Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 242 ลานสังหาร
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 242 ลานสังหาร
มองดูพลังสังหารของกระบวณท่านี้ เซี่ยวเฉินตกตะลึงเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าหลังจากที่เขาบรรลุถึงกระบี่ฉีแล้วการโจมตีของร่ายรอลหม่านพันปีจะยกระดับขึ้นถึงเพียงนี้
ในอดีตในตอนที่เขายังอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธเขาสามารถส่งออกกระบี่แสงออกได้จํากัด ในตอนนั้น เขาสามารถดึงพลังของมันออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน เมื่อเขากลายมาเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธและบรรลุถึงกระบี่แสง,เขาก็ยังดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ไม่ถึงครึ่ง
ตอนนี้เขาขึ้นมาสู่ระดับขอบเขตนักบุญและสามารถใช้กระบี่ฉีเขาสามารถดึงพลังที่แท้จริงของร่ายรําอลหม่านพันปีออกมาใช้ได้
มีกองเลือดเปรอะไปทั่วพื้นที่ เมื่อผู้คนสุดดมกลิ่นมันเข้าไป พวกเขาแทบจะทนไม่ได้ เมื่ออีกาโลหิตจํานวนมากที่ได้กลิ่นมาแต่ระยะไกล,พวกมันก็บินตรงเข้ามา
ท้องฟ้าปดบังไปด้วยเหล่าอีกาโลหิต นี่มันทําให้ท้องฟ้าที่มืดมนอยู่แล้วยิ่งมืดมิดขึ้นไปอีก วิสัยทัศน์ของทุกคนถูกปดบัง
เซี่ยวเฉินมองไปที่หยุนเข่อซินที่อยู่ด้านข้างเขา “พวกเราจะทําเช่นไร? ข้าไม่อาจใช้ออกกระบวณท่าเมื่อครู่ได้แล้ว มันสิ้นเปลืองพลังปราณมากเกินไปมีอีกาโลหิตนับหมื่นกําลังมุ่งมาทางนี้!”
อีกแปดคนที่เหลือมีใบหน้าไม่น่าดู นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดในทันทีที่พวกเขาได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ พวกเขาไปชนเข้ากับปัญหาก่อนที่จะได้พบกับเหล่าปีศาจเสียอีก
อีกาโลหิตพวกนี้เป็นเพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกมันนับว่าอ่อนแอ หนึ่งในพวกเขาสามารถสังหารอีกาโลหิตสิบตัวได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยจํานวนขนาดนี้ มันกลับกลายเป็นน่ากลัว ที่สําคัญที่สุดก็คือโลหิตจะระเบิดตัวเองหลังจากตกตายลง แรง ระเบิดนับได้เทียบเท่ากับการโจมตีเต็มกําลังของระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง
หยุนเข่อซินชี้นิ้วไปที่อีกาโลหิตตัวใหญ่ที่โบนบินอยู่บนท้องฟ้านางกล่าว “ทางนั้นอีกาโลหิตตัวนั้นจะต้องเป็นราชาของอีกา โลหิตกลุ่มนี้เมื่อพวกเราสังหารมันลงได้,อีกาโลหิตตัวอื่นจะแยกหายกันไปเอง”
เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นไปมองดู เขามองเห็นอีกาโลหิตตัวขนาดเท่ากับอินทรี มันซ่อนตัวเองอยู่หลังอีกาโลหิตนับร้อย,และถ้าหากเขาไม่มองอย่างละเอียด,เขาไม่อาจมองเหฯมันได้
เซี่ยวเฉินส่ายหัว “หากมันไม่ลงมาข้างล่าง,พวกเราก็ไม่อาจทําอะไรได้เว้นแต่ว่าจะมีคนที่มีทักษะเหาะเหิน”
เฉพาะผู้บ่มเพาะพลังที่มาถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเท่านั้นถึงจะเหาะเหินได้นอกเหนือจากนั้น พวกเขาสามารถเหาะเหินได้หากพวกเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดและมีจิตวิญญาณยุทธธาตุลม
นอกจากการบ่มเพาะพลัง,หากอยากจะเหาะเหิน,พวกเขาจะต้องเรียนทักษะยุทธเหาะเหิน อย่างไรก็ตาม,ทักษะเหาะเหินเป็นของหายากมูลค่าของมันสูงกว่าทักษะต่อสู้ระดับปฐพขั้นสูงสุดเสียอีก
แน่นอน,หากเซียวเฉินอยู่ที่นี้ตัวคนเดียว,เขาสามารถเรียกเรือสงครามสีเงินออกมาได้ อย่างไรก็ตามเรือสงครามสีเงินจะเผยตัว ตนของเซียวเฉินเขาจะไม่ใช้มันนอกเสียจากจะไร้หนทางอื่นแล้ว
หยุนเซ่อซินไตร่ตรองพร้อมกับกล่าว “ปล่อยราชาอีกาโลหิตให้ข้าจัดการพวกเราจะถอยก่อน ด้วยอีกาโลหิตจํานวนมากถึงเพียงนี้การโจมตีละลอกต่อไปจะต้องไมาช่ได้มาจากทิศทางเดียว”
พวกเขาทั้งสองถอยกลับ, ปกป้องอีกแปดคนที่เหลือพวกเขารอคอยการโจมตีละลอกต่อไปของอีกาโลหิต”
“ก๊า! ก๊า! ก๊า!” ฝูงอีกาโลหิตบนท้องฟ้าร้องออกมาซ้ําๆเมื่ออีกาโลหิตนับหมื่นร้องออกมาพร้อมๆกัน เสียงของพวกมันดังและเสียดแทงแม้กระทั่งก่อนที่พวกมันจะโจมตี, พวกมันก็ทําให้ทุกคนกระสับกระส่ายแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าทําไม แต่อีกาโลหิตทั้งหมดกลายเป็นอดทนพวกมันเพียงส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุดพร้อมกับจ้องมองไปยังกลุ่มของพวกเขาโดยไม่โจมดีเข้ามา นกพวกนี้กําลังถอนล้างไฟในการต่อสู้ของพวกเขา
“ให้ตาย! พวกเจ้าจะเข้าก็เข้ามา!” เกาเชียงทนไม่ได้ที่จะสาปด่าอีกาพวกนี้ลักษณะของทักษะต่อสู้ของยอดเขาเขียนตัวนั้นแข็งที่อ และตรงไปตรงมาพวกเขาขึ้นชื่อเรื่องพลังที่ดุดัน
นิสัยของเกาเชียงก็ตรงตามนั้นอย่างชัดเจน เมื่อเขาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรปีศาจที่ระเบิดตัวเองได้แบบอีกาโลหิต,มันช่างแสนทรมานเขามีความแข็งแกร่ง,แต่ไม่อาจดึงออกมาใช้ได้
ขณะที่ทั้งกลุ่มกําลังจะหมดความอดทน,อีกาโลหิตทันใดนั้นก็หยุดส่งเสียงร้องแปลกๆ พื้นที่หนวกหูกลายเป็นเงียบสงัดในทันที
มีเพียงเสียงสายลมบนท้องฟ้าที่กังออกมาให้ได้ยิน มันเงียบสงัดเป็นอย่างมาก,ตรงกันข้างกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง มันทําให้ต่างคนต่างเป็นกังวล,พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกําด้ามกระบี่ไว้แน่น
ทุกคนรู้ว่านี่คือลมสงบก่อนพายุโหม
“ฟู ฟิวเ” ทันใดนั้น ก็มีเสียงกรีดร้องของอากาศที่ฉีกขาดนับไม่ถ้วน
ในจังหวะต่อมา,แสงสีแดงประหลาดปรากฏขึ้นบนตัวของอีกาโลหิตพวกมันส่องสว่างเป็นจุดสีแดงบนท้องฟ้า,ราวกับแสงตะเกียงจากบ้านนับพันยามค่ําคืน มันเรื่องบนท้องฟ้าเป็นสีแดง
มีอีกาโลหิตซ้อนอยู่หลายชั้นบนท้องฟ้า พวกมันราวกับลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุท้องฟ้า,และตอนนี้มันพุ่งเข้ามาที่กลุ่มของพวกเขาด้วยความเร็วสูง
หยุนเข่อซินกล่าวอย่างเร่งรีบ “นอกจากเยาเฉิน,คนที่เหลือห้ามดึงกระบี่ออกจากฝัก จางเลี่ย,มาข้างๆข้า พวกเราจะลงมือพร้อมกันคนที่เหงื่อใช้ฝึกกระบโจมตีได้”
“มังกรฟ้าฟาดหาง!”
เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและสังหารอีกาโลหิตละลอกแรก
อย่างไรก็ตาม,มีอีกาโลหิตมากมายเกินไป อีกาโลหิตละลอกที่สองบินตามมาในทันที ด้วยคําของหยุนเข่อซิน,คนที่เหลือไม่กล้าชักกระบี่
พวกเขาทําได้เพียงใช้ผักกระบี่ฟาดอีกาโลหิตลงไปกับพื้นพวกเขาถึงกับไม่กล้าที่จะใส่พลังมากเกินไป พวกเขาเกรงว่าอีกาโลหิตจะระเบิดตัวเองหลังจากที่ตายลง ในตอนที่พวกเขามัดมือชก,พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยอันตราย
จากทั้งกลุ่ม มีเพียงมู่เพิ่งที่ดุชูผ่อนคลาย เขาหมุนเวียนทักษะเสริมกายาหยกม่วงและถูกปกคลุมไปด้วยเรืองแสงสีม่วง อีกาโลหิตเป็นเพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 4,และไม่อาจเจาะทะลวงการป้องกันของเขาไปได้
จะงอยปากที่สามารถแทงทะลุโลหะของมันส่งเสียง “กิ่ง กิ่ง กิ่ง”เมื่อซัดเข้ากับร่างของมู่เหิง เขาไร้บาดแผล,กลับกัน,จะงอยปากของอีกาโลหิตกลับแตกหัก
“ฟู ฟิว!”
หยุนเข่อซิน,ผู้ที่กําลังหลบหลีก,ทันใดนั้นก็ชักกระบี่ของนางออกมามีแสงกระบี่วูบไหวและแทงทะลุหัวใจของอีกาโลหิต มันไม่มีโอกาสแม้อต่จะระเบิดตัวเอง,มันเพียงร่วงหล่นลงพื้นกลายเป็นซาก
หยุนเข่อซินกล่าวกับจางเลี่ย “การตอบสนองของอีกาโลหิตนั้นรวดเร็วอย่างมาก พวกมันใช้เวลาเพียงครึ่งวินาทีเพียงจุดระเบิด หากเจ้ามั่นใจว่าสามารถสังหารมันได้ภายในเสี้ยววินาที,เจ้าลงมือ
ได้”
จางเลี้ยมีสีหน้าสงบ,และไม่ได้เร่งรีบลงมือ ขณะที่หลบหลีกอีกา โลหิต,เขาสังเกตการเคบื่อนไหวของหยุนเข่อซินอย่างละเอียด
“โซว!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง, จางเลี่ยก็พบทางออก เขากระบี่ออกมาและหมู่เมฆก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เมื่อเมฆแตกตัวหายไป,กระบี่ฉีดล่มเล็กถูกยิงไปในอากาศ
ทุกที่ที่กระบี่ฉีผ่านไป,มันจะแทงทะลุอีกาโลหิตทุกตัวในทันทีในระยะเวลาสั้นๆอีกาโลหิตหลายร้อยตัวตกตาย
จางเลี่ยสะบัดกระบี่ของเขาและกระบี่ฉีเล่มเล็กน้อยลบหายไปเขาตะโกน“ปลุกเมฆานิรันดร์! ระเบิดออก!”
ปลุกเมฆานิรันดร์ที่บรรจุเจตนารมณ์แห่งกระบี่ระดับสมขั้นต้นของจางเลี่ยทันใดนั้นก็ระเบิดออก เส้นบางเบานั้นปรากฏขี้นอีกครั้งและกลายเป็นแสงอะนไร้ขอบเขตกระจายตัวออกไป
เส้นแสงแต่ละเส้นคือกระบี่ฉีที่ฉาบไปด้วยเจตนารมณ์แห่งกระบี่ทั้งพลังและความเร็วของมันขึ้นถึงขีดสุดของระดับขอบเขตนักบุญ
วิน
ขันตน
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ในจังหวะต่อมา กลุ่มอีกาโลหิตร่วงกราวราวกับสายฝนกระบวณท่านี้สังหารอีกาโลหิตไปหลายพันตัว
เมื่อหยุนเข่อซินเห็นดังนั้น,สีหน้าของนางไม่ได้ผ่อนคลายกลับกันคิ้วรูปจันทร์เสี้ยวทั้งสองข้างของนางม้วนเข้ามาติดกันนางโยนเม็ดยาสําหรับฟื้นพลังปราณให้กับจางเลี่ย
“อย่าฝืนตัวเองเกินไปนัก ฟื้นพลังปราณของเจ้าก่อนเร็วพวกเรายังไม่ถึงเวลาที่จะเผยไพ่ตาย มู่เทิง,คุมกันเขาก่อน”
เมื่อจางเลี่ยได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกหน้าชาเล็กน้อย กระบวณท่านี้ใช้พลังปราณไปมหาศาลจริงๆ มันผลาญพลังปราณของเขาไป ถึงสองในสามส่วนอย่างไรก็ตาม,พลังสังหารของมันออกมาชัดเจน
แต่เดิมเขาถึงกับคิดว่าแม้หยุนเข่อซินจะไม่กล่าวชม,แต่ก็คงไม่ กล่าวติเตียนเขาใครจะรู้เขายังคงถูกตําหนิเช่นนี้?
จางเสี่ยโยนเม็ดยาเข้าปากของเขา เขารู้สึกถึงความเย็นในทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง,พลังปราณที่จุดตันเที่ยนขแงเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่นานเขาก็ฟื้นคืนพลังปราณขึ้นมาหนึ่งในสามส่วน
นี่เป็นเม็ดยาระดับ 6 เม็ดยาเมฆาขาว มันสามารถฟื้นฟูพลังปราณของผู้บ่มเพะาพลังขึ้นมาหนึ่งในสามภายในทันที หลังจากนั้น,มันจะฟื้นฟูพลังปราณทั้งหมดภายในสิบนาที
มันมีมูลค่ามากกว่าห้าร้อยหินวิญญาณระดับต่ํา จางเลี่ยไม่คาดคิดว่าหยุนเข่อซินจะเป็นผู้ใจกว้างเช่นนี้ ภาพลักษณ์ของนางในสายตาของเขาเปลี่ยนไปในทันที
“ก๊า! ก๊า!”
ราชาอีกาโลหิตบนอากาศส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกมาสองครั้งอีกาโลหิตทั้งหมดหยุดโจมตีในทันที พวกมันกระพือปีกและบินกลับไปบนท้องฟ้า
หยุนเข่อซินมองไปที่จางเลี่ยและกล่าว “นอกเสียจากเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่น,อย่าได้ผลาญพลังปราณมาจนเกินไปเหมือนครั้งนี้หนทางที่ต้องไปอีกยาวไกล”
จางเลี่ยไร้คําจะแก้ตัว เขารู้ตัวว่าเขาเร่งรีบเกินไปหน่อย เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นคืนพลังปราณกลับมา
การโจมตีของอีกาโลหิตกินเวลาเพียงห้านาทีแต่อย่างไรก็
ตาม,ด้วยการกระหน้าโจมตีหนาแน่นทุกคนล้วนรู้สึกเหนื่อยล้า
“ว่า!”
ทันใดนั้น,ราชาอีกาโลหิตส่งเสียงร้องยาวออกมา ภายใต้แสงพระจันทร์สีเลือด,สามารถเห็นจุดสีดําที่อยู่ห่างออกไปในท้องฟ้าเมื่อพวกอีกาได้ยินเสียงร้อง,พวกมันก็บินเข้ามา
ผ่านไปครู่หนึ่ง,มีอีกาโลหิตอีกหนึ่งหมื่นบินเข้ามาบนท้องฟ้าท้องฟ้าเป็นสีดําสนิท,และเมื่อพวกเขาเห็นดังนั้น,พวกเขารู้สึกมึนงง
เซี่ยวเฉินมองดูท้องฟ้าอย่างสงบ ผ่านไปครู่หนึ่งเขากล่าว “พวกเราต้องสังหารราชาอีกาโลหิตลง มิฉะนั้น,มันจะไม่มีวันจบสิ้นทักคนจะถูกพวกมันกินทั้งเป็น
หยุนเข่อซินกล่าวอย่างเฉยเมย “หลังจากจบละลอกนี้ ข้าจะจัดการกับมันเอง ทุกครั้งที่มันเรียกอีกาโลหิตมาเพิ่ม,ความแข็งแกร่งของมันจะลดลง
ไม่ปล่อยเวลาให้พักหายใจมากนัก,การโจมตีละลอกต่อไปก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในครั้งนี้ จางเลี่ยไม่ได้ใช้ปลุกเมฆานิรันดร์ เขาฉาบกระบี่เจตนารมณ์แห่งกระบี่ของเขาลงไปในกระบี่ฉีของเขากระบี่ของเขาร่ายรําไปโดยรอบ,ทุกหนึ่งกระบี่ฉีสังหารหนึ่งอีกาโลหิต
เซี่ยวเฉิน,จางเลี่ย,และหยุนเข่อซินพยายามอย่างที่สุดเพื่อสังหารอีกาโลหิต คนที่เหลือใช้ฝักกระบี่เพื่อป้องกันบางครั้ง,จะมีบางครตกสู่อันตราย แต่มู่เพิ่งจะเร่งเข้ามาป้อวกันเอาไว้ด้วยร่างกาย ของเขา,มันจึงไร้ซึ่งจุดอ่อน
เมื่อเวลาผ่านเลยไป,ซากศพของอีกาโลหิตกระจัดกระจายอยู่
บนพื้น
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว พวกฝูงนกช่างน่ารําคาญ!”เกาเชียงทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับชักกระบี่ยักษ์ของเขา “ข้าจะตบให้ตายหมด!”
“ฉัวะ!”
อีกาโลหิตหลายร้อยตัวบนท้องฟ้าพบเข้ากับการโจมตีจากกระบี่ยักษ์ พวกมันถูกสับขาดครึ่งและสายเลือดโปรยลงมาราวกับห่าฝน
เมื่อเกาหยางเห็นดังนี้ เขาหัวเราะเสียงดัง “เป็นแค่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 แต่พวกเจ้ากลับเกรงกลัวมันนัก ข้าจะไล่ฆ่าให้หมดคนเดียว!
เมื่อเซี่ยวเฉินหันกลับมาและเห็นเช่นนั้น,เขาตะลึงหนักเขาขัดใจยิ่งที่ไม่อาจใช้กระบี่ของเขาสังหารเจ้าตัวร้ายนี้เสียตรงนี้
ใบหน้าสงบนิ่งของหยุนเข่อซินเมื่อก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนนางตะโกนออกมาเสียงดัง “วิ่งเร็ว!”
“ซีซี่!”
ซากอีกาโลหิตที่ถูกสับเป็นสองท่อนไม่มีกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มบาดแผลของพวกมันเอาไว้ กระแสพลังสีดําเริ่มเผาไหม้
“บูม!”
ซากอีกาโลหิตนับร้อยระเบิดออก มันสร้างคลื่นระเบิดหนาแน่นเกาหยางถูกซัด
อยไปในอากาศ จากนั้นเขาก็กระอักเอาเลือดออกมาหกคําก่อนที่จะตกลงพื้นอย่างน่าสังเวช