Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 246 กระบี่หนัก
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 246 กระบี่หนัก
เกาเชียงเผยสีหน้าประหลาดใจ,เขาคิดไม่ตกว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นระวังที่เขากําลังงงงวย,มีใบหน้าปรากฏขึ้นที่ลําต้นของต้นไม้มันอ้าปากขึ้นร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ต้นไม้สะบัดอย่างรุนแรงและกิ่งไม้สามกิ่งเคลื่อนลงมาจับเอาตัวเกาเชียงราวกับมือ จากนั้นมันก็หยิบเขาตรงไปที่ปากอะนใหญ่โตของมัน
เกาเชียงไม่อาจตอบโต้ได้ทัน เขาดิ้นรนอย่างแรงกลางอากาศ,เกิดเป็นเสียงดัง อย่างไรก็ตามมันไม่เกิดผลอะไร
เซียวเฉินพบว่ามันน่าขบขันดี เขาไล่สับต้นไม้เป็นร้อยแต่ไม่ยักจะเจอต้นไม้วิญญาณ เกาหยางกระโดดใส่ต้นแรก,เขากลับเจอต้นไม่วิญญาณเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
“อัสนีหลบเลี่ยง!” เซี่ยวเฉินตะโกนและเส้นสายฟ้าปรากฏเฉียดข้างของเกาหยาง เซี่ยวเฉินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแสงเย็นเฉียบจากกระบี่เงาจันทร์สับลงไปยังกิ่งไม้ที่จับตัวเกาเชียงเอาไว้
เกาเชียงหลุดออกมาลงถึงพื้นในทันที่,สีหน้าของเขาดุดันกระบี่ยักษ์ของเขายกขึ้นพร้อมกับเรืองแสงสีแดงและฟันลงไปที่ปากอันดํามืดของต้นไม้วิญญาณ
ทันใดนั้น,มีรากสองสายขยายออกมาจากพื้น พวกมันจับเอาข้อเท้าของเกาเชียงและยกเขาลอยขึ้นไปในอากาศ
“บูม!” กระบี่แสงพลุ่งพล่านฟันลงไปโดนที่ต้นไม้อื่น ต้นไม้ต้อนนั้นลุกเป็นไฟกลายเป็นถ่านในทันที
นี่แสดงให้เห็นว่าพลังของกระบี่เล่มนั้นน่ากลัวถึงเพียงใด อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่อาจไปสนใจเขา เจ้าหมอนี่มันสมองกล้าม,พลังต่อสู้แกร่งกล้าแต่ปัญญานิ่ม
“ปุ!”
กิ่งไม้สีแดงถูกยิงออกมาจากปากของต้นไม้วิญญาณทะลวงผ่านอากาศ มันเกิดเสียงโซนิคบูมพร้อมกับเข้าถึงตัวของเซียวเฉินในทันที
เชี่ยวเฉินรู้ถึงกระบวณท่านี้มาตั้งแต่ที่เขาอยู่ในปาทมิฬในครั้งนี้เขาสามารถทําได้เพียงหลบหลีก อย่างไรก็ตาม,กระบวณท่านี้ไม่มีความหายต่อหน้าเขาอีกต่อไป
“วาดกระบี่!”
มีแสงเย็นเฉียบวูบไหวรวดเร็วยิ่งกว่าเสียงฟันกิ่งไม้ขาดครึ่งกิ่งกลาง แม้ว่ามันจะรวดเร็ว,แต่เซียวเฉินเร็วกว่า
“สยายปีก,หนึ่งดาบตัด! ทลาย!”
เรืองแสงบนคมกระบี่เงาจันทร์สงวนเอาไว้ เซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปในอากาศ กิ่งไม้สามเส้นที่กําลังพุ่งเข้ามาคว้าเอาไว้ได้เพียงความว่างเปล่า
เซี่ยวเฉินวูบผ่านต้นไม้วิญญาณ หลังจากนั้น,ต้นไม้วิญญาณพังทลายลงพร้อมกับเสียงดังสนั่น จากนั้น,มันก็กลับกลายเป็นเพียงต้นไม้ธรรมดา
หลังจากที่ต้นไม้วิญญาณตายลง,รากต้นไม้ที่จับตัวเกาเชียงเอาไว้ก็ร่วงลงเช่นกัน เขาปลดรากต้นไม้ที่พันขาของเขาเอาไว้รู้สึกเสียขวัญ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินกําลังเคลื่อนไปรอบๆอย่างต่อเนื่อง,เขาสามารถทําได้เพียงลุกขึ้นอย่างว่องไว
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองยังคงใช้วิธีเดิมไล่ถากต้นไม้ที่อยู่โดยรอบพวกเขาเจอต้นไม้วิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่ในปาที่ละต้นๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เกาเชียงได้รับบทเรียนแล้วก่อนที่เขาจะโจมตี,เขาให้ความสนใจกับกิ่งไม้บนพื้นและในอากาศในตอนที่เขาเข้าไปใกล้เขาจะโจมตีอย่างสุดแรง
พลังปราณธาตุไฟเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของต้นไม้วิญญาณเพิ่มด้วยทักษะต่อสู้ที่ดุดันของยอดเขาเขียนตัวน,เกาเชียงสามารถสั่งหารต้นไม้วิญญาณได้อย่างง่ายดาย
สําหรับเซี่ยวเฉิน,ง่ายดายเสียยิ่งกว่าเขาเคลื่อนไหวไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย กิ่งของต้นไม้วิญญาณไม่อาจไล่ตามเขาได้ทันหลังจากที่เขาเข้าประชิดได้เขาจะฟันมันเป็นสองส่วนด้วยกระบี่ของเขา
แม้ว่าต้นไม้วิญญาณจะรับมือด้วยได้ยาก,พวกมันก็เป็นเพียงแค่สัตว์อสูรปีศาจระดับสี่เท่านั้น หากพวกมันไม่ได้ซ่อนตัวอยู่,พวกมันก็ไม่เกินมือของระดับขอบเขตนักบุญ
ในไม่ช้า,หยุนเข่อซินและคนอื่นๆก็เข้ามาร่วมด้วยผ่านไปสี่ชั่วโมง,ต้นไม้บริเวณโดยรอบถูกถางล้างจนเหี้ยน
เมื่อศิษย์ยอดเขากางอวี่ผู้หนึ่งเห็นศพของสองสานุศิษย์ที่ตายไป,พวกมีสีหน้ามืดมน “ช่างโชคไม่ดี…ศิษย์พี่หลิวและศิษย์พี่หวัง… พวกเขาไม่สมควรมาตกตายเช่นนี้”
แน่นอนว่าพวกเราไม่ควรมาตกตายเช่นนี้หากว่าพวกเขาไม่ลดการป้องกันลง,พวกเขาจะสามารถหลบการโจมตีฉับพลันของต้นไม้วิญญาณได้พ้นช่างน่าเสียได้,ที่เป็นเพียงแค่ถ้า
หลังจากที่พวกเราพักอยู่ครู่หนึ่งและฟื้นฟูพลังปราณ,พวกเขาก็เดินทางต่อในครั้งนี้ ทุกคนล้วนจําคําของหยุนเซ่อซินขึ้นใจ, พวกเขาเฝ้าระวังตัวอยู่ตลอดเวลาถึงอย่างไร,พวกเขาได้เห็นตัวอย่างมาแล้วเมื่อครู่
สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินแปรเปลี่ยนเป็นวงแหวนและขยายออกไปโดยรอบ มันสํารวจพื้นที่รอบข้าง,แต่ก็ไม่พบอะไรเขาพึมพํากับตัวเอง “น่าแปลก,ทําไมร่างสีดํานั้นไม่ปรากฏตัวออกมา?”
“ไม่เป็นไรเขาจะปรากฏขึ้นในท้ายที่สุด ข้าเพียงต้องระวังตัวเอาไว้” เซี่ยวเฉินพึมพําพร้อมกับถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา
ในทันทีที่เขาถอนสัมผัสวิญญาณกลับ,ลูกบอลควันสีดําลอยขึ้นออกมาจากพื้นบุคคลตัวซีดเซียวอย่างไม่น่าเชื่อปรากฏตัวขึ้นมา
เขาพึมพํากับตัวเอง “การรับรู้เฉียบคมอะไรเช่นนี้,ข้าเกือบจะถูกพบตัวข้าจะต้องระวังให้มากขึ้นมิฉะนั้น,ข้าคงไม่อาจทําภารกิจของเจ้านายให้สําเร็จ”
ลูกบอลควันสีดําอีกเก้าลูกปรากฏขึ้นมาจากพื้นดิน ปีศาจเงาตนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “พี่ใหญ่,พวกมนี้เป็นเพียงแค่มนุษย์ระดับขอบเขตนักบุญ มีอะไรให้พวกเราต้องระแวง”
ปีศาจเงาตนแรกที่เผยตัวออกมาชักสีหน้ามีน้ําโห เขาออกปา กด่า “หุบปาก! ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วก่อนที่พวกมันจะเข้าไปเจ อกับงูปีศาจแดง,ไม่อนุญาตให้พวกเจ้าลงมือแต่เจ้ากลับกล้าขัดคําสั่งของข้าและควบคุมต้นไม้วิญญาณให้ลงมือ”
ฉีฆ่าฟันน่าหวาดกลัวปลดปล่อยออกมาจากทําให้ปีศาจเงาที่เอ่ยปากถึงขึ้นอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวเขาไม่กล้าที่จะอ้าปากพูดอะไรออกมาอีก
ในปามืดมิด, จากนั้นปีศาจเงาก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายที่แต่งชุดสีแดงเลือดด้วยท่าทางอ่อนน้อมอย่างที่สุด อย่างไรก็ตาม,หากสังเกตอย่างละเอียด,พวกมันไม่ใช่สีแดงของชุดแต่อย่างใด:พวกมันคือเลื อดที่กําลังเลื่อนไหลไปโดยรอบใบหน้าของเขาจนไปถึงทั่วทั้งร่า งดูเลือนลาง
ชายสีแดงเลือดกล่าวด้วยน้ําเสียงแหบ “ข้าเคยบอกแล้วว่าให้ล งมือในตอนที่พวกมันไปเจอกับปีศาจแดง แต่เมื่อข้าไม่อยู่เพียงครู่เดียว… ใครเป็นคนลงมือ?”
หนึ่งในปีศาจเงาอดไม่ได้ที่จะหลาดกลัว เขาคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงหวาดกลัว “นายท่าน,ตัวข้าตาบอดทําอะไรไม่คิดข้าอยากจะจัดการพวกมันทั้งหมดและนํามาถวายให้นายท่านมันไม่ใช่ความผิดของพี่ใหญ่”
ชายสีแดงกล่าว “ไม่เป็นไร เอาสองศพนั้นมาให้ข้า เมื่อพวกมันไปเจอกับปีศาคงูแดงค่อยลงมือ คนพวกนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากพวกเจ้าไม่มั่นใจอย่าได้เผยตัว”
“จําเอาไว้ในมิติแห่งนี้ ทุกครั้งที่มีพวกเจ้าตายลงจะทําให้แม่ทัพปีศาจอ่อนแอลง พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ก็เพื่อท่านแม่ทัพปีศาจ,หาใช่อยู่เพื่อตัวเอง”
ปีศาจเงาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นขอบคุณชายคนนั้นซ้ําๆ เหมือนกับผู้ที่ได้รับการอภัย “ขอบคุณนายท่าน,ขอบคุณนายท่าน นี่คือร่าวของพวกมันหลังจากที่พวกเราขุดมันขึ้นมา,พวกเราได้ใช้ทักษะลับในกา รเก็บรักษามันยังสดใหม่”
ชายสีแดงหัวเราะสองสามครั้งก่อนที่จะชี้ไปที่ศพด้วยนิ้วของเขาผ่านไปครู่หนึ่ง,เลือดจากศพไหลออกมาและเคลื่อนไปที่ร่างของชาย
คนนั้น
เรืองแสงสีแดงกระพริบระยับ เลือดบนผิวของชายคนนั้นเดือดผุดอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปครู่หนึ่ง,สองศพนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
เป็นฉากที่แปลกประหลาด สองคนนี้ปต่เดิมที่เป็นสานุศิษย์ของศาบากระบี่สวรรค์ ตอนนี้,พวกเขาอยู่ตรงหน้าของชายสีแดงและกล่าวด้วยเสียงสั่น “นาย..ท่าน…”
“องค์ประกอบดีงาม คุ้มค่าที่ข้าปลุกเจ้าขึ้นมา” ชายสีแดงหัวเราะอย่างแปลกประหลาด เขายิงลูกปัดสีแดงเลือดไปที่พวกเขาทั้งสอง
“ทักษะลับของตระกูลโลหิต แปลงร่างปีศาจระดับต้น!”
ลูกปัดสีเลือดเข้าไปในหน้าผากของพวกเขาในทันทีใบหน้าที่แต่เดิมซีดเซียวของพวกเขาสามารถมองเห็นประกายเงาวาว,แสงในดวงตาของพวกเขาลุกสว่างขึ้น
บาดแผลบนร่างกายของพวกเขาหลอมบิด,พวกเขาดูไม่ต่างจากคนทั่วไปดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพเมื่อมองไปยังชายสีแดงพร้อมกับกล่าว“นายท่าน,คําสั่งของท่านคืออะไร?”
ชายสีแดงโบกมือของเขาและกล่าวกับผู้นําของกลุ่มปีศาจเงา “ข้าจะมอบการควบคุมของศพสองร่างนี้ให้เจ้าชั่วคราว หลังจากที่เจ้าทําภารกิจสําเร็จ,เอาพวกมันกลับมาให้ข้า”
“โดยเฉพาะหญิงสาวชุดขาวและชายที่มีแสงสีม่วงบนร่างศพของพวกมันจะต้องอยู่ครบสมบูรณ์ แขนขาห้ามขาดหาย มันเป็นการดีที่สุดหากสามารถจับพวกมันกลับมาได้แบบเป็นๆ”
“รับทราบนายท่าน,ข้าจะทําตามคําของนายท่าน”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินและคนที่เหลือจัดการกับต้นไม้วิญญาณเรียบร้อย,พวกเขาเข้าใกล้จุดกึ่งกลางของปามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็ถูกขัดขวางด้วยสัตว์อสูรปีศาจ อย่างไรก็ตาม,ด้วยสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉิน, พวกเขาได้เตรียมตัวล่วงหน้า กล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้พบอันตรายอะไรจริงจัง
เกาเชียงใช้กระบี่ของเขาดึงเอาแก่นกลางปีศาจระดับห้าออกมาจากร่างของสัตว์อสูรปีศาจมีความพึงพอใจบนใบหน้าของเขา เขาหัวเราะและกล่าว “ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารปีศาจไม่ได้สังตัว,แก่นกลางปีศาจพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว,ไม่มีปัญหาที่จะเอามันไปแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งพันก้อน หากเพียงแค่มีสัตว์อสูรวิญ ญาณระดับห้าขั้นสูงสุด”
มูลค่าของแก่นกลางวิญญาณไม่ได้ด้อยไปกว่าแก่นกลางวิญญาณตามจริง,มูลค่าออกจะสูงกว่าด้วยซ้ํานอกจากนั้น,ระดับของสัตว์อสูรปีศาจยิ่งสูง,มูลค่าของมันจะยิ่งสูงขึ้นไปอีกมหาศาลจากแก่นกลางวิญญาณระดับเดียวกัน
แก่นกลางปีศาจระดับ 5 ทั่วไปมีค่าหนึ่งร้อยหินวิระดับต่ํา แก่นกลางวิญญาณระดับห้าขั้นสูงสุดมีมูลค่าหนึ่งพันหินวิญญาณระดับต่ําสําหรับหลแก่นกลางปีศาจระดับ 6,มันมีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นหินวิญญาณระดับต่ํา
มูลค่าของแก่นกลางปีศาจระดับ 6 ขั้นสูงจะดีดขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัวมันจะต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ํามากกว่าหนึ่งแสนก้อน
อย่างไรก็ตาม,ตลอดทั้งทาง, พวกเขาพบเพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นต้นๆเท่านั้น พวกมันแข็งแกร่งพอๆกับมนุษย์ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางมีสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นกลางหลงมาบ้างเล็ก น้อยแต่อย่างไรก็ตาม,ไร้วี่แววของสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด
มู่เหิงสาปด่า “เจ้านี่มันปากหมา สัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดแข็งแกร่งพอๆกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นนอกจากนั้น, พวกมันยังแข็งแกร่งขึ้นไปอีกภายในมิติแห่งนี้ พวกมันจะแข็งแกร่งเท่ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นกลางเป็นอย่างน้อย”
“หากพวกเราไปเจอเข้าสักตัวไม่แน่ว่าพวกเราจะสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย แต่เจ้ากําลังคิดจะไปสังหารมันดูเหมือนเจ้าจะหายใจจนเบื่อแล้ว”
เกาเชียงเก็บแก่นกลางปีศาจและยิ้มอย่างละอาย “ข้าแร่พูดล อยๆ พวกเราคงไม่ไปเจอเข้าหรอก หากพวกเราไปเจอเข้าจริงๆ,กระบี่ยักษ์ของข้าก็เหมือนไม่จิ้มฟัน”
สัตว์อสูรปีศาจที่พบเจอระหว่างทางทําให้เกาเชียงเผยความแข็งแกร่งออกมาได้ต้องบอกว่าทักษะต่อสู้ของยอดเขาเชียนด้วนนั้นดุดันอย่างแท้จริง
แม้แต่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นกลางเจอเข้ากับการโจมตีเต็มกําลังของเกาเชียงก็รับมือด้วยยาก เมื่อสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นต้นถูกเขาซัดเข้า,มันได้แผลไปสาหัส
รูปแบบการต่อสู้ของเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์ในสายตาของทุกคนไม่ได้มองเขาแย่แบบแต่ก่อน
เซี่ยวเฉินหัวเราะและไม่ไปสนใจที่ทั้งสองคนโต้เถียงกัน เขาได้เก็บเกี่ยวได้มาไม่น้อย เขาสังหารสัตว์อสูรปีศาจระดบ 5 ขั้นต้นไปสิบตัวและสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นกลางอีกหนึ่งตัว หากเขาแลกเปลี่ยนแก่นกลางปีศาจทั้งหมดเป็นหินวิญญาณ,เจาจะได้รับหินวิญญาณสองหรือสามพันก้อน
เซียวเฉินมองไปยังหยุนเข่อซินที่อยู่ด้านข้างอย่างตื่นตัว,เขารู้สึกผระหลาดใจเขาถามขึ้น “ศิษย์พี่หยุน,ท่านไม่สนใจแก่นหลกลางปีศาจ?”
หยุนเข่อซินกล่าวอย่างเฉยเมย “แก่นกลางปีศาจระดับ 5 เอาไปแลกเปลี่ยนหินวิญญาณได้ไม่มากนักพวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเอง,ไม่จําเป็นต้องสนใจข้า”