Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 244 เหยื่อล่อระดับสูง
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 244 เหยื่อล่อระดับสูง
“นี่มันไม่จบไม่สิ้น! เงาจันทราไร้พ่าย!” อีกาโลหิตที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อนทำให้มู่หลงชงหมดความอดทน เขาใช้หนึ่งในเจ็ดทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน,เงาจันทราไร้พ่าย
จันทร์เสี้ยวสองดวงปรากฏขึ้นต่อหน้ามู่หลงชง จันทร์เสี้ยวไขว้ตัดกันเป็นรูปกากบาทพร้อมกับฟาดผ่านไป
ในจังหวะต่อมา,สายเลือดมหาศาลสาดกระเซ็น,ย้อมจันทร์เสี้ยวทั้งสองดวงเป็นสีเลือด อีกาโลหิตที่อยู่โดยรอบร่วงหล่นลงมาราวกันห่าฝน
จันทร์เสี้ยวสีเลือดลอยกลับหลัง, หนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกหนึ่งลอยมาข้างหลัง, ประกบมู่หลงชงเอาไว้ตรงกลาง พวกมันประกบกันเป็นพระจันทร์เต็มดวง
ในทันทีที่จันทร์เสี้ยวผสานเข้าด้วยกัน,มู่หลงชงวูบไหวไปในอากาศ เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากกึ่งกลางร่างของราชาอีกาโลหิตมันถูกตัดตัวขาดครึ่ง
ร่างของมู่หลงชงปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอีกาโลหิต เขาคว้าเอาแก่นกลางปีศาจสีเลือดเอาไว้ในมือ
ที่ด้านหลังของเขาคือจันทร์เต็มดวงสีแดงก่ำ,ค่อยๆลอยขึ้นและย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง ภายใต้เรืองแสงสีแดง,มู่หลงชงยืนตรงกุมกระปีของเขาเอาไว้ในมือ เป็นความงดงามที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
ซากศพของอีกาโลหิตร่วงลงมาจากท้องฟ้าส่งเสียง “ปุ ปุ” อีกาโลหิตที่เหลือต่างแยกย้ายแตกหายไปในทันที่ สานุศิษย์คนอื่นบนนั้นต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
ศิษย์ยอดเขาเปยเฉินผู้หนึ่งมองไปยังมู่หลงชงและกล่าว “เขาใกล้จะได้ปรากฎการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมเข้าไปทุกทีอันดับสูงสุดในรายชื่อเมฆาล่องลอยดูเหมือนจะไม่ได้มาเพราะโชคมันเหมือนกับว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นก็ไม่ใช้คู่มือของเขา”
สานุศิษย์ที่เหลือต่างเห็นพ้อง “เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ข้อได้เปรียบของระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็คือความสามารถในการเหาะเหิน เมื่อมู่หลงชงมีทักษะเหาะเหินแล้ว,ข้อได้เปรียบนี้ก็ไร้ความหมาย ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง,เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้”
“หยุดสรรเสริญเขาได้แล้วเขาอยู่คนละระดับกับพวกเรา ความแข็งแกร่งของเขาติดหนึ่งในสิบรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในอาณาจักรต้าฉิน ที่พวกเราทั้งหมดทำได้ก็คือพยายามติดให้ได้สิบอันดับแรกในแคว้นซีเหอ”
ขณะที่จันทร์เต็มดวงค่อยๆจางหายไป,มู่หลงชงลอยลงพื้นอย่างไร้สีหน้า สายตาของเขากวาดผ่านทั้งเก้าคนอย่างรวดเร็ว
ทุกคนรู้สึกกดดันและหยุดการสนทนาลงในทันที ศิษย์ยอดเขาเชียนตัวนผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาและถามมู่หลงชง “ศิษย์พี่มู่หลง,ท่านเป็นเช่นไร?”
มู่หลงชงเก็บกระบี่เข้าฝักและกล่าวอย่างเฉยเมย “พวกมันเป็นแค่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ข้าจะเป็นอะไรไป?”
“พวกเราจะไปทางไหนกันต่อ?” คนผู้นี้ถามด้วยความสงสัยพร้อมกับเดินขึ้นหน้าไปอีกสองก้าว
“ปัง!”
เพียงแค่คนผู้นี้อยู่ห่างจากมู่หลงชงไปก้าวเดียว,มู่หลงชงทันใดนั้นก็ยื่นมืออกมา,ทะลวงหน้าอกของคนผู้นั้นด้วยฝ่ามือของเขา
ร่างของคนผู้นั้นสั่นกระตุกอย่างต่อเนื่อง มีร่างสีดำลอยออกมาจากร่างของเขา
เมื่อร่างสีดำนั้นเผยตัวออกมา,เขาก็มีสีหน้าซีดเซียว ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขายิ่งซีดขาวลงไปอีก
ร่างสีดำมองไปยังมู่หลงชงอย่างไม่อยากจะเชื่อและกล่าวขึ้น “เจ้าพบข้าได้อย่างไร?”
มู่หลงชงกล่าวอย่างไม่แยแส “ภายในศาลากระบี่สวรรค์,ไม่มีสานุศิษย์คนใดกล้าเข้าใกล้ข้าเกินสามก้าว”
“ฟู่!”
ร่างสีดำกระอักเลือดออกมาอีกคำ เขามองไปที่มู่หลงชงอย่างหวาดกลัว จากนั้นเขาก็หันหลังพุ่งตัวออกห่างไปไกล เขารวดเร็วราวกับสายฟ้าภายในพริบตาเขาก็ห่างออกไปไกลกว่าหนึ่งพันเมตร
มู่หลงชงมองไปยังร่างสีดำที่กำลังหนี แต่ไม่ได้ไล่ตามไป ผ่านไปครู่หนึ่ง,เกิดเสียงดังขึ้น ร่างสีดำที่กำลังหลบหนีระเบิดกลายเป็นเศษนับไม่ถ้วน
สานุศิษย์แก่นกลางผู้หนึ่งมีสีหน้าตื่นตะลึง เขาถามขึ้น “นันมันอะไร? มันเข้ามาในร่างของพวกเราได้อย่างไร?”
“ปีศาจเงา” มู่หลงชงกล่าวอย่างเฉยเมย “มันเป็นหนึ่งในพรรคย่อยของพรรคปีศาจโลหิต,ที่เป็นหนึ่งในเก้าพรรคราชวงศ์แห่งโลกหุบเหวปีศาจ มันสามารถเข้าสิ่งได้เพียงร่างที่ตายแล้ว พวกเจ้าต้องระวังเอาไว้”
“เช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นกับพลศิษย์พี่เฉิง?” คนผู้นี้ถามเสียงสั่นพร้อมกับชี้ไปที่ศิษย์ยอดเขาเขียนตัวนที่นอนอยู่กับพื้น
มู่หลงชงหันมาพร้อมกับกล่าวอย่างเฉยเมย “ตาย”
หลังจากสิ้นเสียง,ทุกคนสูดหายใจลึก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกถึงความตายอยู่ใกล้ขนาดนี้
มีทั้งคนที่โล่งใจและคนที่เป็นกังวล แต่ไม่ใช่ทุกทีมจะเหมือนทีมของมู่หลงชงและหยุนเข่อซิน ทีมของทั้งสองไม่ได้มีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย
บนท้องฟ้า,มีอีกาโลหิตกำลังหอบศพของสิบสานุศิษย์แก่นกลางของศาบากระบี่สวรรค์ไว้บนหลัง ปีศาจเงากำลังยืนอยู่เหนือหัวของพวกเขาพร้อมกับหัวเราะ “เนื้อสดๆสิบร่าง นายท่านจะต้องดีใจ”
อีกสมรภูมิหนึ่ง, พื้นดินเต็มไปด้วยซากของอีกาโลหิต กลิ่นสาบเลือดลอยอยู่ในอากาศ
ร่างมหึมาของราชาอีกาโลหิตกองเป็นชิ้นๆอยู่กับพื้น
ไม่ไกลจากราชาอีกาโลหิต,มีบุคคลหนึ่งกำลังตรวจสอบศพของปีศาจเงา อีกเก้าคนที่เหลือต่างปลดปล่อยฉีฆ่าฟันออกมาหนาแน่น
บางคนกำลังเช็ดกระบี่ของพวกเขา,บางคนกำลังนั่งนิ่งสงบ, บางคนกำลังมองกวาดไปโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ชายในชุดดำเดินมาที่ด้านข้างของปีศาจเงา เขากล่าวกับผู้ที่กำลังตรวจสอบศพ “ศิษย์พี่ลู่,พวกเราเริ่มได้หรือยัง?”
ทีมนี้ค่อทีมชั้นยอดสิบคนที่อู่เฉินเป็นคนนำ ลู่เฉินยิ้มให้กับผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขา “น้องพาง,ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอปีศาจเงา เป็นการดีที่จะวิเคราะห์มันสักเล็กน้อย”
หลิวหรูเยว่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางกล่าวอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย “ข้าสงสัยว่าที่ปีศาจเงาเจอพวกเราได้ในทันทีที่พวกเราเข้ามาในมิติย่อยแห่งนี้ ข้าเชื่อว่าทีมอื่นๆก็เจอเช่นเดียวกัน”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เฉินไม่ได้เผยอาการตกใจแม้แต่น้อยเขากล่าว “มิติแห่งนี้เป็นชุมนุมของปีศาจเลือด ไม่ใช้เพียงแค่เชื่อว่าทุกทีมจะต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน”
หลิวหรูเยวคิ้วขมวดเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนไม่เป็นกังวล อีกาโลหิตไม่ใช่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ทั่วไป นอกจากนั้น มีปีศาจเงาค่อยควบคุมพวกมันอยู่”
สู่เฉินพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบเอาชิ้นโลหะออกมาจากหัวใจของปีศาจเงา ชิ้นส่วนโลหะนั้นปกคลุมไปด้วยอักขระคาถาสีดำ มีกระแสพลังสีดำจำนวนมหาศาลปกคลุมมันเอาไว้
สู่เฉินไม่ได้ตอบคำถามของหลิวหรูเยว่ กลับเผยรอยยิ้มประหลาดใจ “น่าสนใจ..นี่คือวิธีที่ปีศาจโลหิตใช้ควบคุมเหล่าพรรคย่อย”
ลู่เฉินค่อยๆเก็บเอาชิ้นโลหะและลุกขึ้น เขากบ่าว “ศิษย์พี่หรูเยว่เจ้าได้มอบเครื่องรางเพลิงสวรรค์ให้กับศิษย์ของเจ้าไปแล้ว เขาจะไม่เป็นไร อีกทั้งแต่เดิมคนอื่นๆก็ถูกพามาใช้เพื่อเป็นเหยื่อล่อแยู่ แล้วทำไมถึงได้ไปเป็นกังวลนัก?”
ขณะที่ลู่เฉินกล่าว,สีหน้าของเขาสงบอย่างไม่น่าเชื่อ มันราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ,เหมือนกับที่เขากล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก สานุศิษย์แก่นกลางนับร้อยเหมือนกับมดปลวกในสายตาของเขา
อีกเพียงหลายสิบกิโลเมตรจะถึงทางเข้าปา อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินและคนที่เหลือเดินทางกว่าครึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะมาถึงทางเข้าปาด้วยความยากลำบาก
พวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมหยุนเข่อซินถึงกล่าวว่าอย่าได้ปล่อยให้พลังปราณหมดโดยสมบูรณ์
ตลอดทาง, พวกเขาพบกับกลุ่มสัตว์อสูรปีศาจทุกสิบนาที่ สัตว์อสูรปีศาจพวกนั้นอย่างน้อยอยู่ถึงระดับ 5 ขั้นกลาง ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด
นอกจากนั้น,ความแข็งแกร่งของพวกมันยังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งถึงสองระดับเมื่อเทียบกับในทวีปเทียนหวู พวกมันเป็นปัญหาที่ยากจะรับมือด้วย
นี่ยังไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือพวกเขามีคนเจ็บถึงห้าคนอยู่ในทีม,สีคือเพิ่งจะลุกขึ้นมาเดินได้กับอีกคนหนึ่งที่ยังหมดสติอยู่ เพื่อที่จะคุ้มครองคนเจ็บ,เชี่ยวเฉิน, จางเลี่ย,และมู่เพิ่งเกือบจะเอาตัวไม่รอด
มู่เพิ่งโยนเกาหยางที่หมดสติลงพื้น เขาบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ในที่สุดก็มาถึงไอ้ปาบัดซบนี้สักที ข้าไม่อยากแบกไอ้ผักเน่านี่อีกแล้ว”
“เย่เฉิน,ขอบใจเจ้ามาก” สี่คนที่บาดเจ็บกล่าวขึ้นอย่างละอายในการเดินทางครั้งนี้ กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นภาระอย่างแท้จริง,พวกเขาต่างรู้อยู่แก่ใจ
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา, “ พวกเราต่างมาจากนิกายเดียวกัน ตอนนี้ พวกเราเป็นสหาย ไม่จำเป็นต้องขอบใจข้า”
สำหรับเซี่ยวเฉิน,เขาไม่ต้องการคำขอบคุณ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนสูงส่งอะไร แต่หากเป็นไปได้ เขาจะไม่ทิ้งคนพวกนี้
เซี่ยวเฉินมองเห็นจางดลี่ยกำลังฟื้นฟูพลังปราณ,ดังนั้นเขาจึงไม่ไปขัด เขาบอกกับมู่เหิง “เฝ้าพวกเขาไว้สักครู่ข้าจะออกไปตรวจสอบในป่า”
มู่เพิ่งพยักหน้า “ตกลง ระวังตัวด้วย”
ปาหนาทึบที่โดยปกติไม่มีใครเดินเข้าไป มีพุ่งหญ้ากอไม้เต็มไปหมด ไม่มีเส้นทางเดิน
เซียวเฉินเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็นวงและขยายออกไป ขณะที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ยกระดับขึ้น,ความรู้เกี่ยวกับการใช้สัมผัสวิญญาณของเขาก็พัฒนาขึ้น
ทันใดนั้น,ทุกสิ่งภายในรัศมีหนึ่งพันเมตรถูกเซียวเฉินมองทะลุไม่มีสัตว์อสูรปีศาจภายในรัศมีพันเมตร
เขาสัมผัสไม่ได้แม้แต่กระแสพลังของสัตว์อสูรปีศาจ พื้นที่โดยรอบเงียบสนิท แม้แต่อากาศก็ไม่ไหลวนเซียวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา เขากระโดดลงจากต้นไม้พร้อมกับพึมพำ “น่าแปลกทำไมถึงได้เงียบเพียงนี้?”
เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาตัดสินใจที่จะไปดูด้วยตาของตัวเอง มีบางสิ่งที่เขาต้องไปดูด้วยตา
เขาราวกับกลายเป็นมังกรหลาก,พุ่งทะลวงผ่านอากาศ เซี่ยวเฉินเคลื่อนตัวไปรอบปาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่เงาจันทร์
เส้นกระบี่ฉีสลายพุ่มหญ้าเป็นผุยผง,เปิดทางด้านหน้าของเขา
เขาไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดตัวตน,ทำให้เกิดเสียงดังมาก เขาเคลื่อนไหวไปมาภายในปาเงียบสงัดแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ก็ตาม,มันก็ไม่ได้มีการตอบสนองจากสัตว์อสูรปีศาจแต่อย่างใด
เซี่ยวเฉินหยุดเท้าและมองดูโดยรอบอีกครั้ง ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร “ไม่เป็นไร ดีแล้วที่ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรปีศาจ หลังจากที่คนที่เหลือได้พักสักคืน, พวกเขานางจะฟื้นกำลังต่อสู้กลับคืนมา
หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้ตัดสินใจแล้วเขาก็ใช้ออกอัสนีหลบเลี่ยง เส้นสายฟ้าวูบผ่านอากาศ ทันใดนั้นเขาก็กลับมาที่ทางเข้าของปา
เมื่อจางเลี่ย.ผู้ที่ได้ฟื้นคืนพลังปราณกลับมาแล้วเห็นเซี่ยวเฉินปรากฏตัวขึ้นมาเขาก็ลุกขึ้นและถาม “เป็นเช่นไรบ้าง? สถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไร?”
เซี่ยวเฉินส่ายหัว “น่าแปลก ข้าไม่เห็นสัตว์อสูรปีศาจสักตัว มันเงียบจนเกินไป ในตอนที่พวกเราจะเข้าไป,ต้องระวังตัวเอาไว้”
จางเลี่ยหัวเราะ “เงียบก็คือดี ข้ามาที่นี่เพื่อสังหารปีศาจ แต่พวกเราไม่เห็นสักตัว ข้ารู้สึกปวดหัวทุกครั้งที่เจอสัตว์อสูรปีศาจ”
ภายใต้การนำของเซี่ยวเฉิน,ทั้งกลุ่มเข้าไปในป่า หลังจากที่ปักหลักได้,พวกเขาก็เริ่มรักษาบาดแผลอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปนาน มันน่าจะได้เวลาเที่ยงคืนของทวีปเทียนหวู่ในมิติประหลาดแห่งนี้ มีพระจันทร์สีเลือดลอยสูงอยู่บนฟ้าตลอดเวลา