Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“อัสนีหลบเลี่ยง!”
สายฟ้าวูบผ่าน,และเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านข้างของฉู่เฉาหยุ่น ชักกระบี่ฟัน,คมกระบี่ส่องประกายพร้อมกับตรงไปที่หน้าอกของฉู่เฉาหยุ่น
“ปัง!”
ฉู่เฉาหยุ่นหันตัวหลบเล็กน้อยและใช้นิ้วแทนดาบ แสงเรืองออกมาจากนิ้วของเขาพร้อมกับใช้มันรับกระบี่ของเซียวเฉิน,ส่งเสียงสะท้อนออกมา
หลังจากกระบวณท่าแรกของทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดถูกปิดกั้น,ก็ไม่มีทางที่กระบวณท่าที่เหลือจะตามมา เซียวเฉินเปลี่ยนกระบวณท่าอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนออกมาเบาๆ “สยายปีกร่ายรำ!”
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
เซียวเฉินเปลี่ยนตำแหน่งไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว,ส่งกระบี่แสงจำนวนนับไม่ถ้วนตรงเข้าใส่ฉู่เฉาหยุ่น ฉู่เฉาหยุนยืนอยู่บนพื้นไม่เคลื่อนไหวและใช้นิ้วของเขาแทนดาบ,สร้างดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาทันที
สยายปีกนั้นแต่เดิมทีก็มีต้นกำเนิดมาจากนิกายดาบเงาหมอก ฉู่เฉาหยุ่นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะตกใจที่เซียวเฉินใช้กระบวณท่านี้ออกมาก,เขาก็ไม่ได้แตกตื่นแต่อย่างใด
แม้ว่าดาบแสงของเขาจะยิงออกมาทีหลัง แต่มันร่ายรำไปตามสายลมและบังคับให้เซียวเฉินต้องเปลี่ยนจากลุกเป็นรับ ดาบแสงร่ายรำไปรอบๆและกลืนกระบี่แสงหายไป
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งพันกระบวณท่า ผลาญพลังปราณไปเป็นจำนวนมาก หลังจากสิ้นสุดกระบวณท่า,เซียวเฉินถอยกลับหลังไป เขาปลดปล่อยศิลปะมังกรฟเาเมฆาโผทะยานและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า
“สยายปีก,จันทราโชติช่วง!”
ปรากฎการณ์ลึกลับปรากฎขึ้นเหนือน่านฟ้า ท้องฟ้าค่ำคืนอันไร้ขอบเขตบดบังแสงอาทิตย์ จันทร์เต็มดวงค่อยๆลอยขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า,ส่องเรืองนวลอ่อนออกมา
ฉู่เฉาหยุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย,เขาตกตะลึงพร้อมกับครุ่นคิด,มันน่าตกใจแล้วที่เขาสามารถใช้สยายปีกร่ายรำของนิกายของเราได้ เขาสามารถใช้จันทราโชติช่วงได้เช่นกัน?
ฉู่เฉาหยุ่นเผยสีหน้างุนงง เขารู้ซึ้งถึงพลังของจันทราโชติช่วงดี ครั้งหนึ่ง,นักบุญดาบผู้นั้นพึ่งกระบวณท่านี้เข้าห่ำหั่นเอาชนะจักรพรรดิ
แต่ถึงอย่างนั้น,เขาก็ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย เซียวเฉินนั้นยังไม่ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของกระบวณท่านี้,พบข้อบกพร่องของปรากฎการณ์ลึกลับ
“กำลังเล่นเป็นผู้เชี่ยวชาญมากวิชา?” ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางๆ
“แครง!”
ในค่ำคืนอันมืดมิด,ทันใดนั้นแสงสีทองก็เบ่งบานออกมา ดาบที่แบกเอาไว้ที่หลังของฉู่เฉาหยุ่นถูกดึงออกมาหนึ่งนิ้ว ในเสี้ยววินาทีต่อมา,แสงสีทองสว่างถูกปลดปล่อย เรืองแสงสีทองอันไร้ขอบเขตส่องแสงออกมาจากคมดาบที่ถูกดึงออกมาเพียงนิ้ว
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์! อาวุธที่หลังของเขาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์!” เซียวเฉินตกตะลึงเมื่อเขามองไปที่เรืองแสงแหลมคม ถึงอย่านั้น,ตอนนี้ปรากฎการณ์ลึกลับได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว,เขาไม่อาจถอนหลังกลับได้,ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป
ฉู่เฉาหยุ่นยืนมือไพล่หลังและจ้องมองไปหาเซียวเฉินอย่างไม่แยแส เขาสูดหายใจเย็นชาและดาบของเขาก็กลับเข้าไปในฝัก ประกายแสงที่พลุ่งพล่านกระจายออกไปโดยรอบ,กลายเป็นเงาดาบไร้ที่สิ้นสุด
ค่ำคืนที่ปกคลุมผืนฟ้าราวกับบานกระจกแก้วที่มีรอยแตก หลังจากนั้นไม่นาน,มีเสียงแก้วแตกกราวดังไพเราะออกมา,ฉากยามค่ำคืนถูกลบหายไป จันทร์เต็มดวงที่ยังลอยขึ้นมาไม่สุดเปลี่ยนกลายเป็นเงาเลือนลางก่อนที่จะจางหายไป
แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอีกครั้ง หลังจากที่ปรากฎการณ์ลึกลับถูกทำลาย,เซียวเฉินก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก สีหน้าของเขาซีดขาวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาโซเซไปมาและเกือบที่จะล้มลงไปกองกับพื้น
ปรากฎการณ์ลึกลับถูกสวนกลับหรือกระบวณท่าดาบถูกตีขัด,จะมีผลทำให้ภายในของผู้บ่มเพาะพลังได้รับความเสียหาย ในตอนที่ปรากฎการณ์ลึกลับของจางเหอถูกทำลาย,เขาก็ถูกเซียวเฉินทำให้พิการ
ฉู่เฉาหยุ่นกระโดดมาเบาๆและเดินช้าๆตรงมาที่เซียวเฉิน เขาพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไพ่ตายเก็บซ่อนเอาไว้อีก ถึงอย่างนั้น,ข้าก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าเจ้า,อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะหยุดทำอะไรโง่ๆ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้กระบวณท่าที่ข้าใช้กับฮวาหยุ่นเฟย”
“โลกนี้มันกว้างใหญ่,มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย เจ้าสามารถดื่มด่ำไปกับการท่องพิภพกว้างได้ตราบเท่าที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายคือผู้กล้าที่แท้จริง”
หลังจากที่ฉู่เฉาหยุ่นพูดจบ,มีแสงดาบปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา เขาขี่แสงดาบนั้นเหาะเหินหายไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เซียวเฉินกินเม็ดยาหวนคืนโลหิตและเม็ดยาหวนคืนพลังฉีเข้าไปก่อนที่จะมองไปที่ร่างของฉู่เฉาหยุ่นที่กำลังหายลับไป เซียวเฉินยิ้มขมขื่น,นี้เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้อย่างหมดรูปเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเขายังใช้ไม่ถึงหนึ่งกระบวณท่า,เขาใช้เพียงครึ่งกระบวณท่าก็ล้มเซียวเฉินได้แล้ว
เซียวเฉินนั่งลงท่าขัดสมาธิและหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ไปช้าๆ,ดูดซับพลังของยาในร่างของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เมื่อฤทธิ์ยากระจายแทรกซึมไปทุกส่วนของร่างกายของเขา,อาการบาดเจ็บของเขาก็เกือบขะหายเป็นปกติ
เซียวเฉินไม่มีลังเลและมุ่งหน้ากลับไป แม้ว่าชิ้นส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของราชันย์สิงโตทองคำจะถูกฉวยเอาไป,ส่วนที่เหลือของมันก็ยังมีราคา โดยเฉพาะเขาบนหัวของสิงโตที่คงอยู่มานานกว่าหนึ่งร้อยปี
ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่อยู่ไกลออกไปกำลังมุ่งหน้ามาที่ซากโบราณ,ทันใดนั้นเขาก็เห็นเซียวเฉินที่กำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมาอย่างตกใจ “ไม่ได้เจอเขาเพียงไม่นาน,เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว อันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไป”
“เจ้าสองคน! ไปพาคนคนนั้นกลับมา ข้าจะรออยู่ที่ซากโบราณ” ฮวาหยุ่นเฟยกล่าวกับระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดสองคนข้างหลังของเขา เขารู้สึกว่าช่างโชคไม่ดี,เขาต้องไปสำรวจซากโบราณและไม่อาจลงมือด้วยตัวเองได้”
“รับคำสั่ง!” ทั้งสองคนรับคำสั่งและพุ่งตรงไปยังทิศทางของเซียวเฉิน
เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกมาตลอดเวลาที่อยู่ในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร ในทันทีที่เขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย,เขาก็วางแผนจะสะกดรอยตามไป ถึงอย่างนั้น,เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกพบจัวเข้าก่อนที่จะได้ลงมือเสียอีก
มองดูระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนที่ตามหลังเขามา,มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานถูกรีดพลังจนถึงขีดสุดและทันใดนั้นความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาทิ้งห่างจากสองคนนั้นในทันที
“เขาอยู่ที่ไหน? เขาไปทางไหน? ข้าแน่ใจว่าเห็นเขามุ่งมาทางนี้”
“เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่,แยกย้ายกันตามหา!” เซียวเฉินหายไปจากสายตาของพวกเขาในทันที,พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตกตะลึง
ลูกศรพุ่งมาราวกับสายวายุอันแข็งแกร่ง ก่อนที่หนึ่งในระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนนั้นจะได้ตอบโต้,ลูกศะปราณแสงเจาะทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลัง,สังหารเขาลงในทันที
เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์อีกคนเห็นเซียวเฉินปรากฎตัวขึ้นมาจากด้านหลังของเขา,เขาก็ตกใจ เมื่อเขาเห็นธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงที่อยู่ในมือของเขา,เขาหันหลังเผ่นหนีทันทีโดยไม่เหลียวกลับมามอง
เซียวเฉินมองไปยังทิศทางที่คนคนนั้นหนีไป
แต่ก็ไม่ได้ออกไล่ตาม เขาดึงลูกศรปราณแสงที่ปักอยู่ตรงพื้นขึ้นมาก่อนที่จะไปค้นร่างไร้วิญญาณของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้น
ฐานะของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนี้ไม่ได้ยากจน เซียวเฉินพบตั๋วเงิน 2000 เหรียญทอง,เม็ดยาระดับ 4 – เม็ดยาบำรุงกายา ,และตำราทักษะต่อสู่ระดับลึกล้ำ – วายุฟาดฟัน
เซียวเฉินยิ้มอย่างพอใจ,อารมณ์ขุ่นเคืองของเขาได้รับการเยียวยา ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้นี้ไม่น่ามาตกตายเช่นนี้ เขาถูกเซียวเฉินใช้ธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงลอบโจมตีจากด้านหลัง หากพวกเขามาสู้กันซึ่งๆหน้า,เซียวเฉินอาจน้องใช้ถึง 500 กระบวณท่าถึงจะล้มคนคนนี้ได้
เซียวเฉินเปิดตำราทักษะดู,วายุฟาดฟัน,ทักษะต่อสู้สายกระบี่ ตราบที่มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับลึกล้ำ,ต้องมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว ในบางตระกูล,มันอาจจะเป็นถึงสมบัติประจำตระกูลเลยทีเดียว
มีเพียงตระกูลชั้นสูง,เช่นตระกูลฮวา,ที่ให้ข้าบริวารมีทักษะระดับลึกล้ำติดตัวเดินไปเดินมา นี่เป็นสิ่งที่เหล่าตระกูลเล็กๆไม่อาจจินตนาการถึงได้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,เซียวเฉินกลับไปตรงจุดที่ราชันย์สิงโตทองคำถูกสังหาร อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่าเจ้าหมูนั้นช่างลงมือนวดเร็ว เขาชำแหละทุกสิ่งออกมาจากราชันย์สิงโตทองคำ,ทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกสีทอง
เมื่อจินต้าเป่าเห็นเซียวเฉินกลับมา,เขาก็ส่งเขาสิงโตสีทองมาให้ เขาพูดขึ้น “ข้าเอาเลือดและหนังของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ แม่นางซู่เสี่ยวเสี่ยวอยากได้โครงกระดูก เขาสิงโตนี่สำหรับเจ้า”
“ข้าลืมบอกเจ้าไป,ฉู่เฉาหยุ่นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ในขอบเขตพลังระดับเดียวกัน,เขาไร้คู่ต่อสู้ แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญยังถูกเขาตบคว่ำมาแล้ว ข้าบอกเจ้าอย่าได้ไล่ตามไป,เจ้าไม่ได้ยิน?”
เซียวเฉินยิ้มบางๆพร้อมกับรับเอาเขาสิงโตทองคำมา เขามองไปที่โครงกระดูกสีทองขนาดมหึมาและพูดขึ้น “เจ้าจะขนมันกลับไปได้เช่นไร? ถึงแม้ว่าเจ้าจะใช้เรือมาขน,เจ้าก็ยังต้องคิดหนักว่าจะเอามันขึ้นไปวางได้ท่าไหน”
เจ้าหมูยิ้ม “เจ้าไม่ต้องไปเป็นกังวล,แม่นางเสี่ยวเสี่ยวมีวิธีทางของนาง”
ซู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มรับรู้ แม้ว่าเซียวเฉินจะสงสัยว่าซู่เสี่ยวเสี่ยวจะเอาโครงกระดูกไปทำอะไร,เขาก็ไม่ได้ถามนาง
หลังจากแบ่งของกันเสร็จสิ้น,จินต้าเป่าก็อยู่ในอารมณ์ดี เขาพูดขึ้นอย่างโอ้อวด “ตามมา,ท่านหมูผู้นี้จะพาเจ้าไปล่าสมบัติในซากโบราณ”
ตรงทางเข้าของซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยเห็นระดับขอบเขตปรมจารย์วิ่งหางจุกตูดกลับมา เขาเดือดดาลขึ้นทันที “ข้าไม่เคยเห็นใครไร้ค่าเช่นเจ้ามาก่อน ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดถูกระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธทุบกลับมา”
ฮวาหยุ่นเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงมืดมน “ระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งห้ารออยู่ที่นี่ หากเจ้าจัดการกับเข้าหมอนั้นไม่ได้,เจ้าลืมทางกลับตระกูลฮวาไปได้เลย”
ในครั้งนี้,เขาพาระดับขอบเขตนักบุญหกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์มาอีกหกคน ระดับขอบเขตนักบุญเป็นกำลังหลักของเขา กำลังเช่นนี้เทียบได้ว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่ตระกูลชั้นสูงด้วยกัน
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยไม่กล้าทิ้งระดับขอบเขตนักบุญไว้แม้แต่คนเดียว ทิ้งระดับขอบเขตปรมจารย์ห้าคนไว้เป็นทั้งหมดที่เขาทำได้
ใช้ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดห้าคนรับมือเซียวเฉินคนเดียว,ที่เป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง,กล่าวได้ว่าฮวาหยุ่นเฟยตีค่าเซียวเฉินไว้สูงมากแล้ว
ภายใต้การนำทางของเจ้าหมู,พวกเขาทั้งสามมุ่งตรงไปที่ทางเข้าของซากโบราณ ตลอดทาง,เซียวเฉินแกะสลักเขาสิงโตทองคำที่เจ้าหมูให้มา
ซู่เสี่ยวเสี่ยวกับจินต้าเป่าสงสัยอย่างมากในการกระทำของเซียวเฉิน จินต้าเป่าเเทบไม่อาจห้ามปากให้ถามออกไปได้ เอาเขาทองคำนี้มาใช้แกะสลักมันช่างสิ้นเปลือง
เซียวเฉินได้แต่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร มีอันตรายมากมายในซากโบราณ การต่อสู้กับฉู่เฉาหยุ่นเมื่อครู่ทำให้เซียวเฉินคิดหนัก เขาต้องหาอะไรมาใช้เป็นไพ่ตาย
ช่างโชคไม่ดี,เซียวเฉินฝืนใช้ทักษะระดับสวรรค์ – มังกรฟ้าหวนกลับออกไปแล้วถึงสองครั้ง หากเขาฝืนใช้ออกมาอีกครั้ง,คงหนีไม่พ้นตัวแตกตาย หรือไม่,เขาสามารถเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ตายใบสุดท้าย
สิ่งเดียวที่เขาสามารถพึ่งได้ในตอนนี้ก็คือคาถาสละชีพ เซียวเฉินจดจ่อไปกับการแกะรูปสลัก เขานึกถึงทุกรายละเอียดของราชันย์สิงโตทองคำ
“พวกเรามาถึงแล้ว” เจ้าหมูหยุดเท้าและตามองไปที่ช่องสูงกว่าสิบเมตรที่ด้านข้างของภูเขา ด้านล่างของช่องนั้น,เต็มไปด้วยเศษอิฐเศษหิน
ไม่มีใครสามารถมองผ่านเข้าไปภายในช่องอันมืดมิดได้ มีสายลมหนาวเย็นพัดผ่านออกมา,ทำให้ทุกคนต่างขนหัวตั้ง มันเป็นสายลมที่หนาวจับไปถึงใจ
เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในรูแต่เขาพบกับม่านพลังปิดกั้นสัมผัสวิญญาณของเขาเอาไว้ เป็นสถานการณ์เดียวกับที่เขาเผชิญตอนที่อยู่ในป่าทมิฬ