Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!
แสงสว่างจ้าระเบิดออกมาจากคมกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะ,ควบรวมขึ้นเป็นกระบี่แสงรุ่งโรจน์
“บูม!”
ทันทีที่อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน, เกิดลมหมุนรุนแรงปรากฏขึ้นบนกระบี่ในมือขวาของหลินเฟิง มันได้ดูดกลืนลมวายุและสายฝนกระหน่ําเข้าไปก่อนที่นี้และพุ่งออกมารุนแรงยิ่งกว่า
“ติง! ติง!”
เสียงฝนโหมกระหน่ําเริ่มส่งเสียงที่ข้างหูของเซี่ยวเฉิน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหยาดฝนหยด,พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงเพิ่มสูงขึ้น
ในตอนท้าย,เสียงสายฝนกลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้น มีหมู่เมฆสรเทาปกคลุมทั่วท้องฟ้า,มันเกิดเป็นฝนตกลงมาจริงๆ
นอกจากนั้น พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าหวาดกลัว เซี่ยวเฉินป้องกันพลังงานจากกระบี่อย่างตรึงมือ,และร่างของเขาไม่อาจต้านทานขยับถอยหลัง
สายฝนกระหน่ําทําให้เสื้อผ้าหน้าผมของเซี่ยวเฉินเปียกโชก หลินเฟิงเผยสีหน้ายินดี “เจ้ามันโชคดีได้มาเป็นคู่ต่อสู้คนแรก หลังจากที่ทักษะกระบี่สายฝนโหมทะลวงฟ้าของขาขึ้นมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม ข้าถึงกับยอดสละเก้าสิบอันดับแรงลงมา”
“ด้วยพลังของกระบวณท่านี้ กลืนพิรุณดูดเมฆา -สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด ยิ่งเจ้าป้องกันมันเอาไว้ยาวนานเท่าไหร่,มันยิ่งกดดันเจ้ารุนแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด,เจ้ามีแต่จะบาดเจ็บหนักขึ้น ข้าแนะนําให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไปซะ”
เซี่ยวเฉินค่อยๆถอยกลับท่ามกลางสายลมแรงสายฝนกระหน่ํา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้ยินคําของหลินเฟิง กลับกัน,เขากลับเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา “เติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด? ข้าให้คําไว้ว่าจะให้โอกาสเจ้าห้ากระบวณท่า ก่อนจะจบกระบวณท่าที่ห้า, ข้าจะไม่โจมตีสวนเจ้า!”
ไม่ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่สมบูรณ์แบบเช่นไร ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวว่าความแข็งแกร่งของเขาเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แม้แต่ปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมก็สามารถถูกทําลายได้ด้วยกําลัง
สามารถสําแดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาได้อย่างสมจริงเช่นนี้ กระบวณท่าของหลินเฟิงน่าตกตะลึงยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม สําหรับเซี่ยวเฉิน,มันเต็มไปด้วยช่องว่างง่ายดายที่จะทําลาย
อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินไม่มีเจตนาจะทําเช่นนั้น เซี่ยวเฉินว่างมือซ้ายของเขาลงบนด้ามกระบี่,เปลี่ยนเป็นท่าจับสองมือ เขาหยุดก้าวถอยหลังและตะโกนออกมาทันที “ทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย!”
ภาพลวงตายอดเขาสูงพันเมตรปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉิน จุดยอดล้อมรอบด้วยหมู่เมฆและแทงทะลุผ่านชั้นเมฆสีดําบนท้องฟ้า หลังจากนั้น,มันก็ไหลเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉิน
“ปัง!”
ทันทีที่ภูดขาดขเาไปในร่างของเซี่ยวเฉิน,กระแสพลังอันเกรียงไกรไหลออกมาจากภายใน เซี่ยวเฉินยืนตัวตรงบนสนามประลอง,ราวกับตัวเขาค่อยอดเขาสูงตระหง่าน
สายลมแผดเสียงคําราม,สายฝนโหมกระหน่ํา,แต่ตัวข้าจะไม่ไหวนิ่ง เติบโตได้ไร้ขีดจํากัด?บ้าบอ ข้าไม่เกรงกลัว,ข้าจักยืนมั่นตรงนี้อย่างผ่าเผย!
กระบวณท่านี้คือกระบวณท่าตั้งรับที่แข็งแกร่งที่สุดของทักษะกระบี่หลิงหยุน เมื่อใช้มันออกมา,หลินเฟิงรู้สึกกดดันหนัก,ไม่ว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาก็ไม่สามารถผลักขยับเซี่ยวเฉินได้
ในสายตาของเขา,มันดูราวกับกระบี่ของเขาได้ฟันเข้าใส่ภูเขาที่ตั้งตระหง่านเกรียงไกร ไร้ผลโดยสิ้นเชิง
“ถอย!” หลินเฟิงถอนกระบี่ของเขากลับและล่าถอยอย่างเร่งด่วน ปรากฏการณ์ลึกลับในอากาศหายไปในบัดดล กลืนพิรุณดูดเมฆาสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แต่อย่างไรก็ตาม,มันต้องใช้พลังปราณมหาศาล
คลุมทั่วทั้งสนามประลองด้วยปรากฏการณ์ลึกลับนั้นถึงขีดจํากัดของหลินเฟิงแล้ว หากเขายังคงสภาพมันเอาไว้เป็นเวลานาน,เขาจะต้องพลังปราณเดือดแห้งพ่ายแพ้ไปโดยที่เซี่ยวเฉินยังไม่ทันได้กระดิกนิ้ว
เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและสลายพลังงานจากทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย เขามองดูหลินเฟิงที่กําลังล่าถอยและกล่าว “ยังเหลืออรกสามกระบวณท่า,มีอะไรก็แสดงออกมา”
หลินเฟิงเห็นสีหน้าของเซี่ยวที่ราวกับทุกอย่างอยู่ในแผน,กําลังหยอกเล่นกับเขาในกํามือ เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธและฉีกับโลหิตของเขาเดือดระเบิด หลินเฟิงไม่สนที่จะใช้ทักษะต่อสู้อะไรและพุ่งเข้าหาเซี่ยวเฉินอย่างเรียบง่าย
“โซว! โซว!”
กระบี่เร็วหลินเฟิงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ออกทักษะต่อสู้อะไร,ความรวดเร็วของเขายิ่งจะเพิ่มขึ้น เส้นกระบี่ฉีวูบมาตรงหน้าของเขา,ทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
ในจังหวะที่แสงปะทุ เซี่ยวเฉินเคลื่อนตัวกลับหลัง ผมสองเส้นตรงหน้าผากของเขาถูกเฉือน เขาหลบกระบี่ฉีได้อย่างฉิวเฉียด
“อีกสองกระบวณท่า!” เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นและล่าถอยไปกว่าร้อยเมตร,เพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับหลินเฟิง
คําของเซี่ยวเฉินเหมือนกับปีศาจที่ก่อกวนหลินเฟิง,ทําให้เขาหงุดหงิด เขารู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุดและไม่รู้ว่าจะโจมตีใส่เซี่ยวเฉินเช่นไร
หวังฉินเอี้ยนแห่งยอดเขาว่านเหรินเผยสายตาน่าผิดหวังขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิงบนสนามประลอง เขาเบนสายตาไปที่หลัวเค่ออี้ ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขา และกล่าวขึ้น “ไปกันเถอะ,ข้าไม่อยากจะมองอีกแล้ว”
หลัวเค่ออี้ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับตามหลังของหวังฉินเอี้ยนไป,ค่อยๆเดินออกจากศาลา ผลแพ้ชนะเห็นกันตําตา ไม่มีอะไรให้ดูชม
“จบแล้วห้ากระบวณท่า,ลงไปได้แล้ว” เซี่ยวเฉินกล่าวเสียงเบา ขณะหลบกระบี่ของหลินเฟิง
หลินเฟิงหัวเราะเย็นชาและกล่าว “อย่ากล่าวราวกับว่าเจ้าจะคว่ําข้าได้ทุกเมื่อ เจ้าถูกข้ากดได้เต็มประตู,หยุดหาข้ออ้างได้แล้ว”
เซี่ยวเฉินเพียงยิ้มบางเบาไม่ไปต่อล้อต่อเถียง เขาใช้ออกทักษะระดับสูงของมังกรฟ้าเมฆาทะยาน-เก้าร่างมังกรสัญจร เก้าร่างภาพลวงปรากฏขึ้นบนสนามประลอง
“ ฟุ ฟิว!”
ทั้งเก้าร่างจู่โจมพน้อมกัน,กลายเป็นสายลมเย็น,พัดเปาหลินเฟิง จากทั่วทิศทาง สายลมเย็นพัดไหลอ่อนโยน:ฟื้นคืนความสดชื่น
หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันแม้แต่น้อย ในจังหวะที่เขารู้สึกถึงบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดรูบนหน้าอกของเขาเก้ารู ทันใดนั้น เขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดพร้อมกับสายเลือดที่ไหลทะลัก
ทั้งเก้าร่างผสานกลับบนหนึ่งพร้อมกับกระบี่เงาจันทร์ที่กลับเข้าฝัก เซี่ยวเฉินยืนอยู่ด้านหลังของหลินเฟิงและกล่าวอย่างไม่แยแส “ขออภัย,ใช่แล้ว,จะตอนนี้หรือในอดีต ข้าซัดเจ้าลงไปกองได้ทุกเมื่อ”
“ปูทง!” หลินเฟิงทรุดลงกับพื้นและพึมพํา “สับวายุใส่มองเห็นเพียงสายลมเย็นมิใช่คมกระบี่ หนึ่งในเจ็ดทักษะลับแห่งยอดเขาฉิงหยุน ข้าควรจะนึกออกให้เร็วกว่านี้”
หัวหน้าผู้คุมสอบปลดเหรียญแสดงตนของหลินเฟิงออกมาสะบัดมือ ทันใดนั้น ก็มีคนออกมาพาร่างของหลินเฟิงลงไปจากสนามประลอง,พาเขาไปรักษาตัว
ฝูงชนยังคงนิ่งเงียบเมื่อมองเห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่หลินเฟิงจะไม่ใช่คู่มือของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถเล่นกับเขาได้ราวกับดิ้นอยู่ในฝ่ามือ
ด้วยเพียงกระบี่เดียว,ศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่าเหรินก็พ่ายแพ้ แสดงพลังออกมาคล้ายกับเหล่าศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้น
จากนั้น พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้อีกว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นยอดเยี่ยม หากเขาทะลวงขึ้นระดับขอบเขตนักบุญ.ชื่อของเขาจะนอนมาบนสิบอันดับต้นในตารางรายชื่อเมฆาล่องลอย
มู่เหิงที่ยืนอยู่ข้างจางเลี่ยกระซิบ “เจ้ายังคิดอยู่อีกว่าเย่เฉินไม่แกร่งพอที่จะติดสิบอันดับต้น?”
จางเสี่ยเผยรอยยิ้มขมขึ้น ขณะที่เขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถมองออกถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน ดูเหมือนเขาจะมีไพ่ตายเก็บไว้เป็นตับ ตอนแรกก็ทักษะกระบี่หลิงหยุนกระบวณท่าที่สิบเจ็ด ตอนนี้ก็ยังมีหนึ่งในเจ็ดทักษะลับยอดเขาฉิงหยุน
“ข้าขอคืนคําพูดเมื่อก่อนหน้านี้ เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายสิบอันดับต้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม,ข้าจะต้องเอาชนะเขาในสงครามจัดอันดับสิ้นปี”
มู่เหิงหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ถึงแม่เขาจะรู้สึกว่าจางเลี่ยออกจะไร้เดียสาไปบ้าง
ในโลกใบนี้ มีบางคนที่เดินหน้าไปไกลและจะนําหน้าเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามถึงเพียงใด,ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่มีทางไล่ตามหลังของเขาทัน
ในความคิดเห็ฯของมู่เหิง, เซี่ยวเฉินก็คือคนคนนั้น เขาทั้งไม่หยิ่งยโสหรือใจร้อนมุทะลุ เขาเก็บตัวเงียบอยู่เสมอแต่เมื่อเขาเผยตัวออกมา,แม้แต่สวรรค์ยังสั่นสะเทือน
ที่สุดสูงสุดของศาลา,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นนั่งประจําที่ของตัวเอง
มู่หลงชงที่รักษาสีหน้านิ่งสงบมาโดยตลอด เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินใช้ออกสับวายุใส,เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์เล็กน้อย เขามองไปยังหลิวหรูเยวที่อยู่ห่างออกไปและพึมพํา “สับวายุใส! หรูเยว่เจ้ายังคงไม่ยอมแพ้? ถึงกระนั้น, ข้าจะทําให้เจ้าตระหนักได้ ว่านอกจากข้าไม่มีใครช่วยเจ้าฟื้นฟูยอดเขาฉิงหยุนขึ้นมาได้”
หลังจากนั้น,มู่เหิงและจางเล่ยก็บัมคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย การประลองในที่สุดก็จบลง รวมหลินเฟิงเข้าไปด้วย,มีทั้งหมดเจ็ดคนที่สูญเสียสถานะศิษย์แก่นกลางไป
หัวหน้าผู้คุมสอบมองไปที่ฝูงชนและกล่าว “เจ้าไปได้ มู่เหิง,เย่เฉิน,จางเลี่ย…รออยู่ก่อน”
หลังจากหัวหน้าผู้คุมสอบนําคนที่เหลือออกไปเขาก็กล่าว “ตามความตั้งใจของเบื้องบน,พวกเจ้าสามคนมีสิทธิ์เข้าร่วมภารกิจ ไม่ต้องถามอะไรข้าเกี่ยวกับมัน,เจ้าจะรู้เองในอีกสามวันให้หลัง”
“สิ่งที่พวกเจ้าต้องทําภายในสามวันนี้ก็คือพยายามอย่างดีที่สุด ในการพัฒนาการตัวเอง”
ทั้งสามคนมองกันไปมา จากสีหน้าของพวกเขามีความประหลาดใจ
พระจันทร์ทรงกลมเต็มดวงลอยสูงบนท้องฟ้า, เรืองแสงอ่อนนุ่มแผ่วเบา เรืองแสงนี้สาดส่องไปทั่วทั้งยอดเขาฉิงหยุน
เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขาในบ้าน
นี่ถึงเวลาที่จะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง มีเวลาอีกสามวัน เขาต้องใช้พวกมันเพื่อพัฒนาทักษะบ่มเพาะพลังและระดับขอบเขตพลังของเขา
วังวนน้ําในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว,ปราณหมุนเวียนอย่างช้าๆไปตามเส้นปราณในรูปแบบของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบรวมตัวที่เซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว
ขณะที่พลังงานจิตวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่เซี่ยวเฉิน, ปราณในเส้นปราณของเขาค่อยๆเปลี่ยนจากโปรงใสเป็นผลึกโปร่งแสงสีม่วง
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มีการก่อตั้งในทุกสามชั้น หลังจากทุกสามชั้น มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะสามชั้นแรกเป็นเพียง รากฐานของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
ที่ชั้นที่สี่ไม่เพียงแค่จะสามารถฝึกฝนคาถาระดับสูง, ต้นกําเนิดเพลิงแท้อัสนีม่วงยังถูกยกระดับขึ้นไป
ที่สําคัญที่สุดก็คือพลังปราณในร่างของเขาจะสร้างพลังงานธาตุสายฟ้าขึ้น ในอนาคต,กระบวณท่าของเขาจะก่อให้เกิดแสงธาตุสายฟ้าที่ทรงพลัง
เมื่อเขาบ่มเพาะทักษะต่อสู้ธาตุสายฟ้า มันก็จะใช้ความพยายามน้อยลงในการสําเร็จ ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ซึ่งต้องใช้โชคดวงเพื่อพัฒนา,อาจจะพัฒนายิ่งขึ้น ท้ายที่สุดเขาอาจจะสามารถฝึกฝนกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน – อัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสาม
ดังนั้น การทะลวงขึ้นจากชั้นที่สามสู่ชั้นที่สี่จะยากลําบากยิ่งกว่าชั้นก่อนๆ โชคดีที่เซี่ยวเฉินได้เตรียมการไว้เพียงพอ
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณรุ่งเรืองที่ได้มาจากพิภพใต้ดิน,หรือดอกดาวเรืองแสงไหล,พวกมันเพิ่มอัตราความสําเร็จในการทะลวงขึ้นสู่ชั้นที่สี่
เวลาไหลผ่านไปช้าๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็โคจรครบหนึ่งรอบใหญ่
ผลึกปราณสีม่วงใสค่อยๆไหลกลับไปที่วังวนน้ํา เซี่ยวเฉินส่งจิตใต้สํานึกลงไปและเห็นประกายสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นที่ก้นของวังวน
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่พลังงานที่บรรจุอยู่ทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง,ประกายสายฟ้าควบรวมเป็นของเหลวสีม่วงและค่อยๆหยดลง
เมื่อข้าควบรวมได้ 361 ประกายสายฟ้า,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่สี่ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง