่อยู่โดยรอบ เขาให้ความสนใจไปที่จุดตันเที่ยนของเขาพร้อมหายใจเข้าและออก เขาคงสภาพใจสงบพร้อมทั้งทําเช่นนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ
นี่เป็นการหายใจพื้นฐานในทวีปเที่ยนหวี่แห่งนี้ นอกจากผู้ที่เกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณยุทธสืบทอด,ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีพลังงานจิตวิญญาณมาตั้งแต่เกิด
ปราศจากพลังงานจิตวิญญาณ,ไม่มีทางที่จะหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังใดๆได้ ณ จุดนี้ คนผู้นั้นต้องฝึกวิธีหายใจเข้าออกเพื่อดูดซับพลังงานจิตวิญญาณบางส่วนเข้าไปในร่างกายของพวกเขา
เมื่อปริมาณพลังงานจิตวิญญาณขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง,พวกเขาก็จะสามารถเริ่มการบ่มเพาะพลังได้ ไม่มีการแบ่งระดับการหายใจ มันเป็นเพียงเรื่องธรรมดาในทวีปเทียนหวี่
อย่างช้าๆ อากาศธาตุที่เซี่ยวเฉินหายใจ เข้าไปในปากกลายเป็นหนาแน่นขึ้น มองจากระยะไกล,มันดูราวกับดาบที่เลือนลางมันไม่ได้จางหายไป
ลมหายใจอีกต่อไปของเซี่ยวเฉิน,พลังงานจิตวิญญาณบางส่วนกลายเป็นหมอกและเข้าไปในปากของเขา มันไหลอย่างช้าๆไปตามเส้นปราณของเขาและหมุนวนครบหนึ่งรอบก่อนที่จะตกลงไปที่จุดตันเทียนของเขา;ขนาดของมันราวๆนิ้วเท้าเล็กๆ
เซี่ยวเฉินรู้สึกเป็นสุข เขาไม่ได้คาดคิดว่าสายพลังงานจิตวิญญาณที่เขาดูดซับเข้าไปในครั้งแรกจะมีขนาดใหญ่เพียงนี้ เขาจะสามารถรวบรวมพลังงานจิตวิญญาณได้เพียงพอและสามารถหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
เซี่ยวเฉินก่อนหน้านี้เขากังวลว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาถึงสิบหกปี ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นกังวลไปเอง หลังจากที่เขาเรียนรู้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองก็เป็นไปอย่างราบลื่นกว่าเดิม
ผ่านไปสี่ชั่วโมง,พลังงานจิตวิญญาณที่อยู่ในจุดตันเทียนของเซี่ยวเฉินก็เพียงพอที่จะหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยวเฉินหยุดวิธีการหายใจและเริ่มเตรียมพร้อมที่จะหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปโดยไม่มีอะไรติดขัดพลังงานจิตวิญญาณโดยรอบหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเซี่ยวเฉิน มันหลังไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเกินความคาดหมายของเซี่ยวเฉินไปโดยสิ้นเชิง