Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน
ตอนที่ 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน
ข้าได้ยินมาว่าศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่า นเหริน,กระบี่เร็วหลินเฟิง,กล่าว่าตราบใดที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ เขาจะมาตัดสินกับเซี่ยวเฉิน
“ข้าเห็นศิษย์ยอดเขาว่านเหรินออกไปสองสามคนเมื่อ ครู,พวกเขาจะต้องไปแจ้งหลินเฟิง มันน่าจะมีการแสดงดีๆ ให้ชมเร็วๆนี้”
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะได้ยิน,เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก ตราบใดที่ไม่มีผู้อาวุโสลงมาเคลื่อนไหว:เขามั่นใจว่าสามารถรับมือกับศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์ได้
เป็นสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งกีดขวาง” ที่จะมาเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ให้กับเซี่ยวเฉิน สําหรับชายชราผู้นี้,เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะปกปิดสถานะของเขาไว้เช่นนี้ เขาดูต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง
ใบหน้าของชายชราดูราวกับบ่อน้ําโบราณ,ไม่มีละลอกคลื่น หลังจากที่พวกเขามาถึงที่ห้องโถงใหญ่เขาก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเรามาถึงแล้ว ที่นี่คือโถงจัดอันดับ เขาสามารถมองหาอันดับของตัวเจ้าได้ที่นี่”
ห้องโถงแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่และที่ตรงกลางมีกระดานไม้อายุสิบบาน แต่ละกระดานมีกลุ่มคนยืนมุงอยู่ด้านหน้า พวกเขาบ้างก็ส่ายหัวถอนหายใจหรือบ้างก็มองดูตื่นเต้นสีหน้าแตกต่างกันไป
ชายชรานําทางเซี่ยวเฉินถึงถึงกระดานไม้บานสุดท้าย เมื่อกลุ่มคนมองเห็นชายชราผู้นี้,พวกเขาเปิดทางโดยทันที เซี่ยวเฉินสังเกตเห็นว่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดรอบกระดานไม้บานนี้มีสีหน้าดูไม่ดีนัก
“ศาลากระบี่สวรรค์มีสานุศิษย์ทั้งหมด 5,000 คน ตัวเลขนี้เป็นจํานวนตายตัว สานุศิษย์ทั้ง 5,000 มีการจัดลําดับรายชื่อบนกระดานแผ่นนี้คือสานุศิษย์ชั้นใน 500 ลําดับสุดท้าย หลังจากสงครามจัดอันดับในตอนสิ้นปี,สานุศิษย์ 500 คนนี้จะถูกถอนชื่ออกจากสถานะศิษย์ชั้นใน” ชายชราอธิบายให้เซี่ยวเฉินฟัง
เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าทําไมสานุศิษย์ที่รวมตัวกันที่กระดานไม้บานนี้ถึงได้ดูเศร้าสลดนัก มันเป็นเพราะระบบการจัดลําดับของศาลากระบีสวรรค์ พวกเขาจะถอนชื่อสถานะศิษย์ชั้นใน 500 คนในทุกปี
เซี่ยวเฉินมองไปที่กระดานไม้ กระดานไม้มีทั้งหมดสิบแถวและแต่ละแถวมีเหรียญไม้ห้าสิบอัน แต่ละเหรียญเป็นตัวแทนของสานุศิษย์แต่ละคน
บนเหรียญไม้,มีชื่อของเหล่าสานุศิษย์ ,ระดับขอบเขตพลัง,ยอดเขา และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ เซี่ยวเฉินกวาดตามองอยู่ครู่ก่อนที่จะมองเห็นเหรียญไม้ของเขา
เหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินอยู่ในตําแหน่งโดดเด่นเป็นสง่า ท้ายสุดของแถวที่สิบ นั่นหมายความว่าสานุศิษย์ทั้ง 5,000 คน,เขาอันดับต่ําสุด คําว่ายอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ําเขียนอยู่บนเหรียญ
ผู้อาวุโสระดับสูงของโถงคุณความชอบดึงเหรียญของเซี่ยวเฉินออกมาและเหรียญไม้ทั่วทั้งกระดานก็ขยับในทันที เหรียญทั้งหมดบนกระดานไม้ขยับถอยหลังไปหนึ่งช่อง
ชายชราเก็บเอาเหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินและเดินไปที่กระดานไม้บานอื่น,วางไว้ที่ตําแหน่งสุดท้ายของแถวสุดท้าย
ลําดับของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นมา 500 อันดับในครั้งเดียว ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่น พวกเขาไม่เคยเห็นใครขึ้นมาทีเดียว 500 อันดับมาก่อน
“ไม่ยุติธรรม,ข้าทํางานอย่างหนักเพื่อภารกิจนิกายและสะสมความแข็งแกร่งของข้า กระนั้นเข้าก็เพิ่มขึ้นมาเพียงสิบอันดับภายในเดือนนี้ ทําไมเขาถึงได้กระโดดไปทีเดียว 500 อันดับ”
“ใช่แล้ว ข้าใช้เวลาหลายเดือนฝึกฝนอย่างขมขื่นแต่ข้าสา มารถขึ้นไปได้เพียงสิบอันดับเท่านั้น ข้าเคยเลื่อนอันดับที่ เดียวมากสุดก็สิบอันดับ เขาเลื่อนไปทีเดียว 500 อันดับได้อ ย่างไร?”
สีหน้าของชายชราไม่เปลี่ยนแปลง เขาค่อยหันกลับมามองดูที่ฝูงชน ทุกคนหยุดพูดพล่อยและกลายเป็นเงียบสงัดในทันที
“หากเจ้าอยู่ 500 อันดับสุดท้ายและสามารถสําเร็จภารกิจระดับสูงได้พร้อมกับปารประเมินที่ยอดเยี่ยมในภารกิจแรกของเจ้า,เจ้าสามารถเลื่อนได้ที่เดียว 500 อันดับ”
ฝูงชนในที่สุดก็นึกขึ้นได้โถงจัดอันดับมีกฏอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นไม่ได้สําหรับพวกเขาที่จะรับภารกิจระดับสูง สิ่งที่พวกเขาพบเจอมีเพียงอันตราย มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการประเมินยอดเยี่ยม
ดังนั้นเป็นเวลานานมาแล้วไม่มีใครภายในศาลากระบี่สวรรค์เลื่อนอันดับด้วยวิธีนี้ เป็นเหตุว่าทําไมฝูงชนถึงขุ่นเคือง
เซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจเลยสักนิด สําหรับเขา,ศาลากระบี่สวรรค์เป็นเพียงทางผ่าน หลังจากที่เขาร่ําเรียนฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน,เขาจะจากไปในทันที เขาไม่มีความคิดที่จะอยู่ยาว
ทวีปเทียนหวี่มีขนาดกว้างใหญ่และเซี่ยวเฉินได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับทวีปมานานแล้ว บางที,ศาลากระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่งภายในอาณาจักรต้าฉัน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของทั้งทวีปหรือแม้กระทั้งของทั้งโลก
ด้านนอกของทวีปเทียนหวี่ยังคงเป็นมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต มันบ่งบอกว่ามีเกาะมากมายนับไม่ถ้วนตรงข้ามมหาสมุทรอันไร้อขอบเขต ยังมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมากมายที่นั้น คิดได้เช่นนี้ ศาลากระบี่สวรรค์เปรียบเทียบไม่ได้ นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจสถานะศิษย์ชั้นในของเขามากนัก
“ใช่ๆ,ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทํา เจ้าค่อยๆเรียนรู้กฏอื่นๆไป” ชายชราพูดอย่างเฉยเมย
ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองเซี่ยวเฉินอย่างลึกซึ้งและพูดขึ้น “ข้าจะขอทิ้งคําสุดท้ายเอาไว้ อย่าได้ลับคมกระบี่จนเกินไป, อย่ากัดมากเกินกว่าจะเคี้ยวไหว,หรืออย่าตั้งเป้าสูงจนเกินไป ศาลากระบี่สวรรค์ที่คงอยู่มาได้เป็นเวลานานแสนนาน มันไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด”
“สิ่งนี้ที่เรียกว่า “อัจฉริยะ ,อยู่ที่นี่มีไม่น้อย อย่าปักใจของเจ้าไว้บนฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลา มองดูที่ขุนเขานี้อย่างละเอียด,มันยิ่งใหญ่กว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”
เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีด ชายชราผู้นี้เพียงให้คําเตือนง่ายๆแก่เขา แต่มันเหมือนกับว่าเขาสามารถมองทะลุความคิดของเขาได้
คําของชายชราทําให้เซี่ยวเฉินคิด อย่าปักใจเจ้าไว้บนท้องฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลาเขากําลังว่าข้าหยิ่งผยองเกินไป?
ไม่สําคัญ,มามองดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากเซี่ยวเฉินเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะจากไปในทันที ทุกการเดินทางเริ่มที่ก้าวแรก
เซี่ยวเฉินเดินไปที่กระดานบานแรก,สานุศิษย์ชั้นใน 500 อันดับแรกในศาลากระบี่สวรรค์จัดเรียงกันอยู่ที่นี่ กระดานไม้ดูเหมือนกับกระดานบานอื่น มีทั้งหมดสิบแถวแถวละห้าสิบคน อย่างไรก็ตาม,ที่ด้านหลังของกระดานมันต่างออกไป มีชั้นสีทองคําทาอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนเพื่อจะให้เป็นเกียรติแก่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม, 500 อันดับแรกก็สมควรได้รับเกียรตินี้ เมื่อผู้นั้นเห็นชื่อของพวกเขาเขียนอยู่,พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจ
การเอาตัวรอด,มันเป็นกลไกการแข่งขันที่ดีมาก มันเป็นวิธีที่ดีในการรักษาผู้มีฝีมือเอาไว้ เซี่ยวเฉินชื่นชมระบบการจัด อันดับนี่เล็กน้อย
มองขึ้นไป,ชื่อของผู้ที่อยู่บนสูงสุดสิบอันดับแรกเป็นสีแดงก่ำ,ราวกับเลือด พวกเขาโดดเด่นเป็นสง่า สิ่งที่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจก็คือทั้งสิบคนไม่ได้เป็นศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์
เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าพวกเขามาจากยอดเขาหรือระดับขอบเขตพลังอะไร ข้อมูลมีเพียงแค่ชื่อ พวกเขาไม่ถูกระบุตัวตน มันดูลึกลับ
เป็นไปได้ว่าสานุศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในศาลากระบี่สวรรค์ไม่ใช่ผู้สืบทอดที่แท้จริง? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขามองลงมาเรื่อยๆอย่างละเอียดและพบชื่อของผู้สืบทอดที่แท้จริงหลังจากอันดับที่ห้าสิบ
ผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาว่านเหริน,หวังฉินเอี้ยน เขาคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น แม้แต่ในผู้สืบทอดที่แท้จริงทั้งหมดเขาก็ถูกจัดอันดับไว้ที่ห้าสิบ เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เซี่ยวเฉินก็ตัดสินใจที่จะหาอันดับของผู้ที่ถูกเรียกว่า “กระบี่เร็วหลินเฟิง”
เซี่ยวเฉินมองหาต่อไปและในที่สุดก็พบชื่อของหลินเฟิงอยู่ในแถวที่สาม ศิษย์แก่นกลางยอดเขาว่านเหริน,ระดับขอบเขตนักบุญขันสูง อันดับสองแห่งยอดเขาว่านเหรินอยู่เพียงอันดับประมาณหนึ่งร้อย
การจัดอันดับบนกระดานบนมันเป็นอย่างไร? ทําไมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง? เซี่ยวเฉินเริ่มสงสัย
“เย่เฉิน!” บ้างคนด้านหลังเซี่ยวเฉินเรียกชื่อของเขาออกมาขณะที่เขากําลังครุ่นคิด เมื่อเขาหันกลับไป,เขาพบว่านั้นคือม่าเฉิน,หนึ่งในผู้ที่เข้าไปทําภารกิจนิกายในเหมืองวิญญาณเช่นเดียวกับเขา
เมื่อม่าเฉินเห็นเซี่ยวเฉินหันมา, เขาเดินตรงเข้ามาอย่างเป็นสุข เขาพูดขึ้น “เป็นเจ้าจริงๆ! ศิษย์น้องเยู่เฉิน,ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามากว่าหนึ่งเดือน ข้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเขา,เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เขาอธิบายว่าทําไมถึงต้องทําให้เขาหมดสติในวันนั้นและไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร
ม่าเฉินโบกมือและพูดขึ้น “ไม่ต้องไปพูดถึง,ข้าเข้าใจสถานการณ์ ว่าก็ว่าเถอะ,เจ้ามีคนหนุนหลังแข็งแกร่งเพียงใด ท่านเจ้าศาลาน้อยถึงกับส่งคนลงไปตามหาเจ้า”
เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าก็รู้ถึงเรื่องนี้? มีใครรู้เกี่ยวกับมันอีกบ้าง?”
ม่าเฉินสายหัว “ไม่น่าจะมีใครอีก ข้าโผล่ตัวเองออกมาประมาณครึ่งเดือนก่อน ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณ ข้าหลบอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน
ทั้งสองพูดคุยกันต่อครู่หนึ่งและเซี่ยวเฉินเข้าใจขึ้นเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาจากไป เรื่องที่เกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณได้ไม่แพร่งพรายออกไป ทุกอย่างในศาลากระบี่สวรรค์ดําเนินไปอย่างปกติ
ไม่มีคนนอกที่รู้ว่าหนึ่งเดือนก่อน มีเรื่องร้ายแรงได้เกิดขึ้น ที่ใต้เท้าของพวกเขาที่มันอาจจะนําพาให้ศาลากระบี่สวรรค์ล่มสลาย
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกขึ้นได้,ม่าเฉินได้อยู่ที่ศาลากระบี่สวรรค์มาเป็นเวลานานกว่าเขา เขาจะต้องรู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับการจัดอันดับ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงถามในสิ่งที่สงสัย
ม่าเฉินหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบ “เป็นเรื่องปกติมาก ผู้สืบทอดที่แท้จริงของแต่ละยอดเขาใหญ่ทั้งเจ็ดจะถูกสืบทอดผ่านทางสายเลือดของท่านเจ้ายอดเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพรสวรรค์ บางที ความแข็งแกร่งของผู้สืบทอดที่แท้จริงอ่อนแอยิ่งกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปเสียอีก”
เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างตกตะลึง “ผู้คนสามารถยอมรับที่พวกเขาขึ้นมาเป็นท่านเจ้ายอดเขา?”
หากท่านเข้ายอดเขาอ่อนแอยิ่งกว่าผู้อาวุโสหลัก,เซี่ยวเฉินพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าคนผู้นั้นจะบริหารจัดการยอดเขาได้เช่นไร
“ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนั้น,ทุกยอดเขามีวิธีการสืบทอดของตัวเอง ท่านเจ้ายอดเขาคนก่อนสามารถส่งต่อระดับขอบเขตพลังของพวกเขาให้กับผู้สืบทอดก่อนที่จะตายลง” ม่าเฉินอธิบายต่อ
“สําหรับสิบอันดับแรก, พวกเขาเป็นสิบคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขามักจะฝึกฝนอยู่ข้างนอกและนานที่จะกลับเข้ามา เช่นนั้นเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะไม่รู้ถึงระดับขอบเขตพลังของพวกเขา ข้าเคยเห็นพวกเขาตอนสงครามจัดอันดับของปีก่อน”
ทั้งสิบคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,สมกับชื่อเสียงของ พวกเขาหลายคนในหมู่พวกเขาสามารถจู่โตมผู้ที่มีระดับขอบเขตสูงกว่าพวกเขาไปสองสามขั้น นอกจากนั้น,วิธีการบ่มเพาะพลังของพวกเขายังแตกต่างไปจากศิษย์ชันในทั่วไป พวกเขาทั้งหมดไปอยู่กันที่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์”
นั้นคือเหตุผลที่ชายชราผู้นั้นกล่าวกับเซี่ยวเฉินว่าศาลากระบี่สวรรค์ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ หากยี่สิบอันดับแรก เป็นเหมือนอย่างที่ม่าเฉินเล่าให้เขาฟัง,เช่นนั้นคําพูดของชายชราก็ไม่ได้เกินจริง
ผู้ใดจะสามารถเป็นอัจฉริยะได้มากกว่าผู้ที่สามาถข้ามขอบเขตระดับพลังและเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้?
หลังจากที่ม่าเฉินตอบคําถามของเซี่ยวเฉิน,เขาอธิบายต่อถึงการเปลี่ยนแปลงอันดับ นอกจากทําการฝึกในและภารกิจ,ยังสามารถท้าสู้ผู้ที่อมีอันดับอยู่ในแถวเดียวกัน
กล่าวได้ว่า พวกเขาสามารถท้าทายศิษย์ชั้นในที่อันดับสูงกว่าได้ 49 อันดับ ทุกคนมีสิทธิ์ในการท้ายทายหนึ่งคนทุกหนึ่งเดือน ผู้ที่ถูกท้าทายสามารถปฏิเสธได้
อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 ของทุกเดือน,หากมีคนมาท้าทายต้องยอมรับ มิฉะนั้น จะถูกตัดสินว่าแพ้
แน่นอน ที่สําคัญที่สุดปีละครั้งก็คือสงครามจัดอันดับสิ้นปี ในช่วงเวลานั้น,ทั่วทั้งศาลากระบี่สวรรค์จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ในหมู่สานุศิษย์ชั้นใน
คะแนนทั้งหมดที่เก็บได้ในสงครามเป็นปัจจัยสําคัญในการจัดอันดับ อันดับดั้งเดิมก็สําคัญเช่นกัน;เหมือนกับคะแนนที่เก็บเกี่ยวมาได้ อย่างไรก็ตาม,หากอันดับของผู้นั้นต่ําจนเกินไป,มันจะไร้ประโยชน์ในท้ายที่สุด