Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 299
บทที่ 299 – เข้ามาใกล้ , ออกไปให้ไกล (5)
เมื่อจัดการธุระเร่งด่วนได้หมดแล้วในที่สุดฉันก็สามารถจะไปคุยกับเคน เขาได้กลับไปในดันเจี้ยนในทันทีที่การต่อสู้จบลงและตอนนี้เขาได้มาสวนแฟรี่หลังจากฉันขอเขา ในตอนที่ฉันเรียกเขามาห้องรับแขกและให้เขานั่งลงจู่ๆเขาก็ถามคำถามที่ฉันไม่คาดคิด
“นายมีผู้หญิงมาเกินไปหรือป่าว?”
“คุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”
“นายมีโรเล็ตต้าแล้วแต่นายก็ยังจะโลภอีก”
“คุยเรื่องอื่นกันเถอะนนะ”
โลภ… ฉันคงจะบอกว่าฉันไม่โลกไม่ได้แล้ว แต่ว่านี้มันดีสุดสำหรับทุกๆคนนะ!…แถมมันยังดีต่อใจฉันด้วย
มันผิดหรอที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขนะ!? …เอาเถอะ บางทีมันอาจจะดีแหละ
ให้ตายสิ! ฉันมาคิดอะไรเนี้ย
“ฉันเข้าใจ ฉันก็มีประสบการณ์คล้ายๆกัน นอกจากนี้มันยังเป็นความผิดของนายที่เกิดมาแบบนี้ ในช่วงต้นมันคงยากที่จะปฏิเสธพวกเธอ”
“ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ นอกไปจาสกนี้ฉันก็ไม่ได้เกิดมาเป็นแบบนี้ด้วย”
ฉันไม่ได้เรียกให้เขามาคุยเรียกนี้ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเปลื่ยนเรื่อง
“นายคิดยังไง?”
“ฉันรู้สึกประหลาดใจจริงๆ เมื่อเทียบนายกับศัตรูแล้ว นายกับเพื่อนของนายแข็งแกร่งจนน่าถึง ฉันยังสงสัยเลยว่าดันเจี้ยนได้เจาะจงตั้งใจพัฒนานายทั้งหมดหรือป่าว”
ฉันได้ยิ้มออกมา หากมันเป็นแบบนี้ มันก็อาจจะเป็นเพราะพลังของโลกได้ถูกแบ่งไปโดยเลือกผู้ใช้พลัในตอนแรกที่มอนสเตอร์โจมตี มันไม่เหมือนกับโลอีกที่คนเหล่านั้นมีพลังกันอยู่แล้ว
แต่อย่างที่กล่าวมานั้นในเมื่อการบ่มเพาะมานาจึงไม่ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างในโลกทำให้มันไม่สามารถจะเรียกว่าเป็นข้อได้เปรียบได้ นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดันเจี้ยนกระทำ แต่เป็นสิ่งที่คนๆหนึ่งใช้พลังของโลกและมอบมันให้กับเรา
“พวกเราได้กวาดล้างกองทัพมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ แต่ว่าน่าเสียดายที่มีปีศาจนับแสนหรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วย พวกเรายังไม่ได้แม้แต่เจอกับเดม่อนลอร์ดที่สำคัญที่สุดเลย”
“เดม่อนลอร์ด… ฉันอาจจะเคยสู้กับปีศาจในอดีย”
เพราะแบบนี้เขาได้ยิ้มขมๆออกมา
“อย่างที่นายรู้ ฉันไม่ได้กลัวอะไรมากกนักหร่อยหน้า พวกเรามาร่วมมือกัน… เพื่อสิ่งที่เหนือกว่านั้น”
สองมือของเคนได้จับแก้วอยู่ก่อนที่ฉันจะสังเกตุซะอีก ฉันได้คิดว่าเขาได้หยิบเอามันมาจากช่องเก็บของแต่กลับไม่ใช่ มันคือเวทย์พื้นที่ เขาได้ใช้พลังเวทย์ของเขาสร้างพื้นที่พิเศษที่เชื่อมต่อทำให้เขาสามารถจะใช้เป็นช่องเก็บของและเอาไอเทมออกมาได้ มันเป็นช่องเก็บของในเวอร์ชั่นที่พัฒนาขึ้นมา
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย”
“นายเรียนมันมาจากโรเล็ตต้าหรอ”
“นายไม่จำเป็ฯต้องอิจฉาก็ได้ ตอนนี้นายเป็นคนเดียวที่เธอรักและสำหรับฉันแล้ว… เธอก็เป็นแค่พี่สาวดูแลร้านขายของที่แสนดีและเป็นคุณครู่ที่สอนหลายๆอย่างให้กับฉัน ก็แค่นั้นเอง”
พี่สาวเจ้าของร้าย พูดตามตรงการได้ยินคำๆนี้จากคนอื่นมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์และท่าทีของเขา
ฉันได้ส่งเสียงหึออกมา
“อย่ามาหลอกฉันน่า ฉันไม่ได้เป็นเด็กซะหน่อย”
“… ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ใช่คนรักของฉัน”
เขาไม่ได้ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันพูดออกไปและหลีกเลี่ยงในหัวข้อนี้ จากนั้นเขาก็ได้หยิบเอาขวดเหล้าที่มีฉลากที่ฉันไม่รู้จักออกมา
“ฉันไม่ได้ต้องการความรักอีกต่อไป การแก้แค้นก็พอแล้ว สำหรับแบบนั้นฉันจะร่วมมือกับนาย”
“แล้วนั่นอะไรนะ”
“มันคือขวดสุดท้ายแล้ว ของจากโลกของฉันนะมันคือการให้เกียรติ”
“…”
ขวดๆนี้มันจะต้องมีความหมายกับเขาเป็นพิเศษ ฉันได้รับแก้วมาจากเขาเงียบๆ เมื่อฉันได้ดื่มเหล้าของเขาลงไปมันให้กลิ่นที่ฉุนของสุระตรงเข้ามาในจมูกของฉันและมันให้ความรู้สึกหอบ เผ็ดๆมากๆกระจายลงไปในลำคอของฉัน หน้าอกของฉันรู้สึกหนัก บางสิ่งบางอย่างดูเหมือนจะเต็มอยู่ภายในฉันและระเบิดออกมาในทันที
ฉันยังคงเหลือความสงบอยู่ด้วยการปิดตาลงไปและ ไม่นานนักฉันก็ได้เปิดตาออกมาแคบๆและถามกับเขา
“…. มันมีแอลกอฮอล์มากกว่า 100% หรือป่าวนะ?”
“นายคิดยังไงล่ะ? อย่ามั่วแต่โง่และก็ดื่มไปอีกแก้วไป”
ฉันรู้สึกโล่งใจมากที่พ่อกับวอร์คเกอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ในท้ายที่สุดแล้วฉันกับเคนก็ได้ทำให้ขวดเหล้านี่ว่างลงและฉันก็มุ่งตรงเข้าไปสู่ดันเจี้ยน ถ้าพ่อรู้เข้าฉันก็กลัวว่าพ่อจะเข้ามาโจมตีฉันจริงๆ
มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในบียอนชั้นที่ 31 ไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากราชินีซัคคิวบิ เมื่อเทียบกับราชินีซัคคิวบีที่ปรากฏตัวในฐานะของบอสชั้นที่ 65 แล้วซัคคิวบิในบียอนดูจะมีเสน่ห์ในระดับที่สูงกว่านั้นหลายร้อย สำหรับผู้ชายปกติแล้วสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะกับคำๆว่าสวรรค์ แน่นอนคนพวกนั้นก็น่าจะถูกไล่ออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพลังชีวิตถูกดูดออกไปจนหมด
ยังไงก็ตามสำหรับฉันแล้วที่แห่งนี้คือบียอนชั้นที่ง่ายที่สุด
“กรี๊ดดดดด!?”
“นี้มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?”
“อ๊าาา พลังกำลังไหลออกจากร่างฉัน”
ในตอนที่ราชินีซัคคิวบัสได้เห็นฉันพวกเธอส่วนใหญ่ได้ใช้ฝันร้ายอันแสนหวานและด้วยเสน่ห์ของฉันที่สูงเกินไปทำให้พวกเธอต่างก็ได้รับพลังสะทอนกลับไปเองและตกอยู่ในความมึนงง ฉันได้แทงพวกเธอด้วยหอกง่ายๆและไปต่อ
จุดประสงค์ของบียอนชั้นที่ 31 ส่วนใหญ่น่าจะเป็นการเรียนรู้วิธีการหลบการโจมตีของราชินีซัคคิวบัสในขณะที่โดนการโจมตีด้วยฝันร้ายอันแสนหวาน สำหรับฉันแล้วนี่มันไม่ได้สำคัญเลย ฉันได้เหวี่ยงหอกของฉันอย่างสุ่มๆในขณะที่พุ่งเข้าไปใส่ราชินีซัคคิวบัส
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ว่าผู้ชายคนนี้เหนือเกินกว่าความสามารถของเรา”
“สมกับที่เป็นลูกค้ารายแรกของเรา!”
“ท่านราตรี!”
“จูบมรณะ!”
เมื่อผ่านชั้นที่ 31 มาได้ประมาณครึ่งทางราชินีซัคคิวบัสก็ได้เริ่มโจมตีฉันด้วยวิธีที่ต่างออกไป ฉันได้รู้จากลิโคไรท์ว่าราชินีซัคคิวบัสก็ยังใช้เวทย์ปกติได้ ยังไงก็ตามลิโคไรท์ก็ยังคงพิเศษในหมู่ราชินีซัคคิวบัส และแม้ว่าพวกนี้พลังจากบียอนแล้วพลังเวทย์ของพวกนี้ก็ไม่มีทางมาถึงตัวฉันได้ วิญญาณสัมบูรณ์ได้จัดการป้องกันการโจมตีทางจิตของซัคคิวบัสพวกนี้ทั้งหมดและเวทย์โจมตีต่างๆก็สามารถถูกหยุดเอาไว้ง่ายๆด้วยพลังของริยู ต่อให้มันอยู่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดฉันก็แค่ใช้พลังของริยูเสริมในพลังป้องกัน
“อ๊า”
“ฉันแข็งแกร่งไม่พอจะไปสู้กับเขา”
“ต่อให้พวกเราพยายามยื้อเขาไว้ก็มีแต่เราที่จะเสียเวลาเปล่า”
“ฉันรู้สึกว่าออร่าของเขาคล้ายกับของเรา”
เมื่อฉันดูเหมือนจะผ่านชั้นที่ 31 แล้วราชินีซัคคิวบัสก็เริ่มที่จะถอยกลับเหมือนพวกเธอหมดกำลังใจ มันไม่ใช่เพราะพวกเธอใช้ฝันร้ายอันแสนหวานด้วย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? เพียงแค่ในตอนที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้นเองได้มีหนึ่งในพวกเธอก้าวเข้ามาหน้าฉัน
“ขอถามหน่อยนะ คุณได้ทำพันธะสัญญากับราชินีซัคคิวบัสใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
เมื่อไหร่กันนะที่ฉันใช้การคุยในบียอนแทนการต่อสู้? ฉันได้ตอบกลับไปตรงๆแต่ก็จับหอกแน่นเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ลดการ์ดลงไป จากนั้นฉันก็เริ่มมองไปที่เธอและถามขึ้น
“เธอรู้ได้ยังไง”
“พวกเราที่บียอนขาดความบริสุทธิ์ แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่ยังมีความสามารถและความทรงจำหลงเหลืออยู่”
เธอได้ยิ้มเล็กๆ คนอื่นๆก็ยิ้มขึ้นในเวลาเดียวกัน และฉันก็สังเกตุเห็นว่าราชินีซัคคิวบัสดูเหมือนกัน ราชินีซัคคิวบัสที่อยู่หน้าฉันก็ดูจะรู้แล้ว่าฉันสังเกตุเห็นทำให้เธอหยักหน้าออกมา
“ใช่แล้ว พวกเธอทุกคนคือฉัน มันจะไปมีราชินีซัคคิวบัสมากขนาดนี้ได้ยังไงกันล่ะ? พวกเธอทั้งหมดคือของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมานาและวิญญาณที่แปลงไปเล็กน้อย ถ้าหากว่าคุณอยากจะถามว่าใครคือตัวจริง พวกเราก็คงจะตอบไม่ได้เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“….”
ราคาที่ผู้พ่ายแพ้ต้องชดใช้ไปมันกระทั่งโหดร้ายกว่าที่ฉันคิดซะอีก แต่ว่าฉันก็พอจะจินตนาการแล้วว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้ ถึงฉันจะรู้ว่าพวกเธอเป็นคนไปบุกเขาก่อนแต่ฉันก็อดที่จะสงสารพวกเธอไม่ได้ แต่แน่นอนว่าหากพวกเธอแสดงความเป็นศัตรูเมื่อไหร่ฉันก็พร้อมจะโจมตีเต็มกำลังทันที
“โชคดีที่พวกเราได้อยู่ชั้นสูงๆดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ถูกฟื้นคืนใหม่และวิญญาณที่น้อยนิดของเราก็ยังถูกเก็บเอาไว้ ฉันคิดว่าอาจจะมีคนเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนด้วย คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นแรกของเรา”
นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้อย่างเป็นทางการเลยว่าความสำเร็จของฉันมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าคนอื่นๆทั้งหมดในบียอน แน่นอนว่าฉันก็คิดเอาไวว้แล้วว่าคงจะไม่มีนักสำรวจคนอื่นที่ก้าวข้ามเคนไปได้แน่ทำให้ฉันไม่ได้แปลกใจเลย
“ฉันจะไปต่อ แล้วราชินีซัคคิวบัสที่พวกเธอเชื่อมต่ออยู่มีผมสีชมพูใช่ไหม?”
“ใช่”
ได้มีบรรยากาศแปลกๆระหว่างซัคคิวบิแต่ว่านั่นมันก็แค่แปปเดียว ไม่นานนักซัคคิวบัสทั้งหมดก็ได้หยักหน้าพร้อมๆกันและก้าวถอยหลัง
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิด คุณก็ไม่สามารถจะเอาพลังของเรามาใช้วัดได้ ไปที่ชั้นที่ 35 เถอะ เธอจะรอคุณอยู่ที่นั่น”
“เธอ?”
“ผู้ปกครองเราทุกคน”
ดวงตาของราชินีซัคคิวบัสได้เป็นประกายและพูดออกมา
“ลิลิธ คนที่คุณเรียกกันว่าศัตรูของโลก”
ฉันได้ผงะไป ฉันมีทักษะที่มีชื่อว่าการล่อลวงของลิลิธอยู่ ถ้าหากว่าฉันได้เจอเธอในชั้นที่ 35 และเอาชนะเธอ….
“ฉันจะบอกพวกอินคิวบัสให้ในเรื่องนี้ ดังนั้นคุณก็แค่ผ่านพวกนั้นไปเลย… แต่ว่าอาจจะมีบางคนไม่ยอมรับและเข้ามาโจมตีคุณ
“ฉันไม่ได้กลัวซักนิด”
“ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดว่าคุณจะพูด ตอนนี้คุณก็ไปได้แล้วพ่อหนุ่มพราวเสน่ห์”
ถ้าเป็นตัวฉันในอดีตฉันก็คงจะต้องล่าพวกเธอต่อให้มอนสเตอร์นั่นไม่ได้ต่อต้าน แต่ว่าตอนนี้ฉันต่างออกไปแล้ว ฉันรู้ว่าคนพวกนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นพรรคพวกของลิโคไรท์และมีชะตากรรมที่น่าเศร้าทำให้พวกเธอต้องอดทนกับมัน ฉันไม่ได้รู้สึกอยากจะต่อสู้เลยจริๆ หลังจากที่ฉันคุยกับพวกเธอฉันยิ่งรู้สึกแย่ขึ้น
ที่สำคัญที่สุดฉันก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะต่อสู้กับคนที่ไม่ได้จะสู้กับฉันยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้งซัคคิวบิและอินคิวบิต่างเป็นมอนสเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ด้านเสน่ห์มากกว่าเสน่ห์ที่จะเอามาใช้ฝึกด้วย อย่างที่ฉันพูดไปสิ่งที่ฉันต้องการคือการพัฒนาขึ้นมา ลิลิธบนชั้นที่ 35 มีสิ่งที่ฉันต้องการอยู่
นอกไปจากนี้มันยังดูเหมือนว่าศัตรูของโลกก็ยังคงรอฉันอยู่บนดันเจี้ยนชั้นสูงๆอีกด้วย ในจุดนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าดันเจี้ยนไม่ได้ทำขึ้นเพื่อให้นักสำรวจได้ปีนจนสุด มันรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น
แต่คิดอะไรตอนนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ฉันได้บอกลาพวกเธอและผ่านราชินีซัคคิวบัสไป
“ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถทำในสิ่งที่พวกเราชอบและได้หลับกับเราเพียงครั้ง….”
ราชินีซัคคิวบัสพูดได้แค่นี้ก็ถูกคนอื่นๆจัดการไปและลากไปหลบ จากนั้นพวกเธอการหายไปจากสายตายของฉัน
“เอาล่ะ ไปกันต่อดีกว่า”
ดันเจี้ยนชั้นที่ 82 สิ่งที่รอฉันอยู่ก็จะต้องเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านรกสีชาดในชั้นที่ 81 แน่นอน
จุดสูงสุดของดันเจี้ยนที่ครั้งหนึ่งฉันรู้สึกว่ามันอยู่ไกลเกินเอื้อม ในตอนนี้มันอยู่แค่ข้างหน้าฉันแล้ว ฉันสามารถจะรู้สึกว่าเข้าใกล้มันมากขึ้นไปทีละวัน มันอีกไม่นานหรอก สักวันในวันนั้นจะต้องมาถึง
ฉันได้ก้าวออกไปด้านหน้า