Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 241 ก้าวผ่านผนึก
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 241 ก้าวผ่านผนึก
“บึ้ม…!”
ทันใดนั้นเองท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝนกลายเป็นมืดมิด มีเสียงดังกระหึ่ม ฝูงชนเงยหน้าขึ้นและมองเห็นสัตว์อสูรวิญญาณประเภทนกตัวมหึมาหลายตัว
เมื่อพวกมันสยายปีก,มันกางออกมามากกว่าหนึ่งร้อยเมตร เมื่อสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้บินมารวมตัวกัน, พวกมันปิดบังทั่วทั้งท้องฟ้า
“พวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณผู้พิทักษ์ศาลากระบี่สวรรค์,แร้งวายุสวรรค์ พวกมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ข้าคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกมัน” ทุกคนต่างกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อจำพวกมันได้
แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาสร้างสายลมรุนแรงขึ้น พวกมันบินวนเป็นวงก่อนที่จะลงจอดบนลานฝึกฝน
หยุนเข่อซินเรียกรวมทีมและมุ่งหน้าไปที่แร้งวายุสวรรค์อย่างรวดเร็ว ทุกคนจ่างรีบเร่งตามนางไป
แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาดูคล้ายกับอินทรีย์หางแดงจากโลกเก่าของเขา ขนตรงหลังของมันสีน้ำตาลอ่อน,และสี่ยิ่งอ่อนลงไปอีกในบริเวณท้อง หางของมันสีน้ำตาลแดง
อย่างไรก็ตาม,ที่ปลายสุดของปีกทั้งสองของมันเป็นกรงเล็บคมพวกมันคบกริบและรูปร่างเป็นตะขอ ในตอนที่มันสยายปีก,มันจะปกคลุมพื้นที่ไปหลายร้อยเมตร
ที่คอของแร้งวายุสวรรค์, มีชายชราผู้หนึ่งที่มีผิวคล้ำ เขาคือผู้ฝึกแร้งวายุสวรรค์
เซี่ยวเฉินและคนอื่นๆ เดินตรงเข้าไป ชายชรากระแทกเท้าลงบนหลังของแร้งวายุสวรรค์ แร้งวายุสวรรค์ร้องออกในทันที,สร้างสายลมรุนแรง,และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
สายลมรุนแรงเปาผ่านทั้งสองด้าน,และสานุศิษย์แก่นกลางที่อ่อนแอหน่อยก็เกือบจะถูกเปากระเด็นลงไปพวกเขาต่างตกตะลึง
ผู้อาวุโสสองแห่งโถงหลักของศาลากระบี่สวรรค์มองดูแร้งวายุสวรรค์มากมายลอยลงมา เขาหันไปทางเจ้ยงชื่อและกล่าว “ผู้อาวุโสหนึ่ง,ท่านไม่รู้สึกเป็นกังวลที่ให้รุ่นเยาว์เลห่านี้ไป?”
เจียงชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรอีก? ทำผิดพลาดซ้ำซากเหมือนกันรุ่นก่อนๆ? แม้ว่าจะตักเตือนเขามาเป็นเวลานาน,เขาก็ยังคงไม่ยอมเสียสละรุ่นเยาว์เหล่านี้ เขากลับเสียสละตัวเอง ดูว่ามันเป็นเช่นไรในท้ายที่สุด?”
“ตั้งแต่โบราณกาล มีเพียงผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้เท่านั้นที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด หลังจากที่เจ้าตายไป.เจ้าก็ไม่ได้นับว่าเป็นอัจฉริยะอีกต่อไป”
ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างของเขากล่าว “ในตอนนั้น,มองต่ำถึงความแข็งแกร่งของปีศาจเหล่านั้น เขามั่นใจจนเกินไป มิฉะนั้น มันคงไม่เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้”
เขียงชื่อกล่าวต่อ “แน่นอน ตราบใดที่พวกเรากำจัดภาพเสมือนพวกนั้นออกไป,มิติย่อยที่เชื่อมต่อกับทวีปเทียนหวี่จะตัดขาดลงเองถึงแม้สามดินแดนศักสิทธิ์จะไม่ได้ส่งใครมา,พวกเราก็สามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ข้าค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของลู่เฉิน”
ขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ,แร้งวายุสวรรค์บินไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น สาย ลมแรงทำให้ฝูงพยายามอย่างที่สุด แต่กระนั้น,พวกเขาก็แทบจะเกาะเอาไว้ไม่อยู่
ในไม่ช้า เทือกเขาหลิงหยุนก็ห่างออกไปด้านหลังของพวกเขา เซี่ยวเฉินสังเกตพื้นที่โดยรอบมีแร้งวายุสวรรค์ทั้งหมดสิบเอ็ดตัว ซึ่งมีสานุศิษย์แก่นกลางอยู่บนหลังของพวกมัน
ลู่เฉินกับหลิวหรูเยว่อยู่บนแร้งวายุสวรรค์อีกตัวนึงที่เหลือ สัมผัส วิญญาณของเขานับได้สิบคน
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะคัดเลือดสานุศิษย์แก่นกลางหนึ่งร้อยคนรวมถึงสิบอัจฉริยะที่ปิดบังตัวตนเหมือนกับลู่เฉินและหลิวหรูเยว่
หลังจากที่เดินทางผ่านกลุ่มเมฆมานับไม่ถ้วน,แร้งวายุสวรรค์ก็ลดความเร็วลง ดินแดนรกร้างปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน
ชม
มันเป็นพื้นที่ราบกว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียวในระยะสายตาที่มองเห็น:มันว่างเปล่าเว้นแต่จะมีก้อนหินเรียงรายหลากหลายขนาด ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย:มันเป็นดินแดนแห่งความตาย
แร้งวายุสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดตัวร้องออกมาพร้อมกับลงจอดบนพื้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนเร่งกระโดดลงมาพร้อมกับมองไปโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกไม่สบายในใจ
สู่เฉินมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าพร้อมกับเรียกทุกคนมารวมตัวเขากล่าว “สถานที่เบื้องหน้านี่ก็คือตำแหน่งของผนึก ทุกคนให้แน่ใจว่าพวกเจ้าพกเหรียญแสดงตนเอาไว้ หากพวกเจ้าไม่ได้พกมา,มาเอาเหรียญสำรองจากข้า มิฉะนั้น พวกเจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บจากเขตแดน”
ทุกคนโดยปกติก็จะพกเหรียญแสดงตนติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดตรวจดูเหรียญของพวกเขาไม่มีใครลืมเอามา
“อึม,ดีมาก จากนั้นก็ตามหลังหัวหน้าทีมของเจ้ามา อย่างได้ทิ้งตำแหน่ง
บรรยากาศแปลกประหลาดอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ได้กล่าวออกมา,พวกเขาก็ไม่มีทีท่าจะแตกแถว”
ทุกคนเดินติดตามลู่เฉินขึ้นหน้าไปอย่างช้าๆ ในไม่ช้า ทันมดนั้นลู่เฉินกลบหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา;พวกคนที่ตามหลังก็จางหายไปเช่นกัน
หยุนเข่อซินอธิบาย “ไม่ตำเป็นต้องเป็นกังวล พวกเขาได้ก้าวข้ามเขตแดนไป พวกเขาไม่เป็นอะไร”
หลังจากที่หัวหน้าทีมอธิบาย ก็ไม่มีใครตื่นกลัว ฝูงชนเดินต่อไป และในไม่ช้า,พวกเขารู้สึกราวกับเหรียบผ่านม่านพลังที่มองไม่เห็น จากนั้น,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันใด
บ่อน้ำโบราณปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา ผู้คนที่หายไปเมื่อครู่ทั้งหมดอยู่ที่นี่ พวกเขารวมตัวกันที่ด้านขางบ่อน้ำ
บ่อน้ำโบราณสูงไม่เกินเมตร,แต่มันกว้างอย่างมาก เส้นผ่านศูนย์กลางของมันประมาณสามเมตร น้ำใสภายในบ่อดูราวกับกระจกไม่มีละลอกคลื่นที่พื้นผิวแม้แต่น้อย
แม้จะมีสายลมพัดผ่าน,ผิวน้ำก็ไม่ไหวนิ่ง มันค่อนข้างดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับบ่อน้ำโลราณนี้จะซ่อนเอาสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้
ที่รอบๆบ่อน้ำโบราณมีชายชราสี่คนแต่งชุดสีดำ พวกเขายืนเป็นมุมราวกับเสาไม้ไกลออกไป,มีกลุ่มมือกระบี่ของค่ายกระ บี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาทั้งหมดยืนตรง,ไม่แสดงสีหน้า
เมื่อลู่เฉินเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว เขาพยักหน้าให้กับชายชราชุดดำ ชายชราที่ยืนนิ่งราวกับเสาไม้เงยหน้าขึ้น
ใบหน้าของพวกเขาซีดราวกับกิ่งไม้แห้งมันช่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงแหบ “ชื่อของบ่อน้ำนี้ก็คือบ่อน้ำแห่งการเกิดใหม่ ผู้ที่อายุกระดูกเกิน 24 ปีควรออกไปบัดเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น พวกเจ้าจะถูกส่งไปยังที่ใดก็ไม่อาจรู้”
ลู่เฉินกล่าว “ผู้อาวุโส, พวกเราได้ตรวจสอบอายุกระดูกพวกเขาทั้งหมดแล้ว ท่านวางใจได้”
ชายชราเหล่มองลู่เฉิน รอยยิ้มขมๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวแห้งของเขาพร้อมกับกล่าว “ข้ารู้จักบิดาของเจ้า มันเป็นพวกตาขาวอย่างแท้จริงมันไม่กล้าแม้แต่จะลงมาที่นี่ ข้าหวังให้พวกเจ้าโชคดี!”
“ข้าจะไปเปิดผนึก จำเอาไว้,มีเพียงสิบคนที่จะเข้าไปพร้อมกัน”
ชายชราทั้งสี่หันกลับไปที่บ่อน้ำโบราณ พวกเขาแต่ละคนหยิบเอาก้อนหยกออกมาและทำตราประทับมืออย่างรวดเร็ว
นี่เป็นรูปแบบผนึกจากยุคโบราณ,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง น่าเสียดาย นอกจากสามดินแดนศักสิทธิ์,รายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับรูปแบบค่ายกลโบราณได้สูญหายไปจากทวีปเทียนหวี่
“ชี ชี!”
ทันใดนั้น มีแสงปรากฎบนบนพื้นผิวน้ำสงบนิ่งมันแพรวพราวเป็นอย่างมาก น้ำนิ่งสงบเริ่มปั่นป่วน วังวนขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ
จุดศูนย์กลางของวังวนเป็นหลุมดำไร้กัน ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะนำพาไปที่ใด
เมื่อลู่เฉินเห็นดังนั้น,เขากล่าวอย่างจริงจัง “ ”มู่หลงชง,พาทีมของเจ้านำไปก่อน พวกเราจะไล่ลำดับตามรายชื่อเมฆาร่องลอยไปทีละคน”
ไม่มีความลังเลเป็นใบหน้าของมู่หลงชง เขาขึ้นนำและกระโดดลงไปในวังวน จากนั้นทีมของเขาทั้งสิบคนก็ตามเข้าไปทีละคนๆ ไม่มีสัญญาณใดๆ,พวกเขาเพียงถูกดูดเข้าไปในหลุมดำทันที
คนพวกนี้คือสานุศิษย์ระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์ คนพวกนี้มีสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพะาพลังทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้,พวกเขาก็ไม่ลังเล
ในไม่ช้า,มันก็มาถึงตาเซี่ยวเฉินและทีมของเขา หยุยเขื่อซินนำหน้ากระโดดเข้าไป เซียวเฉินมองไปยังหลุมที่ไร้กัน,หลุมดำที่กำลังหมุนวน, จากนั้นก็ตามนางเข้าไป
ทันทีที่ถูกดูดเข้ามาในหลุมดำ,ร่างของเซี่ยวเฉินสลายเป็นอนุภาคนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเจิตสำนึกของเขาเลือนลาง
หลังจากผ่านมาอย่างไม่รู้ถึงเวลา,อาจจะเป็นเพียงชั่วครู่หรือผ่านมาตลอดกาล,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าร่างของเขากลับมารวมกันอีกครั้ง เขาลงจอดบนพื้นดินอย่างมั่นคง
มันเป็นพื้นที่แปลกประหลาด พื้นดินเต็มไปด้วยโคลนสีดำ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงจันทร์สีแดงแขวนสูงอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นสีแดงฉานมันดูแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
บางครั้งก็จะมีนกสีดำประหลาดๆ ตัวขนาดเท่ากับอีกาบินวนเวียนอยู่ในอากาศ พวกเขาร้องออกมาซ้ำๆ, ทำให้รู้สึกหงุดหงิด
หลังจากที่เซียวเฉินลงถึงพื้น,มู่เหิงและคนอื่นๆ ก็ค่อยๆปรากฏตัว พวกเขาทั้งเก้าคนเข้ามารวมกลุ่มกันและมองไปรอบๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พบหยุนเข่อซิน
จางเลี่ยมองไปโดยรอบและรู้สึกแปลกใจ เขากล่าว “ทำไมพวกเราไม่เจอหยุนเข่อซิน? และพวกทีมอื่นๆไปอยู่ที่ไหน?”
“หยุดมองหาได้แล้วข้าอยู่ตรงนี้” ทันใดนั้น,หยุนเข่อซินปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของพวกเขา “ข้าแค่ไปสำรวจดูโดยรอบ”
สานุศิษย์หญิงอีกคนหนึ่ง,หลิวเจียถามขึ้นเป็นกังวลเล็กน้อย “แล้วทีมอื่นๆล่ะ? พวกเราถูกแยกออกจากกัน? เกิดอะไรขึ้น?”
หยุนเข่อซินเงยหัวขึ้นมองไปยังท้องฟ้า สีหน้าจริงจังปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่นอ่งสงบของนาง นางกล่าว “ค่อยถามคำถามทีหลัง เตรียมตัวรับมือก่อน”
เซี่ยวเฉินวางมือลงบนด้ามกระบี่เรียบร้อยแล้ว นกประหลาดบนท้องฟ้ามีกระแสพลังชั่วร้าย พวกมันบินวนไปมาเหนือหัวของพวกเขาไม่ได้จากไปไหน
หยุนเข่อซินกล่าวอย่างรวดเร็ว “พวกมันคืออีกาโลหิต พวกมันเป็นสัตว์อสูรปีศาจ พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือด ระดับของพวกมันน่าจะมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในโลกปีศาจ ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวมันจะระเบิดออกในตอนที่ตาย”
“เย่เฉิน,ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการกับอีกาโลหิต โจมตีด้วยธาตุสายฟ้าจะทำให้ตัวมันไม่ระเบิดในตอนที่ตาย มู่เหิง,เจ้ารับหน้าที่คุ้มกัน หากเซียวเฉินสังหารพวกมันได้ไม่หมด,เจ้าต้องป้องกันพวกมันเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องฆ่ามัน สำหรับที่เหลือ,นิ่งไว้ก่อน”
“ฟู่ ปิ้ว!”
สิ้นเสียงของหยุนเข่อซิน,อีกาโลหิตสามตัวดิ่งทะยานลงมาจากอากาศ เมื่อมองดูจากระยะไกล,พวกมันดูเหมือนลูกศรสีแดงสามเล่มกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า
“ปะ ปะ!”
เซี่ยวเฉินไม่ได้รอให้อีกาโลหิตเข้ามาถึงตัว เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาในทันที แสงกระบี่สีขาวหิมะปรากฏขึ้นในความมืด
เซี่ยวเฮินฟันออกสามครั้งและกระบี่ฉีธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ถูกส่งออกไปในพริบตา
เลือดสีแดงฉาดเติมเต็มในอากาศ อีกาโลหิตทั้งสามตัวถูกฟันขาดครึ่งและร่วงลงจากท้องฟ้า
กระแสพลังสีดำทะลักออกมาจากบาดแผลของพวกมัน กระแสไฟฟ้าที่เซียวเฉินทิ้งเอาไว้ส่งเสียง “ซี่ ซี่” ออกมา
ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พักหายใจ, ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด,และอีกาโลหิตนับร้อยบินลงมา เสียงกระพือปีกของพวกมันดังหนวกหูอย่างมาก
เซี่ยวเฉินมีความนิ่งสงบเป็นใบหน้า ในทันทีที่อีกาโลหิตเข้ามาใกล้ เขาร้องตะโกน “สยายปีก,ร่ายรำอลหม่านพันปี!”
“ปุ! !! !!”
ร่างของเซี่ยวเฉินวูบไหวในอากาศแสงกระบีลอยว่อนไปทั่วทุกที่ กระบี่ฉีนับไม่ถ้วนยิงเข้าใส่อีกาโลหิต ทุกครั้งที่เชี่ยวย้ายตำแหน่ง,เขาส่งกระบี่ฉีออกไปยี่สิบเส้น
เซี่ยวเฉินเคลื่อนตำแหน่ง 81 ครั้งและส่งกระบี่ฉีออกไป 1620 เล่ม กระบี่ฉีแต่ละเล่มกวาดเอาอีกาโลหิตไปจำนวนมาก
เมื่อเซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,ผืนดินเต็มไปด้วยซากของอีกาโลหิตจำนวนมาก ด้วยสภาวะสายฟ้าบริสุทธิ์
แสงสายฟ้าอัดติดอยู่ตรงที่บาดแผลไม่แตกกระจายไป