Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน
ตอนที่ 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน
เมื่อข่าวใหม่นี้กระจายออกไป,ทั่วลานฝึกฝนตกลงสู่ความโกลาหล ทุกคนล้วนรู้ว่าก้อนศิลาสีดํานี้ไม่ใช่ของธรรมดา มันแข็งแกร่งกว่าก้อนศิลาทั่วไปหลายเท่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทําได้ง่ายดาย
ทุกคนล้วนรู้สึกเป็นกังวลอยู่ก่อนแล้วและพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าทักษะต่อสู้ของพวกเขาจะถูกห้ามใช้อีก มันไม่ใช่เพียงสานุศิษย์ชั้นในที่เข้ารับการทดสอบเท่านั้นที่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ผู้คุมสอบสองคนที่อยู่ด้านข้างหัวหน้าผู้คุมสอบก็มีสีหน้า ตกตะลึง
พวกเขารู้เกี่ยวกับศิลาสีดําพวกนี้เป็นอย่างดี แม้แต่พวกเขาเองหากจะฟันก้อนศิลานี้ให้ขาดครึ่ง,พวกเขาต้องใช้กําลังถึงหนึ่งในสี่
หัวหน้าผู้คุมสอบมีสีหน้าไม่น่ามองพร้อมกับกล่าวขึ้นเดียวเสียงลึก “เงียบ! พวกเขาจะดําเนินการทดสอบต่อไปหากพวกเจ้ายังส่งเสียงไม่เลิก, ข้าจะใช้วิธีของข้าทําให้มันเงียบเอง”
แม้ว่ายังจะมีคนที่ไม่พอใจอยู่บ้างก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออก มาภายใต้อํานาจของหัวหน้าผู้คุมสอบผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินออกมาสีหน้าเคร่งเครียด
คนผู้นี้ฉลาดกว่าหน่อย หลังจากที่เขาเดินไปรอบๆก้อนศิลาสีดํา,เขาก็ถามหัวหน้าผู้คุมสอบ “ข้าขอแตะมันได้หรือไม่?”
หัวหน้าผู้คุมพยักหน้า “ได้ แต่ห้ามใช้พลังปราณ อีกทั้งอย่าให้มันนานไปนัก”
คนผู้นี้รีบลูบไปที่พื้นผิวของศิลาเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาถอนมือกลับมาและค่อยๆชักกระบี่
“แคร้ง!”
เขาตัดสินใจลงมือในอึดใจเดียวไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พร้อมกับเสียง ‘ฉัวะ’ คมกระบี่ตัดจากบนผ่านลงล่างพร้อมกับเสียง ‘ซี่ซี่’
คนผู้นี้เผยรอยยิ้มปริมสุขพร้อมกับเพิ่มกําลังใส่ลงไปอีก ‘ปะปะ’ ขณะที่คมกระบี่ห่างหนึ่งในสี่ก่อนที่จะถึงด้านล่างมันก็ติดขัด
“ปัง!”
หัวหน้าผู้คุมสอบส่งฝามือผ่าอากาศออกมาอีกครั้ง เกิดเสียงบูม และก้อนซิลาขนาดเท่าตัวคนก็แตกสลายกลายเป็นเศษ
เมื่อคมกระบี่ของคนผู้นั้นคลายตัวออกมา เขาไม่ได้ตั้งตัวและเสกลับหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้
“หมายเลข 2…สอบตก! หมายเลข 3,มาต่อ!” หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางความไม่พอใจของศิษย์ผู้นั้น
“เขาค่อนข้างโชคร้าย เขาตัดศิลาสีดําผ่าครึ่งลงไปได้ ถึงกระนั้น ก็ยังเหลืออีกเพียงเล็กน้อยู่ท้ายที่สุดเขาก็ทําไม่สําเร็จ
เซี่ยวเฉินเห็นผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินคอตกออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นจริงจังทําไมการสอบถึงได้เข้มงวดนัก? คนผู้นั้นอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง
หากไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ได้เช่นนั้นคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะจบลงที่ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน พวกเขาจะสอบตกตั้งแต่รอบแรก
เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่ฐานสูง มีชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูชราแต่กระแสพลังพลุ่งพล่านจากระยะไกล,เขายังสามารถสัมผัสได้ ถึงความแข็งแกร่งและพลังชีวิต
คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสหนึ่งแห่งสภาสูงของศาลากระบี่สวรรค์ เจียงชื่อ เขาคือผู้ที่มีตําแหน่งสูงที่สุดภายในศาลากระบี่สวรรค์ ลูกดอกซัดเมื่อก่อนหน้านี้ก็ถูกปาลงมาโดยเขา สายตาของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง ชายชราท่านี้กําลังคิดอะไรอยู่?
ด่านแรกก็ยากเย็นถึงเพียงนี้แล้ว,หรือเขาพยายามอยากจะปรับตกเสียทุกคน?
“ผู้อาวุโสหนึ่งกําลังคิดอะไรอยู่? ทําไมถึงเพิ่มระดับความยากขึ้นไปถึงเพียงนี้?” ท่านเจ้ายอดเจาว่านเหรินรู้สึกสงสัยพร้อมกับพูดขึ้นที่อยู่ด้านหนึ่งของฐานสูง
“ยากระดับนี้ เลือกศิษย์แก่นกลางมาได้จะถึงสิบคนหรือเปล่า”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่เหลิ่ง,ท่านมีความสัมผัสอันดีกับผู้อาวุโสหนึ่ง เจ้ารู้ข่าวภายในมาบ้างหรือไม่?
การทดสอบศิษย์แก่นกลางรอบนี้มีกลิ่นแปลกๆ แม้แต่ท่านเจ้ายอดเขาก็ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ล่วงหน้า
เหลิงเทียนเพิ่งคิ้วขมวดไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งเจียงซื้อและส่งสายตาเหล่มอง เขาพึมพํากับตัวเองด้วยเสียงเบา “หรือว่ามันจะเป็นเพราะเรื่องนั้น? ดูเหมือนว่าข้าจะต้อขไปเตรียมตัวล่วงหน้าหลังจากที่การทดสอบจบลง”
เมื่อท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยก,คู่เซียนอขึ้นเห็นเหลิงเทียนเจิ้งพึมพํากับตัวเอง,นางก็กล่าวขึ้น “พี่ใหญ่เหลิ่ง,หรือว่าเจ้าจะรู้อะไรมาจริงๆ? แบ่งปันกับพวกเรา”
เหลิ่งเทียนเฉิงยิ้มและสายหัวของเขา “อย่าไปคิดมาก ข้าจะไปมีข้อมูลวงในอะไรได้? เพียงดูชมกันต่อไปเถอะ”
ทุกคนเห็นชัดว่าไม่เชื่อแต่เมื่อเหลิ่งเทียนเจิ้งไม่ยินยอมที่จะเปิดปาก,พวกเขาก็ไม่อาจไปบังคับได้ทุกคนที่นั่งอยู่จรงนี้ล้วนที่สถานะเท่าเทียบกัน พวกเขาจะไปบีบบังคับกันได้อย่างไร
ใบหน้าอันงดงามของหลิวหรูเยว่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย,นางไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางทอดสายตาไปไกลและมองดูเซี่ยวเฉิน,ผู้ที่อยู่บนลานฝึกฝน นางพึมพํากับตัวเอง “หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ดวงอาทิตย์แผดเผาลงมาจากท้องฟ้า มีเสียงตอกดังออกมาจาก ลานฝึกฝนเป็นบางครั้ง ด่านแรกของการทดสอบผ่านไประยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามจํานวนคนที่ผ่านนับได้เพียงสิบ
นอกจากนั้น,คนทั้งสิบล้วนอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด พวกเขามีรากฐานแข็งแกร่งและแยกก้อนศิลาเป็นสองซีกได้ในอดใจ
“ หมายเลข 100,ยอดเขาเทียนเยว่,จางเลี่ย!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่านชื่อออกมาเสียงดัง
“นั่นจางเลี่ย,จางเลี่ยกําลังจะออกไปแล้ว ข้าได้ยินชื่อนี้มากพักหนึ่งแล้ว เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายในยอดเขาเทียนเยว”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาคือบุตรชายของผู้นําตระกูลจาง เป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของเมืองหยุนหยาง เขามีภูมิหลังที่ดีและมากพรสวรรค์ ทั้งหมดที่เขาต้องทําก็คือทุมเทความพยายามและเขาจะต้องกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน”
“เขาแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว,ยอดเขาเทียนเยวมีการจัดการแข่งขันกันทุกเดือน ศิษย์ชั้นในของยอดเขาเทียนเยวไม่พอมือของเขาอีกต่อไปแล้ว”
“เขาได้รับฉายาศิษย์ชั้นในอันดับหนึ่งแห่งศาลากระบี่สวรรค์ มันเกือบจะแน่นอนแล้วว่าเขาจะได้รับอันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”
“ฮ่าฮ่า,มันเร็วไปหน่อยที่จะกล่าวเช่นนั้น รอให้เขาผ่านด่านแรก นี้ไปก่อน หากเขาผ่านด่านแรกนี้ไปไม่ได้ เขาจะไม่แม้แต่จะได้รับสถานะศิษย์แก่นกลาง
ในจังหวะที่จางเลี่ยก้าวออกไป,เขาดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที ศิษย์ชั้นในที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดเริ่มพูดคุยกัน
ในอัฒจรรย์ที่ไดลออกไป,มีกลุ่มของสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ ที่มีเส้นสีมองสามเส้นบนปกคอเสื้อของพวกเขา พวกเขาให้ความสนใจไปบนลานฝึกฝน
สานุศิษย์เหล่านี้คือห้าสิบอันดับสุดท้ายของศิษย์แก่นกลาง หลังจากที่จางเลี่ยและคนที่เหลือผ่านด่านที่หนึ่งและที่สองไป,พวกเขาจะสามารถเลือกคู่ต่อสู้ของพงกเขาเข้ามาประลองด้วยสถานะศิษย์ แก่นกลางของพวกเขากําลังแขวนอยู่บนเส้นดาย
“จางเลี่ย…ข้าหวังว่าเขาจะไม่ใช่คู่มือของข้า” ศิษย์แก่นกลางยอดเขาเปยเฉินผู้หนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลพร้อมกับจ้องมองไปที่จางเลี่ย
สานุศิษย์แก่นกลางคนอื่นพูดเป็นเสียงเดียวกัน “เป็นการดีหาก ว่าเขาสอบตกไปเสียตั้งแต่ด่านแรก เช่นนั้น พวกเราทั้งหมดจะไม่ต้องเป็นกังวล
ใบหน้าของสานุศิษย์แก่นกลางทั้งห้าสิบเต็มไปด้วยความกังวล ถึงอย่างไร,พวกเขาเป็นสุขไปกับสิทธิพิเศษของศิษย์แก่นกลาง หากพวกเขากลับไปเป็นศิษย์ชั้นใน,พวกเขาจะพบว่ามันยากที่จะยอ มรับในการดูแลที่ต่างออกไป
มีเพียงคนเดียวที่สีหน้านิ่งสงบดวงตาของเขาปิดพร้อมกับกระบี่ ที่ถือไว้ในมือ,กอดเอาไว้บนอกของเขา
เขาเพิกเฉยต่อเสียงรอบข้างโดยสมบูรณ์,มันราวกับว่าไม่มีอะไร มากระตุ้นเขาได้ เขาตัดขาดและนิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
จางเลี่ยค่อยๆเดินไปที่ศิลาสีดํา กระแสพลังของเขาถูกสงวนเอาไว้ไม่มีปลดปล่อยออกมา สายตาของเขาเยือกเย็น ผ่านไปครู่หนึ่ง,กระแสพลังของเขาทันใดนั้นก็เฉียบคมขึ้น
แสงวาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา,ราวกับกระบี่ที่ถูกดึงออกมาจากฝัก,เผยให้เห็นคมของมัน
“ปะ ปะ!”
ก่อนศิลาด้านหน้าของจางเลี่ยทันใดนั้นก็ระเบิดออกและกลาย เป็นเศษเล็กเศษน้อยลอยไปในอากาศ
จางเลี่ยโบกมือของเขา,ส่งสายลมออกจากฝ่ามืออย่างเรียบง่าย สายลมรุนแรงเปาออกด้านหน้าของเขาเศษศิลาที่ลอยมาทางเขา ทันใดนั้นก็ร่วงลงพื้น
“เกิดอะไรขึ้น? ศิลาระเบิดออกได้อย่างไร?” ผู้เข้าร่วมการ ทดสอบคนอื่นๆทั้งหมดล้วนตกตะลึงพวกเขาไม่เห็นที่จางเลี่ยลงมือ
ܩܐ
เซี่ยวเฉินดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น? เขาแน่ใจว่าจางเลี่ยไม่ได้ชักกระบี่ออกมาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,ก้อนศิลาได้ระเบิดออก
เจตนารมณ์กระบี่!
ทันใดนั้น คําสองคนได้ปรากฏขึ้นในใจของเซี่ยนเฉิน นี่เป็นหนึ่งในสภาวะกระบี่อย่างแน่นอน นอกจากนั้น, จางเลี่ยได้บรรลุเจตนารมณ์กระบี่ของเขาไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น
“ยินดีด้วย,พี่เหลิ่ง ท่านได้รับศิษย์ที่มากพรสวรรค์เข้ามาอีกคน เขาได้บรรลุถึงเจตนารมณ์กระบี่ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยอนาคตของเขาไร้ขีดจํากัด
“ยอดเขาเทียนเยว่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ น่าอิจฉายิ่ง! เจตนารมณ์กระบี่ระดับสมบูรณ์ขั้นต้น.ศาลากระบี่สวรรค์ไม่ได้มีอัจฉริยะ เช่นนี้มานับร้อยปีแล้ว”
รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลิ่งเทียนเยวพร้อมกับตอบกลับท่านเจ้ายอดเขาอื่นๆ ถึงอย่างไร เขาก็สุนงง เขารู้ถึงจางเลี่ย ที่บรรลุเจตนารมณ์กระบี่
แต่ถึงกระนั้น,เหลิ่งเทียนเพิ่งแต่เดิมคิดว่าเขาคงจะเก็บเอาไว้เป็น ไพ่ตาย เขาไม่คาดคิดว่าจะใช้ออกมาเร็วตั้งแต่เริ่มเช่นนี้ ทําไม? ด้วย นิสัยของจางเลี่ย,เขาไม่น่าจะสะเพร่าเช่นนี้
กลับไปที่ลานฝึกฝน,จางเลี่ยมันใดนั้นก็หันหัวไปรอบๆ มีแสงวาวสว่างในดวงตาของเขา ในที่สุดเขาก็พบสายตาเฉียบคมที่มองมาก่อนหน้านี้ ใบหน้าสามัญที่ตราตรึงอยู่ในดวงตาของเขา
มู่เหิงค่อยๆเผยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายิ้มไปที่จางเลี่ยก่อนที่จะถอนสายตากลับมา,กลืนหายไปกับฝูงชน
จางเลี่ยตีตราภาพมเพิ่งลงในใจของเขาพร้อมกับคิดกับตัวเอง ในที่สุดข้าก็เจอเข้า ข้าไม่ได้เผยไพ่ตายออกมาอย่างเปล่าประโยชน์ ความกดดันที่เจ้าใช้กับข้า,ข้าก็กดดันคืนให้กับเจ้าได้เช่นกัน
มันไม่ได้ยากเย็นสําหรับจางเลี่ยที่จะผ่าครึ่งศิลาสีดําโดยไม่ใช้ทักษะต่อสู้ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไป,เขาก็นึกถึงสายตา เฉียบคมที่มองมานั่น
แม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองให้ลืมสายตานั้นไปเสีย,แต่มันไม่มีอะ ไรที่จะเอามาสลัดสายตานั้นออกไปจากเขาได้,สายตานั้นได้ตีตราลงในใจของเขาไปแล้ว
หากเขาไม่แก้ไขมันให้กระจ่าง,มันมีอโอกาสที่ปีศาจในใจของเขา จะโผล่ออกมาและรบกวนเขาตอนต่อสู้ ดังนั้น, จางเสี่ยเลือกที่จะเปิดไพ่ตายของเขา เขาเดิมพันว่ามู่เพิ่งจะต้องเผลอจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ตั้งใจ
สถานการณ์เป็นไปตามที่จางเลี่ยคาดเดิมไว้
“ หมายเลข 100,จางเลี่ย,ผ่าน! ต่อไป!”
การสอบดําเนินต่อไปและจํานวนผู้สอบตกที่เพิ่มสูงขึ้น จํานวนผู้ที่สอบตกในด่านแรกเลยผ่านจํานวนของการสอบครั้งเกินไปไกลแล้ว ทุกคนล้วนประหลาดใจที่มันกลายเป็นเช่นนี้
ขณะที่ถึงหมายเลข 200,จํานวนคนที่ผ่าก้อนศิลาได้สําเร็จนับได้ เพียงหกสิบอัตราการสอบตกสูงลิบ,สูงจนต้องตะลึง
“ หมายเลข 220,ยอดเขาเปยเฉิน,มู่เพิ่ง!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่า นรายชื่อต่อไป
มู่เฟิงเดินแหวกฝูงชนและค่อยๆขึ้นไปข้างหน้า เขาราวกับเป็นต้นหญ้าสามัญ,ไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาในตอนแรก เพียงเมื่อตอนที่เขาเดินขึ้นไปข้างหน้า,ทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา