Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 281
บทที่ 281 – ฤดูที่สาม (6)
“ชินนี่มันสำคัญมากนะ”
“แต่ฉันก็ส่งข้อความมาหาเธอก่อนแล้วนะ”
“มันต่างกันมากเลยนะกับการได้เห็นหน้าชินกับแค่ได้ยินเสียงนะ! ฉันจะไม่มีทางมั่นใจว่าชินกลับมาอย่างปลอดภัยจนกว่าฉันจะได้เห็นและสัมผัสชินด้วยตัวเองนะ
โรเล็ตต้าได้โวยวายออกมาเหมือนกับเด็กและตีฉันเบาๆ แต่ว่า ‘เบาๆ’ ของโรเล็ตต้านี่มันก็มากพอที่จะเหนือยิ่งกว่าแรงของออร์คลอร์ดนับร้อยซะอีก ฉันได้แต่ทนเอาไว้ ฉันได้พูดออกมาไปในขณะที่พยายามซ่อนความเจ็บปวดนี้ออกไป
“อ๊าาา ฉันแค่อยากจะจัดการทุกๆอย่างที่ฉันจะต้องทำก่อนจะมาหาโรเล็ตต้านะ ฉันจะได้ไม่ไปวอกแวกกับเรื่องนี้ไง”
“…ถึงเมื่อไหร่?”
จู่ๆโรเล็ตต้าเงียบลงไปพร้อมถามฉันออกมาด้วยสายตาเป็นประกาย นี่มันน่ารักจริงๆเลย
“ทั้งวัน”
“ทั้งวัน!? จริงนะ?”
“จริงสิ”
“เย้!!!”
เมื่อเห็นโรเล็ตต้าได้ปรบมืออย่างมีความสุขฉันได้ยิ้มเก้ๆกังๆ โรเล็ตต้าได้พุ่งเข้ามาหาฉันและถามด้วยใบหน้าอันเร่าร้อน
“แล้วเราจะเล่นอะไรกันดี เล่นอะไรดี”
“การเล่นมันก็ดีนะ แต่ว่าฉันมีบางอย่างที่อยากจะเรียนจากโรเล็ตต้านะ”
ใบหน้าของโรเล็ตต้าได้บูดบึ้งขึ้นทันที
“ชินนี่มันเป็นการทำลายความสุขของฉันไปในทันทีเลยนะ”
“…ขอโทษนะ”
หลังจากปลอบโรเล็ตต้าลงแล้ว ฉันก็ได้นั่งลงข้างๆเธอ แน่นอนว่าฉันก็ยังทรมานกับความเจ็บปวดก่อนหน้านี้อยู่
“ไม่เป็นไร แค่เพียงฉันได้ใช้เวลากับชินก็พอแล้ว”
“จริงนะ ถ้างั้นสิ่งที่ฉันจะเรียนคือ….”
“มันจะเยี่ยมไปเลยนะถ้ามันเป็นการต่อยคน”
โรเล็ตต้าได้ยิ้มหวานออกมาและปล่อยหมัดออกไปรัวๆ แค่หมัดๆเดียวนี้มันก็อันตรายถึงชีวิตได้เลย ฉันตระหนักได้แล้วว่าโรเล็ตต้ายังคงโกรธอยู่นิดๆ
“นั่นมันก็ดีนะ แต่ว่าฉันอย่างจะเรียนเกี่ยวกับการท่องมิติ”
ใบหน้าของโรเล็ตต้าได้แข็งทื่อขึ้น
“ชินล้อเล่นใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น”
“…รอก่อนนะ”
โรเล็ตต้าได้ลุกขึ้นและเดินวนรอบๆห้อง จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องครัวและต้มชาแดง หลังจากผ่านไปประมาณ 10 นาทีโดยที่ไม่มีการพูดอะไรอีกเลย โรเล็ตต้าก็มาพร้อมกับถ้วยชาและจิบมันลงไป จากนั้นแล้วในที่สุดเธอก็พูดออกมา
“ไม่เป็นไร แค่เพียงฉันได้ใช้เวลากับชิน”
“อย่ามาทำเป็นลืมนะ!”
“ฉันไม่รู้ ชินทำไม่ได้”
“ฉันอยากจะเรียนมัน”
ฉันได้มองไปที่โรเล็ตต้าอย่างจริงจัง จากนั้นเธอก็ตอบกลับมา
“ไม่!”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ?”
“ความยากของเวทย์นี่มันยากเกินไป นอกจากนี้การข้ามมิติด้วยพลังของตัวเองมันกินมานาจำนวนมหาศาล! มันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยพลังของชินในปัจจุบัน!”
“แต่ว่าฉันก็ยังอยากจะเรียนมัน ถ้าฉันทำได้ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์ในซักวัน”
โรเล็ตต้าได้มองฉันอย่างเหนื่อยใจและถามออกมา
“อย่างน้อยก็บอกเหตุผลที่ชินอยากจะเรียนมันหน่อยสิ”
“ฉันอยากจะใช้ทักษะของดันเจี้ยนให้ได้ด้วยพลังของตัวเอง”
“พูดให้ตรงมากกว่านี้หน่อยสิ”
“ฉันยังคิดว่าการที่ไปติดอยู่ในโลกอื่นที่พลังของดันเจี้ยนใช้ไม่ได้”
“นั่นมันไม่ได้…เป็นไปไม่ได้เลย ฉันเดานะ”
เธอรู้แล้วว่าฉันได้เจออะไรมา
สมดุลระหว่างการโจมตีและการป้องกันมันกำลังบิดเบี้ยวไปในทางแปลกๆ เดม่อนลอร์ดไม่ใช่แค่ศัตรูของโลกเพียงหนึ่งเดียวที่พยายามจะวิเคราะห์พลังของดันเจี้ยนเพื่อที่จะเอาชนะมัน ฉันจึงอยากที่จะเรียนรู้วิธีการใช้ทักษะท่องมิติด้วยตัวเอง
“แต่ว่าชินนี่มันยากมากเลยนะ มันไม่ใช่สิ่งที่ชินจะมาเชี่ยวชาญมันได้ในแค่วันสองวัน”
“ฉันเตรียมตัวมาแล้ว ฉันจะมาเรียนมันจากโรเล็ตต้าต่อให้ฉันจะต้องใช้เวลาว่างของฉันจนหมดเลยก็ตาม”
“…..”
เมื่อคิดถึงตอนนี้โรเล็ตต้าก็ดูเหมือนจะชอบในสิ่งที่ฉันเพิ่งจะพูดออกไป หูของโรเล็ตต้าได้ตั้งขึ้นมา เธอได้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นในท้ายที่สุดเธอก็หยักหน้า
“อย่าบอกเรื่องนี้กับลอร์ดนะ บอกเธอแค่หลังจากคุณเชี่ยวชาญท่องมิติเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว”
โรเล็ตต้าได้ถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอก็เอียงหัวและถามขึ้น
“ชิน ชินรู้ได้ยังไงว่าฉันใช้ท่องมิติได้!? แม้แต่ในหมู่กิลด์ผู้ดูแลด้วยกันเอง ฉันก็เป็นแค่คนเดียวนอกเหนือไปจากลอร์ดที่ใช้มันได้นะ”
“มันยากขนาดนั้นเลย!?”
“อ่า ถ้างั้นชินก็แค่เข้าใจความยากของมันผิดสินะ”
โรเล็ตต้าได้เร่งเร้าให้ฉันยอมแพ้ลงไปแต่ฉันก็แค่ยิ้มตอบเธอ จากนั้นจู่ๆโรเล็ต้าก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
“ชินตอนนี้ฉันพึ่งจะคิดได้นะ นี้มันเป็นข้อเสนอใช่ปะ? มันคล้ายๆกับแบบว่า ‘ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป’ ใช่ปะ?”
“ฉันอยากจะเรียนมันเร็วๆแล้ว ช่วยตัดช่วงไร้สาระทีสิ”
เพราะแบบนี้การสอนของโรเล็ตต้าก็ได้เริ่มขึ้น ฉันยังได้ฝึกการใช้ทักษะอื่นๆของดันเจี้ยนด้วยตัวเองไปด้วยควบคู่กับการฝึกท่องมิติ ตราบใดที่ฉันสามารถจะป้องกันตัวเองจากโรเล็ตต้าที่มองร่างกายของฉันเหมือนกับสายตาของผู้ล่าที่มองเหยื่อแล้วล่ะก็เธอนั้นคือที่ปรึกษาที่ดีที่สุด
ช่วงการทุบตีของเร็นกับพอล บทเรียนวงจรเพรูต้าของสมาชิกรีไวเวิร์ล การเรียนท่องมิติจากโรเล็ตต้าและการทำให้เคียร่าเป็นผู้เป็นคนด้วยฮวาหยา
มีหลายอย่างเลยที่ฉันจะต้องทำ แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวฉันหยุดการปันดีนเจี้ยนได้ ฉันมั่นใจตัวฉันเองในปัจจุบันนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเดม่อนลอร์ดยังไม่ใช่บอสตัวสุดท้ายซะด้วย ฉันยังต้องเอาชนะผู้ที่อยู่เหนือกว่าเดม่อนลอร์ดและแม้กระทั่งตอนนั้นฉันก็ไม่สามารถจะมามั่นใจในความปลอดภัยของโลกได้เลย แม้ว่าฉันจะบอกว่าฉันจะเอาชนะศัตรูของโลกในพื้นที่ของพวกมัน แต่ว่าการบุกเข้าไปในพื้นที่ของพวกนั้นมันต่างไปจากการที่พวกนั้นมาบุกฉัน นอกไปจากนี้… ไม่สิ ต่อให้ฉันคิดเรื่องนี้ไปฉันก็ยังทำมันไม่ได้อยู่ดีปล่อยมันไว้ก่อนล่ะกัน
ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันได้มุ่งหน้าสู่ดันเจี้ยน ดันเจี้ยนที่หนึ่งชั้นที่ 81 นี่เป็นส่วนบนของดันเจี้ยนอย่างแท้จริงที่มีสำหรับนักสำรวจระดับแพลตตินัม
[ถ้าหากว่าคลาสหลักของคุณไม่ใช่นักฝึกมอนสเตอร์ จำนวนของมอนสเตอร์ที่คุณจะพาเข้าไปในชั้นที่ 81 จะถูกจำกัดที่หนึ่ง]
ในตอนที่ฉันก้าวเท้าขึ้นบันไดไปพร้อมลิโคไรท์กับล็อทเต้ ข้อความของพี่สาว… ของเชอริฟิน่าก็ได้ดังขึ้นในหัวของฉัน ฉันได้หยุดเท้าลงและมองไปที่โรเล็ตต้าที่กำลังโบกมืออย่างมีความสุขจากร้านขายของ โรเล็ตต้าได้เอียงหัวพักหนึ่งและเธอก็ตีมือเข้ากับฝ่ามือเหมือนกับว่าตัวเธอเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นเธอก็แลบลิ้นออกมา
“เอะเฮะ”
ยกโทษให้ไม่ได้ แต่ว่าเนื่องจากว่าเธอน่ารักมากฉันจึงตัดสินใจยกโทษให้เธอ
“เธอลืมอีกแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว! มันก็นานมาแล้ววที่ฉันได้เจอกับนักสำรวจระดับแพลตตินัม!”
ฉันได้ถอนหายใจออกมาและมองกลับไปที่ล็อทเต้กับลิโคไรท์
“พวกเธอสองคนน่าจะกลับไปฝึกกันเองก่อนนะ ฝากบอกพลีนให้สู้ๆด้วยนะ”
“พวกเราทั้งคู่กลับไปหรอ?”
“ใช่แล้ว ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ฉันอยากจะลองดูด้วยตัวเอง”
ลิโคไรท์ดูจะผิดหวังเล็กน้อง แต่ล็อทเต้ได้หยักไหล่สบายๆ
“ถ้าเป็นฮีโร่คงไม่เป็นไรแน่ ฉันจะไปรอที่พื้นที่พักผ่อนของนางฟ้าล่ะกัน”
“ฉันจะกลับโลก”
ทั้งสองคนได้หยักหน้ารับและจากไป หลังจากส่งพวกเธอไปแล้วฉันก็ได้มองกลับไปที่โรเล็ตต้าที่ยังคงยิ้มอย่างยินดีและดีดหน้าผากของเธอด้วยออร่าแสง โรเล็ตต้าได้ขมวดคิ้วและตะโกนออกมา
“ชินนี้มันสำคัญมากนะ! มาให้ฉันจูบร้อยทีเป็นการไถ่โทษเลยนะ!”
“ไม่ได้เพราะนั่นมันรางวัล”
“…เอ๊ะ?”
หลังจากได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดโรเล็ตต้าได้งงอญู่พักหนึ่ง ฉันได้ปล่อยให้เธองงอยู่อย่างนั้นและเข้าไปในชั้นที่ 81 ทันที จากนั้นเธอก็หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ เธอนี่มันงี่เง่าจริงๆเลย
[คุณได้เข้าสู่ชั้นที่ 81 ตะโกนคำว่า ‘เริ่มสำรวจ’ เพื่อเริ่มการสำรวจ]
ชั้นที่ 81 นี่ให้บรรยากาศที่น่าขนลุก มันรู้สึกเหมือนกับจะมีผีโผล่ออกมาจากโถงทางเดินได้ตลอดเวลา นี้มันไม่ใช่แค่บรรยากาศเท่านั้นแต่มานาในโถงทางเดินก็ยังเย็นชาจนน่าขกลุก ฉันได้อัญเชิญริยูออกมาลดผลกระทบทันที
“ถ้ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มเลยมันต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่… เริ่มการสำรวจ!”
ทันทีที่คำพูดของฉันจบลงบรรยากาศของโถงทางเดินได้เปลื่ยนไปและมานาได้ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงจิตสังหาร ฉันได้รวมพลังมานามาที่ที่คล้องคอและเรียกหอกออกมา ในตอนนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ตกมาจากด้านบนหัวของฉัน
“ฮ่าห์!”
ฉันได้แทงหอกขึ้นไปอย่างรุนแรง ยังไงก็ตามฉันไม่รู้สึกถึงแรงสะท้อนเลยสักนิด ฉันได้กระโดดถอยหลังไปและตรวจสอบหอกของฉัน
มีก้อนเลือดติดอยู่ที่ปลายหอกของฉัน
[เลือดนั่นกำลังขยับ]
ริยูได้พูดขึ้นสั้นๆ เป็นอย่างที่เธอพูดเลือดได้หยดลงมาจากเพดานไหลผ่านผนังและคืบคลานอยู่บนพื้น เลือดทั้งหมดนี้ต่างก็เล็งมาที่ฉัน อยากแรกเลยเลือดที่อยู่บนหอกของฉันมันเป็นปัญหาที่สุด ฉันได้สะบัดหอกอย่างรวดเร็วแต่ว่าฉันก็สลัดมันไม่หลุด
“นี้มันเป็นมอนสเตอร์งั้นหรอ!?”
[ฉันรู้สึกได้ถึงมานาที่ทรงพลัง! มันเหมือนกับภูติธาตุ]
“ริยู แช่แข็งมันเลย!”
[อื้อ]
ริยูได้แช่แข็งหอกทันที แต่แล้วเลือดนั่นก็ได้ดูดน้ำแข็งของริยูและคลานมาหาฉันต่อ กินมานา นี้มันคือการกินมานา! ฉันได้ขบฟันแน่นและเร่งพลังเทพสายฟ้าขึ้น ในท้ายที่สุดเลือดนี่ก็ได้ระเหยไปเล็กน้อย ยังไงก็ตามเมื่อเทียบกับมานาที่ใช้ไปแล้วเลิอดที่หายไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ลำบากมาก”
ฉันไม่สามารถจะปล่อยให้มันคลานมาถึงด้ามหอกได้ ในตอนที่ฉันเร่งพลังเทพสายฟ้าขึ้นอีกเลือดนั่นก็เด้งขึ้นมาพร้อมเสียงแตก มันได้พุ่งเข้ามาหาใบหน้าของฉัน และฉันได้ใช้คมหอกที่ปกคลุมไปด้วยพลังเทพสายฟ้าปัดมันไปทันที
“ริยูหยุดไม่ให้เลือดตกจากเพดาน! ไพก้า ชาราน่า!”
[จากชั้นที่ 81 นี้ คุณไม่สามารถจะใช้ภูติธาตุทั้งสามตนได้ในเวลาเดียวกัน]
พร้อมๆกันกับคำอธิบายของชาราน่ามีแค่ไพก้าเท่านั้นที่ปรากฏออกมา เมื่อเธอได้เห็นเลือดที่คลานมาหาฉันจากทุกๆทาง เธอได้ร้องออกมาและปล่อยสายฟ้า
[น่าขยะแขยง! ไหม้ไปซะ!]
“ไพก้า พวกมันเป็นตัวกินมานา เธอจำเป็นต้องใช้พลังให้มากกว่านี้!”
[เข้าใจแล้ว]
ในขณะที่ไพก้ากับริยูกำลังวุ่นอยู่กับการหยุดเลือดไม่ให้เข้ามาหาฉัน ฉันก็ได้รีบหยิบมานาโพชั่นขึ้นมาดื่มลงไป
ในขณะเดียวกันเลือดได้ปรากฏขึ้นมามากขึ้นเลือดๆ เมื่อได้เห็นธารเลือดผุดขึ้นมาจากข้างใต้ฉัน ฉันก็ได้แทงหอกลงไปอย่างตกใจ เมื่อคุณสมบัติของเหลวได้มารวมกันเข้ากับคุณสมบัติของผู้กินมานามันก็กลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการมัน ในเมื่อฉันไม่สามารถจะยืนอยู่นี่และป้องกันมันไปตลอดได้ฉันจึงเริ่มวิ่ง ระหว่างนั้นฉันก็ได้เห็นเลือดจำนวนมากเต็มโถงทางเดิน ฉันได้รู้สึกเหนื่อยขึ้น
“นี้มันนรกอะไรกันเนี้ย!?”
ฉันได้คิดจะใช้พายุธาตุแต่แล้วก็ต้องยอมแพ้เพราะกลัวว่าพวกตัวกินมานามันจะทำลายชีวิตของภูติธาตุไป ในท้ายที่สุดแล้วฉันจึงใช้ฮีโรอิค สไตรค์เพื่อแยกเลือดออกและตะโกนออกมาอย่างรำคาญใจ แม้ว่าฉันจะไม่หวังว่าจะได้คำตอบกลับมาแต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ตอบฉันกลับมา
[พวกนี้คือ ‘นรกสีชาด’ ศัตรูของโลกที่เกือบจะทำลายโลพแพนไทแรน]
….เธอว่าไงนะ?