Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 285
บทที่ 285 – สมาชิกคนล่าสุด (2)
ฉันได้สังเกตุเห็นว่าทุกๆคนกำลังมองมาที่ฉัน พวกเขาทั้งหมดกำลังรอสิ่งที่ฉันจะต้องทำต่อไป มันน่าหนักใจเล็กน้อยที่พวกเขาไม่สามารถได้ข้อสรุปของตัวเองได้ แต่….ฉันก็ยังบอกความคิดออกไป
“ฉันเชื่อใจในพลังของเคียร่า ราชาทั้งสองจะต้องอยู่ในดันเจี้ยนแน่ๆ พวกนายทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่าราชาคืออะไรใช่ไหม?”
“แน่นอน”
ถึงแม้ว่าเธอจะพลาดโอกาสในการซ้อมกับฉัน แต่สายตาของสุมิเระก็ยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ในครั้งก่อนเธอได้แสดงออกมาออกมาอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาที่จะต่อสู้ แต่ว่าเธอทำแบบนั้นไม่ได้เพราะการขาดในพลังของเธอ แต่ในคราวนี้เมื่อเธอได้ถูกคัดเลือกมาแล้วทำให้เธอกระตือรือร้นแบบนี้
“อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะสุมิเระ เข้าใจนะ?”
“ค่ะ คุณชิน”
นั่นมันไม่ใช่คำตอบที่ฉันจะเชื่อใจได้มากนักแต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้มากกว่านี้แล้ว ฉันได้รู้สึกผิดหวังเล็กๆ
“เมื่อเราได้โค่นราชาทั้งสองตัวนี้ลงมันก็จะเหลือราชาอีกแค่ตัวเดียวจากทั้งหมดห้าตัว และมันก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวสุดท้ายนั่นก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าสี่ตัวข้างต้นนั่น แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เราจะการฆ่าราชาทั้งห้าได้พลังของพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในการควบคุมของพวกมันก็จะอ่อนแอลงมากดังนั้นเราจะต้องล่าพวกมันให้ได้ เราไม่สามารถจะละเลยเหตุการณ์ดันเจี้ยนได้อีกด้วย”
“แล้วนายจะตัดสินสมาชิกยังไง?”
ฮวาหยาได้ถามคำถามที่ยากลำบากออกมาทันที ฉันได้มองไปที่สมาชิกรีไวเวิร์ล มีบางคนที่อยากจะกลับไปนั่ง ฉันไม่สามารถจะไปตำหนิพวกเขาได้ พวกคนที่เผชิญหน้ากับราชาลาวาต่างก็รู้ได้ถึงพลังจำนวนมหาศาลที่ราชาครอบครองอยู่
“ฉัน ฮวาหยา เดซี่ พ่อ เยอึน สุมิเระ… แล้วก็ไอน่า โอเคนะ?”
“อื้อ หนูจะไปช่วยพ่อ หนูไม่อยากให้พ่อต้องเจ็บ!”
ใช่แล้ว ไอน่าไม่เคยที่จะลังเลกับการต่อสู้เลย บางทีเธออาจจะไม่รู้จักความกลัวเลยด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นไปได้ฉันก็อยากจะให้เธอเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต
ฉันได้กอดไอน่าที่ยืนมือออกมาอย่างร่าเริงเอาไว้ เธอได้ถูกหน้ของเธอเข้ากับหน้าของฉันด้วยเสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสา มีบางคนที่มองมาที่ไอน่าอย่างอิจฉาแต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ
“พวกเราเจ็ดคนจะไปด้วยกัน กับการต่อสู้กับราชาพวกเราจะไม่แยกกัน พวกเราจะไปโจมตีดันเจี้ยนทีละแห่ง”
“โอเค”
“อืม ทำไมมันยากจะเลยน้าที่จะตอบรับลูกชายของฉัน…”
“ศพ ศพ อุหุหุหุ…..”
ในขณะที่คนอื่นๆเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้กับราชา เดซี่ก็ได้หัวเราะคนเดียวอยู่ตรงมุมนึงเกี่ยวกับศพของเธอ ฉันเลยไปดีดหน้าผากของเธอเพื่อดึงเธอกลับมาจากนั้นก็มองกลับไปที่ทุกคน
“มีบางอย่างที่ฉันอยากจะของให้คนอื่นๆทำด้วย พูดตามตรงเลยนะการที่ราชาปรากฏทีเดียวสองตัวมันแปลกเกินไป มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่าที่พวกเราเห็นแน่”
ฉันได้มองกลับไปที่เคียร่าทันที เธอได้ส่ายหัวออกมา
“ขอโทษด้วยท่านฮีโร่ พลังของฉันมันยังไม่สมบูรณ์ ฉันไม่สามารถจะดูอนาคตที่มากไปกว่านั้นได้”
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอก ข้อมูลที่เธอให้กับพวกเรามามันก็มากพอแล้ว ขอบคุณมากเคียร่า”
“อ่า ท่านฮีโร่…!”
อ่าให้ตายสิ ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นไปเลย ใบหน้าของเคียร่าได้แดงมากขึ้นและเธอได้เดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันได้ขมวดคิ้วขึ้นมาในขณะที่คิดว่าฉันได้ขุดหลุมฝังตัวเองลงไปและดันเคียร่าออกไปก่อนจะพูดต่อ
“ระดมซัคคิวบิทั้งหมดและให้พวกเธอเน้นไปที่การตรวจสอบถึงสิ่งที่เปลื่ยนไปบนโลก นี้รวมไปถึงพื้นที่ที่ถูกมอนสเตอร์ยึดไปด้วยนะ จริงๆแล้วถ้าเป็นพวกลูกน้องก็จัดการไปให้หมดเลยก็ได้”
“จริงหรอ? ฉันคิดว่าพวกเราจะใช้เวลาของเราเพื่อเรียกคืนประเทศอื่นๆด้วยตัวเองซะอีก ฟิลิปปินก็ยังคงอยู่ในช่วงการฟื้นฟูและไม่ใช่หัวหน้ากิลด์บอกว่าเรามีเวลาสองปีหรอ?”
อิเลด้าได้ส่งคำถามออกมา เธอไม่ได้พูดผิดไปเลย แค่ว่าตอนนี้สิ่งต่างๆมันได้เปลื่ยนไปแล้ว ฉันได้บอกเธอถึงสิ่งที่เคียร่าบอกกับฉัน
“ขอโทษนะถ้ามันฟังดูเร็วเกินไปแต่ว่าเวลาสองปีที่ฉันพูดถึงก็คือช่วงเวลาที่เรามีจนกระทั่งที่เดม่อนลอร์ดจะบุกมาที่โลก นั่นคือเวลามาที่สุดที่เราคิดว่าเรามี แต่ว่าในตอนนี้มันต่างไปแล้ว เวลาที่เดม่อนลอร์ดจะมาอาจจะน้อยไปกว่าหนึ่งปีซะอีกและมันอาจจะน้อยกว่าสามเดือนอีกด้วย พวกเราจะต้องจัดการทุกๆอย่างให้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
“เพราะพลังในการเมินเฉยพลังของดันเจี้ยนเป็นเหตุผลสินะ?”
ฉันได้หยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ใช่แค่โลกเท่านั้น โลกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนต่างก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายๆกัน มันมีการเปลื่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว เราจำเป็นจะต้องจัดการทำทุกๆสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก่อนที่มันจะหยุดไปจากการควบคุม เธอจะมากับเราใช่ไหมอิเลด้า?”
“นะ แน่นอน! ถ้าเป็นคุณ ฉันจะทำทุกๆอย่าง”
อิเลด้าได้หยักหน้ารับอย่างรุนแรงด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นจากเสียงที่จริงจังของฉัน ในขณะที่ฉันเอียงหัวพร้อมคิดว่ามันแปลกๆลิโคไรท์ก็เข้ามากระซิบหูฉัน
“สามีที่รัก ตอนนี้คุณไม่ได้ควบคุมพลังของคุณ”
“อ่า”
เวรเอ้ย นี่มันเป็นเพราะว่าฉันกังวลทำให้ฉันปล่อยพลังเสน่ห์และพลังเวทย์ของฉันออกมา ให้ตายสิ ฉันยังฝึกน้อยไป ฉันได้พยายามจะแก้สถานการณ์นี้แต่ว่าร่างกายมันไม่ฟังฉัน คำพูดของเคียร่ามันดูเหมือนจะทำให้ฉันตกตะลึงมากกว่าที่ฉันคิดแน่ๆ ฉันได้สูดหายใจลึกๆด้วยความคิดที่ว่าฉันควรจะออกไปจากที่นี่เร็วๆและประกาศสิ่งสุดท้ายออกไป
“ฉันบอกทุกอย่างที่จำเป็ฯไปแล้ว สมาชิกทั้งหกคนจะต้องมากับฉัน คนอื่นๆทุกคนก็ควรจะออกเดินทางในทันที! อย่าลืมรายงานสถานการณ์มาด้วยล่ะและก็ห้ามบาดเจ็บนะ! เข้าใจไหม?”
“จ้า!”
“น้ำเสียงของนายดูเป็นผู้นำมากขึ้นแล้วนะ”
“นี่มันเป็นการพัฒนาจริงๆ!”
“ขอไม่ออกความเห็น”
“อ่า”
พวกเราได้เริ่มเดินทางทันที จุดหมายแรกของเขาก็คือบอโดที่ฝรั่งเศส เนื่องจากว่าที่นั่นมีผู้รอดชีวิตรอเราอยู่ พวกเราทั้งเจ็ดคนได้กระโดดไปบินเครื่องบินของฮวาหยาทันที
ส่วนคนอื่นๆนอกจากลีออนที่ฝึกอยู่กับหลินแล้วพวกเขาก็ได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มเดียว
“ก่อนอื่นเลยการพิสูจน์แห่งไดฟิค ทุกคนใช้มันได้นะ”
“ฉันใช้ได้”
“ฉันก็เหมือนกัน พลังของเทพก็พร้อมด้วย”
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
นอกจากเดซี่กับฉันก็มีแค่ฮวาหยา ไอน่าและสุมิเระที่ครอบครองในพลังของเทพ ฮวาหยาและสุมิเระได้หยักหน้าในขณะที่ไอน่าเอียงหัวออกมา
“หนูใช้ได้…อันนึง”
“ไอน่าจะพ่อว่าพลังของไอน่ามีหลายความสามารถแล้วไอน่าใช้ได้อันเดียวสินะ?”
“อื้อ!”
มันดูเหมือนว่าไอน่าจะมีความสุขที่ฉันรู้ถึงสิ่งที่เธอจะบอกทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างสดใส นางฟ้าจริงๆ
เธอน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ต่อให้ฉันไปค้นหาทั่วโลกฉันจะสามารถหาแฟนที่เหมาะสมกับไอน่าได้หรือป่าวนะ? ไม่สิ คงไม่มีทางที่จะมีคนแบบนั้นมีตัวตนอยู่ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องให้เธออยู่กับฉันไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของฉัน ฟู่….”
“เก็บมันเอาไว้จนกระทั่งถึงคราวที่จำเป็นจริงๆโอเคนะ?”
“อื้อ”
“เยี่ยมมาก”
“เราเกือบจะถึงแล้ว”
ถ้าเรามีเวลาฉันก็อยากจะไปลิ้มรสไวน์ที่มีชื่อเสียงในบอโดบ้าง แต่โชคร้ายที่เกตที่ลอยอยู่บนฟ้าไม่ได้เปิดโอกาสให้ฉันได้ไปจิบไวน์สบายๆ
“ทุกคนอยู่ในปาตี้แล้วนะ”
“ใช่”
“พลังของดันเจี้ยนอาจจะใช้งานไม่ได้ดังนั้นเอาโพชั่นมาเตรียมไว้เลย แล้วก็ถ้ามีอิลิกเซอร์ก็อย่าลืมเอามาด้วยนะ”
ฉันหวังว่าพวกเราจะไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้อิลิเซอร์แต่ว่าเราควรจะเตรียมพร้อมกับการสู้กับราชา แม้แต่ราชาแห่งการจำศีลที่อ่อนแอที่สุดก็ยังทำให้ฉันกังวลได้ แต่ว่าในตอนนี้เรากำลังจะเจอกับราชาที่อยู่ในระดับเดียวกันกับราชาลาวาหรือไม่ก็สูงกว่าราชาลาวามาก
“ศพของราชาแห่งสรรพสัตว์มอบให้ฉันใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เธอเอามันไปได้เลย”
“ของขวัญแต่งงาน? คังชิน ฉันยังเด็กไป”
“ฉันคิดว่าสมองของเธอนั่นแหละที่เด็กไป”
ในตอนนั้นเองเครื่องบินก็ได้หยุดลงไปแล้ว ฉันไม่รู้วิธีการทำงานของมันแต่อย่างน้อยฉันก็สามารถจะบอกได้เลยว่าเครื่องบินลำนี้เป็นเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดแล้ว ประตูของเครื่องบินได้เปิดขึ้นมาและแม้แต่ฉันก็ยังเจอเข้ากับลมแรง ฉันได้รู้สึกมึนไปในขณะที่มองกลับไปหาสมาชิกคนอื่นๆ
“ฉันจะกระโดดเข้าไปนะ ในเมื่อพวกเราอยู่ในปาตี้ ทุกๆคนก็น่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปในตอนที่ฉันเข้าไปในดันเจี้ยน”
“หนูอยากจะไปกับพ่อ”
ถึงแม้ว่าฉันจะพูดแบบนั้น แต่ไอน่าก็ไม่อยากจะแยกไปจากฉัน ขอบคุณที่เป็นห่วงฉันนะไอน่า ฉันได้ลูบหัวของเธอเบาๆ
“แน่นอน เราจะไปด้วยกัน”
ฉันได้จิ้มแก้มของเธอและกระโดดออกไปจากเครื่องบินพร้อมไอน่า ชาราน่าที่ฉันได้อัญเชิญออกมาแล้วได้นำทางเราเข้าไปหาเกต ในขณะที่ฉันตกลงไปในนั้นเกตสีดำได้ปล่อยพลังงานที่น่ากลัวออกมา ฉันได้ปิดตาลงและเข้าไปภายในดันเจี้ยนสำเร็จ
ยังไงก็ตามไอน่าที่อยู่ในอ้อมแขนฉันมาเมื่อไม่นานมานี้ก็ไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว
“…อะไรนะ?”
ฉันได้มองไปรอบๆอย่างตกใจ มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันอยู่ในป่าที่ฉันเห็นในวิดีโอ แม้ว่าฉันจะไม่ได้รับข้อความบอกถึงการเข้ามาในดันเจี้ยนแต่ว่าฉันก็มั่นใจว่าฉันอยู่ในดันเจี้ยนแล้ว
แต่ว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่ไอน่าเท่านั้น ไม่มีใครในปาตี้เลยที่อยู่ที่นี่ ไม่มีแม้แต่ลิโคไรท์หรือล็อทเต้
“เกิดอะไรขึ้น…?”
ฉันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้น ความคิดดหนึ่งได้แวบเข้ามาในหัวของฉัน ฉันได้อยู่ในพื้นที่ดันเจี้ยนที่ไม่สามารถจะถูกระบุให้เป็นเหตุการณ์ดันเจี้ยนได้ มันเป็นเรื่องโง่มากที่คิดว่าปาตี้ที่สร้างขึ้นจากพลังของดันเจี้ยนมันจะยังทำงานได้
แต่แล้วพวกคนในวิดีโอล่ะ? ทำไมคนพวกนั้นถึงเข้าไปในเกตด้วยกันโดยไม่เป็นอะไร แต่ว่าในคราวทำไปฉันถึงเป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่?
ฉันได้เปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นมาแต่ว่ามันก็ไร้ประโยชน์ นั่นมันหมายความว่าฉันไม่สามารถจะส่งข้อความใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องการสื่อสารกิลด์หรือช่องการสื่อสารของนักสำรวจก็เปิดไม่ได้
[ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว?]
ในตอนนั้นเองเสียงดังสนั่นก็ได้ดังขึ้น ฉันได้หันไปทันที สิงโตสีทองขนาดยักษ์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าที่ฉันเห็นในวิดีโอได้มองลงมาที่ฉัน มันดูเหมือนจะรอให้ฉันมาอีกด้วย
[ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า ฮีโร่]
“แก…!?”
ฉันหลังเหงื่อออกมา มันเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่หนักแน่น แต่ว่าส่วนใหญ่นั้นมันเป็นเพราะว่าความรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่ไม่อาจจะควบคุมได้นี้
ไม่สิ ใจเย็น แม้ว่าฉันจะอยู่คนเดียวฉันก็น่าจะสามารถสู้มันได้ ฉันได้เจอกับสถานการณ์ที่คุกคามชีวิตมานับไม่ถ้วนแล้ว ต่อให้ฉันจะเสียพลังของดันเจี้ยนไปฉันก็ยังไม่น่าจะเป็นอะไร!
[สรุปก็คือท่านฮีโร่จะใช้พลังดวงตาไม่ได้นับจากนี้ เดม่อนลอร์ดจะต้องลงมาก่อนหนึ่งปีแน่นอน]
ในตอนนี้คำพูดของเคียร่าได้ดังขึ้นมาในหัวของฉัน เธอคาดการณ์ถึงสถานการณ์นี้เอาไว้? ไม่สิ นั่นมันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางที่เธอจะเก็บเงียบเอาไว้แน่หากฉันจะต้องอยู่ในอันตราย นอกจากนี้เธออก็น่าจะรู้สึกอะไรสิ ไม่สิ มันอาจจะไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่เป็นอันตรายก็ได้…!?
[เจ้ากำลังเป็นห่วงพวกนั้นหรอฮีโร่?]
สิงโตได้พูดออกมา พวกนั้น? คำพูดของเขาได้ทำให้ฉันโล่งไป ฉันรู้ดีว่า ‘พวกนั้น’ ที่เขาจะบอกคือพวกไหน
ใช่แล้ว ทำไมฉันจะต้องมาห่วงตัวเองด้วย!? ฉันแข็งแกร่งที่สุดบโลก แม้ว่าในสถานการณ์นี้ฉันก็มั่นใจว่าสามารถเอาชนะราชาสรรพสัตว์ได้ แต่ว่าฉันคิดผิดไป
[ไม่ต้องห่วงฮีโร่มันสายไปแล้ว ในตอนนี้ราชาทั้งหมดออกมาแล้ว]
ราชาทั้งหมด หรือก็คือราชาตัวสุดท้ายก็ยังอยู่บนโลกแล้ว
ถ้าแบบนั้นไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนเดียวที่ติดกับดัก
คนบนโลกก็ติดกับดักเช่นกัน กับดักที่เสียตัวฉันที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกไป