Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 219
บทที่ 219 – ฮีโร่คืออะไรกันแน่ (5)
แม้ว่ายุยจะต้องการมอนสเตอร์ฝึกตัวใหม่ แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถจะให้การไต่ดันเจี้ยนล่าช้าเพราะสิ่งนี้ได้ ช่วงเวลาที่จำกัด 2 ปีมันได้ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
ยังไงก็ตามมันยังมีวิธีที่จะล่ามอนสเตอร์บนโลกและไม่ทำให้การไต่ดันเจี้ยนช้าลงเหมือนกัน นั่นก็คือในช่วงที่ฉันพิชิตไอเทมจากบอสประจำชั้น ในช่วงนั้นฉันจะพอมีเวลาว่างอยู่ เนื่องจากว่าในชั้นที่ 65 เป็นราชินีซัคคิวบัส ดังนั้นบอสชั้นที่ 70 ก็น่าจะต้องเป็นราชาอินคิวบัส และแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าราชินีซัคคิวบัสถึงสามเท่าฉันก็ยังคงมันใจว่าสามารถจะเอาชนะได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาาที แม้ว่าฉันจะใช้เวลาพักหนึ่งชั่วโมงรวมๆการต่อสู้ฉันก็ยังใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชม. 50 นาทีในการจัดการบอสทั้ง 10 ครั้ง หรือก็คือฉันจะมีเวลาว่างถึง 22 ชม. มันเป็นเวลาที่มากพอที่จะจัดการกับมอนสเตอร์บนโลกหรือเดินทางไปกลับดาวอังคารยังได้เลย
การที่บอกยุยว่าให้รอให้หนึ่งสัปดาห์นั่นหมายความว่าฉันจะต้องไปถึงชั้นที่ 70 ภายในหนึ่งสัปดาห์ นี้มันเป็นไปได้ง่ายๆเพราะว่าดันเจี้ยนที่หนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับฉันอีกแล้ว นอกจากนี้บียอนก็ยังช่วยฉันด้วย
พูดตามตรงฉันกังวลเล็กน้อยกับยมทูต มันเป็นหนึ่งในบอสที่ฉันสู้ด้วยยากที่สุด ยังไงก็ตามด้วยคุณสมบัติพิเศษของฉันที่ช่วยฉันมันดูเหมือนจะเป็นไปได้
[ก๊าาาาาาาาา]
[ข้าเกลียดเจ้ามนุษย์ที่ไม่รู้จักคำว่ายุติธรรม]
“นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะถามพวกแกต่างหากเล่า”
หลังจากผ่านชั้นที่ 67 ภายในเวลาพริบตาเดียว ฉันก็ได้รีบเข้าไปในบียอนชั้นที่ 17 ต่อ ที่นั้นฉันได้เผาเหล่าดูลาฮาน เนื่องจากว่าพวกมันต่างก็มีทักษะที่แข็งแกร่งและร่างกายที่ทนทาน แต่พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้มากนะ นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ผ่านบียอนได้อย่างง่ายดาบแบบนี้ แม้แต่การต่อสู้กับออร์คลอร์ดฉันก็ยังต้องใช้สมองของฉัน
[คุณได้เคลียร์บียอนชั้นที่ 17 คุณได้รับคุณสมบัติในการท้าทายชั้นที่ 68 ของดันเจี้ยนที่หนึ่ง]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม พลังชีวิตและมานาสูงสุดเพิ่มขึ้น 2%]
[ทักาะที่ใช้บ่อยในระหว่างบียอนชั้นที่ 17 จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม]
[คุณได้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ร่างกายและมานาของคุณจะมีความสัมพันธุ์กันอย่างสมบูรณ์แบบ ผลสถานะต่างๆที่เป็นผลบวกจะเพิ่มประสิทธิภาพต่อร่างกายของคุณมากขึ้น การโจมตีทางกายภาพทั้งหมดและความเร็วเพิ่มขึ้น 20%]
[แม้ว่าคุณจะมีรากฐานเพื่อที่จะสร้างศิลปะการต่อสู้ในระดับสูง คุณก็ไม่สามารถจะสร้างเทคนิคใหม่ได้เนื่องจากว่าคุณขาดความเข้าใจในศิลปะการต่อสู้]
“โอ้”
สิ่งที่ฉันได้ทำในชั้นที่ 17 อย่างการเตะหัวของมันที่เข้ามาหาฉันมันนับว่าเป็นศิลปะการด้วยงั้นสินะ ที่ฉันทำมันเป็นเพียงแค่ฉันรำคาญหัวของพวกมันเองนะ ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันชอบที่ศิลปะการต่อสู้ก็ยังส่งผลกับทักษะและความสามารถออื่นๆอีก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะเชี่ยวชาญมันได้เร็วแบบนี้ แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถจะบ่นอะไรได้เพราะมันได้เพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพและความเร็วซึ่งมาเสริมให้กับเทคนิคหอกของฉัน
ยังไงก็ตามฉันก็คาดว่ามันน่าจะเป็นการยากหรือไม่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างเทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่สูงกว่านี้ ฉันได้เรียนรู้มันเพียงแค่สืบทอดกันมาของตระกูลและใช้มันเป็นประสบการณ์ในการสร้างไต้ฝุ่นครั้ง ฉันยังไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างเทคนิคศิลปะการต่อสู้ใหม่ๆได้เลย
“ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ตามจริงแล้วมันรู้สึกเหมือนว่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่ฉันจะต้องจำให้ขึ้นใจ”
มันเพิ่มพลังโจมตีและความเร็วถึง 20% แม้ว่ามันจะดูว่าเป็นจำนวนง่ายๆ แต่ความจริงแล้วมันทำให้ฉันสามารถจะดึงพลังที่ซ่อนอยู่ของร่างกายออกมาได้มากขึ้น การเชี่ชยวชาญทักษะด้วยค่าประสบการณ์ที่ได้จากบียอนมันเป็นเรื่องดี แต่ว่าฉันก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเข้าใจการเปลื่ยนแปลงนี้ให้ละเอียด แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้มีเวลามากนัก ฉันจะต้องใช้เวลาเหล่านั้นในการจัดการกับมอนสเตอร์
“เอาล่ะล็อทเต้ ไปที่ชั้นที่ 68 กันเถอะ”
ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างมีไฟและกระโดดเข้าไปในเกต การที่ได้ตั้งใจไปกับดันเจี้ยนมันเป็นความรู้สึกที่สดชื่น
หลังจากที่ฉันได้จัดการผ่านชั้นที่ 68 มาอย่างสนุกสนานฉันก็ส่งล็อทเต้กลับไปที่คฤหาสน์และกระโดดเข้าไปในบียอนชั้นที่ 18 ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รับข้อความมา เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชายที่ในตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเร็นไม่ก็พ่อ แต่แล้วเมื่อฉันได้ยินข้อความทั้งหมดฉันก็ต้องตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตูสู่บียอน
[ไม่เจอกันนานเลยนะเพื่อน]
ใช่แล้วฉันคิดว่าฉันคิดว่าฉันกำลังถูกขัดจังหวะ…โดนใครบางคนที่ไม่ต้องการให้ฉันได้ปีนดันเจี้ยนอย่างสบายใจ หลังจากที่ถอนหายใจออกมาฉันก็เปิดปากขึ้น
“มันก็นานแล้วนะเอลลอส”
กี่เดือนแล้วนะ เท่าที่ฉันจำได้ครั้งล่าสุดที่ฉันได้คุยกับเอลลอสก็คือในตอนที่รูเดียกับชูนะอยู่ในปาตี้เดียวกับเอลลอสเพื่อที่จะเอาชนะบอสประจำชั้นชั้นที่ 40 และในทันทีหลังจากนั้นทวีปลูก้าของรูเดียก็….
ในตอนที่ทุกอย่างเรื่องรูเดียเรียบร้อยแล้วฉันก็ได้ติดต่อไปหาเอลลอส แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับมา หลังจากที่รูเดียได้รับพลังของโลกมากเธอก็สามารถจะปีนดันเจี้ยนไปกับชูนะได้โดยที่ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ว่าพวกเราทั้งคู่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องที่ว่าไม่สามารถจะติดต่อเอลลอสได้ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นเพื่อนคนแรกที่ฉันมีในดันเจี้ยน
“ฉันกลัวว่านายเป็นอะไรไปนะ ฉันรู้ว่านายยังไม่ได้ตายไปเพราะว่านายยังไม่ได้หายไปจากรายชื่่อเพื่อน แต่ว่า….”
[ฮ่าๆ ขอโทษนะ พอดีมันมีอะไรเกิดขึ้น…มากนะ”]
เสียงของเขายังคงฟังดูสงบและใจเย็นเหมือนเช่นเคย ถ้าหากว่าเขาหายไปหลายเดือนมานี้เขาก็คงจะต้องยุ่งจนไม่มีเวลาได้นอนแน่ๆ แต่ว่าเสียงของเขามันไม่ได้แสดงออกมาแบบนั้น
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรอ”
[ใช่แล้ว พวกเราได้หยุดการโจมตีสำคัญของผู้ยุกรุก ฮีโร่ก็รอดชีวิตมาได้เหมือนกัน]
“นั่นมันเยี่ยมเลยนะ”
[ใช่แล้ว….นายก็ทำได้เยี่ยมเหมือนกันนะแล้วก็เพลรูเดียก็ยังมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ไว้เจอกันทีหลังนะ พวกเราสามารถจะไปจัดการบอสประจำชั้นหรือทำอะไรต่างๆด้วยกันได้]
“ฮ่าๆ เร็วเข้าล่ะ”
ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปปาตี้กับเอลลอส แม้อย่างนั้นฉันก็ให้กำลังใจเขาไปอย่างเต็มที่ เอลลอสคงจะไม่ได้คิดว่าฉันจะสามารถมาถึงชั้นที่ 70 ได้ภายในไม่กี่เดือน
แม้ว่ามันจะผ่านไปไม่นานนักแต่ว่าก็มีหลายๆสิ่งได้เปลื่ยนไป เมื่อคิดถึงทุกๆสิ่งที่จะเกิดขึ้นฉันก็ได้กำลังจะกล่าวลา
แต่เอลลอสก็ดูจะมีบางสิ่งที่อยากจะพูด
[ฉันได้ยินมาว่านายได้กลายมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติ]
“หืม โอ้ ใช่แล้วล่ะ นายรู้ได้ยังไง”
[ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นเพื่อนของนาย ฉันเคารพนายในฐานะเพื่อนเหมือนกัน…. ในตอนที่นายได้กลายเป็นอิสระแล้ว นายจะมาที่ทวีปของฉันได้ไหม ในตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมการโต้กลับครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะขับไล่ผู้บุกรุกออกไป]
“ในตอนที่คูลดาวน์ของทักษะท่องมิติหมดลง ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะไปที่นั่น”
[ฮ่าๆ ขอบคุณนะ นายนี่เดาอะไรไม่ได้เลย]
มันดูเหมือนว่าสงครามระหว่างทวีปอีเดียสกับผู้บุกรุกกำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ทวีปอีเดียวแตกต่างไปจากทวีปลูก้าและทวีปพาแนน พวกเจาดูเหมือนจะมีพลังในการต่อต้านกลับไปได้และดูเหมือนจะได้รับชัยชนะอีกด้วย บางทีอาจจะมีนักรบที่มีพลังมากพอกับฉันกำลังต่อสู้เคียงข้างกับฮีโร่อยู่
ถ้าโลกของเอลลอสสามารถจะขับไล่ศัตรูออกไปได้นั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็จะได้รับชัยชนะ ถ้าหากว่าฉันไม่ได้ช่วยพวกเขา ฉันก็จะรู้สึกแย่ ฉันได้วางเรื่องนี้เอาไว้ก่อนและเข้าไปในบียอนชั้นที่ 18 ด้วยความรู้สึกที่สดชื่น
[เจ้ามนุษย์หน้าโง่]
[ทำไมเจ้าจะต้องพาตัวเองมาตาย]
ตามที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันได้มาเจอเข้ากับยมทูตที่เต็มทางเดิน
ยมทูตนั้นมีความสามารถอยู่หลายอย่าง พวกมันมีทั้งทักษะที่ทำให้เคียวกลายมาเป็นขนาดใหญ่ ยิงคลื่นออร่า ยิงเคียวเล็กๆนับสิ้นและแม้แต่บิ้งมาอยู่ด้านหลังในทันที เสียงคำรามแห่งความตายที่เพิ่มพลังโจมตีของอันเดทเป็นสองเท่าและลดพลังป้องกันของสิ่งมีชีวิตลงครึ่งหนึ่ง พวกมันยังสามารถทำได้แม้แต่เรียกเคียวขึ้นมาจากพื้นได้อีกด้วย ฉันอยากจะถามจริงๆว่าทำไมพวกมันถึงไม่สามารถเอาชนะโลกที่บุกไปด้วยกำลังของตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อพวกมันมาอยู่ในบียอนก็ยิ่งจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
[พวกเราจะพาเจ้าไปสู่ความตาย]
[มากับพวกเราสิ]
“ใครจะอยากไปกับพวกแกกันล่ะ”
ฉันได้เตรียมตัวที่จะรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเร็วศักดิ์สิทธิ์ทันที ยมทูตได้เทเลพอตเหมือนกับผีในหนังสยองขวัญและยิ่งคลื่นออร่าเข้ามาใส่ฉัน แต่ฉันก็ได้กันพวกมันทั้งหมดด้วยพลังของริยูและบินขึ้นไป
[ตาย]
ในเวลาต่อมายมทูตได้มาโผล่อยู่ข้างหลังของฉันและเหวี่ยงเคียวออกมา ยังไงก็ตามผ้าคลุมที่อยู่บนหลังของฉันได้สะบัดและฟาดคมเคียวออกไป แม้ว่าการบิ้งโจมตีของยมทูตจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญเอามากๆแต่ว่ามันก็นับเป็นการซุ่มโจมตี ดังนั้นด้วยผ้าคลุมที่ฉันใส่อยู่ทำให้การซุ่มโจมตีไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง
“แกก่อนเลยล่ะกัน ฮีโรอิค สไตรค์”
[อ๊ากกกกก]
หอกของฉันได้แทงทะลุเข้าไปในร่างกายของยมทูต ถึงแม้ว่าจะมีเคียวเล็กๆถูกยิงออกมา แต่ว่าฉันก็กันพวกมันได้อย่างง่ายๆด้วยเกราะของฉัน แม้ว่ายมทูตจะแข็งแกร่งขึ้น แต่่ว่าฉันก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าในตอนนั้นเหมือนกัน
ฉันได้บิดหอกที่คาอยู่ในทองของมันด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ยมทูตได้กลายเป็นแสงกระจายออกไปด้วยฮีโรอิค สไตรค์ที่ใช้มานาตามปกติเพียงแค่ครั้งเดียว
[เจ้ามนุษย์คนนี้มันกันได้]
[เจ้าโง่เง่า]
หลังจากที่จัดการพวกมันไปแล้วคนหนึ่งฉันก็ได้พุ่งเข้าไปหาอีกคน บนท้องฟ้าได้มีเคียวขนาดยักษ์หลายอันฟันลงมาที่ฉัน
“พวกนายไม่เหนื่อยหรอ”
ฉันได้หลบเคียวอย่างรวดเร็วทำให้เคียวได้ปักลงที่พื้น ทางเดินได้เริ่มที่จะเปลื่ยนไปในทันที พื้นที่ทำมากจากหินได้กลายมาเป็นโลหะที่มีหนามคมโผล่ขึ้นมาทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินบนพื้น แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อว่าหนามนี้มันจะอยู่บนพื้นนี้ตลอดไป
ยมทูตได้ตะโกนออกมาพร้อมกัน
[เนื่องจากว่าเจ้าปฏิเสธความตายแบบสบายๆ งั้นเจ้าก็จะต้องได้เผชิญกับความตายที่สยดสยอง]
[อ๊ากกกกกกกกกกกก]
[ยมทูตได้ใช้เสียงคำรามแห่งความตาย วิญญาณสัมบูรร์ ครอบงำ และค่าเสน่ห์ที่สูงได้ลบล้างเสียงคำรามแห่งความตายโดยสมบูรณ์]
[อะไรกัน]
[สะ เสียงคำรามของเรา….]
ฉันก็ยังรู้สึกตกใจมาก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้านทานเสียงคำรามแห่งความตายได้ ฉันคิดว่ามันมีเพียงแค่ศัตรูของโลกเท่านั้นที่สามารถจะเมินเฉยต่อทักษะของดันเจี้ยนได้ แต่ยังไงก็ตามไม่เพียงแต่ฉันจะแต่จะต้านทานมันได้แต่ถึงกับลบล้างมันไปได้เลย
[ระดับของมัน…. สูงส่งเกินไป….]
[อ๊าาาาาา]
[เจ้า….. เจ้าเป็นดันเจี้ยน….]
ยมทูตได้พึมพัมในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจออกมา หลังจากที่ฉันได้ดูดพลังของธาตุแล้วทางเดินก็ได้เริ่มเรืองแสงออกมาห้าสีและยิงหนามออกมา ยังไงก็ตามไม่มียมทูตตนใดที่โจมตีฉันได้ ฉันได้หลบพวกนี้ราวกับมันเป็นเรื่องกล้วยๆ ฉันได้รีบหลบหนามและบินผ่านทางเดินพร้อมพึมพัมออกมา
“ถ้าฉันเป็นแบบนี้ ศัตรูของโลก…. ฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้”
ฉันในตอนนี้ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้อะไรอีกแล้ว ในตอนนี้ฉันสามารถจะเข้าใจในพลังของศัตรูได้แล้ว ฉันได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว
แม้ว่าดันเจี้ยนจะทรงพลัง แต่ว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีข้อจำกัดอยู่ สิ่งที่ดันเจี้ยนมอบให้ก็คือการอำนวยความสะดวกเท่านั้น โอเวอร์ลอร์ด ชื่อที่แท้จริงของเทพเจ้า และวิญญาณสัมบูรณ์ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ยืนยยันเรื่องนั้น
แม้ว่าฉันควรจะมีความสุข ฉันกลับไม่เลย ฉันได้ก้าวไปในบียอนต่อด้วยท่าทางเคร่งเครียด ฉันเชื่อว่าจะมีคนที่อยู่เหนือดันเจี้ยนที่จะให้คำตอบกับฉัน
สี่วันต่อมาฉันก็ได้มาถึงดันเจี้ยนชั้นที่ 70 มันเหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงวันที่ฉันสัญญากับยุยเอาไว้