Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 128 สภาวะลึกซึ้ง
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 128 สภาวะลึกซึ้ง
“ฮู่!” ท่ามกลางความวุ่นวาย ธงสีดําได้ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเซี่ยวเฉิน; จากนั้น, มันก็ปรากฏตัวขึ้นในมิติลวงตา เซี่ยวเฉินครามออกมาและบินขึ้นไปในอากาศ เขาคว้าเสาของธงและแทงมันลงไปที่พื้นอย่างแรง
มีคําว่าเซี่ยวที่ดูมีพลังอํานาจและเด่นชัดปรากฏขึ้นที่ธงสีดํา ในที่สุดสัญลักษณ์ที่นักปราชญ์ทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก็ถูกหลอมรวมโดยเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินเปิดตาของเขาขึ้นมาอีกครั้ง และทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป เขายืนอยู่บนหัวเรือสงครามสีเงิน และในที่สุดเขาก็กลับสู่โลกความเป็นจริง
ธงสีดําที่อยู่บนหัวเรือสงครามโบกสะบัดไปตามสายลม คําว่า “เหยียน” ได้จางหายไปและกลายมาเป็นคําว่า “เซี่ยว” แทน สมบัติลึกลับอันนี้ในที่สุดถูกใส่สัญลักษณ์ของเซี่ยวเฉินลงไป
เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและส่งสัมผัสวิญญาณออกไป เขาเริ่มตรวจสอบจากสัญลักษณ์ค่ายกลที่อยู่ในสมบัติลึกลับ เมื่อผ่านไปนาน เขาก็ถอนสัมผัสวิญญาณออกมาและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ค่ายกลโจมตีไม่มีท่าทางที่จะดีขึ้นเลย ไม่แม้แต่จะมีสัญญาณของการเริ่มฟื้นฟู มันดูเหมือนว่าเซี่ยวเฉินจะไม่สามารถรอจนกว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะพัฒนามากกว่านี้ได้และลงผนึกมันใหม่
แต่อย่างไรก็ตาม ระบบของสมบัติลึกลับอันอื่นก็ฟื้นฟูตัวมันขึ้นมาแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่มันอยู่ในสภาพยอดเยี่ยม อย่างน้อยทั้งความเร็วและการป้องกันของมันก็ไม่ได้ทําให้เซี่ยวเฉินผิดหวัง
เซี่ยวเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย เขากระโดดลงจากหัวเรือสงคราม, สมบัติลึกลับยังต้องรับทัณฑ์สวรรค์อีก 49 วันก่อนที่มันจะสามารถแสดงเต้แห่งสวรรค์และปฐพีได้
ซึ่งในช่วงระยะสั้นนี้เซี่ยวเฉินยังไม่จําเป็นต้องใช้มันทําอะไร
มันมีความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่บนท้องฟ้ากว่าหมื่นเมตร เซี่ยวเฉินรู้สึกถึงความรู้สึกเช่นนี้เมื่อเขาลอยลงมาสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
เมฆดําได้ปรากฏขึ้นด้านล่างของเซี่ยวเฉินแผ่ขยายออกไปในระยะทางไกลไร้ที่สิ้นสุด เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปตรวจสอบมันและเห็นเม็ดฝนจํานวนนับไม่ถ้วนที่กําลังตกจากเมฆ เมื่อเมฆกระทบกันและกันก็ทําให้เกิดฟ้าร้องและเส้นสายฟ้ากระจายไปทั่วทั้งท้องนภา
เซี่ยวเฉินถอดหายใจ “หลังจากขึ้นไปแดนสวรรค์ ข้าก็เกือบที่จะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของมนุษย์เสียแล้ว”
หินวิญญาณระดับกลางที่อยู่ในมือของเขายังไม่หมดพลัง เซี่ยวเฉินใช้พลังปราณปกคลุมตนเองและทะลุผ่านก้อนเมฆ ฝนที่ตกลงมาที่เขาถูกผลักออกด้วยพลังปราณและไหลผ่านร่างกายเขาไป
ทันใดนั้น เซี่ยวเฉินก็ได้รับแรงบันดาลใจ เขาใช้ทักษะแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธเพื่อเลียนแบบทักษะต่อสู้ของจี้ชางคง ร่ายกายของเขาเปลี่ยนเป็นดาวตกและพุ่งตรงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง
TL: “เมื่อก่อนจะใช้คําว่า รากปัญญาแห่งการต่อสู้ นะครับ แต่ตั้งแต่ตอนนี้จะขอเปลี่ยนเป็นที่เห็นนะครับ
“บึ้ม!”
ดาวตกทะลุผ่านม่านฝนที่ไม่มีที่สิ้นสุดและลงไปที่พื้นดินในทันที เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น เซี่ยวเฉินก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยผลของคลื่นกระแทกทําให้เม็ดฝนที่ไม่มีที่สิ้นสุดระเหยไปในทันที
เซี่ยวเฉินมองไปที่หินวิญญาณระดับกลางที่สูญเสียประกายแสงไปจนหมด; เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และพึมพํากับตัวเอง “ทักษะต่อสู้ที่ต้องใช้จิตวิญญาณยุทธที่สืบทอดต่อกันมาจะต้องใช้พลังปราณเป็นจํานวนมหาศาลเมื่อใช้ทักษะแปรลักษณ์เพื่อลอกเลียนแบบ ข้าจะต้องจําเรื่องนี้เอาไว้ในอนาคต”
เซี่ยวเฉินขว้างหินวิญญาณระดับกลางที่ใช้หมดแล้วและเร่งความเร็วของตนขึ้น เขาเดินอยู่บนแม่น้ำจ้วงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทะลุผ่านน้ำตกเชี่ยวกรากและเข้าสู่ถ้ำ
เซี่ยวเฉินนําทักษะโบราณออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล และเริ่มอ่านมันอย่างช้าๆ สิ่งที่เรียกว่า “ตําราโบราณนั้นเป็นอักษรจีนที่เป็นภาษาจีนดั้งเดิม: สําหรับเซี่ยวเฉินมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะอ่านมัน
เขาได้เห็นช่วงชีวิตของนักปราชญ์โบราณและได้รู้แจ้งในบางสิ่ง การรู้แจ้งนี้ได้สร้างสภาวะลึกซึ้งขึ้นในจิตใจเขา เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าจิตใจของเขาแจ่มชัดขึ้น ปัญหามากมายในอดีตที่เขาไม่อาจแก้ไขได้ก็ได้รับการแก้ไขในทันที
เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าเขาจะคงสภาพเช่นนี้ได้นานแค่ไหน ดังนั้น เขาจึงนําทักษะโบราณออกมาอย่างรวดเร็วและอ่านมันอย่างระมัดระวัง ซึ่งเขาหวังว่าเขาจะสามารถทําความเข้าใจมันได้
ทักษะต่อสู้โบราณแตกต่างจากทักษะต่อสู้สมัยใหม่เป็นอย่างมาก ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือทักษะโบราณไม่ได้แบ่งระดับออกเป็นเหลือง ลึกล้ำ ปฐพี และสวรรค์
เซี่ยวเฉินอ่านหนังสือทุกเล่มอย่างระวัง เขาไม่ได้ต้องการที่จะเข้าใจอย่างหมดจด แค่จับใจความได้เขาก็รู้สึกพอใจแล้ว ส่วนไหนที่เขาไม่เข้าใจเขาจะข้ามมันเนื่องจากมันจะเสียเวลาถ้าพยายามทําความเข้าใจ
เซี่ยวเฉินพิจารณาทักษะต่อสู้โบราณทั้งห้าหลายครั้งในเวลาครึ่งเดือน จนกระทั่งสภาพหยั่งรู้ของเขาหายไป
“ฟุ่มฟุ่ม!”
น้ำตกที่อยู่ด้านหน้ายังคงไหลลงมาเรื่อยๆ ด้านนอกน้ำตก สายฝนก็ยังไม่หยุดและยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ฝนตกครั้งนี้เป็นผลมาจากเรือสงครามสีเงิน เพราะมันต้องรับทัณฑ์สายฟ้าระยะหนึ่งจึงทําให้ฝนไม่หยุดตก
เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและเดินทะลุน้ำตกที่เชี่ยวกราก ฝนตกลงมาที่ตัวเขาและไหลลงแม่น้ำจ้วงอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำกลังสูงขึ้น จึงทําให้มันท่วมฝั่งแม่น้ำมานานแล้ว
แม่น้ำไหลเร็วกว่าที่เป็นมา ปัจจุบันเซี่ยวเฉินประสบความสําเร็จเล็กน้อยในทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน ด้วยการอาศัยทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์นี้ ทําให้เขาสามารถยืนอยู่แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากนี้ได้อย่างไม่เกรงกลัว
เซี่ยวเฉินหลับตาลงและไตร่ตรองถึงผลประโยชน์ที่เขาได้รับมาในครึ่งเดือนนี้ในขณะที่ฝนทําให้เขาตัวเปียกโชก เขาได้เข้าสู่สภาวะพิเศษและจิตใจของเขาผ่อนใส
ทักษะต่อสู้โบราณได้มอบความรู้ให้กับเซี่ยวเฉิน ทักษะต่อสู้บางส่วนเป็นทักษะเกี่ยวกับดาบ: บ้างก็เป็นทักษะหอก: บ้างก็เป็นทักษะบ่มเพาะพลังบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินไม่คิดที่จะเรียนรู้สิ่งพวกนี้
ทักษะต่อสู้เหล่านี้ไม่ใช่ทักษะต่อสู้โบราณที่อยู่ในจุดสูงสุด มันมีดีแต่ก็ไม่ควรที่จะกินมันมากกว่าหนึ่งคํา ถ้าเขาเรียนรู้ทักษะการบ่มเพาะใหม่ สิ่งที่ได้รับนั้นเทียบกับสิ่งที่สูญเสียไม่ได้ เพราะเมื่อทักษะที่แตกต่างถูกเอามาผสมกัน พวกมันอาจจะจบลงด้วยการต่อต้านซึ่งกันและกัน
เซี่ยวเฉินตั้งใจที่จะทําความเข้าใจทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันต่อ เขารวมทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มาในครึ่งเดือน ทั้งทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน, และทักษะแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญา มาเพื่อพัฒนาคุณภาพของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน
ความยากลําบากที่เกิดขึ้นไม่ได้ต่างจากไปจากการเขียนทักษะต่อสู้แบบใหม่ขึ้นมาเลย ด้วยการนําทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันเป็นหลัก เขาใส่สิ่งที่เรียนรู้ที่ผ่านมาและสิ่งที่หยั่งรู้ได้ในไม่นานนี้ลงไปจนทําให้ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันพัฒนาขึ้นมาก
เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนแม่น้ำจ้วงนานครึ่งเดือน มันราวกับว่าเขาสามารถรับรู้ได้ถึงชีพจรของแม่น้ำจ้วง เขาดูเหมือนว่าจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับแม่น้ำจ้วงที่ไหลอย่างเกรี้ยวกราดไม่มีที่สิ้นสุด
“ฟุ่มฟุ่ม!”
ในวันนี้ ในที่สุดเซี่ยนเฉินก็ลืมตาขึ้น มีความสงบปรากฏขึ้นภายในดวงตาสีดําของเขาและปราศจากคลื่นอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ความคิดกระบี่เงาจันทร์ก็ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและปรากฏในมือขวาของเขา
“วาดกระบี่ !”
เซี่ยวเฉินเปลี่ยนท่าทางและถือกระบี่อย่างแน่นหนาในมือขวาของเขา; ไม่มีรังสีแผ่ออกมาจากกระบี่ ด้วยเสียง “พึ่บ” กระบี่ก็เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางสายฝน ซึ่งมันทําให้เกิดช่องว่างระหว่างเม็ดฝนทุกเม็ด ใช้เวลาชั่วครู่: ความเร็วของมันก็ถึงจุดสูงสุด และมันก็ไม่ได้สัมผัสกับเม็ดฝนอีกเลย
“บึ้ม!” มีเส้นสายฟ้าปรากฏในท้องนภาและพุ่งลงมายังผิวของแม่น้ำ ทําให้น้ำกระเด็กสูงไปกว่าสองเมตร กระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้ำและเข้าสู่ร่างกายของเซี่ยวเฉิน
การแสดงออกของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยน กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านผิวหนังของเขาได้ประทุขึ้นมามันดูเหมือนว่าเขาจะถูกไฟฟ้าช็อต แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลไปรวมกันที่คมกระบี่สีดําของกระบี่เงาจันทร์ เซี่ยวเฉินก้าวไปข้างหน้าและใช้คุณสมบัติของกระแสไฟฟ้าเพื่อโจมตีออกไปด้วยกระบี่ที่รวดเร็วของเขา
“ฟึบฟับ!”
แสงสีม่วงสูงสองเมตรที่เปล่งประกายไปด้วยสายฟ้าระเบิดออกมาท่ามกลางสายฝน ทําให้เม็ดฝนกลายเป็นไอน้ำในทันที กระแสหมอกกระจายออกไปและบดบังวิสัยทัศน์ไปครึ่งหนึ่งและสายฝนก็หยุดไปชั่วครู่หนึ่ง
“ยิ้ม!” มีเสียงฟ้าร้องขึ้นอีกครั้ง และคลื่นน้ำก็พุ่งสู่ท้องฟ้า เซี่ยวเฉินทะยายขึ้นไปในอากาศและลอยสูงขึ้นด้วยคลื่นน้ำอันรุนแรง
เซี่ยวเฉินรวมทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานกับสายฟ้าผ่าสวรรค์ เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับมังกรพุ่ง ทุกที่ที่เขาผ่านไปหยดน้ำฝนก็จะหายไปราวกับมันแห้งเหือด
ในพริบตาเดียวเซี่ยวเฉินก็พุ่งไปสูงกว่าหลายร้อยเมตร ด้วยความช่วยเหลือของทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานร่างของเขาก็หยุดอยู่กลางอากาศชั่วคราว
โดยปราศจากเวทย์แรงโน้มถ่วง สิ่งนี้เกือบจะเป็นเรื่องทีเป็นไปไม่ได้ การเปิดใช้งานเวทย์แรงโน้มถ่วงใช้เวลานานเกินไป; จึงทําให้ไร้ค่าในการต่อสู้ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงใช้มันในการหลบหนีเท่านั้น
“ฝุบ!”
ทันใดนั้นเขาก็หยุดลง ออร่าของเซี่ยวเฉินพุ่งขึ้นสูงสุดภายใต้แรงกดดันของออร่าฝนที่ตกลงมาก็ดูเหมือนจะช้าลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!”
“อัสนีฟาดฟัน!”
เซี่ยวเฉินตะโกนออกมาเบาๆ เสียงฟ้าร้องก็ดังมาจากด้านหลังเขา ออร่าของเขาน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ราวกับเทพสายฟ้าได้ลงมาเยือนโลกมนุษย์
“ปัง!”
ด้วยการยืมพลังของอัสนีฟาดฟัน เซี่ยวเฉินก็แทงกระบี่ลงไปที่พื้นผิวแบบ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่นี้ก็ได้ตัดผ่าสายน้ำราวกับเต้าหูจนแม่น้ำแยกออกไปครึ่งหนึ่ง โดยมีจุดตัดเป็นกําแพงสูงสามเมตรที่สร้างขึ้นจากสายน้ำทั้งสองด้าน
เมื่อเซี่ยวเฉินลงสู่พื้นผิวน้ำ กําแพงน้ำทั้งสองด้านก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แม้กําแพงน้ำเหล่านี้จะดูนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วมันมีพละกําลังถึง 500 กิโลเก็บเอาไว้; มันสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะจนเป็นเนื้อบดได้อย่างง่ายดาย
“อัสนีฟาดฟัน สอง ผ่าพันธนาการ!”
ด้วยความแข็งแกร่งสะสมที่เพิ่มขึ้นในการโจมตีทั้งสี่ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินจึงเร่งใช้อัสนีฟาดฟัน ผ่าพันธนาการ สอง ออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน มันจึงปรากฏออกมาในอากาศที่ว่างเปล่า
“ฮุ่ม!”
แรงเหวี่ยงปรากฏขึ้นในอากาศได้ดูดกําแพงน้ำที่กําลังรวมตัวกันอยู่ให้กลายเป็นต้นอ่อนวารีที่ผุดขึ้นบนริมแม่น้ำ
ด้วยการหมุนเวียนของต้นอ่อนวารีเป็นเวลานาน และดูดน้ำในแม่น้ำไปทั้งหมด จากนั้นไม่นาน เสาน้ำขนาดใหญ่ก็ได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำและมองไปที่เสาน้ำที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า เขาดูเหมือนจะไม่พอใจกับมัน เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในสภาวะหยั่งรู้เพื่อศึกษาทักษะการต่อสู้โบราณ
แม้อัสนีฟาดฟันจะพัฒนาไปสู่ระดับที่น่ากลัวมากกว่าเดิม แต่ก็ยังห่างไกลจากที่เขาหวังไว้, มันยังขาดไปอีกเล็กน้อย ทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเรียนรู้ยังไม่ได้ผสานกันอย่างสมบูรณ์ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา, ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังแฝงที่อยู่ในทักษะอัสนีฟาดฟันนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
มันไม่เหมือนทักษะการต่อสู้ระดับลึกลับ เพราะเขายังคงไม่สามารถเข้าใจหลักการที่อยู่ในนั้นได้อย่างสมบูรณ์ และเขาก็ยังไม่สามารถที่จะใช้ออกด้วย อัสนีฟาดฟัน ผ่าพันธนาการ สาม ได้; มันรู้สึกเหมือนกับว่าเขายังขาดบางสิ่งไปอยู่
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างขมขึ้นและถอนหายใจออกมาเบาๆ “ดูเหมือนว่ามันจะยากเกินไปที่จะเข้าใจทักษะกระบี่อัสนีฟาดฟันอย่างหมดจด ด้วยระดับพลังเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง
หลังจากพักไม่นานเซี่ยวเฉินก็จ้องมองออกไปในระยะไกล สายตาของเขามองทะลุผ่านสายฝนและหมอก เขามองไปที่ค่ายกลรวบรวมจิตวิญญาณระดับกลางที่อยู่บนยอดเขาสูงเหนือเมฆ จากนั้น เขาก็ใช้ออกด้วยเวทย์แรงโน้มถ่วงและบินไปในทิศทางนั้น
เมื่อผ่านไปนานและทะลุผ่านชั้นเมฆที่ไร้ที่สิ้นสุด เซี่ยวเฉินก็มาถึงยอดเขาอีกครั้ง และที่นี่ก็มีฝนตกเช่นเดียวกัน แต่ฝนที่ตกนั้นเป็นของเหลวที่ได้จากพลังงานจิตวิญญาณ
ภายในจุดศูนย์กลางของค่ายกลรวบรวมจิตวิญญาณ เสาแห่งแสงสีทองก็ยังคงโชติช่วงอยู่เช่นเดิม จิตวิญญาณต้นกําเนิดที่อยู่บนเรือสงครามก็ได้รับการฟื้นฟูเสร็จมานานแล้ว มันจึงไม่ต้องการพลังงานจิตวิญญาณช่วยในการรับทัณฑ์สายฟ้าอีกต่อไป
เซี่ยวเฉินเก็บขวดที่บรรจุพลังงานจิตวิญญาณขึ้นมาและใส่มันเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาล จากนั้น เขาก็เข้าไปในค่ายกลรวบรวมจิตวิญญาณและนั่งไขว้ขาเข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะพลัง เพราะเขาไม่ต้องการเสียพลังงานจิตวิญญาณไปอย่างสูญเปล่า
หยาดน้ำที่ควบแน่นจากพลังงานจิตวิญญาณในท้องฟ้าได้ มารวมตัวกันที่เซี่ยวเฉินในทันที และพลังงานวิญญาณอันไร้ขอบเขตก็หลั่งไหลเข้ามาในตัวของเขา
พลังงานจิตวิญญาณไหลอย่างเชี่ยวกรากภายในเส้นปราณของเซี่ยวเฉิน ความเร็วในการบ่มเพาะพลังในค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณนั้นรวดเร็วกว่าการบ่มเพาะพลังในถ้ำที่อยู่หลังน้ำตกเสียอีก เซี่ยวเฉินกลืนเม็ดยาอดอาหารอีกหนึ่งเม็ดและเริ่มหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า