Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 216 เจ้าอยากที่จะอยู่ใต้เงาของมันผู้นี้ตลอดไป?
- Home
- Immortal and Martial Dual Cultivation
- บทที่ 216 เจ้าอยากที่จะอยู่ใต้เงาของมันผู้นี้ตลอดไป?
ตอนที่ 216 เจ้าอยากที่จะอยู่ใต้เงาของมันผู้นี้ตลอดไป?
เซี่ยวเฉินเดินขึ้นหน้าและวางฝ่ามือขวาของเขาลงบนหลังของหลิวสุยเฟิง,สลายพลังออกไป หลังจากทําเช่นนั้นหลิวสุยเฟิงก็สามารถตั้งตัวได้ เขามีสีหน้าไม่น่าดูพร้อมกับขอบคุณเซี่ยวเฉินด้วยเสียงอ่อน
หวังหลงยิ้มบางเบาพร้อมกับสีหน้าเยาะเย้ยปนากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาพูดขึ้น “เจ้าอ่อนกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก เจ้ารับไม่ได้แม้แต่ไมือเดียว!”
“หวังหลง! อย่าให้มันมากนัก! ที่นี่คือยอดเขาฉิงหยุน!” หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
หวังหลงยิ้ม “ข้าทําอะไร? ข้าเพียงขอให้เจ้าขยับไป อย่าได้ใช้ชื่อยอดเขาฉิงหยุนมากดดันข้า เจ้าไม่ใช่แม้แต่ศิษย์แก่นกลาง เจ้าไม่ควรค่าแก่การทําเช่นนั้น”
หวังหลงเซี่ยวเฉินมวนชื่อนี้ในใจสองสามครั้ง มันเหมือนกับว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนแต่เขาจําไม่ได้ว่าที่ไหน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก
หวังหลงสูดจมูกพร้อมกับเดินผ่านหลิวสุยเฟิงไป เมื่อเขาเดินผ่านเซี่ยวเฉิน,ทันใดนั้นเขาก็หยุดเท้าลง เขาหันหัวกลับมากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยัน “ข้าลืมไปเจ้าไม่ต้องไปสนใจที่จะเป็นศิษย์แก่นกลาง ถึงอย่างไร พี่สาวก็มีพลังมากพอที่จะปกป้องเจ้า ถึงแม้อันดับของเจ้าจะตกลงต่ําเรี่ยดิน,เจ้าก็คงไม่ถูกถีบหัวส่งลงจากยอดเขา”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําว่า “อันดับ” ในที่สุดเขาก็นึกชื่อของหวังหลงขึ้นมาได้ เขาคืออันดับที่ยี่สิบบนกระดานจัดอันดับ เขาเพียงแค่มองดูผ่านๆและไม่ได้ไปใส่ใจมากนัก เย็นเหตุที่ว่าทําไมเขาจึงนึกไม่ออกในทันที
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าหลิวสุยเฟิงและคนผู้นี้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องสําคัญระหว่างพวกเขาทั้งสองในจังหวะที่พวกเขาพบหน้ากัน, บรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้ง
หลิวสุยเฟิงหน้าซีดพร้อมกับกําหมัดขวาของเขาแน่น มีรอยเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา,ราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
เมื่อหวังหลงเห็นว่าหลิวสุยเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรเขาก็เบื่อหน่าย เขาสูดจมูกและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
“บูม!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นในห้องสมุดที่เงียบสงัดมันราวกับเสียงแตกของสายฟ้า มันทําให้ห้องสมุดสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ภาพร่างของพยัคฆ์ร้ายผสานเข้ากับร่างของเซี่ยวเฉิน,กระดูกในร่างของเขาส่งเสียง เปรี้ยะ เปรี้ยะ” ออกมา มีเสียงคํารามดังพร้อมกับกําปั้นชัดตรงไปที่หลังของหวังหลง
ทันทีที่เกิดเสียงสายฟ้าแตก,หวังหลงสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟัน และสายลมจากกําปั้นในทันที เขาไม่มีเวลาให้นึกคิดมากนัก เขาหันกลับอย่างรวดเร็วและกําหมัดชกออกไปตอบโต้
“ปัง!” หวังหลงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างเหลือเชื่อและแขนของเขาชา เขาลอยกลับหลังไป และเลือดโลหิตกับฉีของเขาพลุ่งพล่านไม่หยุด:เขาตกลงที่พื้นชั้นสอง
หมัดของเซี่ยวเฉินไม่มีการบอกกล่าว นอกจากนั้น,ตอนที่เขาลงมือ,เขาไม่ได้ออมแรง,พละกําลัง 6,000 กิโลกรัมใช้ออกมาพร้อมกับทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นต่ํา พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา
ทางบันไดที่ขนาดแคบมาก,มันไม่กว้างพอที่จะให้หวังหลงชักกระบี่ที่เหน็บอยู่ตรงเอวของเขาออกมา นอกจากนั้นเขายังไม่รู้ถึงระดับพลังกายของเซี่ยวเฉินและพุ่งเข้าชน นี่เป็นผลให้เขาเสียเปรียบเต็มประตู
“บึ้ม!!”
หวังหลงกระทุบลงพื้น,ทําให้พลังจากหมัดของเซี่ยวเฉินไหลลงไปที่พื้น ชั้นหนังสือทั้งหมดบนชั้นสองเริ่มสั่นไหว ตําราทักษะหลายเล่มบนชั้นตกลงมาบนพื้น
“นั้นหวังหลง,เขาอยู่อันดับไม่มั่นคงที่ยี่สิบ โดยปกติเขาจะฝึกฝนอยู่ภายนอก,ทําไมเขาถึงได้กลับเข้ามา? ถึงกับกําลังต่อยตีกับใครบางคน”
“ใครกันที่หาญกล้าท้าทายหวังหลง? ในสงครามจัดอันดับเมื่อปีก่อน,หวังหลงเป็นหนึ่งในผู้ที่ร้ายกาจที่สุด เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร” ทั้งสิ้น,เขาถึงกับสังหารคนบางคนไป หากไม่ใช่เพราะเขามีพรสวรรค์สูงส่ง,เขาคงจะถูกไล่ออกไปนานแล้ว”
“จะต้องเป็นคนที่อยู่ในยี่สิบอันดับแรก ไม่มีใครหน้าอื่นที่กล้าริเริ่มยั่วยุเขาไม่ต้องพูดถึงการท้าทายที่เอิกเกริกเช่นนี้”
ชั้นสองที่แต่เดิมเงียบสงบกลายเป็นวุ่นวายในทันที ผู้คนที่กําลังเลือกหยิบตําราทักษะต่อสู้ต่างพอกันพุ่งออกมา พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงที่เห้นหวังหลงในสภาพเช่นนี้
ที่เรียก “อันดับไม่มั่นคง” คือรายชื่อบนกระดานที่วาดด้วยสีทองในโถงจัดอันดับ การแข่งขันภายใน 500 อันดับแรกคือส่วนที่เข้มข้นที่สุดภายในศาลากระบี่สวรรค์
ผู้ที่สามารถรักษาชื่อของพวกเขาไว้ได้นับเป็นอัจฉริยะ เมื่อพวกเขาออกจากศาลากระบี่สวรรค์,พวกเขาสามารถเป็นได้ถึงเจ้าเหนือหัวปกครองพื้นที่ เรื่องราวของพวกเขาจะเล่าต่อกันไปไกล
ใครกันที่กําลังประมือกับหวังหลง? ทุกคนล้วนสงสัย พวกเขาทั้งหมดมองลงไปที่ตีนบันได,อยากจะหาว่าใครอยู่ด้านล่าง,ใครกันที่หาญกล้าเช่นนี้ “ปะ! ปะ! ปะ!”
เซี่ยวเฉินค่อยๆเดินขึ้นมา, ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เมื่อทุกคนมองเห็นเขาพวกเขาตกตะลึง,คนที่กล้าท้าทายหวังหลงที่แท้ก็คือเขา
“เย่เฉินแห่งยอดเขาฉิงหยุน! แท้จริงแล้วเป็นเขา!” พวกเขานิ่งอึ้งผู้ที่เป็นศิษย์ชั้นในมาได้ครึ่งปีกล้าท้าทายหวังหลง ผู้ที่อยู่อันดับยี่สิบบนรายชื่อไม่มั่นคง”
หวังหลงมีความเดือดดาลสุดขีดบนใบหน้าของเขา เขาอยากที่จะขยับมือของเขาเพื่อชักกระบี่ออกมา แต่เขาพบว่ามือของเขาไม่ทําตามคําสั่ง เมื่อเขามองดูเขาตกตะลึง จุดเลือดเล็กผุดออกมาจากทุกรูขุมขนบนแขนขวาของเขา
ภายในเวลาอันสั้น,มันเป็นไปได้ว่าแขนของเขาถึงจะฟื้นคืนเป็นปกติ หวังหลงสาปด่าในใจของเขาให้ตาย,ข้าประมาทเกินไป หมัดของมันผู้นี้มีพลังถึงเพียงใด? แขนขวาของข้าถึงกับปฏิเสธที่จะรับคําสั่ง
หวังหลงนั้นยอดเยี่ยมในทักษะกระบี่,แต่เขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกายของเขา เขาไม่มีทางที่จะหมุนเวียนปราณในแขนขวาของเขาเป็นเวลาสั้นๆ
“สารเลว! เจ้ากล้าลอบโจมตีข้า! เจ้าจะต้องชดใช้เ” หวังหลงคํารามใส่เซี่ยวเฉิน;เขามีความเดือดดาลบนใบหน้า
ก่อที่หวังหลงจะกลับมาที่เทือกเขา,เขาได้ยกระดับขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นเซี่ยวเฉิน,เขาก็ไม่ได้ไปสนใจเห็นเป็นแค่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงผู้หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม,หวังหลงไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะกล้าลอบทําร้ายเขา นอกจากนั้น เขายังมาพร้อมกําลังเต็มพิกัด,ทําแขนขวาของเขาพิการไปชั่วคราว
“เย่เฉินอย่าทําร้ายเขา เจ้าไม่เทียบชั้นกับมัน” หลิวสุยเฟิงวิ่งเข้ามาและดึงเซี่ยวเฉินเอาไว้ “ระดับพลังของมันสูงกว่าเจ้ามาก เขาอาจจะเสียเปรียบในตอนนี้ แต่เจ้าจะไม่สามารถรับมือกับการตอบโต้ขอบเขาในอนาคต”
เซี่ยวเฉินมองดูสีหน้ากังวลของหลิวสุยเฟิงและถอนหายใจอยู่ในใจ ช่างไร้เดียงสา…ตอนนี้เข้าได้ลงมือกับเขาไปแล้ว,ความบาดหมางได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
หากข้าปล่อยเขาไปตอนนี้,หวังหลงจะไม่มาล้างแค่นในอนาคต? จากนิสัยของมัน,มันจะไม่ตามมาล้างแค้น?
หากลังเลและเกรงกลัวที่จะทําอะไรสักอย่าง,เช่นนั้นมันก็เสียเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดเยอะก่อนที่ตัดสินใจลงมือ
มันผู้นี้ดูหมิ่นสหายของเขาต่อหน้ารวมถึงกับเยาะเย้ยเขา หากเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะ เขาอาจจะอดกลั้นเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาชนะได้ เขาจะรออะไรอีก?
หากเซี่ยวเฉินไม่ทําเช่นนี้ เช่นนั้นเขาคงขัดแย้งกับตัวเอง หากเขานิ่งเงียบและวางแผนล้างแค้นในอนาคตในเวลาที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น,คู่ต่อสู้ก็คงไปถึงชั้นสองแล้ว แม้ว่าเขาอยากจะลงมือ,โอกาสของเขาก็หลุดลอยไปแล้ว
เซี่ยวเฉินมักเป็นคนที่ตัดสินใจฉับไว เขาไม่ลังเลที่จะทําในสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้ว เขาจะใช้พลังมหาศาลในการโค่นล้มศัตรูในทัน
“เข้าอยากจะอยู่ใต้เงาของมันผู้นี้ไปตลอดกาล?” เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่หวังหลง,พร้อมกับเขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยไป
เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,เขาก็นิ่งอึ้ง สีหน้าซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “แต่เจ้าเทียบชั้นกับมันไม่ได้ในสองสามปีที่ผ่านมา เขาคือคนเดียวในศาลากระบี่สวรรค์ที่ฝึกฝนทักษะกระบี่วายุอัสนีถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”
“แคร้ง! แครั้ง! แคร้ง!”
เงาสองสามร่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ร่างของหลิวฉิงค่อยๆมาถึง เขามองไปที่หวังหลงอย่างเย็นชาและกล่าวขึ้น “ไปซะ,และอย่าได้กลับมาที่ยอดเขาฉิงหยุนอีก”
เมื่อได้ยินคําของหลิวฉิง,หวังหลงรู้สึกราวกับเขาได้ปลดวางของหนักอึ้ง เขากระโดดออกและรีบหายไปจากสายตาของทุกคน เขาเห็นชัดถึงสายตาเหยียดหยามจากเซี่ยวเฉิน
หวังหลงเคยเห็นสายตาเช่นนี้มาก่อนจากภายนอก และเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างเหลือเชื่อ สายตาเดียวกับพวกโจรร้ายเย็นชา และไร้ความรู้สึกที่จะลงมือสังหาร
หวังหลงเชื่อว่าแม้หลิวฉิงจะยืนอยู่ที่นี้ คนผู้นี้ก็คงไม่ออมมือ เซี่ยวเฉินอาจจะไม่กล้าสังหารเขาภายในศาลากระบี่สวรรค์,แต่เขาคงจะมั่นใจว่าจะทําให้ตัวเขาต้องนอนติดเตียงไปหลายเดือน
ข้าไม่อาจปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้น, มันอาจจะมาสร้างปัญ หาให้ข้าในอนาคต ในตอนที่มันออกจากเทือกเขา,ข้าจะต้องมองหาโอกาสสังหารมันเสีย,หวังหลงครุ่นคิดกับตัวเองพร้อมกับร่องรอยเจตนาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าช่างน่าเสียดายเมื่อเห็นหวังหลงจากไป เขาแน่ใจแล้วว่าหวังหลงเป็นคนเช่นไร แต่เดิมเขาตั้งใจจะทุบให้หวังหลงต้องนอนติดเตียงไปสองสามเดือน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลิวนิ่งสั่งออกมาแล้ว,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้อยู่ในตําแหน่งที่จะลงมือได้ เขาทําได้เพียงระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต,ค่อยระวังการล้างแค้นของหวังหลง
เซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงลงมาที่ชั้นหนึ่งและยื่นตําราทั้งหมดที่พวกเขาเลือกให้กับหลิวฉิง หลิวฉิงจัดการกับของหลิวสุยเฟิงก่อนที่จะมองดูตําราที่เซี่ยวเฉินส่งมา
เมื่อเขาเห็นตําราเล่มแรก,เขามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย เขากล่าวขึ้น “ทักษะกระบี่หลิงหยุนมันเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ที่ขาดหาย นอกจากนั้น,มันยังต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง น้องชายตัวน้อย,เจ้าแน่ใจว่าเจ้าจะเลือกมัน?”
เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ผู้อาวุโส,ไม่จําเป็นต้องเป็นกังวล ข้าได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะได้ตัดสินใจ”
มองดูเซี่ยวเฉินที่แน่วแน่,หลิวฉิงก็ไม่ได้พยายามจะทักท้วงอะไรอีก และเพียงแค่ถามหาแต้มสะสม 400 แต้ม จากนั้นเขาก็หยิบตําราทักษะกระบีฉิงหยุนออกมาพร้อมกับแถบหยก
“หยดเลือดของเค้าลงบนสิ่งนี้และจากนั้นท่องตามข้า ตําราสําเนาเล่มนี้จะเป็นของเจ้า”
เซี่ยวเฉินทําตามที่เขาบอก,ท่องกล่าวไปตามเขา “ข้า,เย่เฉิน,ขอสาบานกับปีศาจในใจของข้าว่าจะไม่แพร่งพรายทักษะกระบี่ฉิงหยุนที่ข้าได้ร่ําเรียน หากข้าตะบันสัตย์,ข้าขอให้ปีศาจกลืนกินหัวใจของข้าเส้นปราณของข้าแตกสลาย,และตกตายลง”
เซี่ยวเฉินตะลึง ช่างเป็นคําสาบานที่ใจมารอะไรเช่นนี้ เช่นนั้น นี่คือวิธีที่ศาลากระบี่สวรรค์สามารถป้องกันทักษะลับของพวกเขาเอาไว้ได้ ข้าสงสัยจริงหากมันรั่วไหลออกไปผลจะเป็นไปตามคําสาบานหรือไม่?
ไม่ว่ามันจะให้ผลเช่นไร,เซี่ยวเฉินก็ไม่คิดจะไปลอง แถบหยดนั้นดูแปลกประหลาด ปลอดภัยไว้ก่อนที่จะเสียใจจะดีกว่า หากคําสาบานบังคับใช้ขึ้นมา,มันก็สายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจทีหลัง
หลังจากที่เซี่ยวเฉินสาบานกับปีศาจในใจของเขา,หลิวฉิงก็ยื่นสําเนาทักษะกระบี่ฉิงหยุนให้กับเซี่ยวเฉิน จากนั้นเขาก็รับตําราเล่มที่สองมาจากเซี่ยวเฉิน
เมื่อหลิวฉิงเห็นชื่อของตําราเขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “สหายตัวน้อย,ทําไมเจ้าถึงเลือกเล่มนี้? มันดูไม่เหมือนทักษะต่อสู้”
เซี่ยวเฉินพยักหน้า “อืมม,ข้ารู้ ข้าแค่อยากจะลองดู สามสุดยอดค่ายกลของศาลากระบี่สวรรค์นั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง ใครจะรู้เข้าอาจจะบรรลุอะไรแปลกใหม่จากมัน,และได้รับการตรัสรู้”