Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 187 มู่ซินหยาที่แปลกไป
ตอนที่ 187 มู่ซินหยาที่แปลกไป
นางกําลังทําอะไร? ทิ้งเหรียญแสดงตนไว้ที่นี่,ตําแหน่งของนางจะถูกปิดซ่อนจากแผนที่ นางกําลังทําอะไรบางอย่าที่ไม่อาจบอกคนอื่นได้?
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา,เซี่ยวเฉินไม่พบมู่ซินหยาแม้แต่ครั้งเดียว ในตอนที่เขากลับมาที่ห้อง แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกประหลาด,เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจมากนัก
ทุกคนล้วนแต่มีความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้เหมือนกับตัวเขาเอง;เขาจะออกไปฝึกฝนทักษะกระบี่ของเขาทุกคืนที่ผ่านมาเป็นเวลานานก่อนที่จะกลับถึงห้อง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับที่นางหายตัวไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนางทิ้งเหรียญแสดงตนและเหรียญภารกิจเอาไว้,สถานการณ์มันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เห็นชัดว่านางได้ออกไปทําอะไรลับๆล่อๆ
ความคิดของเซี่ยวเฉินโลดแล่น,ข้าได้อาศัยอยู่กับนางมาเป็นเวลานาน ข้าต้องหาให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มิฉะนั้น,หากว่านางมีเจตนาร้าย,ข้าอาจจะติดรากแห่ไปด้วยเช่นกัน
คิดได้ดังนั้นเซี่ยวเฉินก็ขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เขาเริ่มค้นหามู่ซินหยาที่อยู่ภายในเหมืองแห่งนี้
แม้ว่าจะคนหาซ้ําไปหลายครั้งเขาก็ไม่เจออะไร เซี่ยวเฉินขยายพื้นที่สํารวจของเขาออกไป และเขาก็พบบางอย่าง หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พบมู่ซินหยาที่อยู่ในอุโมงค์ทางตันแห่งหนึ่ง
ตรงข้ามของมู่ซินหยาคือชายร่างสูงใหญ่ประมาณสองเมตร เซี่ยวเฉินควบคุมสัมผัสวิญญาณของเขาขยับเข้าไปอย่างระวัง และเขาก็เห็นว่าชายคนนั้นคือใคร เขาอุทานขึ้นอย่างอดไม่ได้ “หัวหน้าสี่! นางมาทําอะไรกับมู่ซินหยา?”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว แต่เซี่ยวเฉินไม่เคยได้ยินภาษานี้มาก่อน;เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทั้งสองกําลังพูดคุยอะไรกันอยู่ ท้ายที่สุด ทั้งสองคนก็เริ่มมีปากเสียงกัน:มู่ซินหยามีสีหน้ากระวนกระวายอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขากําลังพูดคุยอะไรกัน,เขาพอจะคาดเดาความเกี่ยวข้องของทั้งสองได้,จากท่าทางของพวกเขา พวกเขาไม่น่าจะเป็นเจ้านายกับคนรับใช้มันดูเหมือนพวกเขากําลังต่อรองอะไรบางอย่าง
หัวหน้าไม่พอใจกับราคาที่มู่ซินหยาเสนอให้,ราคามันต่ําเกินไป มู่ซินหยาก็ไม่พอใจมากเช่นกัน จากท่าทางของนาง,นางน่าจะกําลังดุด่าเขาที่ไม่สามารถรักษาข้อตกลงได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง,มู่ซินหยาและหัวหน้าลี่ก็แยกกันไป จากนั้นนางก็มุ่งหน้ากลับมาที่ห้องหินอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินรับถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและวางเหรียญแสดงตนของมู่ซินหยากลับไว้ที่เดิม หลังจากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงของตัวเองและแสร้งทําเป็นนอนหลับ
ในเช้าของวันต่อมา,ภายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้
“บูม!” เซี่ยวเฉินแทงทะลุหัวใจของซากศพด้วยกระบี่ของเขา มู่ซินหยาเคลื่อนตัวมาด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว กระบี่ทั้งสองของนางไขว้กันในอากาศและฟันหัวของซากศพขาดกระเด็น
“ฟู!” เซี่ยวเฉินดึงกระบี่และถอนกลับ เขายังคงดึงความสนใจของซากศพต่อไป มู่ซินหยาตามเข้ามาจากข้างหลัง,และมีเรื่องของกระบีแสงแขนของซากศพถูกตัดขาดกระเด็น
ไม่นานนัก,ซากศพระดับต่ําก็ตกตายลงด้วยมือของพวกเขา
“พี่ชายเย่,ใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้น การประสานงานของพวกเขาพัฒนาขึ้น” มู่ซินหยายิ้มไปที่เซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาโดยไม่ได้พูดอะไร สิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนมันทิ้งเงาไว้ในใจของเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เซี่ยวเฉินจะทําได้ก็มีเพียงตื่นตัวเข้าไว้ เขาต้องแกล้งทําเป็นไม่มีอะไรเพื่อที่จะไม่ตีหญ้าให้งตื่น
“ระวัง!” ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็หน้าซีด
เขาพุ่งตรงเข้าไปและปล่อยหมัดออกไปทางมู่ซินหยา สายลมรุนแรงจากกําปั้นของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของนาง พร้อมกับซัดซากศพที่อยู่ด้านหลังของนาง
ไม่รู้ได้ว่ามีซากศพปืนออกจากดินขึ้นมาด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อไหร มันใช้จังหวะที่พวกเขากําลังพูดคุยพุ่งตัวเข้าใส่มู่ซินหยา
เพียงชั่วอึดใจที่เซี่ยวเฉินตะโกนให้ “ระวัง” เป็นจังหวะที่หมัดของเขาซัดเข้าที่หัวของซากศพ
ร่างกายของเซี่ยวเฉินแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้เขาเรียกกําลังทั้งหมดไปที่กําปั้นและซัดเข้าที่หัวของซากศพเละเป็นข้าวต้ม
การตอบสนองของมู่ซินหยาก็รวดเร็ว นางหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วและมีแสงฉายอยู่บนกระบี่ทั้งสองของนาง นางตัดร่างของซากศพขาดครึ่งอย่างรวดเร็ว
มันเป็นซากศพระดับต่ํา หลังจากที่พวกเขาตอบสนองถึงมัน,พวกเขาก็จัดการมันลงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับบทเรียนนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าประมาทอีกต่อไป พวกเขาเริ่มตรวจสอบพื้นที่โดยรอบของพวกเขาอย่างละเอียดและทําให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนที่จะผ่อนคลายลง
มู่ซินหยายิ้มอย่างซาบซึ้งไปที่เซี่ยวเฉิน “พี่ชายเย่,เจ้าช่วยข้าเอาไว้อีกแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี”
เซี่ยวเฉินโบกมือไปมา “ข้าจะพูดเหมือนเดิมกับครั้งก่อนพวกเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน,ข้าอาจจะต้องให้เจ้าช่วยเหลือในครั้งต่อไป”
มู่ซินหยายิ้ม “พี่ชายเย่,ข้ายินดีที่ได้ยินเช่นนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น,ข้าจะเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าต่อสู้เพื่อหาโอกาสตอบแทน”
ในจังหวะนั้น,มู่ซินหยามีสีหน้าดีเดือดบนใบหน้าของนาง เหมือนกับเป็นเพื่อนที่น่ารักข้างบ้าน เซี่ยวเฉินพบว่ามันยากที่จะเชื่อมโยงนางกับหญิงสาวที่พูดคุยกับหัวหน้าสี่ในคืนก่อน
พวกเขาทั้งสองลาดตะเวนต่อไป เมื่อพวกเขามาถึงพื้นที่ที่หัวหน้าสี่อยู่เซี่ยวเฉินจงใจยื้อให้อยู่นานขึ้นเล็กน้อย
หัวหน้าทําอย่างที่เขาเคยทําในครั้งก่อนเขาวางสิ่งที่กําลังทําอยู่และทักทายพวกเขาทั้งสอง “ทักทายคุณชายและคุณหญิง”
เซี่ยวเฉินใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบร่างของเขาอย่างละเอียด เหมือนกับครั้งก่อน,ไม่มีจิตวิญญาณยุทธในร่างของเขา เขาดูเหมือนกับคนธรรมดา
เซี่ยวเฉินช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหัวหน้าสี่ ดวงตาของเขาดูสดใสกว่าคนเหมืองคนอื่นๆ
ในอดีต,เซี่ยวเฉินอาจจะอธิบายได้ว่าเขา เป็นคนมองโลกในแง่ดี,ไม่เหมือนกับคนเหมืองคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม,หลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่เชื่อเช่นนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติ ไม่ว่าเขาจะมองจากมุมไหน,เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ทํางานอย่างหนัก
“ผู้น้อยผู้นี้จะทํางานต่อไปไม่ขอรบกวนคุณชายกับคุณหญิง” หัวหน้าลี่ขอตัวกลับไปหลังจากที่ทักทายพวกเขา
ใช้จังหวะในตอนที่มู่ซินหยาไม่ได้สนใจ,เซี่ยวเฉินทันใดนั้นก็ผลักคนเหมืองที่กําลังเข็นรถเข็น คนผู้นั้นเสียสมดุลในทันที,และรถเข็นก็ล้มลง,หล่นไปทางหัวหน้าสี่
“บึ้ม!”
แร่ดิบหินวิญญาณทั้งหมดในรถเข็นตกลงมา รถเข็นล้มลงทับหัวหน้า คนเหมืองที่อยู่โดยรอบตรงเข้ามาและช่วยเหลือหัวหน้าสี่ออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซินหยาหันกลับมาและถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร แค่อุบัติเหตุทั่วไป ไปกันเถอะ” เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง หัวหน้าสี่เหมือนเป็นคนธรรมดา เมื่อเขาโดนจู่โจมแบบฉับพลัน,เขาไม่ได้เผยอะไรออกมาเกินกว่าสิ่งที่คนธรรมดาจะทําได้
เหมืองวิญญาณ,ชั้นที่แปด,กองบัญชาการ
ผู้บ่มเพาะพลังที่กําลังตรวจสอบการหายตัวไปของคนเหมืองพูดกับเย่เหวิน “ผู้อาวุโสเย่,พวกเรายังคงไม่พบเหล่าคนเหมืองที่หายไปตัวไป นอกจากนั้น คนเหมืองของชั้นนี้ยังคงหายตัวไปทุกวัน อย่างไรก็ตาม,มันไม่ได้หายไปครั้งละหลายคน,มันไม่ใช้การอุปทานหมู่”
เย่เหวินกล่าวอย่างเฉยเมย “ทําการสืบสวนต่อไป จัดตารางจํานวนคนที่หายไปทั้งหมด จากนั้น,รายงานข้าทุกวัน”
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วภายในเหมืองแห่งนี้ ในพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ เซี่ยวเฉินมาอยู่ที่นี่เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว
กิจกรรมของเขากลายเป็นกิจวัตรประจําวัน เขาลาดตะเวนในตอนกลางวันและขัดเกลาทักษะกระบี่, ละสับวายุใส่ของเขาในตอนกลางคืน เขาได้ฝึกฝนสับวายุใส่ไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น
เมื่อเขาชักกระบี่ออกมา,เขาไม่สามารถปิดซ่อนเจตนาฆ่าฟันของเขาไว้ในสายลมเย็นได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ให้รั่วไหลออกมา เขาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลาง
นอกเสียจากมันจะเป็นวันคืนที่น่าเบื่อ, มันก็ค่อนข้างสงบ ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาไม่สามารถบ่มเพาะพลังของพวกเขาได้ ก่อนที่เขาจะมาทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้มาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นสูงสุดของชั้นที่สามเรียบร้อยแล้ว
แต่เดิมเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะทะลวงขึ้นไปชั้นที่สี่ภายในเดือนนี้ยกระดับเพลิงแท้อัสนีม่วงของเขาขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถปรับแต่งสมบัติเวทมนต์ของเขาได้อย่างแท้จริง
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เขาสามารถทําได้เพียงสิ่งที่เขาทําได้ไว้เขาจะจัดการมันหลังจากที่เขากลับออกไป
ในวันนี้ เซี่ยวเฉินและมู่ซินหยาเตรียมตัวที่จะออกไปลาดตะเวนตามปกติ อย่างไรก็ตาม,เย่เหวินก็นําบุคคลที่ไม่คาดคิดเข้ามาหาพวกเขา
“นี่คือม่าเฉิน;พวกเจ้าต้องเคยพบเขามาแล้ว มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในภารกิจของเขา ดังนั้นเขาจึงมาทํางานต่อที่นี่” เย่เหวินกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่คนข้างหลังของเขา
ม่าเฉินคํานับมือและทักทายพวกเขา “พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฐานส่องสวรรค์,ก่อนที่จะลงมาที่เหมืองแห่งนี้ เขาได้แบ่งปันประสบการณ์ของเขากับทุกคน เซี่ยวเฉินประทับใจกับเขามากกว่าคนที่เหลือ
เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นถึงทําให้เขาถูกส่งจากชั้นที่ต่ํากว่ามาที่นี่? แล้วพวกที่เหลือไปไหน? ทําไมถึงมีเขาแค่คนเดียว? หัวใจของเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย
เย่เหวินจากไป ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะได้พูดขึ้น,มู่ซินหยา ถามขึ้นอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ม่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? แล้วศิษย์พี่คนอื่นๆอยู่ที่ไหน?”
ม่าเฉินเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตอบกลับ “ตายทั้งหมด พวกเขาขุดได้แร่ดิบหินวิญญาณระดับสูง,และราชันย์ซากศพก็ปรากฏตัวขึ้นมา”
“พวกเราสองสามคนบังเอิญผ่านไป ราชันย์ซากศพมันได้ ดูดซับหินวิญญาณระดับสูงมาหลายปี มันสามารถใช้ทักษะต่อสู้จากตอนที่มันยังมีชีวิตได้ นอกจากนั้น,มันยังมีสติปัญญาสูง”
หินวิญญาณระดับสูง มีความตกตะลึงในหัวใจของพวกเขา สําหรับเส้นโลหิตวิญญาณที่ผลิตหินวิญญาณระดับสูงออกมาได้ มันก็น่าตกตะลึงแล้ว
ทุกยุคสมัยตั้งแต่ยุคโบราณ,พลังงานจิตวิญญาณภายในทวีปเทียนหวี่มีแต่จะเบาบางลง ในเวลานี้ แม้แต่อาณาจักรต้าจิน,ที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นที่สุดก็ไม่สามารถเทียบได้กับยุคนั้น
สําหรับอีกสี่อาณาจักร,พลังงานจิตวิญญาณของพวกเขาเบาบางยิ่งกว่า มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแล้วที่มีหินวิญญาณระดับกลางปรากฏขึ้นมา
มันเป็นเรื่องไม่คาดไม่ถึงที่จะมีแร่ดิบหินวิญญาณระดับสูง ปรากฏขึ้นที่เส้นโลหิตวิญญาณของศาลากระบี่สวรรค์ มูลค่าของหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนมันเทียบเท่าได้กับหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันก้อน
อย่างไรก็ตาม หากมีคนอยากจะแลกเปลี่ยน,ย่อมไม่มีใครยินดีที่จะแลก พวกมันหายากจนเกินไป พลังงานภายในมันกว้างใหญ่และบริสุทธิ์แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหรือขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธกูถูกมันดึงดูดมาได้
ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,หากเขาสามารถหาทักษะบ่มเพาะที่เหมาะสมได้ ด้วยการดูซับหินวิญญาณระดับสูงเขาสามารถยกระดับขึ้นไปเป็นขอบเขตนักบุญได้ทันที นอกจากนั้น,มันยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังในอนาคต
เซี่ยวเฉินดึงสติกลับมาและถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? พวกเขาสามารถแย่งชิงแร่ดิบหินวิญญาณระดับสูง มาจากราชันย์ซากศพได้หรือไม่? เจ้าสังหารราชันย์ศากศพลงได้?”
ม่าเฉินตอบกลับ “ราชันย์ซากศพมีความแข็งแกร่งเกือบจะเทียบเท่าระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ นอกจากนั้น,ร่างกายของมันก็แข็งราวกับโลหะ นักบ่มเพาะพลังทั่วไปไม่สามารถทําให้มันบาดเจ็บได้ พวกเขาใช้มือกระบีระดับสูงสุดสิบคนจากค่ายกระบี่สวรรค์ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังสามารถหลบหนีไปได้ในท้ายที่สุด แต่กระนั้น,พวกเขาก็ฉวยแร่ดิบหินวิญญาณมาไว้ได้”
เซี่ยวเฉินและม่าเฉินไม่ได้สังเกตเห็นว่าเมื่อม่าเฉินกล่าวถึงราชันย์ซากศพที่ยังไม่ตาย,มู่ซินหยามีสีหน้าประหลาด
ม่าเฉินกล่าวต่อไป “ข้าอิจฉาพวกเจ้าทั้งสอง ชั้นที่แปดขี้นชื่อเรื่องความสงบ ไม่เคยมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าถูกส่งเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”