Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 243
บทที่ 243 – สิ่งที่เกิดซ้ำสองจะ… (3)
[ความแข็งแรง ความอดทน และพลังเวทย์เพิ่มขึ้น 20% สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 5 ความสัมพันธ์กับธาตุทั้งหมดเพิ่มขึ้นและความสัมพันธ์กับธาตุแสงเพิ่้มขึ้นอย่างมาก ความต้านทานต่อพิษเพิ่มอย่างมาก]
[คุณจะสามารถอัญเชิญตรีศูลของพระศิวะได้วันละครั้งเป็นเวลาสามสิบนาที เมื่อตรีศูลถูกอัญเชิญออกมาตรีศูลจะเข้าไปอยู่ในอาวุธของคุณและเพิ่มระดับของเทคนิคหอกขึ้นหนึ่งระดับ ในตอนที่โจมตีมีโอกาส 10% ที่จะทำการโจมตีสามครั้งซ้อนและสร้างความเสียหายขึ้นเป็นสามเท่าจากปกติ]
[คุณสามารถจะอัญเชิญกาน่า(กาน่าหรือก็คือสัตว์เลี้ยง บริวาณอะไรพวกนี้อะครับ) ‘แนนดิ’ ของพระศิวะได้เดือนละครั้งเป็นเวลาห้านาที แนนดิคือกระทึ่งยักษ์และจะคลั่งเมื่อถูกอัญเชิญออกมาโดยไม่มีร่างกาย มันได้รับพลังในฐานะกาน่าจากเทพแห่งการทำลาย มันจะพุ่งออกไปข้างหน้าเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียวคือการทำลายเป้าหมายของคุณ]
[คุณสามารถจะใช้ ‘ดวงตาเทพแห่งการทำลาย’ ได้ปีละครั้ง ตาดวงที่สามที่อยู่บนหน้าผากของพระศิวะจะเปิดออกเพื่อยิงลำแสงที่ทรงพลังออกมาข้างหน้า เมื่อลำแสงพุ่งออกมามันจะเร็วยิ่งกว่าแสง และมีการกล่าวว่าไม่สามารถจะหลบได้และสามารถจะทำลายได้ในทุกๆสิ่ง พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นตามสเตตัสของคุณ]
[คุณได้รับชื่อของเทพสามองค์ด้วยร่างกายของมนุษย์นี้เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ดันเจี้ยน แม้ว่ารจะมีเทพองค์อื่นๆอีกที่ต้องการจะมอบชื่อให้กับคุณ แต่ว่ามันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะถือครองชื่อเทพถึงสี่องค์ในร่างของมนุษย์ ยังไงก็ตามถ้าหากคุณได้ก้าวไปสู้ระดับใหม่ที่เหนือกว่าปัจจุบันมันก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะได้รับชื่อของเทพองค์ที่สี่]
แม้ว่าฉันจะคิดว่าฉันจะได้พลังที่มากขึ้น แต่ว่าฉันก็ต้องตกใจกับพลังที่ได้มามากเกินไปในครั้งนี้ ในตอนที่ฉันได้รับชื่อของเฮอร์มีสความเร็วของฉันเพิ่มขึ้น 15% และในตอนที่ฉันได้รับชื่อของซุสความแข็งแรงและเสน่ห์ของฉันเพิ่มขึ้น 15% แต่ยังไงก็ตามในครั้งนี้ความแข็งแรง ความอดทน และพลังเวทย์เพิ่มขึ้น 20% โดยที่ไม่ลดสถานะอะไรอีกด้วย
ฉันต้องตกตะลึงกับการเพิ่มขึ้นอย่างมากมายนี้ซึ่งมันส่งผลกระทบอย่างมากกับร่างกายของฉัน ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังทำลายขีดจำกัดขึ้นไป
ความเจ็บปวดที่มากกว่าในตอนที่ได้รับชื่อของซุสอย่างเทียบกันไม่ติดก็ยังเข้ามาหาฉัน พลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาลได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างของฉัน ขยายมานาและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ กระดูก ร่างกายของฉันได้ถูกพัฒนาขึ้นไปจนคล้ายกับเทพมากยิ่งขึ้น ฉันได้กัดฟันแน่นและไม่ยอมที่จะสูญเสียสติไป
“ให้ตายสิ… ในตอนนี้ฉันไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เลือกเทพเลย…”
แม้แต่ซุสกับธอร์ก็ยังมีชื่อมาให้ฉันเลือกพร้อมๆกัน แต่ว่ามันดูเหมือนว่าเทพสูงสุดในศาสนาฮินดูจะไม่ต้องการที่จะไปถูกเปรียบเทียบกับเทพองค์อื่นและรอให้ฉันเป็นฝ่ายต้องตัดสินใจเลือก วิธีการที่เขามอบชื่อให้กับฉันจึงค่อนข้างจะรุนแรง
ฉันต้องทนกับความเจ็บปวดในการเปลื่ยนแปลงของร่างกายนี้เป็นเวลากว่า 10 นาที เมื่อฉันได้ลุกขึ้นมาความเจ็บปวดก็บรรเทาลงไปแล้วทำให้ฉันสามารถจะรู้สึกถึงความเปลื่ยนแปลงได้ ในตอนที่ฉันได้ตรวจสอบสเตตัสของฉัน พลังชีวิตฉันก็เกินหนึ่งแสนไปแล้วและมานาของฉันก็เกินแสนแปดหมื่นไปแล้วเช่นกัน ปริมาณมานาที่ไหลผ่านร่างกายของฉันนี้มันมหาศาลมาก
“อืมม….”
ยังไงก็ตามศัตรูของโลกที่ฉันเผชิญในทวีปไซรอนก็ยังมีมานาที่เหนือกว่านี้ ไม่ใช่แค่มานา แต่ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันก็เหนือไปกว่าจินตนาการฉันอีก แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าฉันอีก มันไม่มีอะไรที่จะมารับประกันว่าศัตรูของโลกที่ฉันไม่รู้จักจะอ่อนแอกว่าบุ๊ควอร์คเกอร์หรือเดม่อนลอร์ด มันไม่ต้องสงสัยเลยแม้ว่าฉันจะได้ชื่อของเทพองค์ที่สามมา ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชีวิตของเดม่อนลอร์ดมาได้
แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอ่อนแอ มันก็แค่ว่าเป้าหมายของฉันมันเอามาเทียบกันไม่ได้ ถ้าหากว่าฉันใช้พลังที่ฉันได้รับมาถูกเวลา ฉันก็อาจจะต่อสู้กับศัตรูของโลกในระดับเดียวกันกับราชาลาวาได้อย่างทัดเทียม
ตรีศูลที่ซึ่งจะยกระดับเทคนิคหอกและพลังโจมตีของฉันมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากและแม้ว่าแนนดิจะใช้ได้แต่เดือนละครั้งแต่มันก็เป็นทักษะที่โจมตีวงกว้างและทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
ในท้ายที่สุดก็คือดวงตาที่สามของพระศิวะซึ่งทำลายได้ทุกๆสิ่ง เนื่องจากว่ามันสามารถใช้ได้ปีละครั้งมันจะต้องทรงพลังมากๆแน่ แม้แต่เดม่อนลอร์ดก็คงจะไม่สามารถเมินการโจมตีนี้ได้ เมื่อคิดถึงสิ่งทั้งหมดนี้ฉันรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง ด้วยสิ่งนี้ฉันได้รับการโจมตีที่ทรงพลังอีกอย่างมาก
“ดีล่ะ ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นอีกก้าวแล้ว”
ฉันเพิ่งจะเคลียร์ชั้น 70 ไปเองเท่านั้น หากนับรวมบียอนกับดันเจี้ยนที่หนึ่งแล้ว มันยังเหลืออยู่อีก 60 ชั้นที่ฉันจะต้องปืนขึ้นไป ฉันยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกหลายเท่า
“รางวัล….”
หน้าต่างข้อความที่ให้ฉันเลือกรางวัลยังคงค้างเอาไว้อยู่ มันมีให้ฉันเลือกแค่อย่างเดียวดังนั้นฉันไม่รู้ทำไมว่าฉันจะต้องมาคอยเลือกมันด้วย ฉันได้หยิบใบมีดเงาซ้อนเร้นออกมา ฉันคิดว่ามันจะอาวุธ แต่แล้วผิดคาดที่มันเป็นต่างหู
[ใบมีดเงาซ้อนเร้น (อีปิค)
ความทนทาน – 850/850
ความต้องการอุปกรณ์ – ผู้พิชิตยมทูตโบราณ ความแข็งแกร่ง 300 พลังเวทย์ 300
ผลอุปกรณ์ – ความแข็งแกร่ง +30 พลังเวทย์ +30 ในตอนที่คุณโจมตีหรือถูกโจมตี และการโจมตีนั้นติดคริติคอลจะมีเคียวยักษ์ปรากฏขึ้นมาและโจมตีศัตรู พลังโจมตีของเคียวยมทูตจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงและพลังเวทย์ของคุณ]
“อ่า นี้มัน….”
คำอธิบายมันสั้นๆแต่ว่าผลลัพธ์ของมันไม่สามารถจะมองผ่านได้เลย ความจริงที่ว่ามันนจะถูกใช้งานในตอนที่ฉันโจมตีติดคริติคอลมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งฉันได้ถอดต่างหูซัคคิวบัสโลหิตออกมาและใส่ใบมืดเงาซ้อนเร้นลงไปแทน แต่เดิมต่างหูซัคคิวบัสโลหิตเข้ากันได้ดีกับหยดน้ำตาทองคำ แต่ว่าด้วยต่างหูใหม่นี้มันดูไม่เข้ากันแม้แต่นิดเลย
เมื่อมองใบหน้าฉันที่สะท้อนจากใบมีดหอก ฉันได้ลังเลว่ามันดีไหว
“ชั่งเถอะ สเตตัสสำคัญที่สุด เรื่องภาพลักษณ์ชั่งมัน”
ต่างหูซัคคิวบัสโลหิตมีผลเสริมเสน่ห์ของฉันและเพิ่มกลิ่นที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ง่ายขึ้น แต่แม้อย่างนั้นค่าเสน่ห์ของฉันในตอนนี้ก็มากเกินความจำเป็นไปแล้ว และฉันยังรู้สึกอีกด้วยว่าการเอาต่างหูนี้ออกมันทำให้กลิ่นที่น่ารำคาญลดลงไป ฉันมั่นใจเลย
ในตอนที่ฉันได้เข้าไปในร้านขายของประจำชั้นฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะมอบต่างหูให้กับยุยที่ใช้ค่าเสน่ห์เป็นหลัก ในตอนที่โรเล็ตต้าได้เห็นฉันเธอได้ผงะออกมา
“อ๊า ชินได้รับชื่อของเทพอีกแล้ว”
“ใช่แล้ว เป็นของพระศิวะนะ”
“พระศิวะ… เทพแห่งการทำลายล้าง!? ร่างกายของฉันสามารถเก็บพลังของพระศิวะได้ยังไง ฉันก็เคยคิดนะว่าร่างกายของชินมันไม่ปกติ… ฉันจะต้องตรวจสอบแล้ว”
โรเล็ตต้าได้เข้ามาแตะร่างกายของฉันด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจไปทั่ว….
“ฉันเห็นความคิดของเธอได้ชัดเลยนะโรเล็ตต้า”
“ฉันก็แค่พยายามจะดูว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายของชินเอง…”
ในตอนที่ฉันได้ฝืนดึงโรเล็ตต้าออกมาเธอก็บ่นออกมา ฉันได้เมินเธอและถามออกไป
“แล้วมันมีอะไรไหม?”
“ห๊ะ?… อ่า”
“….เธอลืมเรื่องนี้ไปหมดเพราะความตั้งใจที่ชั่วร้าย…”
“เอเฮะ”
“อย่าคิดว่าการยิ้มน่ารักมันจะเปลื่ยนอะไรได้”
ต่อมาโรเล็ต้าได้ตรวจสอบร่างกายของฉันอย่างจริงจังโดยที่ไม่มีเจตนาซ่อนอีก จากนั้นเธอได้บอกกับฉันร่างกายของฉันกำลังตรึงเครียดจากการปะทะกันของพลังเทพองค์ที่สามกับเทพทั้งสององค์แรก ฉันก็คิดเหมือนๆกัน
“ชินจะต้องพัก”
“ฉันต้องทำแบบนั้นจริงๆหรอ ชั้นที่ 71 มันไม่น่าจะยากนะ”
“การยอมรับพลังของเทพทั้งสามองค์ในร่างกายเดียวมันก็น่าทึ่งแล้ว ก่อนที่พลังจะเสถียรชินจะต้องพัก ถ้าเป็นไปได้อย่างได้ใช้พลังมากเกินไป”
“แต่ว่าฉันก็พักมามากแล้วนะตั้งแต่เมื่อวาน ฉันยังต้องพักอีกหรอ”
ในตอนที่ฉันถามออกมาอย่างท้อๆ โรเล็ตต้าได้ปรบมือและยื่นหน้าเข้ามาหาฉัน นัยตาสีทองของเธอได้จ้องนิ่งมาที่ฉัน
“ถ้าอย่างนี้ไปเล่นกันเถอะ ฉันต้องการรักษาชินด้วย ไปที่ส่วนแฟรี่ด้วยกันเถอะ เร็วเข้า”
“ไม่ โรเล็ตต้าสายตาเธอมันอันตรายจนเกินไป”
“ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรจริงๆนะ ไม่มีเลยแม้แต่นิด”
ฉันค่อนข้างจะเชื่อในคำพูดของแม่ว่าอย่าได้เชื่อคนแปลกหน้าและตามเขาไปยิ่งคนๆนั้นมีสายตาเหมือนกับสัตว์ป่า
“เดี๋ยวฉันกลับมานะโรเล็ตต้า”
“อ่า อ๊าาาาาา ชิน ชินนนนนนนน”
ฉันได้โบกมือให้กับโรเล็ตต้าที่ร้องเรียกชื่อของฉันและเดินกลับไปที่โลก ฉันมั่นใจว่าฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการได้รับชื่อของพระศิวะ และฉันยังรู้สึกได้เลยว่าฉันไม่สามารถจะควบคุมพลังที่ปะทะกันอยู่ภายในร่างของฉันได้ ยังไงก็ตามนับตั้งแต่ที่ฉันได้เรียนรู้มานา ฉันก็มีวิธีที่จะรักษาสภาพร่างกายในตอนที่ผิดปกตินั่นก็คือวงจรเพรูต้า
ยุยได้ไปโรงเรียนแล้ว ส่วนพ่อกับรูเดียต่างก็อยู่ในดันเจี้ยน และแม่ก็ไปทำงาน ดังนั้นฉันจึงอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว ฉันได้เริ่มโคจรวงจรเพรูต้าอย่างสงบ
ฉันได้รวบรวมมานาที่อยู่รอบๆมาในจุดๆเดียวและดึงพลังที่แข็งแระด้างออกมาด้วยพลังที่หมุนเวียนของวงจรเพรูต้า เมื่อรวมเข้ากับการไหลเวียนของวงจรเพรูต้าแล้วความเร็วในการหมุนได้เพิ่มขึ้น ฉันได้ดึงมานาจากภายนอกเข้ามาช่วยควบคุมมานาจากภายในและกลั่นมานาของฉันด้วยวงจรหมุนวนที่ไม่สิ้นสุด
“พลังของเทพนี่มันควบคุมยากจริงๆ… ไม่สิ สมาธิ สมาธิ”
เพื่อที่จะใช้ชื่อของเทพได้มายิ่งขึ้นและดึงพลังของตนได้มากกว่านี้ ฉันจะเป็นจะต้องระบุตัวตนและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ ฉันได้รับรู้ถึงพลังของเฮอร์มีส พลังของซุสและพลังของพระศิวะที่มีตัวตนแยกกันต่างห่างและเริ่มควบคุมพวกมัน
ในการต่อสู้กับศัตรูของโลกฉันจำเป็นจะต้องใช้พลังที่อยู่ภายนอกจากระบบของดันเจี้ยน มันเป็นเรื่องง่ายที่จะมองข้ามความจริงที่ว่าชื่อของเทพก็ยังถูกควบคุมผ่านพลังของดันเจี้ยน แม้อย่างนั้นฉันก็ยังต้องการการสนับสนุนในการใช้พลังของเทพ ในท้ายที่สุดฉันก็จำเป็นจะต้องสร้างพลังของตัวเองโดยที่ไม่ต้องอาศัยดันเจี้ยน
ฉันได้ยินมาว่าแม้แต่ในอดีตที่ดันเจี้ยนไม่มีตัวตนอยู่เทพก็ยังถูกยืมพลังจากผู้คน เหมือนๆกับฉันที่ได้ใช้วงจรเพรูต้า เทคนิคหอก และเทคนิคธาตุโดยที่ไม่มีระบบดันเจี้ยนช่วย ในอดีตชื่อของเทพจะยังต้องถูกมอบให้กับผู้คนในฐานะพลังพิเศษแน่ๆ
ดังนั้นฉันต้องการที่จะใช้ชื่อของเทพเหมือนกับพวกเขาในอดีต ไม่ใช่เพียงแค่ตะโกนชื่อทักษะเท่านั้น ในตอนที่ฉันทำแบบนั้นได้ฉันถึงจะกล้าเรียกชื่อตัวเองว่าผู้ถือของชื่อของเทพที่แท้จริง ในเมื่อมันเป็นไปได้ ระดับของฉัน….
“อืม? ไม่ใช่อะไรที่แบบพริบตาเดียว?”
เพียงแค่ฉันคิดว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่สำคัญมากๆใจฉันก็สั่นมาก ยังไงก็ตามไม่ว่าฉันจะพยายามคิดไปเท่าไหร่ฉันก็คิดไม่ออก เนื่องจากว่ายิ่งคิดมันยิ่งปวดหัวดังนั้นฉันจึงกลับไปทำเพียงตั้งสมาธิกับวงจรเพรูด้า ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันกำลังเดินไปถูกทางแล้ว
วงจรเพรูต้ามีพลังในการตั้งสมาธิไปในจุดๆเดียว ราวกับว่าฉันกำลังจะหลับไปฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าอย่างสงบ ทันใดนั้นเองฉันก็ได้ถูกโจมตีด้วยเสียงที่จู่ๆดังออกมาจากข้อความของพี่สาว
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนจำนวนมากได้ถูกสร้างขึ้นบนโลก เนื่องจากมีดันเจี้ยนจำนวนมากที่มีความยากเหนือกว่าดันเจี้ยนที่เคยมีมา ได้โปรดจัดการพวกมันก่อนที่จะสายไป]
ใช่แล้ว
ถ้าหากมันมีครั้งที่สองมันก็จะต้องมีครั้งที่สามเกิดขึ้น การจู่โจมอย่างกระทันหันของเหตุการดันเจี้ยนมันก็ยังมาถึงในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดมากที่สุด