Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 244
บทที่ 244 – สิ่งที่เกิดซ้ำสองจะ… (4)
ฉันได้ลุกขึ้นยืนจากท่านั่งสมาธิ ในตอนที่ฉันตั้งสติกลับมาก็ถึงเวลา 5 โมงเย็นแล้ว ฉันตั้งสมาธิกับการโคจรวงจรเพรูต้าโดยที่ไม่ได้รับขยับแม้นิดมาห้าชั่วโมงแล้ว อย่างที่พูดไปการตั้งสมาธิกับการโคจรวงจรเพรูต้าก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงร่างกายของตัวเองได้ดีขึ้น
ฉันได้เข้าใจถึงวิธีใช้สเตตัสที่เปลื่ยนไปและพลังเทพก็ยังสงบลงไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้อย่างนั้นพลังของเทพก็ยังคงวนเวียนอยู่ในร่างของฉันอย่างไม่มั่นคงนัก ฉันคิดจะทำให้พลังพวกนี้ขยะไปในบางส่วนของร่างกายแต่ว่าในตอนนี้พลังพวกนั้นไม่ได้ขยับแม้แต่นิด
“ไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน….”
ฉันได้เตะประตูและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ยุยในชุดนักเรียนกำลังวิ่งเข้ามาในบ้าน
“พี่ได้ยินไหม”
“ใช่ ยุยไปโรงเรียนแบบนี้หรอ”
ฉันได้มองไข่ที่อยู่ในแขนของยุยและตะโกนออกมาอย่างตกใจ ยุยได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“นักเรียนกับคุณครูเขารู้ว่าหนูเป็นผู้ใช้พลัง คุณครูก็เลยไม่ว่าอะไร”
“เอาเถอะ… ถ้ายุยว่าแบบนั้นก็ไม่เป็นไร”
“หุหุ หนูสามารถรู้สึกได้เลยว่าเจ้าหนูนี่กำลังขยับ อีกไม่นานก็จะฟักแล้ว”
“อะ อ่า”
เป็นแค่เฉพาะฉันรึป่าวนะที่คิดว่าน้องสาวฉันเปลื่ยนไปหลังจากได้รับพลัง…
ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันได้ไปที่บ้านกิลด์พร้อมพ่อกับรูเดียที่เพิ่งจะออกมาจากดันเจี้ยนหลังจากได้ยินข้อความนี้ ทุกๆคนนอกเหนือไปจากสมาชิกที่อยู่ต่างประเทศได้มารวบตัวกันที่บ้านกิลด์ ซัคคิวบิบางส่วนที่อยู่หน้าคฤหาสน์ก็ทักทายฉันเมื่อพวกเธอเจอกํน
“สามีที่รัก…ท่านมาถึงแล้ว”
“ชินอยู่ข้างนอกหรอ นี้มันเร็วมาก”
ในตอนที่ฉันเข้าไปในห้องประชุม ฮวาหยาได้ทักทายฉันด้วยสายตาที่เบิกกว้าง อืม.. ฉันได้ถามเธอด้วยรอยยิ้มขม
“เรายังระบุจำนวนไม่ได้ใช่ไหม”
“อื้อ พวกเรามีหน่วยซัคคิวบิแล้วในตอนนี้ พวกเราได้รายงานสถานการณ์ไปยังกลุ่มผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีของแต่ละประเทศแล้ว”
“สามีที่รักสถานการณ์ตอนนี้ดูจะไม่ราบรื่นนัก เพิ่งแค่จำนวนที่เรารู้ในตอนนี้คือ….”
ลิโคไรท์ได้ยื่นลูกบอลคริสตัลมาตรงกล้างห้อง ภาพวิดีโอได้ถูกเปลื่ยนไปทันที บนแผนที่โลกได้มีจุดสีแดงแต้มเอาไว้จำนวนมาก
“นี้มันใช่อย่างที่ฉันคิดไหม”
“ใช่แล้ว ทั้งหมดนี่คือเหตุการณ์ดันเจี้ยน”
การค้นหากดันเจี้ยนของซัคคิวบิเริ่มจากเกาหลี ในขณะที่พวกเรากำลังได้รับการอัพเดทข้อมูลสดๆจากพวกเธอ จุดแต้มสีแดงดูจะกระจายจากเกาหลีไปประเทศอื่นๆ ในเวลาสั้นๆเกาหลี จีน ญี่ปุ่มได้ถูกสำรวจอย่างสมบูรณ์ จำนวนของจุดสีแดงดูจะเกิน 100 ไปได้อย่างง่ายๆ….
“เมื่อครั้งล่าสุดเราต้องเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนไปกี่แห่ง…?”
“ประมาณ 300 ได้”
ฮวาหยาได้ตอบออกมา ท่าทางของเธอก็ยังแย่ลงเล็กน้อยเช่นกัน แม้ว่าในตอนที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้จุดสีแดงก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“พวกเราได้วางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากกลุ่มปีกแห่งเสรีและผู้พิทักษ์ในการตรวจสอบและเคลียร์ดันเจี้ยน ด้วยวิดีโอจากฟิลิปปินส์ทำให้คำขอจากพวกเราเทียบเท่าได้กับรัฐบาลกลุ่มทั้งสองกลุ่มนั้นไม่สามารถจะปฏิเสธคำขอของเราได้”
“ใช่แล้ว ด้วยจำนวนมากขนาดนี้…”
“อื้อ พวกเรามีซัคคิวบิของลิโคไรท์อยู่ แต่ว่าแม้ว่าพวกเธอจะแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นการยากที่จะเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนทั้งหมดนี้ได้ทันเวลาอยู่ดี มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่สามารถแบ่งหน่วยออกได้นะ… แต่ว่าพวกเราไม่สามารถจะเสียพวกเธอไปได้มากกว่านี้”
“…ใช่แล้ว”
ฉันได้มองไปที่แผนที่โลกบนกำแพงและคิดในหัว ในอดีตเหตุการณ์ดันเจี้ยนไม่ได้โผล่ขึ้นในมหาสมุทร แต่ว่าในคราวนี้มันมีจุดสีแดงจำนวนมากในน้ำ มากยิ่งกว่าบนบก บางทีมันอาจจะมากกว่าพันหรือยิ่งไปกว่านั้นอีก การกำจัดพวกมันทั้งหมดภายในเวลาเพียงแค่สองเดือนด้วยพลังของมนุษย์ชาติหรอ มันเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากความช่วยเหลือจากซัคคิวบิ
“ขอบคุณพระเจ้าที่ลิโคไรท์อยู่กับฉัน….”
เยี่ยม สามีที่รัก ฉันจะบันทึกมันเอาไว้ เราจะเล่นมันซ้ำอีกครั้งเป็นเบื้องหลังในงานวันแต่งงานของเรา”
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าเธอจะเตรียมเครื่องบันทึกเอาไว้ด้วยนะ”
“ฉันคิดไว้แล้วว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้ดังนั้นฉันเลยเตรียมเอาไว้”
ลิโคไรท์ได้รีบซ่อนที่บันทึกของเธอเอาไว้ในเสื้ออย่างรวดเร็ว ดังนั้นฉันเลยแย่งมันมาจากเธอไม่ได้ ยุยที่ยืนอยู่ข้างๆฉันก็ข่มขู่ออกมาด้วยความโกรธ แต่ว่าเธอดูน่ารักซะมากกว่า
ในตอนที่ฉันบอกให้ลิโคไรท์และปลอบยุย ฮวาหยาที่จ้องแผนที่โลกอยู่ก็บ่นออกมาอย่างจริงจัง
“เร็ว นี่มันเร็วเกินไป…. ช่องว่างระหว่างคลื่นเหตุการณ์ดันเจี้ยนครั้งแรกและครั้งที่สองมันใช้เวลากว่าปี แต่ว่าในครั้งนี้มันเพียงแค่สี่เดือน ถ้าหากว่ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปโลกจะต้องถูกปกคลุมไปด้วยเหตุการณ์ดันเจี้ยนเอาแน่ๆ”
“สถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงกลางของการบุกแล้ว”
ในตอนนั้นเดซี่ได้เปิดปากออกมา เธอได้อยู่ในชุดต่อสู้ของเธอแล้ว เธอพร้อมที่จะไปสู้
น้ำเสียงของเธอที่เงียบสงบได้ดังไปทั่วห้องประชุม
“ผู้คนบนโลกถูกปกป้องมาเป็นอย่างดีจนถึงตอนนี้ แต่ว่าการบุกรุกที่แท้จริเริ่มนับตั้งแต่บัดนนี้ มันก็เหมือนกับในทวีปของฉันแทนที่มนุษย์จะได้เตรียมตัวการบุกรุกกลับรวดเร็วขึ้น”
“เธอเกิดมาก่อนที่การบุกรุกที่ทวีปไซรอนจะเริ่มงั้นหรอ”
“อื้อ… ฉันยังวัยรุ่นอยู่ แต่คังชินแค่วัยรุ่นมากๆ”
“อ่า ใช่ ใช่แล้วล่ะ”
เธอได้เน้นความจริงที่ว่าเธอยังไม่แก่
“มันใช้เวลาไม่ได้นานมากนัก หัวหน้าบุ๊ควอร์คเกอร์ได้ลงมาหลังจากที่มันเกิดการบุกครั้งแรกขึ้น 50 ปี หรือนั่นก็คือ 80 ปีหลังจากที่ดันเจี้ยนมาถึงทวีปไซรอน”
“50 ปีนับตั้งแต่ที่การบุกครั้งแรกหรอ”
“ในตอนแรกมีเพียงแค่บุ๊ควอร์คเกอร์ไม่กี่ตน ไม่กี่ปีต่อมาก็มีหลายสิบ สิบปีต่อมาก็มีเป็นร้อย นั่นคือในตอนที่เราได้เริ่มให้ความสนใจกับพวกมัน นักสำรวจก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก พวกเขามั่นใจในพลังของทวีปมากเกินไป”
“เพราะว่ามันไม่เหมือนกับบนโลก มอนสเตอร์มตัวตนอยู่แล้วในทวีปไซรอนและมีคนจำนวนมากที่สามารถจะใช้มานาได้”
บนโลกผู้ใช้พลังเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นเพียงแค่หลังจากการจู่โจมเริ่มขึ้น ดันเจี้ยนดูจะมีตัวตนมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว เพียงแค่ว่ามีนักสำรวจเพียงไม่กี่คนและไม่มีองค์กรอะไรแบบนี้แม้แต่นิด สถานการณ์ของโลกแตกต่างไปจากทวีปไซรอนมากๆ
ยังไงก็ตามแม้แต่ทวีปไซรอนที่มีเวลามาหลายซิบปีก่อนที่การบุกจะเริ่มขึ้นจริงๆ ผู้ใช้พลังของทวีปไซรอนมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ในตอนนั้นกัน
“มีสงครามระหว่างอาณาจักรขึ้น ไม่มีใครสังคนที่สนใจบุ๊ควอร์คเกอร์ มันแตกต่างจากโลกมาก บุ๊ควอร์คเกอร์เป็นเพียงแค่มอนสเตอร์กลายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยในทวีปพวกเรา”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาพลาดเวลาเตรียมตัวหลายสิบปีไป”
“นักสำรวจดันเจี้ยน… รู้ว่าโลกอื่นอยู่ในอันตราย แต่ว่าจนกว่าที่พวกเราจะได้เผชิญหน้ากับอันตรายตรงๆเอง พวกเขาก็จะไม่เตรียมตัวอะไร สิ่งที่สำคัญกับพวกเขาคือที่ดิน ทหาร สงคราม ผู้หญิงและอำนาจทางการเพียง มีเพียงแค่อาณาจักเล็กๆไม่กี่อาณาจักรที่ได้เตรียมตัวเอาไว้อย่างอาณาจักรเซลโลน”
ความโลภเป็นตัวขับเคลื่อน มันก็เหมือนกันกับในโลก ทุกๆคนต่างก็คิดกับมอนสเตอร์ในฐานะของทรัพยากร ไม่มีใครคิดเลยว่าพวกนี้จะเป็นภัยอันตรายที่จะมาคุกคาม นี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้ประเทศมากมายต้องสูญหายไป
“โลกมันแปลก มีผู้ใช้พลังแค่นอดนิดและคนที่แข็งแกร่งก็จะฉายแสงได้ง่ายๆ คังชินเป็นผู้นำและมีความมั่นใจในการจัดการกับมอนสเตอร์มาก นั่นเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเรา”
แต่ว่าน่าเสียดายที่ความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น
แต่ว่าการบุกเร็วเกินไป เมื่อเทียบกับทวีปของฉันแล้วมันเร็วกว่าสิบเท่าหรือไม่ก็มากกว่านั้น”
“การบุกรุกถูกเร่ง การทำล้าง… บางทีครั้งต่อไปอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย”
ฉันรู้ว่า ‘ครั้งสุดท้าย’ หมายถึงอะไร มันก็คือกองทัพของเดม่อนลอร์ดและมอนสเตอร์หนึ่งในสองกองกำลังจะได้ลงมาอย่างสมบูรณ์… ถ้ามันเกิดขึ้น มันก็จะเป็นจุดสิ้นสุด มนุษยชาติจะต้องเริ่มการต่อสู้อย่างยากลำบาก ยังไงก็ตามก่อนที่ฉันจะรู้สึกหมดหวัง ฉันได้ส่ายหัวออกมา
“ไม่โรเล็ตต้าบอกว่าเรามีเวลาสองปี พวกเราควรจะมีเวลาเหลืออีก 22 เดือนก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะบุกลงมาโดยสมบูรณ์”
“แม้แต่ลอร์ดของดันเจี้ยนก็ยังไม่สามรารถจะรับประกันเวลาที่เรามีได้ มันจะไม่เป็นไรถ้าเรามีเวลาสองปีจริงๆ แต่แม้ว่ามันจะมีแค่สองเดือนเราก็จะพูดอะไรไม่ได้ โลกนี้มันไร้เหตุผลอยู่แล้ว”
เดซี่ได้พูดออกมาอย่างใจเย็น
“คังชิน เตรียมพร้อมกับการสูญเสียเล็กๆเอาไว้ด้วย”
ฉันได้หยุดหายใจไป ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอได้มองผ่านหัวใจฉันเข้ามา”
“นายคือปาฏิหาริย์อยู่แล้ว แต่ว่าการจะป้องกันโลกโดยสมบูรณ์มันยากเกินไป มันเป็นเรื่องดีที่หวังเอาไว้สูง แต่ว่าในตอนที่นายพลาดนายจะต้องเจ็บปวดมากๆ”
“ฉันว่าเราไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้เดซี่ พวกเราป้องกันโลกกันมาได้ดีจนกระทั่งถึงตอนนี้ แทนที่จะพูดเรื่องที่ทำให้ท้อใจมันจะไม่ดีกว่าหรอกหากมาพูดกันในเรื่องที่ว่าจะทำวิธีไหนถึงจะจัดการเหตุการณ์ดันเจี้ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ฮวาหยาได้ขัดจังหวะขึ้นมา เดซี่ได้ยักไหล่และถอยกลับไป
“ฉันเพียงงแค่คิดว่าคังจะต้องคิดเอาไว้ ด้วยความรู้ตัวมันจะเจ็บน้อยลง ฉันเป็นห่วงคังชินนิดหน่อย… ฉันก็เคยประสบกับสิ่งที่เหมือนๆกัน
“ฉันก็เป็นห่วงชินเหมือนกัน แต่ว่า….”
ฮวาหยากับเดซี่ได้จ้องคตากัน ในไม่นานนักเดซี่ก็ขยับหมวกของเธอลงและถอยกลับไปอีก ในขณะที่ฮวาหยาได้ก้าวมาข้างหน้าพร้อมถอนหายใจเล็กๆ หลังจากการจ้องตาที่น่าอึดอัดได้จบลงฮวาหยาก็มองมาที่ฉันและชี้ไปที่กำแพงด้วยไม้ในมือ
“ถ้างงั้นมาเปลื่ยนเป็นเรื่องการจัดทีมกันเถอะ”
จำนวนจุดสีแดงบนแผนที่โลกตอนนี้ได้เลย 200 ไปแล้วและตอนนี้การสำรวจโลกยังไม่ถึงหนึ่งในห้าเลย ฮวาหยาได้ไอแห้งๆและสัมผัสไปที่ลูกบอลคริสตัลทำให้ภาพประมาณสิบภาพปรากฏถัดมาจากแผนที่โลก
“พวกเราจำเป็นจะต้องรอจนกว่าเราจะตรวจสอบกันเสร็จ แต่ว่าในตอนนี้พวกเราจะแบ่งทีมกัน”
บนหน้าจอเธอได้แสดงให้เห็นชื่อของสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลและนักสำรวจ 7 คนที่เราได้เลือกมานานแล้ว
“อย่างแรกนักสำรวจทุกคนที่ผ่านชั้นที่ 20 แล้วยังไม่ได้แต่งตั้งใครขึ้นมาอีกเลย”
“ถ้าพวกเรารู้ว่าจะมีเหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิดออกมามากขนาดนี้ พวกเราก็จะเลือกคนให้มากกว่านี้”
“มาคิดได้ตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นี้มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนจะโผล่ออกมา พวกเราเพียงแค่จะต้องเพิ่มจำนวนนักสำรวจขึ้นก่อนจะถึงครั้งถัดไป ในกรณีนี้พวกเราจะต้องเน้นไปที่การพัฒนาของนักสำรวจทั้งเจ็ดคนและสมาชิกของกิลด์รีไวเวิร์ลที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการปราบปรามเหตุการณ์ดันเจี้ยนครั้งล่าสุด พวกเราจะปล่อยให้พวกเขาสร้ามทีมและเพิ่มจำนวนสมาชิกของกิลด์รีไวเวิร์ลลงไปหนึ่งหรือสองคน พวกเขาจะเน้นไปที่การพิชิตเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับต่ำเพื่อที่จะฟาร์มแต้มสเตตัสและแต้มทักษะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เราก็จะต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์การจู่โจมเหมือนกัน”
“แน่นอนว่าพวกเราเพียงแค่จะเพิ่มผู้ใช้พลังลงไปในทีมด้วยและพวกเขาจะได้เคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้เร็วขึ้น มันอาจจะยุ่งไปสักพักดังนั้นทุกคนเตรียมตัวไว้ด้วย”
“ฉันพร้อมแล้ว ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ฉันจะช่วยเหลือทุกคน”
อิเลด้า แวนด์เป็นคนแรกที่ตอบกลับมา อืมม มันก็ยังคงยากที่จะคุยกับเธอ มิเชนายยังไม่ได้พิชิตอิเลด้าอีกหรอ
“หนูด้วย หนูจะไม่อยู่เป็นภาระ”
“ฉันยินดีที่ฉันจะสามารถแข็งแกร่งได้มากขึ้น”
ในขณะที่ยุยกำหมัดแน่น เลอบิคก็ยังพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบ้าคลั่ง ในทางกลับกันเร็นได้เริ่มจ้องจุดแดงๆอย่างเงียบๆและในท้ายที่สุดเขาก็พูดเสียงต่ำ
“ในตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันต้องชดใช้แล้ว เจ้าชายสิ่งที่คุณทำเอาไว้ในทวีปพาแนน ฉันก็จะทำแบบเดียวกันที่โลก”
“อ่า แต่ว่าอย่าได้สร้างรูบนท้องนายเหมือนฉันล่ะเร็น มันเจ็บมากๆเลยนะ”
“พี่มีรูอยู่ในท้องด้วยหรอ ให้หนูดูหน่อยพี่ ทำไมพี่ถึงไม่บอกหนูก่อนล่ะ”
อ่า อุปส์….
หลังจากนั้นไม่นานสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ล 17 คน นักสำรวจ 7 คน และซัคคิวบิ 176 ตนจากหน่อยต่อสู้ 16 ทีม แม้ว่าทีมนี้จะมีเพียงแค่ซัคคิวบิแต่ว่าก็ไม่ได้ด้อยกว่าทีมนักสำรวจใดเลยเพราะว่าพวกเธอสามารถจะแชร์ข้อมูลทำงานเป็นทีมร่วมกันได้อย่างดียิ่งกว่าการสื่อสารกันของนักสำรวจเสียอีก
สำหรับทีมของฉัน มีแค่ฉันเพียงคนเดียว
“เฮ้”
“พวกเรามีคนไม่พอ มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะอยู่กับนายนะ แต่ว่าพูดตามตรงนายจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”
คำพูดที่ไร้เยื่อใยของฮวาหยาทำให้ฉันต้องร้องไห้ แต่โชคดีที่อย่างน้อยฉันก็มีลิโคไรท์ พลีน และล็อทเต้ที่ไปกับฉัน
เพราะแบบนี้ภารกิจปราบปรามเหตุการณ์ดันเจี้ยนครั้งที่สามก็ได้เริ่มต้นขึ้น