Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 236 เลื่อนระดับทักษะบ่มเพาะพลัง
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 236 เลื่อนระดับทักษะบ่มเพาะพลัง
เซียวเฉินจมจิตใต้สํานึกของเขาลงไปและทําจิตใจให้สงบเขาหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ต่อไปอย่างไม่รีบร้อน ความรวดเร็วของพลังงานธาตุสายฟ้าที่หลั่งไหลเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉินเพิ่มความเร็วขึ้น
“ซี่! ซี่!”
ห้องของเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยประกายสายฟ้าบางครั้ง,จะเห็นได้ถึงประกายสายฟ้าแตกตัวก่อนที่จะจางหายไป
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนครบรอบใหญ่อีกครั้งครั้งนี้ประกายสายฟ้าสีม่วงควบรวมกลายเป็นของเหลวสีม่วงสองหยด
ทันทีที่ของเลหวสีม่วงหยดลง,เซี่ยวเฉินรู้สึกราวกับกล้ามเนื้อทุกมัดในร่างของเขาเติมเต็มไปด้วยพลังงานอันไร้ขอบเขตฉีและโลหิตของเขาพลุ่งพล่านไม่หยุดหย่อน
เมื่อเวลาไหลผ่านไป,เซี่ยวเฉินเสียกาควบคุมความเร็วของการหมุนเวียนที่กษะอัสนีม่วงศักสิทธิ์ ความเร็วในการหมุนเวียนเป็นไปอย่างน่ากลัวประกายสายฟ้าในวังวนแตกตัวอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น, พลังงานธาตุสายฟ้าได้ก่อตัวเป็นวังวนเหนือหัวของเซี่ยวเฉินวังวนนี้อยู่ตรงกันกับวังวนในร่าของเซียวเฉินอย่างพอดิบพอดีในทุกครั้งที่วังวนในร่างของเซียวเฉินหมุนครบรอบ,พลังงานธาตุสายฟ้าพลุ่งพล่านจํานวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเซียวเฉิน
ภายในวังวน,ฟ้าร้องแตกตัว บางครั้งเกิดเป็นสายฟ้าผ่าทะลุท้องฟ้ายามค่ําคืน,ฉายแสงไปทั่วยอดเขา
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทําให้ทุกคนบนยอดเขาฉิงหยุนตื่นตกใจมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าของห้องสมุดเผยสีหน้ามืดมัว
ผู้นําของพวกเขาไม่รู้ว่ากําลังเกิดอะไรขึ้นและอยากที่จะส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์
“ใจเย็น,อย่างได้รีบร้อน นี่เป็นผลมาจากการที่มีคนเลื่อนระดับทักษะบ่มเพาะพลัง ไม่มีอะไรให้ต้องตื่นตกใจ” หลิวฉิงเดินออกมาจากห้องสมุดและหยุดคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
หลิวฉิงจ้องมองลงไปที่กลางยอดเขามองดูไปที่วังวนสายฟ้าอัสนีกระแสไฟฟ้าที่นาากลัวในวังวนแทงทะลุท้องฟ้า,ผ่าค่ําคืน
สีหน้าของหลิวจิ้งหนักอึ้งพอกันกับมือกระบี่ของค่ายกระ บี่ศักดิ์สิทธิ์เขาครุ่นคิดกับตัวเองเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่น่าหวา ดกลัวอะไรเช่นนี้เป็นไปได้ว่ามันคือการเลื่อนระดับของทักษะบ่ม เพาะพลังระดับสวรรค์?
หลิวหรูเยว่และหลิวสุยเฟิงกําลังยืนอยู่ที่ด้านนอกลานบ้านของเซี่ยวเฉินสีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
พวกขเาทั้งสองอยู่ห่างจากวังวนประมาณห้าร้อยเมตร พวกเขาสามารถรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่ากลัวที่บรรจุอยู่ภายใน เสียงคํารามราวกับมังกร,และสายอัสนีราวกับแสที่ฟาดเหวี่ยงออกมา
มีเพียงพลังงานธาตุสายฟ้าที่เหลืองอยู่ในอากาศ พลังงานธาตุอื่นๆถูกขับหายออกไป มีสายฟ้าแตกตัวไปทั่วทุกแห่งส่งเสียง “เปรี้ยะ เปรียะ”ออกมา
แสงจากสายฟ้าเป็นประกายราวกับสุริยุปราคา มันทําให้หลิวสุยเพิ่งต้องหรี่ตาลง เขาค่อนข้างเป็นกังวลพร้อมกับกล่าว “พี่สาวเย่เฉินจะเป็นอะไรหรือไม่?”
“ปากพล่อย!” หลิวหรูเยว่เคาะหัวหลิวสุยเฟิงอย่างแรงพร้อมกับกล่าวขึ้น “ปรากฏการณ์เช่นนี้มีบันทึกไว้ในตําราโบราณมันเป็นสัญญาณของการเลื่อนชั้นทักษะบ่มเพาะพลังระดับสูง”
“เย่เฉินมักระมัดระวังในสิ่งที่ลงมือทําอย่าเสมอ หากเขาไม่ได้เตรียมตัวไว้เสร็จเรียบร้อย,เขาจะไม่เสี่ยงที่จะทําการเลื่อนชั้นอย่างแน่นอน”
แม้ว่าหลิวหรูเยวจะกล่าวเช่นนั้น,ความกังวลในดวงตาของนางไม่ไดลดลงแม้แต่น้อย ตําราโบราณยังบันทึกเอาไว้ว่าหากการเลื่อนชั้นล้มเหลว.ผู้บ่มเพาะพลังจะได้รับผลย้อนกลับ เส้นปราณจะแตกสลายและตกตายลงในที่สุด
ทันใดนั้นวังวนบนท้องฟ้ากลายไปเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วนและเข้าไปในห้องของเซี่ยวเฉิน ปรากฏการณ์ลึกลับทันใดนั้นก็ลบหายไป,กลายเป็นเงียบสงบอีกครั้ง
“บูม!”
ช่วงเวลาสงบแสนสั้น,หลังจากนั้นก็มีพลังงานระเบิดออกมาจากห้องของเซี่ยวเฉิน บ้านอาคารทรุดตัวลงและตบเอาฝุ่นควันจํานวนมหาศาลขึ้นมา
ร่างของเซียวเฉินปรากฏออกมาจากฝุ่นควันในอาาศเขากระโดดออกมาพร้อมกับเสียง โซว” แสงสีม่วงในดวงตาของเขาจางหายไปในพริบตาแสงสีม่วงสองเส้นทันใดนั้นก็จางหายไปในความมืดมิดยามค่ําคืนขนาดของพวกมันเท่ากับเสาต้นหนึ่งและงดงามเป็นอย่างมากมันช่างต้องมนต์เสน่ห์
หลิวสุยเฟิงมองดูเซียวเฉินและเขาพบว่าเขาไม่สามารถมองเห็นงถึงระดับพลังของเซียวเฉินอีกต่อไปแล้ว ในอดีต,เขายังรู้สึกได้ถึงระดับการบ่มเพาะพลังของเซี่ยวเฉินอย่างเลือนลางตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงอะไรเลยไม่อาจหยั่งรู้ถึง
เซี่ยวเฉินสังเกตเห็นทั้งสองคนมานานแล้ว เขายิ้มบางเบาและกระโดดตรงมาหาทั้งสองคน
เขาทิ้งภาพติดตาสีม่วงไว้ในอากาศด้านหลัง พวกมันค่อยๆบางเบาและสลายหายเมื่อเวลาผ่านไป
ความวิตกกังวลในดวงตาของหลิวหรูเยาลบหายไป,และเผยเป็นสีความร่าเริงบนใบหน้าอันงดงามของนาง “ยินดีด้วยที่ก้าวผ่านอุปสรรคใหญ่ชิ้นแรกในการบ่มเพาะพลังและเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญสําเร็จ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินเลื่อนชั้นทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปพร้อมกับระดับการบ่มเพาะพลัง ในตอนที่เขาเลื่อนสู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไร ตรงกับข้าม,มันช่างน่ายินดีเสียอีก
เซี่ยวเฉินยิ้มและพูดขึ้น “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นของยอดเขาฉิงหยุนมิฉะนั้นมันจะต้องใช้เวลาอย่างนัยอหนึ่งเดือนในการเลื่อนระดับ”
คําพูดเหล่านี้อย่างน้อยก็ไม่ได้กล่าวเกินจริง ต้นกําเนิดเส้นโลหิตจิตวิญญาณด้านใต้เทือกเขาหลิงหยุนเป็นไปได้ว่าคือแก่นกลางของทั่วทั้งแคว้นซีเหอ
หากเซียวเฉินเลือกที่จะเลื่อนระดับในสถานที่อื่น, ด้วยพลังงานจิตวิญญาณที่บางเบาจะทําให้เขาไม่อาจเลื่อนระดับขึ้นไปได้อย่างราบลื่น
มองดูเซี่ยวเฉินที่ยังคงถ่อมตนถึงเพียงนี้ หลิวหรูเยวยิ่งประทับใจขึ้นไปอีก นางยิ้มและกล่าว “ข้าจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว ทั้งทักษะบ่มเพาะพลังและระดับขอบเขตพลังของเจ้าเลื่อนขึ้นมาพร้อมกันเจ้าควรจะสัมผัสถึงมันอย่างละเอียด
“หากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ,เจ้าสมารถมาขอคําแนะนําจากข้าได้ข้าจะส่งคนมาซ่อมแซมบ้านในวันพรุ่งนี้”
หลิวสุยเฟิงรู้สึกขมขื่นและติดขัดในใจของเขาเมื่อเขามองไปที่เซี่ยวเฉินในตอนที่เชี่ยวเฉินเพิ่งเข้ามา เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นระดับพลังของเขาต่ํากว่าของหลิวสุยเฟิงไป
มาก
อย่างไรก็ตาม,ภายในครึ่งปี,เซี่ยวเฉินเลื่อนระดับขึ้นสองขั้นและจากนั้นก็ก้าวผ่านอุปสรรคใหญ่ชอันแรกของการบ่มเพาะพลัง,กลายมาเป็นระดับขอบเขตนักบุญ
พรสวรรค์ระดับนี้สามารถจัดให้อยู่ในสิบอันดับต้นของสานุศิษย์รุ่นเยาว์ของศาลากระบี่สวรรค์
หลิวสุยเฟิงครุ่นคิดกับตัวเอง ตัวเขาขึ้นมาสู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดตั้งแต่ปีก่อน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถมองเห็นหนทางเลื่อนระดับขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญได้เลยมันเป็นเพียงเมื่อเร็วๆนี้ที่เขากินดอกดาวเรืองแสงไหลเข้าไปจากนั้นเขาถึงทําความเข้าใจมันต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม, หลิวสุยเฟิงก็ไม่ได้ติดใจอะไร เซี่ยวเฉินสา มารถเลื่อนระดับขึ้นไปได้ทําให้เขขากดดันเล็กน้อยเท่านั้น เขา ยิ้มอ่อนโยนและกล่าว “ช่างน่ายินดี! ตอนนี้เขาไม่อาจไล่ตามเจ้าทัน แล้ว”
เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและไม่ได้กล่าวอะไร พรสวรรค์ของหลิวสุยเฟิ งมีไม่น้อย น่าเสียดาย,เขาไม่ใช่คนที่มีความแน่วแน่นัก หากเขาสา มารถลบความวอกแวกของเขาออกไปได้บ้าง,ระดับการบ่มเพาะ พลังของเขาคงเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ทั้งสองจากไป,เซี่ยวเฉินเริ่มสํารวจร่างกายของเขา เขา จมจิตสํานึกลงไปในร่างของเขา วังวนน้ําแต่เดิมที่ไร้รูปในจุดตันเที่ยนของเขาตอนนี้กลายเป็นสีม่วง
ด้วยการนึกคิดของเซี่ยวเฉิน, ปราณสีม่วงหลั่งไหลออกมาจากวังวน จากนั้น มันก็ไหลไปตามเส้นปราณเข้าสู่แขนขวาของเขา
“ฉัวะ!”
พลังงานสีม่วงออกจากร่างของเขาโดยไม่มีติดขัดและก่อตัวเป็นเส้นในอากาศ
มันพุ่งไปข้างหน้าและต้นไม้เล็กห่างไปด้านหน้าสิบเมตรก็ถูกตัดขาดครึ่งอย่างง่ายดาย
จุดที่ต้นไม้ถูกตัด,มีประกายสายฟ้าสีม่วงกระโดดไปรอบๆโดยไม่ได้สลายไปครู่หนึ่ง
เชี่ยวเฉินเผยสีหน้าซับซ้อน เขากล่าว “ปราณในร่างของข้ากลายเป็นปราณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ หากข้าฝึกฝนทักษะต่อสู้ธาตุสาย ฟ้า,ข้าจะสามารถสําเร็จมันได้โดยทุ่มเทได้น้อยลง”
“อย่างไรก็ตาม มันบริสุทธิ์จนเกินไป มันจะเป็นการยากที่จะบรรลุถึงทักษะต่อสู้ธาตุอื่นๆ”
เร็วๆนี้เชี่ยวเฉินจดจ่อไปกับทักษะกระบี่หลิงหยุน ทักษะกระบี่ลิงหยุนไม่ได้ต้องการธาตุอะไร แต่อย่างไรก็ตาม,สภาวะของมันเป็นสภาวะขุนเขาและสภาวะเมฆา
หากต้องการที่จะบรรลุถึงมันให้มากกว่านี้ เขาจําเป็นต้องก้าวผ่านสภาวะอัสนีในร่างของเขา นี่มันจะทําให้ยากขึ้นไปอีกที่เขาจะสําเร็จมันได้
เชี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและกล่าวขึ้น “ช่างมัน,ข้าจะไม่ไปมัวครุ่นคิดถึงปัญหานี้ในตอนนี้ ข้าควรจะตรวจดูพัฒนาการของเพลิงแท้อัสนีม่วงเป็นอันดับแรก”
เพียงเสี้ยวเฉินนึกคิด,เปลวเพลิงร้อนแรงเริ่มเผาไหม้ในดวงตาขวาของเขา เซียวเฉินตะโกน“ออกมา!”
เปลวเพลิงสีม่วงไหลทะลักออกมาราวกับน้ําตกในทันที เซี่ยวเฉินเปิดฝ่ามือขวาของเขาและลูกบอลเพลิงลอยเข้าไปในมือของเขา
ที่ใจกลางของเปลวเพลิง,มีประกายสายฟ้ารุ่งโรจน์กําลังกระโดดไปรอบๆ มันทําให้เปลวเพลิงมีเฉดสีแปลกประหลาด
ประกายสายฟ้ารุ่งโรจน์นั้นก็คือเปลวเพลิงต้นกําเนิดของเพลิงแท้อัสนีม่วง ตอนนี้ที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ได้เลื่อนระดับมาถึงชั้นที่สี่เซี่ยวเฉินในที่สุดก็สามารถนําเอาต้นเปลวเพลิงต้นกําเนิดออกมาได้
ภายในทวีปเทียนหวูเปลวเพลิงก็มีแบ่งธาตุด้วยเช่นกันมีเปลวเพลิงเยือกแข็งที่สามารถแช่แข็งเป้าหมายให้กลายเป็นเสาน้ําแข็งได้อย่างทันทีก่อนที่จะแตกกระจายเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน
ยังมีเปลวเพลิงอันอบอุ่นที่สามารถรักษาบาดแผลและบํารุงร่างกายได้ พวกมันยังมีผลถอนคําสาปน่าอัศจรรย์ ยังมีเปลวเพลิงผีที่ มาพร้อมคุณลักษณะกัดกร่อนเน่าเปื่อยไม่ว่าการป้องกันของคู่ต่อสู้ อะแข็งแกร่งก็ถึงเพียงใดบับสาบารกกัดกร่อบย่อยสลายอย่างง่า
เยดาย
ยังมีเปลวเพลิงกดข่มอย่างเปลวเพลิงมังกระมันสามารถพิชิตได้ทุกอุปสรรคและไม่มีอะไรที่จะมาปัดป้องมันได้ มันเหนือกว่าเปลวเพลิงอื่นนับไม่ถ้วน,และผลของมันไม่ได้มีเพียงแค่เผาไหม้
สําหรับเพลิงแท้อัสนีม่วงของเซียวเฉิน,มันคือเปลวเพลงคุณลักษณะธาติสายฟ้า เปลวเพลิงต้นกําเนิดของมันก็เป็นเส้นสายฟ้าเปลวเพลิงนี้บรรจุไปด้วยประกายสายฟ้าอันไร้ขีดจํากัด
“ยิง!” เซี่ยวเฉินตะโกนและเปลวเพลิงสีม่วงในมือของเขาเปลี่ยนไปเป็นลูกศรแหลมคม,ยิงออกไปสู่ค่ําคืนอันมืดมิด
ลูกศรสีม่วงทิ้งสายสีม่วงไว้เบื้องหลังพร้อมกับทะลวงผ่านค่ําคืนมืดมันบินออกไปไกลกว่าพันเมตรในทันทีเร็วเสียยิ่งกว่าความเร็ว
เสียง
ไม่อาจรู้ได้ว่ามันลอยไปไกลถึงเพียงใด มีเพียงจุดแสงวูบไหวราวกับอุกกาบาตที่สามารถมองเห็นในท้องฟ้ายามค่ําคืน
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง,แสงรุ่งโรจน์จุดประกายบนท้องฟ้าอันแสนไกลจากนั้น,ประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้น
“ยิ้ม” ในมันทีที่ลูกศรระเบิดออก,เชี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงจํานวนพลังปราณที่หายไปอย่างชัดเจน
เซี่ยวเฉินมองไปยังท้องฟ้าในทิศทางที่ลูกศรบินออกไปเขาค่อนข้างตกตะลึงพร้อมกับกล่าว, “รวดเร็วอะไรเช่นนี้!หากข้าใช้ออกมันอย่างฉับพลัน,จะไม่มีใครหน้าไหนที่จะป้องกันมันได้”
อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้ยังไม่ใช้เวลาไปสนใจเกี่ยวกับมันเซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปอย่างเร่งรีบและใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานเขาหายตัวไปจากลานบ้านและมุ่งหน้าไปยังปารกร้างที่ด้านหลังของยอดเขาฉิงหยุน
เซี่ยวเฉินใช้สัมผัสวิญญาณของเขาสํารวจพื้นที่โดยรอบเมื่อเขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบ,เซี่ยวเฉินหยิบเอาดาบหักที่เขาได้มาจากซากโบราณออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล