Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 254 ฟื้นคืนไม่จบสิ้น
Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 254 ฟื้นคืนไม่จบสิ้น
สู่เฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวขึ้น “มันน่าจะตกตายไปแล้วถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงภาพเสมือน หลังจากที่พวกเราไล่สังหารปีศาจโลหิตที่เหลืออยู่จนสิ้น,มิติแห่งนี้จะลบหายไป”
เมื่อคนที่เหลือได้ยินเช่นนั้น, พวกเขาพยักหน้า ความแข็งแกร่งของแม่ทัพปีศาจโลหิตน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงแค่ภาพเสมือนในมิติแห่งนี้ในไม่แม่แต่จะแข็งแกร่ง ได้ถึงหนึ่งในสิบจากของจริง
ขณะที่ทั้งกลุ่มกําลังจะเบาใจลงได้,หยดเลือดนับไม่ถ้วนทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นในห้องโถงใหญ่หยดเลือดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาพริบตาเดียว เมื่อหยดเลือดทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน,ร่างของแม่ทัพปีศาจโลหิตก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมือกระบี่ผู้ที่ใช้ออกทักษะปีศาจโลหิตกลิ่นกาย
“ฟ!”
มีเสียงกรีดร้อง,น่าสังเวชและเสียงแตกฟองดังออกมาจากร่างของมือกระบี่ผู้นั้น แม่ทัพปีศาจ โลหิตสูบเลือดทุกหยดออกมาจากตัวของเขา
พระจันทร์สีดําแดงที่อยู่ใกลออกไปบนท้องฟ้าฉายแสงสีแดงลงบนร่างของแม่ทัพปีศาจโลหิต,เสริมพลังร่างกายที่อ่อนแอของเขา
ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วเวลาหนึ่งประกายแสง ทุกคนไม่อาจตอบสนองได้ทัน ความตกใจแสดงออกมาที่สีหนาของพวกเขา
แม่ทัพปีศาจโลหิตโยนร่างของมือกระบี่ผู้นั้นทิ้งไป ริมฝีปากสีซีดของเขามีเลือดไหลหยดลงมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “มนุษย์โงเขลา,ข้าจะตกตายลงง่ายดายเช่นนั้น?”
ขณะที่เรือสงครามสีเงินบินเข้าไปใกล้ราชวัง,แรงกดดันจากพลังฉีฆ่าฟันยิ่งรุนแรงขึ้น
หยุ่นเข่อซินกล่าว “ถึงแม้มันจะเป็นเพียงภาพเสมือน, ความแข็งแกร่งของแม่ทัพปีศาจโลหิตก็เทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลางเป็นอย่างน้อย”
มู่หลงชงผู้ที่อยู่ตรงท้ายเรือ, ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น เขาลุกขึ้นยืนและกล่าว “จะต้องไม่ใช่เพียงเท่านั้นเมื่อเพิ่มสถานะปีศาจของมันเข้าไปความแข็งแกร่งของมันน่าจะเทียบได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง”
ภายในอาณาจักรต้าฉิน,ตัวตนของระดับขอบเขตนักบุญนับได้ว่าเพียงจะย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังพวกเขานับได้ว่าคือผู้เชี่ยวชาญเล็กน้อย
พวกเขาสามารถกลายเป็นยอดในสถานที่เล็กๆ, อย่างเมืองม่อเหอเป็นต้น อํานาจท้องถิ่นจะเชื้อเชิญและปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดี
หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตนักบุญ,ในแต่ละขั้นพลังที่พวกเขาก้าวขึ้นไปจะยกระดับความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม,มันเป็นการยากสําหรับพวกเขาสําหรับผู้บ่มเพาะพลัง ที่กลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญก่อนที่พวกเขาจะอายุได้สามสิบปีจึงจะนับได้ว่าค่อนข้างดีเยี่ยม
สําหรับผู้ที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงภายในอาณาจักรต้าฉินผู้นั้นจะต้องกลายเป็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหลังจากที่สําเร็จระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ทุกตระกูลใหญ่และขุมอํานาจภายในอาณาจักรต้าฉันจะเข้ามาประจบประแจง
โดยทั่วไป,ความแข็งแกร่งของตระกูลจะตัดสินกันที่จํานวนและคุณภาพระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่พวกเขามีแน่นอน,จํานวนที่กล่าวถึงคือจํานวนระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่มีอยู่และคุณภาพหมายถึงขั้นพลัง
สําหรับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ไม่กล่าวถึงขั้นพลัง,แม้แต่ข้อได้เปรียบเล็กน้อยก็เป็นตัวตัดสินแพ้ชนะได้ทันที เป้ฯเพราะมันเป็นการยากที่จะก้าวหน้าของจากที่ก้าวขึ้นสูาระดับขอบเขตนี้
ทุกคนล้วนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดและระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงมันต่างกายราวกับฟ้าดินมันไม่ได้เกินจริงที่จะกล่าวว่าต่างกันถึงสิบเท่า
หลังจากที่เซียวเฉินได้ยินคําของมาหลงชง,ความนิ่งสงบยังคงอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างไรก็ตาม,เขาเป็นกังวลถึงขีดสุด:เขาทําได้เพียงภาวนาให้หลิวหรูเยว่ปลอดภัย
เซี่ยวเฉินในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทําไมหลิวเทียนยู่ถึงได้ใส่พลังอันมหาศาลเอาไว้ในกระบี่เงาจันทร์ นี่เป็นเพราะเขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเหล่ารุ่นเยาว์ของศาลากระบี่สวรรค์จะไม่ใช่คู่มือของแม่ทัพปีศาจโลหิต
ทันใดนั้น,อารมณ์บนใบหน้าของมู่หลงชงพลันเปลี่ยน เขากล่าวอย่างสับสน“เกิดอะไรขึ้น?กระแสพลังของแม่ทัพปีศาจอยู่ดีๆก็หายไป”
เซียวเฉินและหยุ่นเข่อซินก็รู้สึกได้เช่นกัน แรงกดดันพลังพล่านจางหายไปพวกเขารู้สึกถึงมันไม่ได้อีกแม้แต่น้อย
หยุ่นเข่อชินสงสัยพร้อมกับกล่าวขึ้น “เป็นไปได้ว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตได้ถูกสังหายไปแล้ว?”
เมื่อกระแสพลังของบุคคลนั้นหายไป,นอกจากคนผู้นั้นจงใจปิดซ่อนเอาไว้มันก็มีเพียงความตายเท่านั้น
ด้วยแนวทางของแม่ทัพปีศาจโลหิต,การปิดซ่อนกระแสพลังตัวเองไม่ใช่คําตอบก็เหลือเพียงคําอธิบายเดียวก็คือความตาย
ภายใต้จันทร์เจ็มดวง,แสงสีแดงส่องลงมาอีกครั้ง,ทักคนรู้สึกถึงกระแสพลังอันน่าหวาดกลัวของแม่ทัพปีศาจโลหิต
หยุ่นเข่อชิ้นคิ้วขมวดและกล่าว “ความรู้สึกนี้…ทําไมรู้สึกราวกับมีการฟื้นคืนจากความตาย?เกิดอะไรขึ้นที่ราชวังกันแน่?”
ภาพเงาของราชวังปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขาแล้ว มันดูเหมือนอยู่อีกไม่ไกล,แต่มันยังคงใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
เซี่ยวเฉินนิ่งเงียบพร้อมกับเขาจ้องมองไปที่ดวงจันทร์สีแดงเหนือหัวของเขา เขารู้สึกมานาน แล้วว่ามันมีอะไรแปลกกับดวงจันทร์สีแดง
แสงสีแดงที่ฉายลงมาจากดวงจันทร์สีแดงยืนยันการคาดเดาของเซียวเฉิน แสงสีแดงดูเหมือนจะบรรจุพลังงานแห่งชีวิตเอาไว้มันเต็มไปด้วยพลังงานพลุ่งพล่าน
มู่หลงชงกล่าว “พระจันทร์ดวงนี้ดูแปลกประหลาด ข้าแน่ใจว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตจะต้องถูกสังหารลงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม, แสงสีแดงนั้นทําให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
ความเป็นอมตะขณะจันทร์สาดแสง? เซี่ยวเฉันคิ้วขมวดพร้อมกันครุ่นคิดอย่างงุนงง
เชี่ยวเฉินหยุดความคิดลงในตอนนี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเร่งไปให้ถึงราชวัง
เซียวเฉินหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ําออกมาและซึมซับเอาพลังงาน วังวนฉีที่จุดตัน ที่ยันของเซี่ยวเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็วพร้อมกับเซียวเฉินที่จ่ายพลังปราณออกไปอย่างไม่มีก็เก็บ
เรือสงครามสีเงินเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมาก ผ่านไปสิบนาที,พวกเขาสามคนในที่สุดก็มาถึงที่ราชวัง
“ยิ้ม..” เสียงการต่อสู้เข้มข้นทะลุผ่านกําแพงของราชวังดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา
“ฟูฟิว!”
มู่หลงชงกระโดดขึ้นไปในอากาศ,ออกจากท้ายเรือลงไปที่ยอดของราชวังอย่างรวดเร็วเขาส่งฝามือจู่โจมออกมาและเปิดรูใหญ่บนหลังคาของราชวังในทันทีจากนั้นเขากระโดดลงไปอย่างไม่มีลังเล
เซี่ยวเฉินไม่ได้ลังเลใจเช่นกัน เขาเก็บเรือสงครามสีเงินเข้าไปในตาขวาของเขาและลงไปยังรูที่มู่หลงชงเปิดเอาไว้พร้อมกับหยุ่นเข่อซิน
“ปัง!”
ก่อนที่พวกเขาจะลงถึงพื้น, พวกเขาเห็นมู่หลงชงกลายเป็นสายลมเย็นและมุ่งหน้าไปหาแม่ทัพปีศาจโลหิตเขาทิ้งบาดแผลไว้บนร่างของแม่ทัพปีศาจโลหิตด้วยกระบีของเขา
“แม่น้ําฟ้าคลั่ง!”
ภายในห้องโถงใหญ่กระบี่ฉีสีเลือดรวมตัวอีกครั้งและก่อเกิดเป็นสายน้ําสีแดง มันแบกกระแส พลังอันไร้ขอบเขตพร้อมกับพุ่งไปที่แม่ทัพปีศาจโลหิต
แม่น้ําฟ้าคลั่งเดิมที่เปฯทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงสุด เมื่อหลายคนใช้ออกมันพร้อมกัน, พลังของกระบวณท่านี้จะขึ้นไปถึงทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นต่ํา
“ฟูว ฟิว!”
ระเบิดหนาแน่นแตกตายออกมาจากห้องโถงใหญ่ ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุดพร้อมกับเสียงระเบิดดัง,กระบวณท่านี้สังหารแม่ทัพปีศาจลงอีกครั้งจากนั้นเขากลายไปเป็นหยดเลือดนับไม่ถ้วนและจางหายไปอีกครั้ง
เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นเซียวเฉิน, นางเร่งกระโดดเข้ามา ใบหน้าอันงดงามของนางเผยความเป็นกังวลออกมานางรีบกล่าวขึ้น “เยาเฉิน,ทําไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ว่าข้ามอบเครื่องรางเพลิง ศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าไปแล้ว?”
เซี่ยวเฉินพูดเสียงค่อย “ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล,บิดาของเจ้าบอกให้ข้ามา เขาได้คาดการณ์เอาไว้ว่าพวกเจ้าไม่อาจเปฯคู่มือกับแม่ทัพปีศาจโลหิตเขาได้ผนึกทักษะต่อสู้เอาไว้ในกระบี่เงาจันทร์ มันสามารถสังหารแม่ทัพปีศาจโลหอตได้”
ทั้งกลุ่มได้สังฟารแม่ทัพปีศาจโลหิตลงไปอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ไม่มีใครลดการป้องกันลงกลับกัน,พวกเขายิ่งเป็นกังวลมากขึ้น
“ศิษย์พี่ลู่,ผลของทักษะปีศาจโลหิตกลืนกายกําลังจะหมดลงแล้ว ทุกคนได้เผาผลาญความแข็งแกร่งไปมากหากพวกเราใช้แม่น้ําฟ้าคลั่งอีกครั้ง,พลังของมันจะลดต่ําลงอย่างมากหากแม่ทัพปีศาจโลหิตฟื้นคืนชีพอีกครั้ง,สถานการณ์จะย่ําแย่”
หนึ่งในมือกระบี่ของค่ายกระปสวรรค์กล่าวกับลู่เฉินอย่างเป็นกังวล
ลู่เฉินมีสีหน้ามืดมน,เขารู้ถึงสถานการณ์ดีอยู่แล้วแต่มันเกินความคาดการณ์ของเขาไปไกล
ความคิดแต่เดิมของพวกเขา,ด้วยความแข็งแกร่วที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าจากทักษะปีศาจโลหิตกลืนกายและผสานเข้ากับแม่น้ําฟ้าคลั่ง, พวกเขาจะสามารถสังหารภาพเสมือนของแม่ทัพปีศาจโลหิตและปีศาจโลหิตตนอื่นลงได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาคาดคิดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน,สถานการณ์ที่แม่ทัพปีศาจโลหิตนั้นฆ่าไม่ตาย
เมื่อมู่หลงชงเห็นหลิวหนูเยว่ยืนอยู่กับเซียวเฉิน,ร่องรอยความเกรี้ยวโกรธเล็กๆปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขารีบเดินตรงไปหาลู่เฉินและกล่าว“ร่างจริงของมันน่าจะเป็นดวงจันทร์สีแดงที่อยู่บนท้องฟ้า มันไม่มีสิ่งที่คืนชีพได้อย่างไม่รู้จบในโลกใบนี้หากพวกเราสังหารมันลงไปเรื่อยๆ เขาจะต้องตกตายลงในที่สุด”
ลู่เฉินยิ้มขมๆและชี้ไปที่ร่างสามร่างที่อยู่บนพื้นและกล่าวขึ้น “ข้าเกรงว่า ก่อนที่มันจะตาย,พวกเราจะยันเอาไว้ไม่อยู่หากมันยังไม่ตายหลังจากที่เราสังหารมันลงอีกครั้ง,พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล่าถอย”
“ฟู ฟิว! ฟูฟิว!”
หยดเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง พวกมันเร่งรวมตัวกันและแม่ทัพปีศาจโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาระมัดระวังยิ่งกว่า,มันไม่อาจลอยโจมตีใส่ใครได้
ดวงจันทร์สีเลือดฉายแสงสีแดงลงมาและร่างกายอันอ่อนแอของแม่ทัพปีศาจโลหิตกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันซีดเซียวของเขาพร้อมกับมองไปที่ผู้มาใหม่สามคน“มีคนเข้ามาตายเพิ่มอีกสามคน?”
“สังหาร!”
ระยะเวลาที่พวกเขาจะสามารถรักษาสภาพทักษะปีศาจโลหิตกลืนกายนั้นมีจํากัด สู่เฉินไม่อยากที่จะเสียเวลา ในจังหวะที่แม่ทัพปีศาจโลหิตปรากฏตัวขึ้นมาเขานําทีมเข้าจู่โจม
หลิวหรูเยว่ ผู้ที่อยู่ด้านข้างเซียวเฉิน,เพียงบอกให้เซียวเฉินระวังตัวก่อนที่นางจะพุ่งเข้าสู่สมรภูมิ,ประมือกับแม่ทัพปีศาจโลหิตพร้อมกับคนที่เหลือ
คนทั้งเจ็ดได้ประมือผ่านศึกใหญ่มาด้วยกัน;พวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมเซี่ยวเฉิน,หยุ่นเข่อซินและมู่หลงชงไม่ได้อยู่ในตําแหน่งที่ดีที่จะเข้าไปร่วมการต่อสู้มิฉะนั้น, พวก เขาอาจจะเป็นคนฟังการสอดประสานลงพวกเขาทําได้เพียงยืนอยู่ด้านข้างและมองดูอย่างเงียบๆ ค่อยมองหาโอกาส
“หอกมรณะปีศาจโลหิต!”
แม่ทัพปีศาจโลหิตร้องตะโกนออกมาและควบรวมลูกบอลเลือดในมือของเขา ลูกบอลเลือดยึดยาวกลายเป็นหอก มันทิ้งภาพติดตาสีเลือดเอาไว้ด้านหลังพร้อมกับบินไปที่กลั่มคนอย่างรวดเร็ว
หอกเล่มนี่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ภายในพริบตา,มันมาถึงตรงหน้าของสู่เฉินดวงตาของลู่เฉินส์องประกายแวววับพร้อมกับเขากวาดกระบี่เป็นวงในอากาศ
อากาศหมุนวนสรางตัวขึ้นตรงหน้าของลู่เฉิน เมื่อหอกสรเลือดเข้าปะทะกับมัน,มันถูกเบียงทิศลอยออกด้านข้าง
“ปัง!”
หอกสีเลือดซัดเข้าที่เสาหินต้นมหึมาภายในห้องโถงใหญ่ เสาหินระเบิดออกและกร่อนลง
ในจังหวะต่อมา เกิดเสียงระเบิดดังท่อนบนของเสาหินทบายลงกับพื้น
เมื่อเสาหินสูงหลายเมตรร่วงลง,ทุกคนรีบหลบเลี่ยง เสาหินที่ล้มลงตบเอาฝุ่นควันจํานวนมากขึ้นมาในอากาศ ภายใต้แรงกระแทกรุนแรง,ทั่งทั้งห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือนไม่หยุด
“ฟู ฟิว!”
แม่ทัพปีศาจโลหิตคว้าโอกาสในตอนที่ทุกคนกระโดดหลบ เขาหัวเราะเสียงประหลาดและกลายร่างเป็นของเหลวสีเบื้อด,พุ่งเข้าหามือกระบี่ผู้ที่ใช้ออกทักษะปีศาจโลหิตกลืนกาย
เมื่อมือกระบี่ผู้นั้นตั้งตัวได้, เขารู้สึกถึงอะนตรายจากด้านหลังของเขาอย่างไรก็ตาม,มันได้สายไปแล้ว