Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 218
บทที่ 218 – ฮีโร่คืออะไรกันแน่ (4)
หลังจากที่ฉันเป็นอิสระจากโรเล็ตต้าฉันก็ได้กลับมาที่บ้านกิลด์ซึ่งฉันได้พบกับฮวาหยาที่ดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ
“ฮวาหยา?”
“ชิน ฟังนะ ฉันได้กลายเป็นทหารรับจ้างต่างมิติแล้ว”
หลังจากที่ได้ยินเธอบอกแบบนั้นฉันได้ตรวจสอบสถานะของเธอและได้เห็นว่าเธอได้กลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งระดับทองแล้ว ก่อนที่ฉันจะปีนชั้นที่ 65 ฉันได้ยินมาว่าเธอได้ใกล้จะจบชั้นที่ 79 แล้ว เธอได้ผ่านในระดับแพตตินัมของดันเจี้ยนที่สองและกลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
ถ้าเธอกลายเป็นทหารรับจ้างต่างมิตินั่นก็หมายความว่าเธอได้รับทักษะที่ขาดไปอย่างท่องมิติแล้ว หรือก็คือเธอได้เอาชนะบอสในชั้นที่ 50 เวนดิโก้เพียงลำพัง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไรเพราะว่าฮวาหยาน่าจะเป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับเวนดิโก้ที่เป็นธาตุน้ำแข็ง ความจริงแล้วเธออาจจะฆ่ามันในตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ
หลังจากที่เธอได้บอกฉันว่าเธอได้กลายมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติแล้ว เธอก็ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง
“ไปลองรับภารกิจของทหารรับจ้างต่างมิติกันเถอะ แค่เราสองคน”
“ทักษะท่องมิติของฉันยังอยู่ในช่วงคูลดาวน์หนึ่งเดือนอยู่นะ”
“ชินทำอะไรกับมันด้วยแต้มทักษะที่ชินมีไม่ได้เลยหรอ”
“ไม่เลย”
“ชิ”
เธอได้เดาะลิ้นของเธอออกมาอย่างเปิดเผยจากนั้นก็เอียงหัวในขณะถามฉัน
“ชิน ชินดูเปลื่ยนไปนะ”
“โอ้ ใช่แล้วฉันเพิ่งจะได้ทักษะใหม่มานะ มันดีมากเลยล่ะ”
“อืม พูดตามตรงนะชินดูแข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อยนะ…. ฮึ่ม ฉันจะต้องเอาชนะชินให้ได้ในตอนที่ฉันได้รับชื่อที่แม้จริงของเทพมา เข้าใจไหม”
ฮวาหยามีความรู้สึกไวต่อมานาเป็นพิเศษ เมื่อฉันได้เห็นเธอกำหมัดแน่นฉันได้ถามเธอกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เยี่ยม ฉันหวังว่าเธอจะทำสำเร็จนะ”
“อู ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ…. ยังไงก็แล้วแต่มาดื่มกับฉันดีกว่า ชินจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้อีกใช่ไหม”
“นั่นมันไม่ได้คูลดาวน์”
มันดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะไปเข้าดันเจี้ยนอีกไม่ได้แล้ว ฉันได้เดินตามฮวาหยาที่เดินไปอย่างตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มขม เยี่ยม ก็แค่ฉันพักในวันนี้และพยายามให้มากขึ้นในวันพรุ่งนี้
ในวันต่อมาช่วงประมาณเที่ยงฉันได้ส่งข้อความไปหาเลอบิค
“เป็นยังไงบ้างล่ะ”
[….ยะ ยะ ยังไงบ้างอะไร]
“ดูจากปฏิกิริยาของเธอมันดูเหมือนว่าเร็นจะทำตามที่ฉันแนะนำ”
ฉันไม่อยากจะคิดในเรื่องนี้ แต่ว่าบางทีเร็นก็โง่เง่าเกินไป
ฉันได้สอบปากคำเลอบิคต่อไปด้วยรอยยิ้ม
“เกิดอะไรขึ้น”
[ฉะ ฉะ ฉันจะบอกคนอื่นได้ยังไงกัน ไม่….ไม่มีอะไรเกิดขึ้น]
“….เอ๋?”
ฉันได้ถามออกไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรอ”
[ชะ ใช่ เราแค่หลับอยู่ในแขนของกันและกัน]
“…เธออยากจะให้ฉันเชื่อแบบนั้นหรอ”
[จะให้ฉันทำอะไรอีกหนัก ฉันต้องตัวแข็งทื่ออย่างกังวลใจนะ พูดตามตรงฉันควรจะถูกยกย่องด้วยที่อยู่กับเร็นได้นานขนาดนั้นโดยไม่เป็นลม]
“อ่า”
ผู้หญิงและผู้ชายสองคนหลับในเตียงเดียวกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เยี่ยม ฉันเดาว่าถ้าพวกเขาเบื่อ…. ไม่ แม้ว่าอย่างนั้นมัน….
“แม้ว่าในตอนที่ฉันให้โอกาสที่สมบูรณ์แบบแบบนี้….”
[ยิ่งไปกว่านั้นฉันกังวลว่าท่านเร็นหลับสนิทเกินไป…. เขาจะต้องไม่มองฉันในฐานะผู้หญิง….]
“ชิ มันไม่สำคัญหรอก เธอก็แค่ควรจะ….”
[ฉันจะไปบอกผู้หญิงคนอื่นๆได้ไหมถึงสิ่งที่นายเพิ่งจะพูดไป]
“ไม่ได้ ขอร้องล่ะช่วยฉันที ฉันพยายามจะช่วยเธอนะเลอบิค นอกจากนี้ฉันก็ไม่เหมือนกับเร็น”
[ฮึ่ม นั่นแหละคือสิ่งที่นายจะเจอถ้าหากว่านายพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ขอบคุณนะ….]
“อ่า โชคดี”
ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะพูดฉันได้แต่บอกให้เธอโชคดี ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอก็น่าจะใกล้ชิดกับเร็นมากกว่าเดิมแล้ว ฉันเดาว่าเร็นก็น่าจะไปห้องนอนของเลอบิคบ่อยๆ และในวันหนึ่ง…..
ถึงแม้ว่าฉันจะต้องรอนานจนกว่าวันนั้นจะมาถึงแต่มันก็ไม่ได้ใช่เรื่องแย่อะไร ฉันได้กลับไปในดันเจี้ยนด้วยความคิดแบบนี้
ชั้นที่ 66 ได้มีค้างคาวปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างน่าตกใจ ฉันสามารถจะเดาถึงมอนสเตอร์ที่จะได้เจอได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าฉันจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าในชั้นที่ 66 จะมีอะไรอีกไหมนอกจากค้างคาว แต่วาก็มีคนที่สามารถจะบอกฉันได้
“ใช่ นายพูดถูก มันคืออินคูบัส”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากได้มาถึงร้านขายของในชั้นที่ 66 ในเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ฉันก็ได้รับการยืนยันจากปากโรเล็ตต้า
“พลังต่อต้านเสน่ห์เป็นสิ่งที่สำคัญ มันเป็นสิ่งที่นักสำรวจทั้งชายและหญิงจะต้องมี”
“นั่นก็จริง ฉันได้เห็นค่าสเตตัสเสน่ห์ส่องประกายออกมาเมื่อเร็วๆนี้ แต่ว่ายังมี… อินคิวบัส…”
“อุฮุฮุฮุ ชินอยากจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักสำรวจหญิงที่ไปหลงใหลอินคิวบัส”
“ไม่”
ฉันได้ปิดหูเอาไว้และโรเล็ตต้าได้ทำรอยยิ้มน่ารักพร้อมตอบกลับมา
“พวกนั้นเพียงแค่ดูดพลังชีวิตและมานาของพวกเธอมาจนตาย มันก็เหมือนกับนักสำรวจชายที่ตกหลุมเสน่ห์ของซัคคิวบัสแหละแต่ว่าชินคงไม่เคยมีประสบการณ์กับมันมาก่อน ดันเจี้ยนคือสถานที่สำหรับให้นักสำรวจได้พัฒนา ไม่ใช่ที่ๆจะเล่นกับจิตใจและร่างกายของพวกเขาเหมือนกับของเล่น ชินคงไม่ได้ผิดหวังไปนะ”
“เพื่อนของฉันก็กำลังปีนดันเจี้ยนที่หนึ่งเหมือนกัน น้องสาวและลูกสา…ไอน่านะ”
“โอ้ โฮีะโห ชินไม่ดีใจหน่อยหรอที่ฉันบอกให้ชินรู้ก่อนที่จะกังวลอย่างมาก”
จากนั้นฉันก็ได้แยกตัวไปที่บียอน
บียอนชั้นที่ 16 มีดูลาฮานรอฉันอยู่….ใช่แล้วมันคือกองทัพดูลาฮาน
[มนุษย์ มาสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งด้วยเกียรติยศ]
[นายเป็นอัศวินงั้นหรอ มาสู้กัน]
ด้วยอัศวินนับร้อยได้ขอร้องการต่อสู้แบบ ‘ยุติธรรม’ ฉันได้ยอมแพ้กับการต่อสู้แบบยุติธรรมของพวกนั้นไปในทันที นับตั้งแต่ที่ฉันได้รู้ว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับดูลาฮานฉันก็มีแผนในใจมานานแล้ว เมื่อฉันได้มาอยู่ที่ชั้นที่ 16 ก็เป็นเวลาที่ฉันจะเริ่มแผนของฉันแล้ว
“ฮ่าหหหหหหหหห์”
หลังจากที่ฉันหุ้มหอกของฉันด้วยวังวนเพลิงโกลาหลฉันก็ได้ยิงมันออกไปข้างหน้า แน่นอนว่าถ้าเพียงแค่นั้นมันไม่พอ ฉันจึงได้ใส่พลังมานาของฉันไปมากถึง 110,000 มานา ฉันได้กวาดศัตรูทั้งชั้นด้วยการเทมานาไปกับเพลิงโกลาหล
[อ๊าาาา]
[เพลิงพวกนี้มัน]
[เอ้าเบิร์ส]
ฉากแปลกๆได้เข้ามาในสายตาของฉันและฉันได้ตั่วสั่น นี้คือคุณสมบัติพิเศษของชั้นนี้ ฉันกำลังมองหาคุณสมบัติพิเศษของชั้นที่ 16 อยู่เลย บนชั้นที่ 15 มอนสเตอร์จะแยกกันออกมาเมื่อชนกับกำแพงและแม้แต่กระดูกของมังกรซอมบี้ก็จะแยกออกและพุ่งมา แต่ว่าในชั้นที่ 16 นี้กลับตรงกันข้าม มันจะรวมทุกๆอย่างที่เข้ามาปะทะกับมัน ยกตัวอย่างเช่นเศษหินจากพื้นที่กระแทกเข้ากับกำแพงจะถูกดูดเข้าไป
เหตุผลที่ใช้คำว่า ‘รวม’ แทน ‘ดูดซับ’ เพราะว่าแม้แต่เพลิงโกลาหลที่ฉันยิงออกไปก็ยังถูกรวมเข้ากับพื้น ทำให้ทั้งชั้นนี้ร้อนและถูกย้อมไปด้วยสีดำแดงมายิ่งขึ้น ถ้าหากว่าเวทย์และเทคนิคทุกๆอย่างที่ฉันใช้จะเปลื่ยนสภาพแวดล้อมของฉันนี้ มันก็เป็นไปได้ที่ฉันจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของตัวเอง
อย่างที่พูดออกไปฉันรู้สึกยินดีที่ฉันได้รู้เรื่องนี้ก่อนที่ฉันจะพลาดไป แม้ว่าเพลิงโกลาหลจะเผาไปอย่างไม่สิ้นสุด แต่ว่าพวกมันจะไม่มีทางทำร้ายผู้สร้าง
[อ๊ากกกก เจ็บ]
[หยุดเพลิงนี้ซะ ถ้าหากว่าเจ้ายังเป็นอัศวินอยู่ก็จงมาสู้กับข้าอย่างยุติธรรม]
“นายไม่ควรจะพูดแบบนั้นนะในเมื่อพวกนายมีร้อยกว่าคน”
แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่ว่าชั้นนี้ได้รับผลกระทบจากเพลิงโกลาหลไปแล้วทำให้เหล่าดูลาฮานต้องเจ็บปวดจนกว่าพวกมันจะตาย
พวกมันดูเหมือนจะรู้ได้ว่าเพลิงนี้จะหายไปหากฉันตาย พวกมันจึงพุ่งเข้ามาหาฉัน ยังไงก็ตามฉันไม่ได้กลัวดูลาฮานที่ไม่มีเอ้าเบิร์ส ฉันได้ต่อสู้กับพวกมันอย่างง่ายๆด้วยพายุหอกสายฟ้าและใช้ฮีโรอิค สไตรค์เพื่อปิดฉาก
[เขาแข็งแกร่ง โจมตีด้วยเอ้าเบิร์ส]
[แต่ว่าถ้าเราทำแบบนั้น กำแพงจะผสมมันลงไปอีกนะ…]
[อัศวินไม่เคยกลัวความตาย อัศวินกลัวเพียงแค่ความพ่ายแพ้]
มันดูเหมือนว่าการรวมกันของกำแพงจะไม่ได้ใช้งานแบบสุ่ม สถานที่นี้เป็๋นพื้นที่ๆถูกออกแบบมาสำหรับมอนสเตอร์แต่แรกแล้ว ฉันเข้าใจได้เลยผ่านความคิดของพวกนั้นและได้เห็นเศษหินนับพันของดูลาฮานที่ไม่กลัวความตาย ฉันได้สร้างเพลิงโกลาหลขนาดใหญ่เป็นพิเศษขึ้นโดยที่ไม่ลังเล
[อ๊ากกกกกกกกกกก]
[เจ้าขี้ขลาด]
[ข้าอาจจะตายที่นี่ แต่ข้าจะไม่แพ้]
พูดตามตรง มันโง่มาก
ยิ่งไม่ต้องคำนึงถึงเพลิงโกลาหลที่กระจายไปทั้งชชั้นนี้ ฉันได้ผ่านบียอนชั้นที่ 16 ด้วยความเร็วสั้นๆเพียง 5 ชั่วโมง สิ่งที่ฉันคิดสิ่งแรกเลยก็คือนี้อาจจะเป็นสถิติใหม่
หลังจากที่ฉันออกมาจากบียอนแล้วฉันได้แวะไปดื่มน้ำผลไม้เพิ่มแรงที่มีราคา 10 เหรียญทอง จากนั้นฉันก็ได้มุ่งหน้ามาที่บ้านกิลด์ซึ่งน่าแปลกที่ยุยก็อยู่ที่นี่
“ยุย ไม่ใช่ว่ายุยต้องไปโรงเรียนหรอ””
“พี่นี่มันสามทุ่มแล้วนะ”
“เอ๊ะ”
ฉันได้ดูนาฬิกาและมันเป็นเวลาสามทุ่มจริงๆ เวลาใดก็ตามที่ฉันจริงจังไปกับดันเจี้ยนฉันก็ดูเหมือนจะสูญเสียความรู้สึกด้านของเวลาไ ฉันได้ลูบหัวยุยที่เข้ามาหาฉันด้วยรอยยิ้มขม
“พี่ผิดเอง”
“ไม่ใช่ว่าพี่เข้าไปในบียอนหรอ มันเกิดอะไรขึ้น”
“อืมม พอดีที่โชคดีนะมันเลยจบเร็ซ”
“พี่นี่น่าทึ่งจริงๆเลย….”
เยี่ยม ฉันได้อุ้มยุยที่เคารพฉันอย่างเป็นธรรมชาติ
“พี่ หนูได้กลายมาเป็นระดับทองแล้วนะ”
“จริงหรอ”
เธอได้เอาชนะเวนดิโก้แล้วหรอ แน่นอนว่ายุยจะต้องพัฒนาไปจนแข็งแกร่ง แต่ว่าพลังงานเยือกแข็งของเวนดิโก้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะรับมือได้ง่ายๆ….ฉันได้ตรวจสอบยุยอย่างตกใจ จากนั้นยุยก็พูดออกมาอย่างอายๆ
“หนูไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูไม่ได้บาดเจ็บ”
“จริงๆนะ”
“คุณเจ้าของร้านขายของดูแลหนูอย่างดีและขายอุปกรณ์เพื่อจัดการกับพลังงานเยือกแข็งด้วยราคาที่ถูก กิลด์ของเราน่าทึ่งจริงๆ”
“อ่า ใช่แล้ว”
โรเล็ตต้าจะต้องทำอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่ๆ….. แต่ว่าฉันไม่อยากจะทำลายอารมณ์ที่ดีของยุย ฉันจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้
ยังไงก็ตามในไม่ช้ายุยก็ได้มองตรงมาที่ฉันราวกับว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะถาม แต่เธอยังคงลังเล
“อืมม….พี่”
“ถ้ายุยมีอะไรที่ต้องการก็บอกพี่ได้เลย ถ้าเป็นยุยแม้แต่ดวงจันทร์พี่ก็จะเอามาให้”
ฉันได้มั่นใจอยากมากว่าฉันสามารถจะทำมันได้ แม้ว่ามันจะเป็นการยากที่จะดึงดวงจันทร์ทั้งสองด้วง แต่ว่าดวงจันทร์ของโลกตามปกติมันก็น่าจะเป็นไปได้หากว่าฉันใช้พลังทั้งหมดของฉัน… ยังไงก็ตามยุยได้ส่ายหัวและหัวเราะออกมา
“หนูมีความสุขที่ได้มองดวงจันทร์แบบนี้อยู่แล้ว พวกเราไม่ต้องเอามันไปไหนหรอก”
“ใช่แล้ว”
“แน่นอน…พี่รู้ไหม หนูอยากจจะฝึกมอนสเตอร์ตัวอื่นนอกจากตั๊กแตนนะ หนูรู้ว่าหนูสามารถจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยวิธีอื่น… ถ้าหากพี่ยุ่งก็ไม่เป็นไร แต่ว่าถ้าหากว่าพี่มีเวลา… พี่ช่วสยพาหนูไปในเขตมอนสเตอร์บนโลกได้ไหม”
ฉันได้ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล
“จริงๆแล้วพี่คนนี้มีแผนที่จะไปจัดการดินแดนที่ถูกมอนสเตอร์ยึดอยู่เลย สัปดาห์หน้าเป็นไง”
“จริงนะ หนูรักพี่ที่สุดเลย”
เพราะแบบนั้นการยึดฟิลิปปินส์กลับคืนมาจึงได้เริ่มต้นขึ้น