Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 203 หลิงจ๋อโลหิต
ตอนที่ 203 หลิงจ๋อโลหิต
เซี่ยวเฉินได้บรรลุถึงระดับเทียบเท่าชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองของสลักร่างพยัคฆ์มังกรไปเรียบร้อยแล้ว, ร่างแกร่งทรงพลัง,เพิ่มเลือดโลหิตและพลังฉีอย่างมหาศาล และ “ก่อเกิดพลังศักดิ์สิทธิ์,ตัดภูเขาสะบั้นหินผา”
TLเซี่ยวเฉินได้ฝึกฝนร่างกายไปจนเทียบเท่าสองชั้นแรกแล้ว ทําให้ตอนเริ่มฝึกฝนสลักร่างพยัคฆ์มังกรจึงข้ามไปที่ชั้นสามเลย
ดังนั้นเมื่อเขาบ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกร,เขาจึงไม่พบอุปสรรคใดๆ เขาสามารถบ่มเพาะไปถึงชั้นที่สองได้ในทันที จากนั้นเขาก็เริ่มบ่มเพาะชั้นที่สามของมัน, พยัคฆ์คํารามสะเทือนไพร,อํานาจเหนืออสูรนับร้อย
ทักบ่มเพาะพลังนั้นแตกต่างจากทักษะต่อสู้พวกมันไม่ต้องการความเข้าใจระดับสูง;เพียงแค่ต้องทําตามวิธีการไปเท่านั้นการมีร่างกายที่ดีนั้นหมายถึงการมีความสามารถที่ดีพร้อมผู้ที่มีความสามารถดีพร้อมก็จะบ่มเพาะพลังได้อย่าง รวดเร็วผู้ที่มีความสามารถทําหน่อยก็จะช้าลง
หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน ในที่สุดเชี่ยวเฉินก็บ่มเพาะพลังสลักร่างพยัคฆ์มังกรถึงชั้นที่สามเหตุผลหลักที่ทําให้เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเช่นนี้ก็คือเขาได้วางรากฐานร่างกายมาอย่างดีหากคนทั่วไปมาบ่มเพาะพลังนี้ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถเพียงใดมันก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นเดือนๆ
หลังจากที่บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรมาถึงชั้นที่สามเซียวเฉินต้องทําเพียงหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลัง,และกระดูกของเขาก็ส่งเสียง“กรอบแกรบออกมา กล้ามเนื้อแขนขาทั้งสี่ของเขาสงวนพลังเอาไว้แต่พวกมันเต็มไปด้วยพลังระเบิด
เมื่อเซี่ยวเฉินชกออกไป,นอกจากสายลมที่มาจากกําปั้นของเขามันยังมีเสียงพยัคฆ์คํารามเสียงคํารามดังและกังวานมันช่างทรงพลังอย่างมากมันเหมือนกับพยัคย์คํารามออกมาและสั่นสะเทือนปาจริงๆ สัตว์อสูรนับร้อยไม่หาญกล้าที่จะท้าทาย
เมื่อเขาสําเร็จถึงขั้นที่สาม,มันมีผลประโยชน์ตามมาความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีก 500 กิโลกรัมการจู่โจมเต็มกําลังของเขาสามารถขึ้นไปได้ถึง 4,000 กิโลกรัม
จุดปราณจุดที่สี่บนแขนของเขา,จุดเน่ยกวนทันใดนั้นก็เปิดออก
หลังจากนี้ เซี่ยวเฉินก็ใช่เวลาทั้งวันไปกับการเสริมสร้างพื้นฐานของสลักร่างพยัคฆ์มังกรจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนทึกษะหมัดระดับปฐพีขั้นต่ํา-หมัดพยัคฆ์มังกร
ทักษะต่อสู้นั้นแตกต่างจากทักษะบ่มเพาะพลังพวกมันพึ่งพาความสามารถในการเข้าใจของผู้ฝึกฝนผู้ฝึกฝนต้องคิดเกี่ยวกับเนื้อหาแก่นแท้ของทักษะต่อสู้และดึงพลังที่สมบูรณ์ของมันออกมา
กระบวณท่าแรกก็คือพยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา เซี่ยวเฉินไม่เคยเห็นพยัคฆ์ร้ายที่แท้จริงมาก่อนเขาไม่สามารถเข้าใจถึงที่วงท่าและกระแสพลังของพยัคฆ์ร้าย เป็นผลให้เมื่อเขาฝึกฝนมัน,เขารู้สึกว่ามันไม่เป็นไปอย่างราบลื่น
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเขาจําได้ว่าหลังจากที่เข้ามาในโลกใต้พิภพ.ในปาแรกที่เขาข้ามมาเขาได้เจอกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้า-พยัคฆ์เพลิงคลั่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า
เซี่ยวเฉินใช้คาถาแรงโน้มถ่วงและเริ่มมองหาไปทั่วทุกที่เมื่อตอนที่เขาลอยอยู่ในอากาศ.เขาได้ยินเสียงคํารามดังสะท้อนไปมา
หลังจากที่เขามุ่งหน้าเข้าไป,เซี่ยวเฉินก็ยินดีที่พบว่ามันคือพยัคฆ์เพลิงคลังที่กําลังออกล่าอาหาร
วันเวลาผ่านไป,เซี่ยวเฉินไม่ได้ทําอะไร เขาเพียงแค่เว้นระยะห่างออกมาและสังเกตการณ์ทุกการเคลื่อนไหวของพยัค ฆ์เพลิงคลั่ง
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป…
ในพริบตาเดียวเซียวเฉินได้เอ้อระเหยลอยไปลอยมาอยู่ในป่าแห่งนี้เจ็ดวันเต็ม เหมือนกับวันแรก,เชี่ยวเฉินไม่ได้ลงมือทําอะไรเขาเพียงสังเกตการณ์ชีวิตของพยัคฆ์เพลิงค ลัง,ทุกท่วงท่าที่มันทํา
เขาเหมือนจะเป็นบ้าราวกับเขาได้กลายร่างไปเป็นพย คฆ์เพลิงคลั่งหมัดพยัคฆ์มังกร? พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา? เขาได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปนานแล้ว
ในช่วงบ่ายของวันนี้ เซี่ยวเฉิน ผู้ที่เป็นบ้ามาหนึ่งอาทิตย์,ทันใดนั้นก็ร้องคํารามขึ้น เขากระโดดลงจากยอดของต้นไม้,ราวกับว่าเขาคือพยัคฆ์ตัวใหญ่ สิ่งมีชีวิตทั้งหม ดตื่นกลัว;กลุ่มนกบินออกจากหมู่ต้นไม้
เซี่ยวเฉินชกหมัดออกไปกลางอากาศ ก่อนที่หมัดของเขาจะได้ลงถึงพื้น,สายลมหนาแน่นจากกําปั้นของเขาเปากองใบ ไม้ร่วงที่อยู่บนพื้นใบไม้ที่ร่วงหล่นเติมเต็มไปในอากาศ ในที่สุด,เขาก็ลงมาถึงพื้นดิน
ในวินาทีถัดไปเกิดเป็นเสียงดังสนั่น,เกิดหลุมใหญ่ขนาด 20 เมตรปรากฏขึ้นบนพื้น ฝุ่นหินดินควันนับไม่ถ้วยถูกตบลอยขึ้นไปในอากาศ, บดบังท้องฟ้าเอาไว้ จากนั้นพวกมันก็ตกลงมาราวกับลูกเห็บ
“ฟู!” ในจังหวะนี้ มีสายลมกรรโชก ดินหินในอากาศกลายเป็นผุยผงเมื่อลมพัดผ่าน มันกลายเป็นว่าหมัดของเซียวเฉินได้มาถึงจุดที่เขาเข้าใจรายละเอียดของทักษะอย่าง ถ่องแท้เศษหินดินพวกนี้ทั้งหมดถูกทําลายจากภายใน
เป็นบ้าไปกว่าหนึ่งอาทิตย์เต็มและได้บรรลุในทันทีเนี่คือกระบวณท่าแรกของทักษะหมัดระดับปฐพีขั้นต่ําพยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผาในท้ายที่สุดเซียวเฉินก็สามารถบ่มเพาะมันจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
เซี่ยวเฉินถอนหมัดกลับมาและยืนตัวตรง เขาใช้พลังปราณค่อยๆปัดฝุ่นที่ลงมาบนตัวของเขา เขาเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขพลังอํานาจของทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้ นต่ําไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ตอนนี้เขาได้เรียนรู้กระบวณท่านี้แล้ว เขาจะมีไพ่ตายอีกใบไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด, นอกเหนือจากเบี่ยงร่างกระแทกด้วยวิธีนี้เขาสามารถดึงความแข็งแกร่งของร่างกายของเขามาเป็นข้อได้เปรียบ
ภายในพิภพใต้ดิน,ทุ่งสมุนไพรธรรมชาติ
เซี่ยวเฉินซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบ,ซ่อนกระแสพลังทั้งหมดของเขาไว้เขาจ้องมองไปที่ลิงปีศาจกระหายเลือด 500 เมตรห่างออกไป
ลิงปีศาจกระหายเลือดคือสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดมันเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณประเภทวานรสติปัญญาของมันส่งกว่าเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรวิญญาณทั่วไป
มันมีพละกําลังที่น่ากลัวไหวพริบและสติปัญญาที่ดีลิงปีศาจกระหายเลือดมันยากที่จะรับมือด้วย
มีการของหลิงจือโลหิตอายุเกือบ 300 ปี มันเป็นสมุนไพรที่เสริมสร้างร่างกายได้เป็นอย่างดี หลิงจื่ออายุ 300 ปีมันเพียงพอสําหรับเซียวเฉินที่จะฝึกฝนในตลอดระยะเวลานี้ไม่สามารถเสริมสร้างกําลังของเซียวเฉินไปได้อีก 250 กิโลกรัมเซียวเฉินถูกมันดึงดูดเป็นอย่างมาก
กระบวนท่าที่สองของหมัดพยัคฆ์มังกร, พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนคือทักษะต่อสู้ประเภทป้องกันเหมือนกับก่อนหน้านี้เซี่ยวเฉินไม่สามารถเข้าใจมันได้ภายในระยะเวลาสั้น ดัง นั้นเชื้อจึงปล่อยมันไปก่อนเขากลับไปที่แผนดั้งเดิมของเขาที่จะมองหาสมุนไพรที่สามารถเสริมสร้างเลือดโลหิตและพลังฉีของเขาได้
หลิงจือโลหิตอายุ 300 ปีคือเป้าหมายแรกของเขา
ลิงปีศาจกระหายเลือดสูงประมาณ 5 เมตรเมื่อมันยีนตัวตรงมันเดินลาดตระเวนไปรอบๆหลิงจือโลหิตอย่างระมัดระวังดวงตาแดงก่ําของมันจ้องมองไปในพื้นที่โดย รอบพร้อมกับเจตนาฆ่าฟัน
ภายใต้อิทธิพลที่แข็งแกร่งของลิงปีศาจกระหายเลือด,สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 จํานวนหนึ่งที่กําลังจ้องมองหลิงจือโลหิตก็หนีไปไกล
เซี่ยวเฉินเคยมาที่นี่แล้วเมื่อ 2 วันก่อน เขาเห็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 ขั้นสูงสุด-หมาปาปิกเงินถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆโดยลิงปีศาจกระหายเลือดต่อหน้าต่อตาของเขา ฉากเลือดที่สาดไปทุกที่นั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก
เซียวเฉินสังเกตการณ์ทุกการต่อสู้ของเล่นพิซซ่ากระหายเลือดเป็นเวลาสองวัน มันทําให้เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงความ แข็งแกร่งของมันเป็นอย่างดี
ลิงปีศาจกระหายเลือดจะพึ่งพาความรู้สึกที่แหลมคม,ความรวดเร็ว,พลังแขนที่มีน้ําหนักมากกว่า 5000 กิโลกรัมของมัน,เช่นเดียวกับขนของมัน,ที่แข็งแกร่งดุจ เหล็กกล้าคมมีดทั่วไปไม่สามารถตัดมันให้ขาดได้
เสียงฉันได้คํานวณอย่างรอบคอบ ถ้าเขาพึ่งพากําลังความแข็งแกร่งร่างกายของเขา เขามีโอกาสเพียงครึ่งที่จะทําได้สําเร็จ อย่างไรก็ตาม,เมื่อเขารวมทักษะต่อสู้, ทักษะเคลื่อนไหว,และเพลิงแท้อัสนีม่วงของเขา,โอกาสของเขาจะ เพิ่มขึ้นไปถึงเจ็ดในสิบส่วน
เซี่ยวเฉินกําเศษดินเล็กน้อยขึ้นมาจากที่ด้านล่างของพุ่มไม้ด้วยความนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,เขาใช้ออกคาถาสละชีพกองดินในมือของเขาเปล่งแสงออกมา,ผ่านไปครู่ห นึ่ง,มันกลายไปเป็นนกตัวเล็กบินออกไป
ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังของเซียวเฉิน,เขาสามารถใช้อะไรก็ตามแต่เพื่อร่ายคาถาสละชีพสร้างสัตว์ตัวเล็กๆขึ้นมาอย่างไรก็ตามสิ่งที่สามารถจะนําไปใช้ในการต่อสู้ได้ยังคงต้องการสิ่งของที่มีพลังงานจิตวิญญาณเป็นพื้นฐาน
นกตัวน้อยเป็นวนอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะตรงไปที่หลิงจื้อโลหิตด้านข้างลิงปีศาจกระหายเลือด หลังจากที่มันบินผ่านลิงปีศาจกระหายเลือดไป,มันก็พุ่งตรงไปที่หลิงจือโลหิต
ลิงปีศาจกระหายเลือดมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับมนุษย์มุมปากของมันยกขึ้นเผยเป็นรอยยิ้มน่ากลัวมันกระโจนขึ้นเบาๆและกลายเป็นแจ้งสีแดงก่ํามุ่งหน้าตรงไปที่นกตัวน้อย
“ป้าบ!”
เมื่อลิงปีศาจกระหายเลือดกวาดแขนของมันไปในอากาศด้วยพลังมหาศาล,สามารถมองเห็นได้ถึงระลอกคลื่นบางเบาปรากฏขึ้นในอากาศ อย่างไรก็ตาม,นกตัวน้อย เหมือนกับหยั่งรู้และได้เป็นสูงขึ้นไป,หลบฝ่ามือของมัน
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา หลังจากสังเกตการณ์มาสองวัน,เขาคุ้นเคยกับลิงปีศาจกระหายเลือดว่ามันกระโดดสูงได้เพียงใด:ด้วยการกระโดดตบเบาๆ กระโดดด้วยแรงเล็กน้อย,หรือกระโดดเต็มกําลังของมัน
นกตัวน้อยบินหลบอย่างต่อเนื่อง ลิงปีศาจกระหายเลือดรู้สึกเจ็บใจและเกรี้ยวโกรธอย่างสมบูรณ์มันไล่จับนกตัวน้อยที่กําลังบินตรงมาที่พุ่มหญ้าที่เซี่ยวเฉินกําลังซ่อนตัวอยู่
“ป้าบ! ป้าบ!”
ลิงปีศาจกระหายเลือดกระโดดด้วยพลังทั้งหมดของมันร่างของมันลอยสูงขึ้นไป 50 เมตรในอากาศความเร็วของมันพุ่งถึงจุดสูงสุด,สามารถมอง เห็นได้เพียงเส้นสีแดง นกตัวน้อยไม่สามารถหลบได้ทันเวลาแล้วถูกทุบจนแหลกเป็นผง
“ฟุ ฟิว !”
ขณะที่ลิงปีศาจกระหายเลือดกําลังพึ่งพอใจและลงถึงพื้น,เซี่ยวเฉินก็กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้า เขาคํารามออกมาเสียงดัง,ราวกับพยัคฆ์ได้เข้าสิงร่างของเขาเขาพุ่งเข้าหาลิงปีศาจกระหายเลือด
เซี่ยวเฉินคํานวณไว้อย่างดี มันเป็นจังหวะที่ลิงปีศาจกระหายเลือดได้กระโดดขึ้นไปเต็มกําลังและอยู่ระหว่างที่กําลังจะร่วงลงมา
มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้กลางอากาศไม่มีทางที่จะหลบการโจมตีของเซี่ยวเฉินได้
ร่างใหญ่โตของลิงปีศาจกระหายเลือดถูกกระแทกกลับไปด้วยหมัดนี้มันตอบสนองอย่างรวดเร็วและตีลังกากลางอากาศมันลงถึงพื้นด้วยแขนขาทั้งสี่และลื่นไถลไปหลายเมตรก่อนที่จะตั้งตัวได้
“ซี่! ซี่!”
มีร่องลึกบนพื้นเมื่อลิงปีศาจกระหายเลือดพยายามใช้ แขนขาทั้งสี่จับพื้นเอาไว้,ทําให้ฝุ่นควันลอยขึ้นไปทั่วทุกที่
เซียวเฉินไม่ได้หยุดคิด:เขาไม่ได้สนใจว่าลิงปีศาจกระหายเลือดจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่,หรือมันจะได้รับบาดเจ็บเท่าใดในทันทีที่เขาชกไป,เขาได้ไล่ตามลิงปีศาจกระหาย เลือดในทันทีเพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ฉวะ!”
ในทันทีที่ลิงปีศาจกระหายเลือดลงถึงพื้น, ร่างมนุษย์ก็บินทะลุผ่านกลุ่มควันพร้อมกับเสียง “เสี้ยว” กลุ่มควันถูกเป่าหายออกไปภาพร่างหมัดปรากฏขึ้น,พุ่งตรงไปที่ลิงปีศาจกระหายเลือด
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ลิงปีศาจกระหายเลือด,ที่ตั้งตัวยืนขึ้นได้แล้ว,ขยับแขนของมันอย่างรวดเร็วมันรวดเร็วเป็นอย่างมากมันป้องกันกําปั้นของเซี่ยวเฉินเอาไว้ได้หนึ่งคนและหนึ่ง สัตว์อสูร…พวกเขาต่อสู้กันอย่างดิบเถื่อนที่สุดในพื้นที่เปิดโล่
ไม่มีทักษะต่อสู้ที่แพรวพราว มีเพียงภาพหมัดลอยตัดไปมา,สร้างคลื่นกระแทกออกมาโดยรอบร่างทั้งสองวูบไหวไปรอบๆ:พวกเขารวดเร็วจนมองเห็นเพียงแค่เงา
ลิงปีศาจกระหายเลือดร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราดมือขวาสีแดงของมันเปล่งแสงออกมาความเร็วและความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นสองเท่าในทันที
“พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา!”
เซี่ยวเฉินคํารามออกมาเสียงดังพร้อมกับหมุนเวียนสลักร่างพยัคฆ์มังกร มีเสียงแตกกรอบแกรบดังมาจากกระดูกของเขาความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นสองส่วนในทันที, เพิ่มขึ้นถึง 5,000 กิโลกรัมฉีและโลหิตทั่วทั้งร่างของเขาพลุ่งพล่านออกมา,เผาไหม้อย่างเร่าร้อน
เซี่ยวเฉินกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายต้อนรับมือสีแดงขนาดใหญ่ของลิงปีศาจกระหายเลือดอย่างไม่เกรงกลัว
ในวินาทีถัดมา กําปั้นทั้งสองเข้าปะทะกันและส่งเสียงอันดังออกมาเกิดพลังเกือบจะ 10,000 กิโลกรัม เกิดระเบิดขึ้นในอากาศมันฟังดูราวกับเสียงฟ้าร้องทั่วทั้งทุ่งสมุน ไพรสั่นสะเทือน
หากมีใครมาเห็นเข้า,พวกเขาควจะหัวเราะเยาะเย้ยเซี่ยวเฉินที่เอาพละกายไปวัดกับสัตว์อสูรวิญญาณ ทุกคนล้วนรู้ดีว่
ลักษณะร่างกายของสัตว์อสูรดีกว่าของมนุษย์,ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือการฟื้นตัว
พวกเขาต่างเผ่าพันธุ์กันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน การต่อสู้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณที่พึ่งพากําลังกาย,นักบ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะใช้ทักษะต่อสู้เพื่อคว้าชัยชนะ ไม่มีใครโง่งมพอที่จะไปแข่งขันในเรื่องพลังกาย
“โซว! โซว! โซว!”
สัตว์อสูรวิญญาณหลายตัววิ่งเข้ามาจากระยะไกลพวกมันรออยู่ในบริเวณใกล้เคียง,กําลังมองดูเซียวเฉินและลิงปีศาจกระหายเลือดฟัดกัน
สัตว์อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้โงเง่าเช่นกันพวกมันกําลังรอจนกว่าทั้งสองจะบาดเจ็บและฉวยโอกาสนั้นเข้ามาแย่งชิงหลิงจ๋อโลหิตอายุสามร้อยปี
หลังจากรับการโจมตี,สายโลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเซี่ยวเฉิน เขาถอยหลังกับไปสิบก้าวทุกก้าวทิ้งรอยเท้าลึกเอาไว้