Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 215 ชายดุร้าย - หวังหลง
ตอนที่ 215 ชายดุร้าย – หวังหลง
หลิวสุยเฟิงพูดต่อ “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าทั้งสองคนต่างเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น อยู่ด้วยกันไม่น่าจะทําให้การบ่มเพาะพลังล่าช้า กลับกัน,พวกเจ้าอาจจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ด้วยซ้ํา มันไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนี้ เขายิ้มขึ้น เขาขบขันอย่างมากจากคําของหลิวสุยเฟิง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทําอะไร เจ้าอยากจะให้ข้าไปหันเหความสนใจพี่สาวของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ไล่ตามฉู่ซินอวิ๋นได้อย่างสงบสุข”
“ถึงอย่างนั้น!” เซี่ยวเฉินหุบยิ้มและชักสีหน้าจริงจัง “พี่สาวของเจ้าพูดถูกแล้ว ในโลกแห่งนี้ที่ความแข็งแกร่งเป็นใหญ่เจ้าไม่อาจประมาทเลินเล่อ สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”
หลิวสุยเฟิงใช้ชีวิตมาภายใต้การปกป้องของหลิวหรูเยวตั้งแต่ที่เขายังเยาว์ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ออกไปจากเทือกเขามากนัก เขาไม่เข้าใจว่าโลกนี้เป็นเช่นไรเขาไม่เคยพบเห็นอย่างที่เซี่ยวเฉินพบเจอมา
ด้วยเหตุนี้ สักวันหนึ่งเข้าจะต้องจบลงพบกับความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเซี่ยวเฉินมีอายุพอกันกับเขา,จึงไม่เหมาะนักที่จะว่ากล่าวเขาโดยตรง เขาทําได้เพียงส่ายหัว
เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นว่าแผนของเขาถูกมองทะลุปรุโปร่ง,เขาหัวเราะออกมาอย่างเลิ่กลั่ก “ไม่เป็นไร,ข้าจะไม่หยิบมันขึ้นมาพูดอีก รีบไปกันเถอะ,พวกเราล้าช้าไปมากแล้ว”
หลังจากนั้น, พวกเขาทั้งสองก็หยุดปากและก้าวเท้าให้เร็วขึ้น ภายใต้การนําทางของหลิวสุยเฟิว,พวกเขาได้มาถึงห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน
มีมือกระบี่จากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สิบคนสองแถวกําลังยืนอยู่ ด้านหน้าของห้องสมุดอย่างไร้สีหน้าอารมณ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะระงับสังหารของพวกเขาเอาไว้,พวกเขาก็ยังคงส่งแรงกดดันออกมา
เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมาพบกับคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,เขาก็เข้าใจได้ว่าทําไม ห้องสมุดของยอดเขาใดก็ตามถือว่าเป็นเขตหวงห้ามและถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวด
การส่งคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มกันห้องสมุดเป็นเรื่องปกติของศาลากระบี่สวรรค์ มีโอกาสที่จะมีคนคุ้มกันซ่อนตัวอยู่อีกนอกจากคนที่อยู่ข้างหน้า
เซี่ยวเฉินไม่กล้าปล่อยสัมผัสวิญญาณออกพร้อมกับเดินตามหลิวสุยเฟิงไป เซี่ยวเฉินค่อยๆเดินผ่านประตูของห้องสมุดและยื่นเหรียญแสดงตนออกไป มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดอะไร และปล่อยเขาผ่านเข้าไป
ด้านหลังของประตู.มันมีโต๊ะสูงตั้งอยู่ มันดูคล้ายกับเคาน์เตอร์ ด้านหลังของโต๊ะมีชายชราที่แต่งชุดสีดํา เซี่ยวเฉินไม่อาจมองออกถึงระดับพลังของเขาได้ เขากําลังจิบชาพร้อมกับจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือ
ชายชราสัมผัสได้ถึงสายตาของเซี่ยวเฉินและค่อยๆวางหนังสือในมือลง เขายิ้มมาที่เซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “น้องชายตัวน้อย,ในที่สุดเจ้าก็มา”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้จักชายชราผู้นี้
เมื่อหลิวสุยเฟิงเป็นถึงสถานการณ์,เขารีบอธิบายกับเซี่ยวเฉิน “ท่านนี้คือท่านลุงหนึ่ง,หลิวฉิง เขาได้รับบาดเจ็บจากเมื่อยี่สิบปีก่อน บุปผาผลึกน้ําแข็งที่เจ้าเอามาช่วยชีวิตของเขาเอาไว้”
เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงสถานการณ์ในทันที เขาอยู่ในรุ่นเดียวกับท่าน เข้ายอดเขาคนก่อนและจะต้องมีตําแหน่งสูงส่ง เขาไม่กล้าที่จะเสียมารยาท,ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นหน้าและกล่าว “เย่เฉินทักทายผู้อายุ
หลิวฉิงยิ้มบางเบา “ไม่จําเป็นต้องมาพิธีในตอนท้าย,ข้าควรจะเป็นคนที่คํานับเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า,ข้าจะต้องตกตายไปแล้ว”
เซี่ยวเฉินไม่สามารถสัมผัสได้ถึงระดับการบ่มเพาะพลังของหลิวฉิง นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโส เซี่ยวเฉินจะกล้ารับคํานับ จากเขาได้เช่นไร? เขารีบพูดขึ้น “ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้าได้ช่วยเพียงเล็กน้อย”
“สุยเฟิง,พาเขาไปที่ชั้นสอง ข้าจะคิดเพียงครึ่งราคาสําหรับทักษะต่อสู้ที่เขาเลือกในวันนี้” หลิวฉิงพยักหน้า เขาพึงพอใจกับทัศนคติของเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ เขารีบขอบคุณและตามหลิวสุยเฟิงไป,มาถึงชั้นสองของห้องสมุดยอดเขา ฉิงหยุนอย่างรวดเร็ว
ห้องสมุดแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นที่หนึ่งมีทักษะต่อสู้ระดับเหลือง และลึกล้ําไม่มีทักษะระดับปฐพี ทักษะระดับต่ําที่สุดบนชั้นสองคือระดับลึกล้ําขั้นสูง
“ฟีบ! ฟีบ!”
เพียงเซี่ยวเฉินขึ้นมาถึงชั้นสอง,เขาได้ยินเสียงหน้ากระดาษที่กําลังถูกพลิก มันค่อนข้างดังชัดบนชั้นสองที่เงียบสงัด หรือจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ ?
เมื่อเซี่ยวเฉินมองดูอย่างละเอียด,เขาพลว่ามีคนจากยอดเขาอื่นอยู่ที่นี่พวกเขากําลังเลือกทักษะต่อสู้อย่างจริงจัง หลิวสุยเฟิงอธิบาย “ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกนั้นคือศิษย์แก่นกลางของนิกาย ศิษย์แก่นกลางมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงทักษะต่อสู้ของยอดเขาอื่น”
เซี่ยวเฉินพยักหน้าและไม่ไปสนใจ เขาถามถึงตําแหน่งของทักษะกระบี่และตรงเข้าไปในทันที
มีเพียง 15 ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีในห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน ไม่รวมทักษะบ่มเพาะพลัง,ทักษะหมัด,และทักษะเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินพบสามทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ําและหนึ่งทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นกลางไม่มีทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง
ทักษะหระบี่ระดับปฐพีขั้นกลาง ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉา มีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ต่อหน้าต้นไม้เที่ยวเฉาที่คงอยู่มานับหมื่นปี
ทักษะกระบี่นี่เรียบง่ายและกระชับ,มั่นคงและน่าประทับใจ ไม่มีท่วงท่าที่แพรวพราวและซับซ้อน มันไม่ต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม,มันง่ายดายที่จะเข้าใจแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ
แก่นสารของมันอยู่ที่ความยืนยาวของต้นไม้ที่เที่ยวเฉาเหตุที่ว่า ทําไมมันยืนต้นอยู่ได้นับหมื่นปีโดยไม่ล้มลง จากนั้นถึงจะฝึกฝนได้ถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาเพียงได้ยินชื่อก็สามารถกล่าวได้ถึงรูปแบบของทักษะนี้ มันดื้อรั้นและหนักแน่น เป็นทักษะที่เรียบง่าย และธรรมดา
มันค่อนข้างดี แต่มันไม่เข้ากับรูปแบบของเซี่ยวเฉิน นอกจากนั้น, จิตวิญญาณยุทธของเขายังไม่ใช้ธาตุไม้ มันเป็นการยากที่จะก้าวไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
มีทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นกลางเพียงหนึ่ง,แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหมาะกับเขา เขามองไปยังสามทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นต่ําที่เหลืออยู่
ทักษะกระบี่ผ่าภูผา,ทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา มีทั้งหมดเก้ากระบวนท่า มันยิ่งใหญ่,ดุร้าย,และกดข่ม เมื่อฝึกฝนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันเป็นเรื่องง่ายดายที่จะสะบั้นภูผา
นี่เป็นทักษะกระบี่ที่แสนธรรมดา ภายในศาลากระบี่สวรรค์มีหลายคนที่ฝึกมัน เมื่อตอนที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ในเหมืองวิญญาณ,เขาเคยเห็นมาเฉินใช้มันออกมา มันช่างมีพลังน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
มันไม่ต้องใช้ธาตุของจิตวิญญาณยุทธ,ดังนั้นจึงเย็นตัวเลือกที่เหมาะสม เซี่ยวเฉินวางมันลงช้าๆ หากเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นจริงๆ เขาจะเลือกมัน
เซี่ยวเฉินไล่อ่านทักษะกระบี่อีกสองเล่มที่เหลือทักษะกระบี่วายุอัสนี,และทักษะกระบี่หลิงหยุน
ทักษะกระบวายุอัสนีแต่เดิมเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อกําหนดที่สาหัสของมัน มันต้องการจิตวิญญาณยุทธธาตุคู่เพื่อที่จะบ่มเพาะบุลคลเช่นนี้หายาก ดังนั้นมันจึงถูกทอดทิ้งและตกลงมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา
ทักษะกระบี่หลิงหยุนมีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสของศาลากระบี่สวรรค์บนยอดเขาที่สุดที่สุดในเทือกเขาหลิงหยุน หลังจากบ่มเพาะพลังมานับร้อยปี,ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ มันเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหลิงหยุน
ช่างน่าเสียดาย,ทักษะกระบี่นี้มันไม่ใช่ทักษะกระบี่ที่สมบูรณ์ มันไม่อาจรู้ถึงเหตุผล,แต่ผู้อาวุโสได้ทําลายสามกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่นี้ ส่งผลให้ทักษะกระบี่,ที่อาจจะเทียบเท่าได้ กับทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูงสุด,กลับกลายมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา
เนื่องจากขาดสามกระบวณท่าสุดท้ายไป,มันเป็นที่กษะกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้น,มันยังต้องการความสามารถในการเข้าใจที่ระดับสูง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทําให้มีน้อยคนที่จะฝึกฝนมัน เหมือนกับทักษะกระบี่วายุอัสนี
จากทักษะกระบี่ทั้งสี่,ธาตุของทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาไม่เหมาะสม,และข้อกําหนดของทักษะกระบวายุอัสนีมันสูงเกินไป มีเพียงทักษะกระบี่ผ่าภูผาและทักษะกระบี่หลิงหยุนที่เหลือยู่
ชื่อของทักษะหรพบทั้งสองก็น่าสนใจ หนึ่งคือ “ผ่าภูผา และอีกหนึ่งคือตั้งตามชื่อของเทือกเขาหลิงหยุน ไม่รู้ว่าทักษะกระบี่ผ่าภูเขาจะสามารถผ่าเทือกเขาหลิงหยุนได้จริงๆหลังจากที่ฝึกฝนจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
ทักษะกระบี่ทั้งสองมีจุดเด่นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่หลิงหยุนอยู่สูงกว่าหนึ่งขั้น เป็นเพราะต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง และความจริงที่ว่าสามกระบวณท่าสุดท้ายของมันหายไป จึงเป็นผลให้มีคนฝึกฝนมันน้อยกว่าทักษะกระบี่ผ่าภูผา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เลือกที่กษะกระบี่หลิงหยุน “ข้าเลือกนี้ แม้ว่าที่กษะกระบี่ผ่าภูผามันจะสมบูรณ์,แต่มีคนฝึกฝนมันมากมายในศาลากระบี่สวรรค์ มันธรรมดาสามัญเกินไป”
การเลือกทักษะกระบี่หลิงหยุนน่าจะเหมาะกับเซี่ยวเฉินมากกว่า แม้ว่ามันต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ขาดแคลน เขาไม่กลัวที่จะล้มเหลวในการฝึกฝนทักษะกระบี่หลิงหยุน
ใครจะรู้ ด้วยความสามารถในการเข้าใจของเขาเขาอาจจะบรรลุถึงสามกระบวณท่าสุดท้ายได้ด้วยตัวเอง มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
หลังจากที่เซี่ยวเฉินตัดสินใจได้ เขาก็เริ่มมองดูทักษะกระบี่หลิงหยุน, พลิกมองผ่านไปสองสามหน้า หลังจากที่เขาอ่านส่วนนํา,เขาพบว่าที่เหลือเป็นหน้าว่างเปล่า
วิธีการหมุนเวียน, คําร่าย,ชื่อของกระบวณท่าล้วนว่างเปล่า เซี่ยวเฉินพลิกไปที่หน้าอื่นและก็พบว่ามันว่างเปล่าเช่นกัน มีเพียงส่วนนําเรียบง่าย ที่เหลือว่างเปล่า
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เข้าใจได้ นักบ่มเพาะพลังส่วนใหญ่มีความจําเป็นเลิศ พวกเขาอาจจะสามารถจดจําทุกอย่างภายในหนังสือตําราได้อย่างสมบูรณ์
พวกเขาต้องการเพียงครึ่งวันในการจดจําที่กษะต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ ยังคงมีอัจฉริยะที่จดจําได้เป็นภาพ ภายในหนึ่งวัน,มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะสามารถจดจําทักษะต่อสู้ทั้งหมดภายในห้องสมุด
หากเป็นเช่นนั้น,ระบบในการใช้แต้มสะสมมาแลกเปลี่ยนทักษะต่อสู้ก็ไร้ความหมาย
เซี่ยวเฉินวางที่กษะกระบี่หลิงหยุนอย่างระวัง เขาไม่เห็นหลิวสุยเฟิงอยู่โดยรอบ เขาจึงไม่ได้รีบที่จะกลับ ดังนั้นเขาเริ่มที่จะเดินไปรอบๆบนชั้นสอง
เซี่ยวเฉินเริ่มเดินไปรอบๆชั้นหนังสือ,หยิบตําราออกมาเปิดดูบ้างเป็นครั้งคราว เขาเปิดดูทักษะต่อสู้ทุกชนิดเพียงอ่านดูสวนนําก็เปิดหูเปิดตาให้กับเขาในอนาคต
หากเขาประมือกับศัตรูที่ใช้ทักษะพวกนี้เขาจะมีวิธีที่จะรับมือ
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเดินไปรอบๆ เขาเห็นทักษะต่อสู้ที่มีชื่อแปลกประหลาดตรงมุมของชั้นหนังสือ มันชื่อค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) มันมีบันทึกอยู่ด้านหลัง,พูดถึงทฤษฎีมันไม่สมบูรณ์และเป็นเพียงของอ้างอิง
ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์…นี่ไม่ใช่ว่าเป็นหนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลแห่งศาลากระบี่สวรรค์หรอกรี? มันเป็นถึงฉบับดั้งเดิม เซี่ยวเฉินรีบหยิบมาดู,อย่างสนใจ
น่าเสียดาย,มันเป็นเหมือนทักษะต่อสู้อื่นๆ ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม)มีเพียงส่วนนํา รายละเอียดวิธีทางทั้งหมดว่างเปล่า
“เย่เฉิน,เจ้าเลือกทักษะต่อสู้ได้หรือยัง?” หลิวสุยเชิงกล่าวขณะที่เดินผ่านเข้ามา
เซี่ยวเฉินค่อยๆเก็บค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) เขามองไปที่ตําราในมือของหลิวสุยเฟิงและอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนเจ้ากําลังถือตําราระดับปฐพี!”
หลิวสุยเฟิง “อือ! ทักษะบ่มเพาะพลังระดับปฐพีขั้นต่ํา มันต้องใช้แต้มสะสมทั้งหมดที่ข้าได้รับมาจากการเฝ้าทุ่งสมุนไพรบนยอดเขาสตรีหยก มันจะมีประโยชน์สําหรับการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันจบ,พวกเขาก็มุ่งหน้าลงบันได ที่ด้านล่างของบันได,พวกเขาเห็นชายในวัยยี่สิบ เขาสวมชุดคลุมผู้บ่มเพาะพลังสีเทาของยอดเขากางอวี่ เขามีหน้าตาที่นับได้ว่าหล่อเหลา,แต่ก็ให้ความรู้สึกที่อันตราย
ในตอนที่หลิวสุยเฟิงเห็นคนผู้นี้สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกตะลึง “หวังหลง! เจ้ากลับมาตอนไหน?”
เมื่อหวังหลงเห็นหลิวสุยเฟิง เขายิ้มเบาๆและเผยสีหน้าดูถูก “มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เปลี่ยนไป ไม่,เจ้ายังอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเดิม ขยับไป!”
หวังหลงใช้ฝ่ามือของเขาผลักไปที่ไหล่ของหลิวสุยเฟิง มันดูเหมือนไม่ได้ใช้พลังมากนัก แต่หลิวสุยเฟิงถูกผลักกลับอย่างควบคุมไม่