Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 287
บทที่ 287 – สมาชิกคนล่าสุด (4)
บอสประจำชั้นที่ 75 ลอร์ดแวมไพร์มีความสามารถที่น่ารำคาญ แม้ว่ามันจะอ่อนแอและตายลงไปก่อนที่จะได้แสดงพลังออกมาทั้งหมดก็ตามที แต่ว่าฉันต่างออกไป แม้ว่าจะเป็นพลังแบบเดียวกันแต่ฉันก็สามารถจะแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมได้
ทักษะหมอกควันที่ฉันได้รับมาจากการเอาชนะมันมาได้ก็เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่ว่ามันไม่ได้เหมาะกับฉัน ทักษะที่ฉันกำลังพูดถึงก็คือทักษะเฉพาะตัวโลหิตต้องสาป
โลหิตต้องสาปเป็นทักษะที่ง่ายๆ มันให้ผลเหมือนกับแหวนเลือดต้องสาป แต่ว่าผลของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า
มันใช้พัลงชีวิตของฉันและสาดเลือดของฉันไปบนตัวของเป้าหมาย เมื่อเลือดได้เข้าไปในร่างของเป้าหมายผ่านทางบาดแผลผลของมันก็จะทำงาน ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งหรือว่าจะอ่อนแอก็ตามมันก็จะลดสเตตัสทั้งหมดของสัตรูและทำให้ศัตรูตกอยู่ในสถานะเลือดไหล สถานะเลือดไรที่ไม่ปกติมันถูกสร้างขึ้นจากคำวาปและเวทย์บนทำให้วิธีที่จะแก้สถานะมีเพียงแต่ต้องฆ่าฉัน พูดง่ายๆมันก็คล้ายๆกับเพลิงโกลาหล
[อึก!]
หลังจากได้มองไปรอบๆจู่ๆมันก็ร้องออกมา ในเวลาเดียวกันเลือดจำนวนมหาศาลก็ได้พุ่งออกมาจากแผลที่แนนดิสร้างขึ้นมา มันไม่ได้จบแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเลือดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับน้ำพุ เลือดต้องสาปทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
[แค่ก! นี้มันอะไร…!?]
เสียใจด้วยนะแต่ว่าฉันไม่ได้จบแค่นี้ ฉันได้ยิ้มขึ้นมาและเริ่มการเคลื่อนไหวต่อไปทันทีนั้นก็คือเสียงคำรามสีชาด
[อ๊ากกกกก!]
ใช่แล้ว นั่นแหละคือเสียงร้องที่ฉันอยากจะได้ยิน! ราชาแห่งสรรพสัตว์ก็ไม่สามารถจะยืนหยัดต่อต้านเพลิงที่รุนแรงในร่างกายของมันและกระโดดขึ้นมา
[แก! แกอยู่ข้างในร่างข้า!]
ที่ไหนล่ะ? ฉันได้พึมพัมข้างในและยิ้มเย้ยขึ้นมา ราชาแห่งสรรพสัตว์ยังตงกระโดดไปมาเพื่อให้ฉันกระเด็นออกไป แต่ว่าที่ๆฉันอยู่ไม่มีทางเป็นอะไรกับการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่นอน
ฉันได้ไหลผ่านเลือดของมัน
[ฮีโร่แกอยู่ไหน!?]
ใครจะโง่ไปบอกแกล่ะ? แกเป็นคนที่สร้างกับดักนี้ใส่ฉันเหมือนกันนี่! ฉันได้ว่ายอยู่ในสายเลือดของมันและค้นหาปลายทาง ทันใดนั้นฉันก็กระโดดขึ้นไปและยืนนิ่ง
[…. นี้คือพลังของเจ้ากระเบนนั่น?]
ฉันผงะไป ถึงแม้ว่าทักษะโลกมานาที่มีอยู่ในราชาแห่งการจำศีลฉันจะไม่ได้ขโมยมา แต่ว่ามันก็มีผลคล้ายๆกับที่ฉันใชอยู่จริงๆ
หลังจากที่ราชาแห่งสรรพสัตว์ได้พึมพัมแบบนั้นมามันก็ได้เริ่มสบถขึ้นอย่างเลือดเย็น
[เจ้าโง่ ข้าเรียกตัวเองว่าราชาแห่งสรรพสัตว์ แม้ว่าถ้าพลังของเจ้านั่นไม่แข็งแกร่งจริงๆก็คงไม่ถูกเรียกว่าห้าราชา! แต่ว่าแกต้องการจะใช้พลังของเจ้าปลาชั้นต่ำนั่นเอาชนะข้างั้นหรอ?]
มันได้ตะโกนออกมา
[ในเมื่อแกเข้ามาในร่างข้าด้วยตัวแกเองก็อยู่ภายในนั้นและกลายมาเป็นสารอาหารของข้าไปซะเลย!]
ร่างของมันได้เริ่มร้อนขึ้นไปทันที สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกเลยก็คือกรดไหลร่างที่แข็งแกร่งได้เริ่มไหลอยู่ภายในเลือดของมัน มันเหมือนกับว่าเม็ดเลือดขาวที่ขจัดโลกออกไปจากร่างกาย ร่างกายของราชาแห่งสรรพสัตว์กำลังเปลื่ยนแปลงไปเพื่อลบฉัน
[เจ้าคิดว่าเจ้าจะป้องกันได้งั้นหรอฮีโร่!? ความคาดหวังที่ข้ามีให้เจ้านี่มันคือน่าอับอายจริงๆ! หรือว่าเจ้ากำลังจะพยายามเปลื่ยนร่างกลับไป!?]
อุณหภูมิภายในร่างของมันได้พุ่งสูงขึ้นและกรดมานาได้เริ่มโจมตีส่วนต่างๆภายในร่างของมัน มันดูเหมือนว่ามันก็จะต้องแลกบางสิ่งไปจากการใช้เทคนิคนี้เหมือนกัน การเพิ่มกลายไหลเวียนเลือดให้มาขึ้นนี้ทำให้มันเริ่มเลือดไหลออกมาไปมากขึ้น
[คุฮ่าฮ๋าฮ่าฮ่าฮ่า! สนุกจริงๆเลย! ฮีโร่อะไรจะขลาดเขลาแบบนี้! ใครจะไปเชื่อกันว่าเจ้าจะเอาชนะราชาแห่งการจำศีลและราชาลาวามาได้!?]
ถ้าราชาแห่งการจำศีลได้แปลงร่างไปเป็นมอนสเตอร์ตัวเล็กๆและเข้าไปในร่างราชาแห่งสรรพสัตว์ มันก็น่าจะถูกเผาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นไปแล้วหรือไม่ก็ถูกกรดละลายไป แต่ว่าฉันยังคงฝืนทนทั้งสองอย่างนั่นเอาไว้
[แค่ก]
ในตอนนั้นเองจู่ๆราชาแห่งสรรพสัตว์ก็ไอออกมา มันดูเหมือนว่าเลือดต้องสาปยังคงได้ผลดี แน่นอนว่าเสียงคำรามสีชาดที่เกิดขึ้นจากภายในของมันก็จะต้องเจ็บมากเช่นกัน ไม่ว่าร่างกายมันจะใหญ่แค่ไหนมันก็ไม่มีทางสบายดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่แน่ ฉันได้รู้สึกขอบคุณแนนดิที่เปิดโอกาสทำให้เลือดต้องสาปของฉันได้ผลมากขนานี้
[…ยังไม่ตายอีกเรอะ]
มันได้บ่นอออกมา
[แกยังไม่ตาย แกยังอยู่ในร่างข้า]
ฉันได้ยิ้มขึ้น มันรู้ตัวสายไปแล้ว ฉันได้มาถึงหัวใจของมันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ฉันอยู่ข้างในหัวใจของมัน
[นี่ไม่ใช่พลังของเจ้ากระเบน]
ฉันได้เปิดใช้พลังความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้าในทันทีและดึงพลังของเทพสายฟ้าออกมาจนถึงขีดสุด รอบตัวฉันได้ถูกย้อมไปเป็นสีท้อง ราชาแห่งสรรพสัตว์ได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
[อ๊ากกกกกกกกกกกกก!]
จากนั้นฉันก็ได้ยกเลิกการกลายร่างและมองไปรอบๆทั้งๆที่อยู่ในหัวใจของมัน พลังเทพสายฟ้าและพลังของซุสได้ผสมเข้าด้วยกันและทำลายหัวใจของราชาแห่งสรรพสัตว์
แค่นี้มันก็อาจจะยังไม่พอทำให้ฉันได้ยกหอกขึ้นและแทงไปที่หัวใจด้วยพลังที่เหลืออยู่ ฉันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับขนาดหัวใจที่ใหญ่โตของมันซึ่งมีเนื้อที่มากพอให้ตัวฉันเข้าไปได้เลย
[อ๊าา ได้ยังไงกัน? แกรอดอยู่ได้ยังไง?]
“ยังไงนะ แกหมายความว่ายังไง?”
นี่คือสิ่งแรกที่ฉันพูดออกมานับตั้งแต่ที่เข้ามาในร่างของมัน ในจุดนี้ฉันได้มั่นใจในชัยชนะแล้ว
“ฉันได้กลายเป็นเลือดของแกไง”
การละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้ามีผลที่แตกต่างไปจากโลกมายา แน่นอนว่าโลกมายามีความสามารถในการซ่อนตัวตนได้เหนือยิ่งการเทพแห่งท้องฟ้า แต่ว่าการที่แผนของฉันมันสมบูรณ์แบบนี้มันเกดจากการรวมกันของสกิลโลกมายาและการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้า
โลกมายาได้ทำให้ฉันเปลื่ยนเป็นมอนสเตอร์ที่ฉันเอาชนะมาได้และการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าได้ทำให้ฉันเปลื่ยนเป็นอะไรก็ได้ที่ฉันเคยเห็น ทั้งสองอย่างนี้มีสิ่งที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ในเทพนิยายกรีกซุสเคยเปลื่ยนร่างไปเป็นอ่างอาบน้ำทองเพื่อที่จะทำให้หญิงสาวติดอยู่ในคุก พลังการแปลงร่างนี้ที่เขาให้ฉันมาในชื่อของการละเล่นของเทพแห่งทองฟ้า ด้วยมันฉันสามารถจะแปลงร่างไปเป็นของเหลวหรือแม้แต่หยดเลือดหยดเดียวยังได้เลย การตอบสนองของราชาแห่งสรรพสัตว์ต่างก็อยู่ในการคำนวณของฉันทั้งหมด
มันไม่มีทางที่จะเผาเลือดของตัวเองหรือละลายตัวเองทิ้งไปแน่ เนื่องจากว่ามันได้ยกระดับของอุณหภูมิขึ้นและกระจายกรดออกมาเท่านั้นทำให้ตัวฉันเองว่ายอยู่ในสายเลือดของมันได้อย่างสบายๆ สิ่งที่ฉันกังวลก็มีเพียงแค่ว่าฉันจะออกมาจากร่างของมันผ่านแผลที่เลือดไหลออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง
“ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้มันจะได้ผลกับเดม่อนลอร์ดเหมือนกันหรอ?”
หลังจากได้คิดเรื่องนี้เล็กน้อยแล้วฉันก็ต้องส่ายหัวออกมา ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันไม่มีทางจะใช้วิธีนี้หลอกเขาได้ ความจริงนี่ก็คือเขามีพลังของโลกเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต่อให้โลกมานาจะซ่อนตัวตนของฉันได้แต่ว่ามันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน มันก็เหมือนกับในตอนที่ฉันสัมผัสได้ถึงตัวตนของราชาแห่งการจำศีลในตอนท้ายสุดนั่นแหละ เดม่อนลอร์ดก็น่าจะมีศักยภาพในการทำแบบนั้นเช่นกัน
[อ๊าา อ๊ากกกกกกก! ข้า ข้าน่าจะเชื่อฟังเขา!]
“โอ้? แล้วเขาพูดว่ายังไงหรอ?”
มันใช้เวลานานจริงๆจนกว่าจะตาย ฉันได้เปลื่ยนมานาที่เหลืออยู่ในร่างให้เป็นสายฟ้าและส่งมันไปที่หอกของฉัน วงจรเพรูต้าของฉันได้หมุนวนและหอกของฉันได้เจาะทะลวงหัวใจของเขาทันทีพร้อมปล่อยสายฟ้าเข้าไป
[อ๊ากกกกกกกกกกก!]
ไอ้เจ้านี่ไม่คิดที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ก่อนจะตายหรือยังไงกัน!? ในท้ายที่สุดแล้วสายฟ้าจากหอกของฉันก็ได้ระเบิดหัวใจของมันไปและจบชีวิตของราชาแห่งสรรพสัตว์
“ฟู่ ฉันควรจะตั้งสมาธิกว่านี้นะหรือว่าฉันควรจะซ้ำมันอีกครั้งดี”
ฉันจะต้องเผชิญกำเลือดที่ไหลออกมาใส่หน้าของฉันตรงๆ นอกจากเลือดพวกนี้แล้วฉันยังต้องฝ่าเลือดพวกนี้ออกไปอีกครั้งงั้นหรอ? ไม่สิ ในเมื่อมันตายลงไปแล้วเลือดของมันก็หน้าจะไม่ไหลอีกแล้วนี่นา?
ถ้าแบบนั้นฉันก็ต้องออกไปและเข้าร่วมกับปาตี้ที่เหลือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันไม่ได้ใช้เวลานานนักดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ฉันก็แค่ต้องรีบ… รีบ…?
“…เอ๋?”
ฉันได้กระพริบตาขึ้น ร่างกายของฉันรู้สึกแปลกๆ อย่าบอกฉันนะว่ากรดของมันส่งผลกับฉันงั้นหรอ? หรือว่าไม่ใช่แบบนั้น ฉันโดนคำสาปก่อนที่มันจะตายงั้นหรอ?
เลือดของราชาแห่งสรรพสัตว์ที่ท่วมตัวฉันอยู่ได้เดือดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่นั้นแต่ว่าเลือดจำนวนนี้ก็ยังมีมากส่วนที่ฉันเผลอกลืนลงไปในท้องอีกด้วย มันดูเหมือนกับว่ามันจะทะลวงออกมา
“มันจะอันตรายหรือป่าวนะ?”
เสียงเตือนนี้ได้เกิดขึ้นมาภายในหัวของฉัน ฉันยกเลิกการแปลงร่างเร็วไปหรอ? ไม่สิ ถ้าฉันปล่อยให้มันผ่านไปนานกว่านี้ก่อนที่จะปล่อยสายฟ้าอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ ฉันจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกไปจากนี้เลือดของมันก็ไม่น่าจะไหลเวียนนี่ในเมื่อมันตายไปแล้ว? แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทั้งหมดที่ฉันรู้ก็คือสถานการณ์นี้มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะควบคุมได้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันไม่รู้อะไรเลยเมื่อขาดข้อความที่คอยบอกถึงสเตตัสของฉันเสมอจากเชอริฟิน่า
‘หลุดออกมาซะทีคังชิน นายจะเอาแต่พึงพาดันเจี้ยนไปตลอดไม่ได้’
ถ้าหากมันเป็นไปในกรณีที่แย่ที่สุดฉันก็จำเป็นต้องใช้โอเวอร์ลอร์ด พลังนั่นก็มากพอที่จะทำให้ฉันผ่านสถานการณ์นี้ออกไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าราชาแห่งสรรพสัตว์ตายไปแล้วดังนั้นก็ไม่น่ามีใครจะมาทำร้ายฉันได้อีก แต่ว่าแม้แต่ในตอนที่ราชาแห่งการจำศีลตายฉันก็ยังได้รับพลังของมันมาเป็นการแลกกับวิญญาณเลยนี้และเมื่อราชาลาวาตาย…. เดี๋ยวนะ
“…ว้าว”
ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดคำๆนี้ออกมา ฉันไม่ได้สังเกตุถึงมันเลยเพราะฉันมัวแต่สนใจตัวเองมากไป แต่ว่าในตอนนี้เมื่อฉันมองดูดีๆข้างในของราชาแห่งสรรพสัตว์ได้เรืองแสงสีทองออกมา มันตายไปแล้วแน่นอน สิ่งๆนี่มันไม่ได้เป็นคนทำ
มันเกิดขึ้นจากตัวฉัน
“ใช่แล้ว แบบนี้นี่เอง”
ในตอนที่ฉันได้รับพลังจากราชาแห่งการจำศีลฉันก็ได้เอาพลังของมันมาเป็นของตัวเอง ฉันยังไม่แน่ใจนะแต่ว่าบางทีในตอนที่วงจรเพรูต้าได้ซ่อมแซมร่างกายของฉันมันก็อาจจะมีส่วนหนึ่งของคว่าามทรงจำนี้ของฉันและรวมพลังนั่นมาให้ฉันเองโดยสัญชาตญาณ ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่าสัญชาตญาณมันจะทำในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับฉัน เหมือนกันกับราชาลาวา ราชาแห่งการจำศีล และราชาแห่งสรรพสัตว์มันได้มอบการพัฒนาการตัวเองที่พิเศษให้กับฉัน ร่างกายของฉันได้พัฒนาตามแนวทางพวกนี้เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ถ้าหากว่าฉันอยู่ภายใต้ผลของระบบดันเจี้ยน แน่นอนเลยว่าเชอริฟิน่าจะต้องบอกวิธีนั่นกับฉันด้วยตัวเอง แต่ว่าในตอนนี้มันมีเพียงแค่ชั้น ดังนั้นร่างกายฉันเลยมองหาวิธีพวกนี้ด้วยตัวเอง ประสิทธิภาพของมันเหมาะสมกับตัวฉันอย่างสมบูรณ์
การหมุนของวงจรเพรูต้าได้รุนแรงขึ้น ร่างกายของฉันกำลังลุกไหม้และมันรู้สึกเหมือนมานาของวงจรเพรูต้ากำลังพยายามจะระเบิดออกมาจากร่างฉัน วังวนได้โผล่ขึ้นมารอบๆร่างกายฉันและเริ่มดูดซึมแสงสีทองนั่นไปอย่างช้าๆ ร่างกายของราชาแห่งสรรพสัตว์ได้เริ่มเปลื่ยนเป็นแสงสีทองและเข้ามาในตัวฉันช้าๆ วังวนที่หมุนวนอยู่นี่ได้เริ่มดึงแสงสีทองมาและกระทั่งสร้างวังวนที่รุนแรงขึ้น
“อ๊าาาาาาาาาาาากกกกกกกกก!”
ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างไม่สามารถจะต้านทานในพลังที่เต็มอยู่ในร่างของฉัน ด้วยเสียงตะโกนนี้ทำให้กระบวนการของมันถูกเร่งขึ้น ร่างกายของราชาแห่งสรรพสัตว์ได้เปลื่ยนไปเป็นมานาโดยสมบูรณ์และไหลเข้ามาในตัวฉัน และฉันก็เก็บมันเข้ามาโดยไม่ทิ้งมันไว้แม้แต่หยดเดียว
ขอโทษนะเดซี่แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ศพของราชาแห่งสรรพสัตว์แล้ว…. ฉันหวังว่าเธอจะได้ศพของราชาแห่งความตายนะ!
เวลาได้ผ่านไปพักหนึ่งก่อนที่ฉันจะเปิดตามาอย่างช้าๆ ด้วยมานาที่ไหลอยู่ในร่างของฉันทำนวนมากทำให้ฉันไม่สามารถจะเปลื่ยนพวกมันทั้งหมดให้เป็นของฉัน แต่ว่านี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้รับมานาที่มากมหาศาลแบบนี้ ฉันก็แค่เก็บมันเอาไว้ในมุมหนึ่งของร่างกายและค่อยๆย่อยมันเหมือนแต่ก่อนเท่านั้นเอง
ฉันได้มองไปรอบๆ ฉันยังคงอยู่ในป่า
“ศพหายไปแล้วจริงๆ”
ฉันได้ตกตะลึงไป ศพขนาดใหญ่ได้หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เลย ในตอนนี้ศพนั่นได้มาอยู่ในร่างฉันแล้ว ฉันรู้สึกถึงมันได้ น่าสนใจจริงๆการที่ฉันเข้าไปในร่างมันทำให้มันเข้ามาในร่างฉัน
“ฟู่… น่าเศร้านะมันดูเหมือนว่าฉันจะพลาดพลังของมันไปหนึ่งอย่าง”
ราชาแห่งสรรพสัตว์ได้ใช้พลังของร่างกายที่ทรงพลังและกรดที่ทรงพลังเป็นอาวุธหลัก นอกจากนี้มันยังมีการคำรามที่ทรงพลังอีกด้วย ฉันได้รับพลังทั้งหมดนี้นอกเหนือไปจากพลังกรด ฉันสามารถจะบอกวิธีที่จะใช้พวกมันได้เลยเหมือนกับความสามารถพวกนั้นเป็นของฉันเอง
ที่สำคัญที่สุดเลยคือสเตตัสของฉันก็ยังถูกยับยั้งอยู่แต่ฉันก็สามารถจะบอกได้ว่าร่างกายของฉัน กระดูกของฉัน กล้ามเนื้อของฉัน และผิวหนังของฉันมันแข็งแกร่งขึ้นทั้งหมด ฉันได้ยิ้มขึ้นมาและตีร่างกายตัวเองสองสามครั้ง
“น่าทึ่งจริงๆเลยที่วงจรเพรูต้าได้นำมาสู่ผลลัพธ์แบบนี้”
บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่วงจรเพรูต้าเท่านั้นก็ได้ที่เกี่ยวกับการเปลื่ยนแปลงพวกนี้ ยังไงก็ตามเพรูต้าไม่เคยบอกเรื่องแบบนี้กับตัวฉันเลย
มันเป็นไปได้ว่าอาจจะมีพลังอื่นที่ใช้วงจรเพรูต้าเป็นสื่อกลาง… ไม่สิ ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เรื่องแบบนี้ฉันค่อยคิดมันทีหลังก็ได้ สิ่งที่ฉันมันใจคือมันเริ่มด้วยเรเดี่ยน ฉันได้เริ่มเสริมพลังให้ตัวเองอย่างช้าๆด้วยพลังที่ไม่มีใครจะชิงไปจากฉันได้ รู้เพียงแค่นั้นมันก็พอแล้ว
“ดีล่ะ ตอนนี้ฉันเก็บมานานั่นได้สมบูรณ์แล้ว….”
ฉันได้สงบมานาที่คลั่งของราชาแห่งสรรพสัตว์ลงไปแล้ว จากนั้นพื้นที่โดยรอบได้เริ่มถูกบิดเบือนเหตุการณ์ดันเจี้ยนได้หายไปเนื่องจากไม่มีพลังในการคงอยู่แล้ว สิ่งที่ฉันเห็นได้ตอนนี้ได้ถูกแทนเป็นท้องฟ้าของบอโด ฉันได้เจอกับลิโคไรท์ในทันทีที่ออกมาจากเหตุการณ์ดันเจี้ยน
เมื่อเธอได้เห็นฉันเธอเข้ามากอดฉันด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“สามีที่รัก ฉันรู้แยู่แล้วว่าคุณจะปลอดภัย!”
“ใช่แล้วลิโคไรท์ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันจะปลอดภัย”
ฉันได้รู้สึกโล่งใจและเล่นมุกออกมา โชคดีที่ทุกๆสิ่งดูจะไม่เป็นไร สิ่งที่เคียร่ากังวลไม่มีอะไรเลย แม้ว่าราชาแห่งสรรพสัตว์มันจะเป็นปัญหาแต่ฉันก็ฆ่ามันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก แถมตอนนี้ฉันก็ได้มาร่วมกับพวกที่เหลืออแล้ว พวกเราสามารถจะฆ่าราชาแห่งควาตายและราชาตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ด้วยกัน….
ในตอนนั้นเองลิโคไรท์ก็ได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“ฮวาหยาไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมเธอถึงไม่ออกมากับคุณ?”
“…อะไรนะ?”
ฉันได้ตัวแข็งทื่อไป