Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์
กิ่งนี้จะต้องถูกหักมาจากต้นฟูซังพันธุ์ที่ด้อยกว่า ถึงกระนั้น มันก็ยังมีมูลค่าสูง เป็นเพราะมันเป็นต้นไม้ประเภทที่มีสติปัญญา:พวกมันเข้าใจถึงการบ่มเพาะพลัง
TL:ขอเปลี่ยนต้นชบาเป็นต้นฟูซังนะครับ คํานี้ทับไปเลยดีกว่า
หากมันเป็นต้นไม้เก่าแก่,มันอาจจะแข็งแกร่งกว่านักบ่มเพาะพลังทั่วไป ตามตํานาน,ต้นชบานี้มีความแข็งแกร่งถึงระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ
มันเป็นของดีถึงเพียงนี้ ทําไมถึงไม่มีคนซื้อมัน? เซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง หรือว่าราคาของมันจะสูงเกินไป?
“กิ่งนี้หักมาจากต้นหวี่ท่งอายุนับหนึ่งพันปี ข้าต้องการผลแดงอ่อน ข้าจะไม่ขายแต่จะแลกเปลี่ยนมันเท่านั้น หากไม่มีใครเสนอ, ข้าจะเก็บมันไว้ใช้เอง”
ต้นหวี่ท่ง,เปลือกของมันเป็นสีเขียวเหมือนหยก,ใบของมันเหมือนกับดอกไม้,มันสวย,สง่า,งดงาม,และบริสุทธิ์พลังงานจิตวิญญาณของมันราวกับกลั้นลงมาจากสวรรค์ตามตํานาน,เมื่อพวกมันผลัดใบ,ใบของมันจะกลายเป็นใบทองคําเปลว ว่ากันว่านกฟินิกซ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคโบราณจะไม่เกาะอยู่บนต้นไม้ใดยกเว้นแต่มันจะเป็นต้นหวี่ท่ง
แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับต้นฟูซัง,มันก็ยังเป็นต้นไม้วิญญาณที่มีชื่อเสียง หากว่ามันอยู่มานับพันปีจริง,มูลค่าของมันก็พอเทียบเท่ากันได้
ไม่เพียงแต่มันจะสามารถนํามาใช้สกัดเม็ดยาได้,ผู้ที่ซึบซับพลังงานจิตวิญญาณของมัน,มันสามารถยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้ หากนํามันมาสร้างเป็นเครื่องประดับสวมใส่ มันจะทําให้ผู้สวมใส่สงบลง,ส่งผลให้พวกเขาสําเร็จการบ่มเพาะพลังได้มากขึ้น
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่าคนผู้นี้อยากจะแลกมันกับผลอ่อนแดง,ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับควานหาสิ่งของในแหวนห้วงจักรวาลของเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็พบของที่เขาค้นหาวางหลบอยู่ตรงมุม
เซี่ยวเฉินรู้สึกเป็นสุขในใจ ตั้งแต่ที่เขาพบมันที่ตีนเขาชีเจี่ยว,เขาก็ไม่เรยได้ใช้มัน จนเขาเกือบจะลืมไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะได้หยิบมาใช้ในตอนนี้
“ข้าเสนอ 80 หินวิญญาณ เพียงพอที่จะซื้อมันหรือไม่?” มีคนเดินขึ้นมาและถามอย่างกระตือรือล้น
80 หินวิญญาณเพื่อซื้อกิ่งหวี่ท่งวิญญาณนับว่าราคาสูงมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม,ศิษย์ยอดเขาเปยเฉินคนนั้นส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่มีทาง,ข้าต้องการผลอ่อนแดงอย่างเร่งด่วนสําหรับการฝึกฝนของข้า ผลอ่อนแดงที่ยอดเขาสตรีหยกยังไม่สุกงอมดี ดังนั้นข้าจึงทําได้เพียงลองเสี่ยงโชคดี หากมันไม่มี,ข้าก็จะเก็บไม้วิญญาณหภู่ท่งนี้ไว้ใช้เอง”
พอคิดเกี่ยวกับมัน,เขาเป็นศิษย์แก่นกลางของยอดเขาเป่ยเฉิน,เขาย่อมไม่ขาดแคลนหินวิญญาณค่าสนับสนุนของศิษย์ แก่นกลางสูงกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปอย่างมาก เพิ่มด้วยภารกิจที่พวกเขาทําสําเร็จ,พวกเขามีหินวิญญาณเพียงพอให้ใช้
คนผู้นั้นรู้สึกไม่ยอมรับแต่ก็ทําได้เพียงส่ายหัวและเดินจากไป ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มจากไปเช่นกัน แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณอย่างผลอ่อนแดงจะไม่ใช่ของหายากนัก แต่มันใช้เวลากว่าสิบปีถึงจะสุกงอมเต็มที่ ผู้นั้นจะต้องโชคดีถึงจะได้มาสักผลหนึ่ง
มองดูฝูงชนเริ่มจางหายไป,ศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินผู้ที่ตั้งแผงลอยเผยสีหน้าผิดหวัง เขาลุกขึ้นเตรียมตัวเก็บของกลับ
เซี่ยวเฉินรีบตรงเข้ามาในทันที “รอก่อน,ข้ามีผลอ่อนแดง ข้าสงสัยว่าเราจะทําการแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่?”
เมื่อศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินได้ยินดังนั้น,เขาก็เป็นสุขขึ้นมาเขาพูดขึ้น “หากมันเป็นผลอ่อนแดงที่สุกงอม,ข้ายินดีที่จะเพิ่มหินวิญญาณให้อีกเล็กน้อย หากมันยังไม่สุกดีเจ้าต้องเพิ่มหินวิญญาณให้ข้า”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น เขาหยิบเอาผลอ่อนแดงที่อยู่ในแหวนห้วงจักรวาลออกมายืนตรงไป ผลอ่อนแดงที่มีกลิ่นหอมหวาน, พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นที่จู่โจมไปที่จมูก ผิวที่ใสราวกับกระจกของมันดูเหมือนมีแสงไฟอยู่ภายใต้
“ผลอ่อนแดงที่สุกงอมแล้ว! มันสุกงอมแล้วจริงๆ!” คนผู้นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ชื่อของข้าคือฟางหนิง ขอบใจเจ้ามากสําหรับผลอ่อนแดง ข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ”
ฟางหนิงรู้สึกเป็นสุขอย่างเหลือเชื่อ เขาได้ติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดมาเป็นเวลานานแล้ว นั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถทะลวงความก้าวหน้าของทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟของเขาขึ้นไปได้ ตอนนี้เข้าได้ผลอ่อนแดงมาเขามีความหวังที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ
เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ เซี่ยวเฉินรับเอาหินวิญญาณและไม้วิญญาณหภู่ท่งที่ฟางหนิงให้เขามา เขาเผยสีหน้าเป็นสุข
เซี่ยวเฉินกําลังมองหาไม้วิญญาณเช่นนี้อยู่พอดี อย่างไรก็ตาม,เขาก็มักจะจบลงด้วยไม่ได้อะไรแน่นอน นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม้วิญญาณส่งผลต่อคาถาสละชีพอย่างมาก แม้แต่เขาของสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นก็ไม่อาจทดแทนได้
หลังจากรับผลอ่อนแดงไป,ฟางหนิงเก็บแผงลอยและจากไปทันที เขาเร่งรีบที่จะออกไปจากตลาด
เซี่ยวเฉินหยุดเขาไว้และพูดขึ้น “พี่ชายฟาง,เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าพบต้นหวี่ท่งนี้ที่ไหน?”
ฟางหยิงหยุดลงและส่ายหัว เขากล่าวอย่างจริงใจ “น้องชาย,เป็นการดีกว่าที่เข้าจะไม่รู้ ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ข้าได้ไปที่แห่งนั้นพร้อมกับอาจาร์ของข้าและต้นไม้นั้นได้กลายเป็นมีจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว มันยากที่จะรับมือ”
หลังจากที่ฟางหนิงพูดจบ,เขาก็จากไปด้วยไม่หันกลับมามอง ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะเรียกเท่าไหร เขาก็ไม่หยุดเท้าลง
เซี่ยวเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาแหงนขึ้นไปมองบนท้องฟ้า,ตอนนี้มันเป็นสีแดงระเรื่อที่ทิศตะวันตก พระอาทิตย์ตกย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง,มันเริ่มค่ำมืดแล้ว
มันก็ยังคงเร็วเกินไปดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงตัดสินใจเดินสํารวจร้านค้าที่ตั้งขึ้นโดยศาลากระบี่สวรรค์เพื่อมองหาของดีๆ
ประมาณ 200 เมตรด้านหลังของเซี่ยวเฉิน,มีร่างที่จ้องมองมาทางเขาอย่างมุ่งร้าย คนผู้นี้คือคนที่อยากได้เขาของพยัคฆ์เขาเงินเมื่อก่อนหน้านี้
“ทําให้ข้าไม่อาจทําภารกิจของอาจารย์ได้สําเร็จ…ข้าสงสัยว่าเจ้าจะมีภูมิหลังเช่นไร เจ้าถึงกล้าฉกของที่ข้าต้องการไป”
เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาจึงขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เมื่อเขาเห็นร่างของผู้ที่กําลังลอบตามเขามา,เขาก็ยิ้มขึ้นและเดินต่อไป,ไม่ได้ไปใส่ใจ
มีคนอยู่เล็กน้อยในร้านค้าทางการ ห่างไกลจากคนที่พลุ่งพล่านในตลาดแผงลอยเสรี เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบอะไรที่เขาสนใจ
ของที่วางขายที่นี่ราคาสูงลิ่ว พวกเขาเก็บตุนสิ่งของเช่น,สมุนไพร,เม็ดยา,ทักษะต่อสู้,หรือทักษะบ่มเพาะพลัง คนอื่นอาจจะมีความสนใจพวกมันแต่ไม่ใช่กับเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินมีรากปัญญายุทธ:เขาสามารถลอกเลียนทักษะอะไรก็ได้ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ หากว่ามันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ที่หากยาอย่างแท้จริง,เขาก็ไม่ได้สนใจ สําหรับเม็ดยาและสมุนไพร,เขาอาจจะต้องการมันในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังแต่มันไม่ใช่สําหรับตอนนี้
เขาเพียงแค่ซื้อเม็ดยาขับพิษคุณภาพสูงสองสามเม็ดเอาไว้เผื่อในตอนที่เขาต้องใช้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรอีก เขาจากไปอย่างผิดหวัง
ดวงตะวันกําลังจะลับแสงในไม่ช้า เซี่ยวเฉินตั้งใจจะหาพื้นที่เงียบสงบเพื่อค้างคืน มันเป็นเพียงแค่คืนเดียว
เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ในตอนที่เขากําลังจะออกจากตลาด,มีร่างพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว,เจตนาจะหยุดเขาไว้ก่อนที่จะออกจากตลาด
เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นบางเบาและจับสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่ร่างนั้น มีมือยักษ์สีดําปรากฏขึ้นมาจากรวามว่างเปล่าและก็กําเป็นหมัด,จับตัวของคนคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา
เซี่ยวเฉินโบกมืออย่างสบายๆและคนคนนั้นก็ถูกโยนลอยขึ้นไปในอากาศ เขาลอยเป็นเส้นโค้งขนาดใหญ่และตกลงที่พื้นเสียงดังปัง มือยักษ์สีดํากับมือเป็นหมัดและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มันโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่อง,ทําให้คนคนนั้นกระอักเลือดออกมาและสลบไปก่อนที่มันจะหยุดลง
ตั้งแต่ต้นจนจบ,เซี่ยวเฉินไม่ได้หันกลับไปมอง เขาถอนมือกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว เป็นแค่คนชั่วอ่อนปวกเปียกยังกล้าที่จะมาขวางทางเขา ช่างบ้าบอ!
ภายในฐานส่องสวรรค์,ใต้ต้นไม้สูงที่ดูราวกับว่ามันได้ยืนค้ำท้องฟ้าเอาไว้,เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปที่ใบไม้ที่หนาแน่น เขาเผยสีหน้าพึงพอใจ,เขาจะพักค้างคืนที่นี่
เขาผลักเท้าดีดตัวขึ้นจากพื้นและกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เขาจัดทางท่าให้สบายและนอนลง เซี่ยวเฉินหยิบเอามีดแกะสลักและเขี้ยวของเสือเขี้ยวดาบออกมา,และจากนั้นเขาก็เตรียมลงมือแกะสลัก
เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าเสือเขี้ยวดาบหน้าตาเป็นเช่นไรเพราะเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาจึงไม่อาจสลักมันขึ้นมาใช้กับคาถาสละชีพได้ หากเขาใช้มันสลักเป็นราชันสิงโตทองคํา,วัสดุมันจะไม่ถูกต้อง
นอกจากนั้น,ขนาดของราชันสิงโตทองคํามันใหญ่โตเกินไป หากเขาฝืนใช้เขี้ยวอันนี้สลักขึ้นมาเป็นราชันสิงโตทองคํา,มันอาจจะเกิดข้อพกพร่องมันจะไม่คุ้มค่า
เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน,เซี่ยวเฉินวัดขนาดของเขาสัตว์อสูร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะแกะสลักลิงน้ำแข็งระดับ 5 แม้ว่าระดับของลิงน้ำแข็งจะไม่สูงมากนัก มันก็ง่ายที่จะควบคุมพลังปราณที่เผาผลาญน้อยลงไป
TL:ตรงนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงเขาของพยัคฆ์เงาเงินจากตอนก่อนหรือเปล่า เพราะ eng ตรงนี้ใช้เสือเขี้ยวดาบแถมยังใช้คําว่าเขี้ยวบางเขาบ้าง ไม่รู้ว่าหมายถึงตัวไหนกันแน่แต่ผมคิดว่าเป็นเขาของพยัคฆ์เขาเงินจากตอนก่อนครับ ไว้ถ้าเจออะไรอีกเดียวมาแก้ไขครับ
ลิงน้ำแข็งมีความแข็งแกร่งเพียงระดับขอบเขตนักบุญ อย่างไรก็ตาม,หากมีพวกมันจํานวนมาก,กําลังต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มขึ้นสูง หลังจากที่เขาตัดสินใจได้เขาก็ไม่ลังเล เขาเอนตัวลงบนลําต้นของต้นไม้และลงมือแกะสลัก
“โซว! โซว!”
เซี่ยวเฉินแทรกพลังปราณลงไปในมีดแกะสลัก เศษน้อยร่วงลงมาจากเขาสัตว์อสูรสีขาวอย่างรวดเร็ว เขานึกถึงรูปร่างของลิงน้ำแข็งพร้อมกับมือของเขาที่ขยับไปอย่างลื่นไหล
ฝีมือการแกะสลักของเซี่ยวเฉินเกือบจะไปถึงระดับสมบูรณ์ ผ่านไปครู่หนึ่งเลิงน้ำแข็งตัวเล็กที่ประณีตและสมจริงก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ใบหน้าของเขายิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเก็บรูปสลักลงไปในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นเขาก็แกะสลักต่อไป ในตอนที่แกะสลักได้เสร็จสมบูรณ์ห้าตัว,มันก็มืดค่ำเรียบร้อยแล้ว:ความมืดได้ปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์
เซี่ยวเฉินหยิบเอาไม้วิญญาณหภู่ท่งออกมาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่เขาจะเก็บกลับไปอย่างระมัดระวัง นี่เป็นสิ่งที่เขาได้มาอย่างไม่ต้องพยายามนัก เซี่ยวเฉินไม่อยากให้มันเสียเปล่า,มันอาจจะมีประโยชน์ในอานาคต
เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปในร่างของเขาอย่างช้าๆ พลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นโดยรอบซึบซับเข้ามาในร่างของเขา
ความหนานแน่นของพลังงานจิตวิญญาณภายในเทือกเขาหลิงหยุนช่างน่าดึงดูด,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง ไม่ต้องสงสัยว่าทําไมถึงมีคนไม่ยินยอมที่จะออกไป,บ่มเพาะพลังที่นี่ มันเทียบเท่าได้กับบ่มเพาะพลังอยู่ด้านล่างเทือกเขาถึงสามปี
พลังงานจิตวิญญาณหมุนเวียนในร่างของเขาหนึ่ง รอบใหญ่ในที่สุด,พวกมันก็เทลงไปในบริเวณจุดตันเที่ยนที่จิตวิญญาณยุทธของเขาสถิตอยู่ ภายในพื้นที่แปลกประหลาดนั้น
มันเทตกลงมาราวกับฝนที่สาดลงแม่น้ำที่เชี่ยวกราก
ในตอนที่เขายังเป็นจอมยุทธฝึกหัด,ต้นกําเนิดพลังปราณของเขาคือเมฆขาวสองสามก้อน ในตอนที่เขากลายเป็นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ,มันกลายเป็นสระน้ำใส ในตอนนี้เขาเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,มันกลายไปเป็นแม่น้ำเชี่ยวกราก
ในทุกครั้งที่เขาเชื่อนระกับการบ่มเพาะพลัง, พลังงานจิตวิญญาณหนานแน่นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมันช่างน่าสะพรึง เซี่ยวเฉินรู้สึกตกตะลึงและเป็นสุขทุกครั้ง
ภายในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,ไม่มีใครแข่งกับเขาได้ในเรื่องของปริมาณพลังปราณ นอกจากนั้น พลังปราณของเขายังบริสุทธิ์กว่าของนักบ่มเพาะพลังทั่วไป,มันแข็งแกร่งกว่า
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะลองค้นหาเกี่ยวกับมัน มันก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรทําให้เป็นเช่นนี้
สิ่งที่เขาแน่ใจได้คือมันไม่ใช่ผลมาจากทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงแค่ทักษะบ่มเพาะพลัง ตามบทสรุปของตําราบ่มเพาะพลัง,มันจะไม่เกิดปรากฏการณ์แบบนั้นขึ้น
หากต้องการค้นหาเหตุผลจริงๆ เขาคงต้องเริ่มจากเจ้ามังกรฟ้าที่กําลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม,การสืบทอดมังกรฟ้าได้ถูกตัดขาดจากตระกูลเซียวไปเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหาข้อมูลของจุดสิ้นสุดนั้น
บางทีเฟิงเฟยเสวีย.ผู้ที่อยู่ในเมืองหลวง,อาจจะรู้ได้ว่าทําไม อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะไปที่แห่งนั้นในตอนนี้ เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาจึงไม่อาจเสียเวลาไปคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป เซี่ยวเฉินปรับความคิดของเขาและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังอีกครั้ง
เมื่อแสงแรกของยามเช้าส่องทะลุหมู่ไม้และฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน,เขาลืมตาขึ้นทันที เขาสูดหายใจเข้ายาว:การบ่มเพาะพลังตลอดทั้งคืนได้ยกระดับจิตใจของเขาขึ้นถึงขีดสุด
พลังงานของเม็ดยาหวนคืนโลหิตได้ซับซับเข้าร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับมาจากเมื่อวานได้ฟื้นฟูจนหายสนิท พลังกายของเขาได้กลับสู่สถานะสูงสุดเช่นกัน
“ฟุ่วฟิ่ว!”
ทันใดนั้น,เหรียญไม้ที่เอวของเซี่ยวเฉินก็เริ่มสั่นไหวไม่หยุด มันบินออกมาพร้อมกับเสียง “แว้ง” เซี่ยวเฉินเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร คนของโถงคุณความชอบได้ส่งสัญญาณให้เขามันได้เวลาไปแล้ว
“ปัง”
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงไป,ร่างเล็กกระทัดรัดได้กระโดดลงมาจากยอดต้นไม้ใหญ่ คนผู้นั้นเหยียดตัวและมองกลับมาที่เซี่ยวเฉิน,ส่งยิ้มให้กับเขา หลังจากนั้น,คนผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่ซึ้งกเหมือนกับเขาและขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันทั้งคืน เขาดุด่าตัวเองที่ประมาทเลินเล่อ หากคนผู้นั้นมีเจตนาร้าย,เขาคงตกอยู่ในอันตราย