Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง
แม้ว่าตําแหน่งศิษย์แก่นกลางจะน่าดึงดูดอย่างมาก แต่การแข่งขันที่ดุเดือดเลือดสาดเช่นนี้ทําให้พวกเขาหวาดกลัว
“ฟู ฟิว!”
ทันใดนั้นเกิดสายรุนรุนแรงขึ้น,ทําให้ฝุ่นควันลอยขึ้นไปในอากาศ ธงสีดําห้าผืนลอยเข้ามาจากระยะไกล,มุ่งหน้าตรงมาที่ค่ายกลหอก
เมื่อพวกเขารู้ถึงจํานวนธง,ทั้งเจ็ดคนช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล มีธงเพียงห้าผืนนั้นหมายความว่าในหมู่พวกเขา, จะมีสองคนที่จะถูกคัดออก
เกาหยางขมวดคิ้วหนัก;เขาได้อายุสิบเก้าแล้ว หากเขาทําไม่สําเร็จในรอบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสในการขึ้นเป็นศิษย์แก่นกลางอีกต่อไป เขาจะเสียโอกาสนี้ไปไม่ได้
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะพุ่งไปฉวยธงสิบห้าผืนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าด้วยความแข็วแกร่งของเขา,หากเขาลงมือก่อน,เขาจะถูกโจมตีใส่อย่างรุนแรง
แม้ว่าเขาจะคว้าเอาธงมาได้ แต่คงไม่พ้นที่เขาต้องเผยไฟตายออกมามันไม่เป็นเรื่องดีสําหรับด่านสนามประลองหลังจากนี้
“โซว!”
ศิษย์ยอดเขาสตรีหยกที่เหลืออยู่,หวังเม่ย,เคลื่อนไหวเป็นคนแรก เรือนร่างอันงดงามของนางทิ้งภาพเงาสีขาวไว้ในอากาศด้านหลัง นางคว้าจับธงในทันทีและมุ่งหน้าออกไปที่พื้น
“ศิษย์พี่หวัง,ต้องขอล่วงเกินแล้ว” ศิษย์ยอดเขากางอวี่ที่เหลืออยู่จ้าวเหิง,กล่าวกับหวังเม่ย เขาลอยตัวตรงไปข้างหน้าและคว้าเอาธงผืนเดียวกัน
ทั้งสองคนไม่เสียเวลาพูดคุยไร้สาระ:พวกเขาเริ่มต่อสู้กันกลางอากาศขณะที่จับผืนธงไว้คนละมุม
เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปมองสองคนนั้นเขาไม่แม้แต่ชายตามองธงที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขาวูบไหวไปในอากาศและพุ่งตรงไปที่ศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้ายที่อยู่บนค่ายกลหอก
“เมฆาโอบยอดเขา!”
เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝกพร้อมกับเสียง “เช้ง” คมกระบี่สีขาวหิมะบรรจุเจตนารมณ์แห่งทักษะกระบี่หลิงหยุน มันเป็นเหมือนยอดเขาโดดเดี่ยวที่แทงทะลุเมฆหมอกขึ้นมา,ชี้ไปบนท้องฟ้าอย่างเดือดดาล
แม้ว่ากระบี่นี้จะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ลึกลับขึ้นมา, พลังของมันก็หาที่เปรียบได้ไม่ เมื่อเทียบกับของที่จางเลี่ยใช้ออกมา,เทียบกันเรื่องพลังอย่างเดียว,มันแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของเขาค่อนข้างอ่อนกว่า
“ตัดภูผาผ่าศิลา!”
ตรงกับที่เซี่ยวเฉินคาดการณ์เอาไว้,หลิวจุนไม่เลือกที่จะหลบหลีกกระบี่อันทรงพลังของเซี่ยวเฉิน กลับกัน,เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“ปัง!”
กระบี่ปะทะ:กระบี่แสงรุ่งโรจน์ทั้งสองเกิดระเบิดอย่างรุนแรง เมื่ออาวุธเข้าปะทะ,อากาศสั่นสะเทือน
พลังมหาศาลไหลผ่านตัวกระบี่ส่งเข้าไปในร่างของทั้งพวกเขาทั้งสอง พวกเขาแต่ละคนถอยกลับ,เคลื่อนไปบนปลายหอกอีกเล่ม,และรักษาสมดุลร่างกายของพวกเขา:พวกเขาทั้งสองเสียหายไปทัดเทียมกัน
หากว่าสังเกตอย่างละเอียด,กระบี่จู่โจมของเซี่ยวเฉินได้เปรียบกว่าเล็กน้อย ระดับของเมฆาโอบยอดเขาสูงกว่าตัดภูผาผ่าศิลา,กระนั้น,เขายังสามารถทําได้เพียงเสมอกัน
หลิวจุนเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “เจ้าคาดไม่ถึง,ใช่หรือไม่? ข้าบ่มเพาะทักษะหยางแท้เที่ยงธรรม; มันเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูงสุด ในแง่ของระดับและความหนาแน่นของพลังปราณ,ไม่มีใครในระดับขอบเขตพลังเดียวกันที่เทียบเคียงข้าได้”
“ข้าจะล้มเจ้าลงซึ่งหน้า ตายไปซะ! มโนภาพสามกระแสเมฆา!”
ร่างของหลิวจุนสั่น,และภาพร่างทั้งสามของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน แต่ละภาพร่างส่งกระบี่โจมตีเข้ามา กระบี่แสงพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับแม่น้ําเชี่ยวกราดกวาดผ่านเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “เจ้าเพิ่มระดับความเข้าใจในมโนภาพสามกระแสเมฆา นอกจากนั้นเจ้ายังเชื่อมต่อพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ เจ้ามีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง!”
“ภูผาเคลื่อนขับเมฆา!”
ภาพลวงตาภูเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและภูเขานั้นก็ผสานเข้ากับร่างกายของเขา ทันใดนั้น,กระแสพลังของเขาก็เปลี่ยนไป,เขาราวกับภูเขาที่พุ่งสูงขึ้นจากพื้นดิน,ทะลุทะลวงท้องฟ้า
เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างและกระบี่เงาจันทร์เคลื่อนจากบนลงล่าง,ส่งสายลมรุนแรงออกมา มันทําให้ภาพร่างทั้งสามที่หลิวจุนสร้างขึ้นมาถูกเปากระเด็น
ในจังหวะที่เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างสําเร็จ,บาดแผลน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของหลิวจุน เลือดโลหิตประทุออกมาจากแผลของเขา
หลิวจุนมองไปที่บาดแผลอย่างไม่เชื่อสายตา เขาชี้ไปที่เซี่ยวเฉิน และกล่าวขึ้น,อย่างเจ็บปวด “เจ้า…”
“ปัง!” เซี่ยวเฉินกวาดขาของเขา และเกิดเป็นเสียงลมหนาแน่น เขาเตะหลิวจุนออกไปอย่างน่าเวทนา “เสียใจด้วย,บางครั้งมีพลังปราณมากล้นเหลือก็ไม่ทําให้ได้ชัยชนะ”
ไม่ไกลนัก, จางเลี่ยกําลังมองดูพวกเขาทั้งสองอยู่อย่างตื่นตะลึง มันราวกับมีระเบิดเกิดขึ้นในใจของเขา,ทักษะกระบี่หลิงหยุนสามารถใช้ออกมาได้เช่นนี้
ทักษะกระบีหลิงหยุนของข้าแสดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาภายนอก และเสริมพลังให้กับทักษะต่อสู้ของข้า อย่างไรก็ตาม,ปรากฎการณ์ลึกลับของมันถูกถอนกลับ,สะสมเอาไว้ในร่างกายโดยไม่ปลดปล่อยออกมา,มุ่งไปที่ความแข็งแกร่งของมัน
หนึ่งคือกักเก็บไว้ภานใน อีกหนึ่งคือปลดปล่อยออกมา อย่างไรก็ตาม,ด้วยวิธีที่แตกต่างแต่จบลงที่เส้นทางเดียวกัน มันไม่มีความแตกต่างว่าแบบไหนจะแข็งแกร่งหรืออ่อนกว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดคือความเข้าใจของตัวพวกเขา,จางเลี่ยครุ่นคิดกับตัวเอง;หลากหลาย ความคิดวูบผ่านในใจของเขา
อย่างไรก็ตาม,ข้าเข้าใจถึงเจตนารมณ์แห่งกระบี่ ข้าไม่ได้ใส่เจตนารมณ์แห่งกระบี่ลงไปในการโจมตีก่อนหน้านี้ เมื่อข้าใส่เจตนารมณ์กระบี่ของข้าลงไป,พลังจะต้องแข็งแกร่งกว่าของมันอย่างแน่นอน
หลังจากที่เซี่ยวเฉินจัดการกับศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้าย เขาก็โบกมือ,ตั้งใจจะดึงธงสีดําเข้ามาหาเขา
“ซี่! ซี่!”
อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะคว้าธงเอาไว้ได้,กระบี่ฉีสองสามเส้นปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและฟันธงสีดําหนึ่งในห้าผืนสุดท้าย,ทําลายมัน
ใบหน้าของเซี่ยวเฉินก้มต่ําลง และเขามองไปยังจางเลี่ยที่อยู่ห่างจากเขาไปสองร้อยเมตร เขาไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู่จะโหดเหี้ยมเช่นนี้ พอคิดว่าเขากล้าที่จะทําลายธงห้าผืนสุดท้าย
เมื่อจางเลี่ยรู้สึกถึงสายตาของเซี่ยวเฉิน,เขาหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าจะจัดการกับเจ้าในการทดสอบรอบนี้ มาดูกันว่าทักษะกระบี่หลิงหยุนของใครจะเหนือกว่ากัน”
“จางเลี่ยทําลายธงจริงๆ เขาทําบ้าอะไร!”
“เจ้าหมอนี้มันมันใจเกินไป มีเจ็ดคนกําลังแย่งชิงธงห้าผืน มันก็ไม่พออยู่แล้ว แต่เขายังทําลายไปอีกหนึ่ง”
สานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่บนที่นั่งผู้ชมไม่เข้าใจถึงการกระทําของจางเลี่ย นี่เป็นเพราะมันไม่จําเป็นที่จะดันตัวเองเข้าไปในการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนที่จะถึงด่านสุดท้าย
“ปัง!”
ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซี่ยวเฉินกับจางเลี่ย,เกาหยางที่นิ่งเงียบเมื่อก่อนหน้านี้ทันใดนั้นก็ลงมือ กระบี่แสงเสียดแทงดวงตาจุดขึ้นบนกระบี่ยักษ์,ยาวสองเมตรของเขาในทันที
“มังกรคลั่งเดือดพล่าน!”
เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใต้เท้าของเขา ทุกครั้งที่เกิดระเบิด,ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น หลังจากการระเบิดห้าครั้ง,ความรวดเร็วของเขาก็ไปถึงระเบิดที่คาดไม่ถึง
นอกจากนั้น เป้าหมายการโจมตีของเขายังน่าประหลาดใจ มันเป็นหวังเม่ยกับจ้าวเหิงผู้ที่กําลังยื้อแย่งกันดุเดือด นี่เป็นจังหวะสําคัญในการต่อสู้ของพวกเขาพวกเขาไม่อาจหลบได้
“ข้าจะขอรับธงผืนนี้ไป!” เกาหยางหัวเราะ เขาใช้กระบี่ยักษ์ของเขากวาดผ่านอากาศ และพลังอันมหาศาลซัดเข้าที่หวังเมียและจ้าวเหิงอย่าไร้ความปราณี
พวกเขาทั้งสองกระอักเลือดออกมาและตกลงไปที่พื้น พวกเขาจองมองไปที่เกาหยางด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุดและสาปด่าออกมา “เกาหยาง! เจ้ามันไร้ยางอาย!”
“โซว!”
เกาหยาบคว้าธงสีดําและเมินคําสาปแช่งของทั้งสอง เขาเผยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวขึ้น “ทุกคน,ข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าใช้เวลาสนุกกันตามสบาย!”
เกาหยางกระโดดผ่านหอกหลายเล่ม,ผลของมังกรคลั่งเดือดพล่านยังไม่จบลง หลังจากเกิดระเบิดสองสามครั้งเขาก็ห่าสงออกไป หลายร้อยเมตรแล้วอีกเพียงครึ่งก้าวก่อนจะถึงพื้น
ในจังหวะนั้นเอง,มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา คนผู้นั้นเผยรอยยิ้มบางเบาพร้อมกับปัดทางของเกาหยางเอาไว้ จ้องมองเขาอย่างนิ่งเงียบ
“มู่เหิงเจ้ากําลังจะทําอะไร? ยังมีธงอีกสามผืนลอยอยู่ตรงโน่น,เพียงพอสําหรับพวกเจ้า มีเรื่องอะไรต้องมาขัดขวางข้า?” เกาห ยางถามด้วยสีหน้ามืดมัว
มู่เหิงไม่เสียเวลากล่าวไร้สาระและตรงเข้าเรื่องในทันที “วางธงเอาไว้แล้วไสหัวไปซะ!”
“ในความฝันเจ้าโน่น!”
เกาหยางคําราม,และเกิดระเบิดขึ้นใต้เท้าของเขาอีกครั้ง ความเร็วของเขาในตอนนี้รวดเร็วจนภาพติดตายังมองไม่เห็นอีกต่อไป เขาเข้าใกล้ความเร็วเสียง
สีหน้าของมู่เหิงไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็ล้อม
รอบทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้กล้ามเนื้อของเขาราวกับหยก มันรู้สีกเหมือนโปร่งแสง
ทันใดนั้น,เกาหยางก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมู่เหิง กระบี่ยักษ์ของเขาแบกพลังมหาศาลพร้อมกับฟันอย่างแรงลงไปที่มู่เหิง ผู้ที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย
ทุกคนที่เห็นเช่นนี้รู้สึกราวกับหัวใจของพวกเขาเต้นขึ้นมาอยู่ตรงคอ ทักษะต่อสู้ของยอดเขาเขียนตัวนขึ้นชื่อในเรื่องคลุ้มคลั่ง และดุดัน ในเรื่องของความแข็งแกร่งทางกายภาพ, พวกเขาไม่ผู้ใดเทียบจากทั้งเจ็ดยอดเขา
หากกระบี่นี้เข้าถึงตัว,ถึงแม้อาจจะไม่ถึงกับตัวขาดครึ่งเขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน เขาจะต้องนอนเป็นผักไปอย่างน้อยครึ่งปี สําหรับนักบ่มเพาะพลังเสียเวลาเปล่าไปถึงครึ่งปีไม่ใช่เรื่องที่จะรับได้
“เค้ง!”
มีเสียงโลหะดังกราว แสงสีม่วงบนหลังของมู่เหิงสั่นสะเทือน เขารับกระบี่นี้เอาไว้โดยปราศจากการบาดเจ็บ
เกาหยางตกตะลึง:มู่เหิงรีบหันตุวของเขาและเคลื่อนไหวมือขวา เขาจับไปที่กระบี่ยักษ์ของเกาหยางที่พยายามจะดึงกลับ อย่างไรก็ตาม,ด้วยความแข็งแกร่งของเกาหยาง,เขาไม่สามารถเอาชนะมือขวาของมู่เหิงได้
“ความรวดเร็วของมังกรคลั่งเดือดดาลน่าตกตะลึงก็จริง น่าเสีย ดายเจ้าไม่อาจทะลวงผ่านก็ป้องกันของข้าได้ ทุกสิ่งไร้ความหมาย” มู่เหิงกล่าวอย่างเฉยเมยพร้อมกับจ้องมองไปที่เกาหยาง,ที่หน้าผาก เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ข้าติดกับเข้าแล้ว หากว่าข้าโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่องตั้ง แต่เริ่ม,เขาคงจะไม่มีทางไล่ความเร็วของข้าได้ทัน ก่อนที่มังกรคลั่งเดือดดาลของข้าจะจบลง,ข้าอาจจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขาไปได้
บางครั้ง,ช่วงเวลาที่เกิดความลังเลจะหมายถึงผลแพ้ชนะ
“ช่างน่ารังเกียจ!” เกาหยางตะโกนอย่างเดือดดาล เขาปล่อยกระบี่ของเขาไปและถอยกลับอย่างรวดเร็ว.ใช้มังกรคลั่งเดือดดาลอีกสองสามครั้งในขณะที่เขายังมีพลังปราณเหลือเพื่อใช้มัน
“ปะ ปะ!”
มู่เหิงทําลายกระบี่ของเกาหยางอย่างง่ายดาย กระบี่ขนาดยักษ์แตกหักเป็นชิ้นโลหะนับไม่ถ้วนราวกับมันช่างบอบบาง,ตกลงสู่เสียง ส่งเสียง เค้ง เค้ง เค้ง”
เมื่อมู่เหิงเห็นเกาหยางหนีไป เขายิ้มขึ้นบางเบา ร่างของเขาหายลับไปในอากาศและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของเกาหยาง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “จบแล้ว”
ฝามือขวาของเขาวูบไหวด้วยแสงสีม่วงพร้อมกับเขาใช้มันฟันไป ที่หน้าอกของเกาหยาง ฝ่ามือนี้ช่างดูแสนธรรมดา แต่แท้จริง,มันแฝงไปด้วยพลังกายภาพอันน่ากลัวะมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกําลังของเซี่ยวเฉิน
“ปะ ปะ ปะ!”
สามารถได้ยินถึงเสียงกระดูกซี่โครงของเกาหยางที่แตกหัก จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเกาหยางบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เขาชี้นิ้วไปที่มู่เหิงอย่างเดือดดาลและกล่าวหา “เจ้าหลอกข้า!”
“ปัง!”
มู่เหิงเตะไปที่ไหล่ของเกาหยางเขาใช้กําลังจากลูกเตะนี้ส่งตัวเอง กลับขึ้นไปบนค่ายกลหอก เขาถือธงเอาไว้และมองดูเกาหยาง,ผู้ที่นอนกองอยู่กับพื้น เขาหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ใช่แล้ว ข้าแค่หลอกเล่นกับเจ้า”
เกาหยางเป็นคนฉลาดเล่ห์เหลี่ยมจัด อย่างไรก็ตาม,ท้ายที่สุด,ไม่เพียงแค่เขาจะเสียสิทธิ์ในการทดสอบ,แต่เขายังถูกคนอื่นปั่นหัวเล่น เขาเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก,ตัวเขาสั่นเทิ้ม เขาไม่อาจยอมรับและหมดสติไป
“กระบวณท่าที่มู่เหิงใช้ออกมาเมื่อครู่คือทักษะลับของยอดเขา เปยเฉิน เจ็ดดาราโยกย้าย มันเป็นการเคลื่อนที่ในระยะทางสั้นอย่างฉับพลัน”
“เกาหยางมันสมควรแล้วเขาลอบกัดหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุด,เขาก็ถูกปั่นหัวเล่นไปเช่นนั้น สมควรแล้ว”
“เจ้าก็ไม่อาจกล่าวได้เช่นนั้นการแข่งขันรอบนี้มันโหดร้ายเกินไป เล่นเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยมันไม่ได้ช่วยอะไร! ความสามารถของเขาไม่ถึงเอง!”