Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 220
บทที่ 220 – ฮีโร่คืออะไรกันแน่ (6)
[ผู้ชายอีกแล้ว….]
“นายนี่ก็ตรงเกินไป”
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่บอสชั้นที่ 70 เป็นราชาอินคิวบัส ด้วยเสื้อผ้าที่ดูมีสไตล์และรูปลักษณ์ที่หล่าเหล่าทำให้เขาสามารถจะดึงดูดผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าเสน่ห์ของเขาจะส่งผลกระทบทั้งชายและหญิง แต่ว่าฉันก็ไม่ได้รับผลจากมันเนื่องจากค่าเสน่ห์ที่สูงของฉัน
[ข้าไม่ชอบการสู้เลย ข้าอยากจะกระซิบข้างหูสาวสวยมากกว่า]
“ใช่ ใช่ ฉันเข้าใจ เข้ามาสิ”
[โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันเกลียดคนที่น่าหลงไหลอย่่างน่า คนพวกนี้จะขโมยผู้หญิงของฉันไป]
“นั่นมันก็ไม่ใช่ธุระของฉัน”
ราชานอินคิวบัสได้พุ่งเข้ามาหาฉันพร้อมด้วยดาบยาวที่ดูหรูหราของเขา ในตอนที่ฉันเหี่ยงดาบออกไปหอกน้ำแข็งนับพันก็โผล่ขึ้นมากลางอย่างกาศ ฉันรู้ได้เลยว่ามันเต็มไปด้วยมานาที่ไม่สิ้นสุด
[หอกน้ำแข็งของข้าทะลวงเจ้า]
“นายช่วยอย่าพูดอะไรแบบนั้นได้ไหม นอกจากนี้เป็ฯฉันต่างหากที่จะทะลวงนายด้วยหอกน้ำแข็งของฉัน”
ฉันได้ยิ้มขึ้นและพุ่งออกไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกันริยูก็บินขึ้นมาพร้อมกับปรากฏในร่างก็มนุษย์สัตว์
[ใครก็ตามที่จะข่มขืนชิน ฉันจะสอนบทเรียนให้เอง]
ในทันทีที่หอกน้ำแข็งบินเข้ามาหาฉันก็หยุดลง จากนั้นด้วยท่าทางของริยูทำให้หอกน้ำแข็งบางอันใหญ่ขึ้นและบางอันก็มารวมกัน อินคิวบัสได้โบกดาบยาวด้วยท่าทางที่ตกใจ แต่ว่ามันก็สายไปแล้ว เขาได้สูญเสียการควบคุมหอกน้ำแข็งไปโดยสมบูรณ์
[แค่ภูติธาตุสารเลวกล้าจะท้าทายข้าหรอ]
“ถ้านายไม่มองมา นายจะตายเอานะ”
ในตอนที่เขาได้มองไปที่หอกน้ำแข็งบนท้องฟ้า ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ยิงฮีโรอิค สไตรค์ที่ห่อหุ้มด้วยเพลิงโกลาหลออกไป การโจมตีนี้ได้เจาะไหล่ของเขาและสร้างรูขนาดใหญ่ขึ้น
[อ๊ากกกก ร่างกายชั้นสูงของข้า]
“ไม่ใช่ว่าผู้ชายคนอื่นๆที่ผ่านมาก็ทำแบบเดียวกันนี้หรอ”
[เจ้ากำลังดูถถูกข้างที่ถูกหยุดโดยดันเจี้ยนงั้นหรอ เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าหลอก มนุษย์ก็จะต้องเจอกับชะตากรรมเล่นงานเหมือนกัน]
อินคิวบัสได้พุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความโกรธ ฉันได้ยิ้มและยกหอกขึ้น
เพลิงโกลาหลและออร่าสีขาวได้รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นการเผาไหม้ที่ยากจะอธิบายออกมา จากนั้นฉันก็พรุ่งเข้าไปหาราชาอินคิวบัสที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจ
“ไปลงนรกกับชะตาของแกเถอะไอตูดหมึก”
ในเวลาเดียวกันหอกน้ำแข็งนับร้อยที่ได้ถูกเสริมพลังโดยริยูก็ได้ลดระดับลงมา ราชาอินคิวบัสได้สะบัดดาบของมันเพื่อสร้างบาเรีย จากนั้นเขาก็ได้ใช้เวทย์เพื่อทำลายหอกน้ำแข็งที่เข้ามา แต่ใบหน้าเขาก็เลวร้ายลงราวกับเขารู้ว่าเขาพลาดแล้ว
เขาไม่ได้ผิดหรอก เขาได้ใช้มานาจำนวนมากในการสร้างหอกน้ำแข็ง ในตอนที่เขาพลาด ความพ่ายแพ้ของเขามันก็เป็นเเค่เรื่องของเวลา
[มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ สิ้นหวังไปซะ ยอมจำนนต่อชะตากรรมและกลายมาเป็นผู้แพ้ที่ล้มอยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่พอใจไปซะ]
“หยุดพูดเรื่องของตัวเองได้แล้วน่า”
หอกน้ำแข็งได้ทำลายบาเรียและปักลงไปในร่างของเขา เสื้อที่่หรูหราได้กลายเป็นฝุ่นไปพร้อมๆกับแขนขาของเขาที่ถูกตัดออก แต่ด้วยความบังเอิญหน้าของเขาไม่ได้เป็นอะไรไปเลย
[อ๊ากกก…. ข้าจะไม่ลืมเจ้า]
ราชาอินคิวบัสได้กระอักเลือดและมองมาที่ฉัน ฉันได้ถอนหายใจและแทงหอกไปที่หน้าของเขา
“โกหกจนถึงที่สุดเลยนะ แม้ว่าฉันจะเจอบอสประจำชั้น 10 ครั้งต่อวัน แต่ก็ไม่มีคนไหนเลยที่จำฉันได้”
[ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คุณได้เอาชนะบอสประจำชั้น ‘ราชาอินคิวบัส’ เพียงลำพัง น่าทึ่งมาก]
[คุณได้กลายเป็นเลเวล 74 คุณได้รับคุณสมบัติในการท้าทายบียอนชั้นที่ 20]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
[คุณได้รับฉายา ‘นักล่าราชาอินคิวบัส’ สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1 เป็นการถาวร]
[คุณได้กลายเป็นนักสำรวจขั้นทองระดับ 2]
[คุณได้เอาชนะราชาอินคิวบัสเพียงลำพัง คุณได้รับรางวัลพิเศษ ‘หัวราชาอินคิวบัสชั้นสูง’]
[คุณได้รับ 500,000 ทอง]
[เลือกรางวัลของคุณ
1.หนังสือเวทย์การยั่วยวน]
มันไม่เหมือนกับราชินีซัคคิวบัส ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ได้รางวัลสำหรับครั้งแรกไปแล้ว หรือก็คือนักสำรวจที่ต้องมนต์และถูกราชินีซัคคิวบัสฆ่าก็สามารถจะอินคิวบัสได้อย่างเลือดเย็น ราชาอินคิวบัสผู้น่าสงสาร….
ยังไงก็ตามรางวัลสำหรับการต่อสู้เพียงลำพังก็สำคัญ หนังสือเวทย์การยั่วยวนนี้ก็น่าสนใจ นอกจากนี้มันก็เป็นไอเทมที่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของฉัน ฉันไม่สามารถจะปฏิเสธกับรางวัลแบบนี้ได้เลย ด้วยมันฉันคิดว่าฉันจะต้องเรียนรู้การควบคุมเสน่ห์อีกครั้ง เรื่องนี้ทำให้ฉันต้องถอนหายใจออกมา
[คุณได้เรียนรู้ทักษะติดตัวการยั่วยวน การยั่วยวนจะช่วยเสริมเสน่ห์ของคุณ ในระดับที่หนึ่งเสน่ห์ของคุณจะเพิ่ม 10% กับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเพศตรงข้ามทักษะจะแสดงผลเป็นสองเท่า]
“เข้าใจล่ะ”
ถ้าหากว่าผลกระทบนี้มันทวีคูรจากผลที่ฉันได้จากรอยสัก ถ้างั้นเสน่ห์ของฉันก็จะเพิ่มเป็นสี่เท่าสำหรับผู้หญิง ในระหว่างชั้นที่ 60 ถึง 70 นี้จะเป็นการช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับนักสำรวจ ฮวาหยาจะต้องชอบมันแน่ๆ
ไม่ว่ายังไงก็ตามเพราะว่าเสน่ห์ของฉันมันได้มาถึงจุดที่มีปัญหาอีกครั้ง ฉันก็จะต้องควบคุมมันให้ได้ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ร้านขายของ
“ยินดีต้อนรับกลับนะชิน…. อู เสน่ห์ของชินเพิ่มอีกแล้ว”
“ถ้าหากว่าเธอจะโทษใคร เธอก็ต้องไปโทษคนที่สร้างดันเจี้ยนนี้”
“ทำไมฉันต้องโทษใครด้วยล่ะ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอกตราบใดที่ชินไม่ไปยุ่งกับผู้หญิง จริงๆแล้วฉันอยากจะขอบคุณพระเจ้าในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
“อย่างน้อยเธอก็ซื่อสัตย์…”
ฉันได้ยิ้มออกมาแห้งๆและฮวาหยาได้เพ่นหน้าอกของเธออย่างภูมิใจ
“ความซื่อตรงคือข้อดีของฉัน ถ้างั้นในตอนนี้ชิน….”
“ไว้เจอกันนะ”
“ฉันรู้ว่าชินจะพูดแบบนั้น ฉันเกลียดชิน”
ฉันได้เดินจากฮวาหยามาและกลับไปที่ห้องบอสเพื่อจะสู้กับราชาอินคิวบัส เพื่อที่จะทำตามแผนเดิมของฉัน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตั้งใจพยายามอย่างหนัก
สองชั่วโมงหลังจากนั้นฉันก็ได้กลับมาตรวจสอบสมาชิกในกิลด์ที่ต้องการจะเข้าร่วมการเดินทางนี้ที่บ้านกิลด์บนโลก ฉันได้คุยกับยุยและบอกทุกๆคนนไปแล้วและหลังจากที่ฉันได้จัดการเคลียร์ชั้นที่ 70 ในก่อนหน้านนี้ ฉันก็ได้บอกให้ทุกคนมาเตรียมตัวกันในวันนี้
ผลก็คือมันไม่จำเป็นจะต้องนับจำนวนคนเลย….
“…..ทุกคนอยู่นี่หมดเลยหรอ”
“พวกเรากำลังจะกู้ประเทศคืนมานะ มันยังไม่ชัดเจนอีกหรอว่าพวกเราจะต้องมา”
ฮวาหยาได้เป็นตัวแทนพูดออกมาแทนทุกคน เธอได้ใส่ชุดเป็นทางการและและถือคทายาวสีเงินไว้ในมือ เธอได้ยืนอยู่ข้างๆกำแพงว่างๆพร้อมกับเสนอออกมา
มิเชลและลีออนก็ยังหยักหน้า
“เธอพูดถูก ฉันเข้าร่วมรีไวเวิร์ลเพราะว่าฉันเชื่อว่าพวกเราจะขับไล่มอนสเตอร์ออกไปจากโลก นี้มันคือก้าวแรก ฉันไม่มีทางที่ฉันจะพลาดมันไปแน่ๆ”
“พูดได้ดีคุณลุง นอกจากนี้ถ้าฉันไม่ช่วย ฉันจะรู้สึแปลกๆที่ได้รับการช่วยเรียกคืนเท็กซัสหรือแคลิฟอร์เนีย”
“อู แคลิฟอร์เนียโดยยึดไปด้วยพวกมันที่เป็นภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่….”
“ฮ่าๆ มันไม่มีปัญหา มันไม่มีปัญหา แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถพาคนตายกลับมาได้ แต่ว่าดินแดนที่เสียไปสามารถเอาคืนมาได้เสมอ”
ประชาชนกว่า 10% ของสหรัฐอเมริกาได้อาศัยกันอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดขึ้นได้มีการโจมตีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งได้ลดจำนวนประชากรในแคลิฟอร์เนียไปครึ่งหนึ่ง แม้แต่พวกที่รอดมาก็ยังต้องเสียครอบครัวและความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป
“อีกไม่นานพวกเราจะไปแคลิฟอร์เนียแน่ ไม่ต้องห่วงหรอกลีออน”
“ฉันเชื่อนายเพื่อน”
“จุ๊ๆ”
ฮวาหยาได้ทำให้เราเงียบและฉายภาพขึ้นบนผนัง
“สถานที่ๆเราจะไปในวันนี้คือฟิลิปปินส์”
“ฟิลิปปินส์….”
“เพราะมอนสเตอร์ทำให้คนกว่า 90 ล้านคนที่อยู่ในฟิลิปปินส์ต้องตายไปซึ่งนั่นเป็นประชากรกว่า 90% ของฟิลิปปินส์ มันเป็นหนึ่งในเหตุการการสูญเสียครั้งใหญ่ของมนุษยชาต”
“ฉันเคยเห็นในภาพของดาวเทียมมาก่อน มันเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ต้นไม้ราวกับเวลาได้ถูกย้อนกลับไป”
“มันเป็นไดปได้ว่านั้นคือหนึ่งในสภาพแวดล้อมส่วนหนึ่งของโลกอื่น แม้ว่าพวกนายอาจจะเคยไปฟิลิปปินส์มาก่อน แต่ว่าอย่าได้คิดว่าฟิลิปปินส์ในตอนนี้จะเหมือนกันในอดีตเด็ดขาด”
ฮวาหยาได้พูดออกมาอย่างเข้มงวดและชี้ลงไปบนภาพแผนที่บนจอที่ฉายออกมา จากนั้นภาพหลายภาพก็ปรากฏขึ้นมา ต้นไม้สูงและพืชพันธุ์หนาเน้นได้โผล่ออกมาเหมือนกับกำลังดูภาพจากยุคจูราสสิก ในป่านี้เราสามารถจะมองเห็นมอนสเตอร์ขนาดยักษ์เดินไปมาได้
“พวกนี้เป็นภาพถ่ายที่ได้มาระหว่างที่ฟิลิปปินส์เกิดภัยพิบัติ ในตอนนั้นมีนักสำรวจระดับ SS สามคนรวมถึงตัวฉันด้วยที่ไปต่อสู้ที่นั่น ในตอนนั้นพวกเราได้ถอยกลับมาโดยที่ฆ่าพวกมันได้ไม่ถึง 10% ในชายฝั่งเลย เหมือนกับในประเทศอื่นๆที่ถูกยึดไปฟิลิปปินส์ได้ถูกยึดไปโดยมอนสเตอร์ในระดับสูง ที่อ่อนแอสุดคือมอนสเตอร์ในระดับ A มีอยู่ 60% ที่อยู่ในระดับ S ระดับ SS มีอยู่ 10% และอีก 1% ที่มีระดับเหนือไปกว่านั้น”
“แค่นั้นหรอ… โอ้ย”
“อย่าได้ดูถูกคนอื่นแค่เพราะว่าเธอแข็งแกร่ง”
ฉันได้เขกหัวรูเดียพร้อมพูดตอบไป
“พวกมันอาจจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดินแล้วในตอนนี้ เราจะต้องคิดเผื่อเอาไว้ว่ามอนสเตอร์ส่วนใหญ่ได้มีระดับเพิ่มขึ้นมาครึ่งขั้น กลุ่มซัคคิวบิที่ไปต่อสู้เรียกคืนเกาะที่ไม่ใช่แผ่นดินใช้ได้ยืนยันแล้วว่าเรื่องนี้เป็นความจริง”
“ใช่แล้ว มอนสเตอร์ที่นั่นมีความแข็งแกร่งที่ผิดปกติ สามีที่รัก สำหรับที่ฟิลิปปินส์นี้….ฉันคิดว่าที่นั่นมันมีบางอย่างที่อยู่ในจุดศูนย์กลางของมัน ฉันรู้สึกได้ถึงออรร่าที่ทรงพลังซึ่งนั่นมันทำให้ฉันต้องสั่นกลัว”
“มันอาจจะเป็นมอนสเตอร์ในระดับผู้บัญชาการ ถ้าแบบนั้นการปฏิบัติงานนี้จะไปต่อไม่ได้หากไม่มีชิน อย่างที่นายรู้ชิน ดวงตามารของนายเป็นสิ่งสำคัญ”
“ไว้ใจฉันได้เลย”
ฉันสามารถทำให้มอนสเตอร์ที่มีระดับต่ำกว่า SS ทั้งหมดถูกแช่แข็งกลายเป็นหินได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้มานา ยังไงก็ตามหากมีมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงก็สามารถจะยกเลิกการกลายเป็นหินได้อย่างง่ายดาย พวกเราจะต้องจัดการมันในระหว่างที่ถูกแช่แข็งอยู่
จากนั้นฮวาหยาก็ได้แสดงภาพของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอีกเพื่อที่จะอธิบายถึงมอนสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ด้วยความที่ฟิลิปปินส์เป็นประเทศหมู่เกาะแม้อย่างนั้นในมหาสมุทรก็ยังมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลัง สำหรับมอนสเตอร์ที่อยู่ลึกในเกราะพวกมันจะเป็นพวกเลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมาก แมลงและประเภทฮาร์ปี้ จริงๆแล้วมันก็มีมอนสเตอร์เกือบจะทุกชนิด
“นอกจากนี้ยังมีส่วนแยกย่อยสำหรับการดำเนินการครั้งนี้ก็คือการหามอนสเตอร์ระดับสูงให้ยุย เดซี่หยุดน้ำลายไหลได้แล้ว”
“มอนสเตอร์ที่ตายแล้วคือมอนสเตอร์ที่ตาย”
“เธอให้คำนิยามว่ามอนสเตอร์ที่ตายคืออันเดทนี่”
“เมกิแข็งแกร่งเพราะว่าตาย พวกตั๊กแตนอ่อนแอเพราะยังมีชีวิตอยู่”
“เมกิที่ว่านี้คือชื่อที่เธอมอบให้กับราชินีตั๊กแตนปีศาจใช่ไหม”
“คังชินนักเรียนที่ดี….”
ในขณะที่ฉันเขกหัวเดซี่ การอธิบายของฮวาหยาก็ใกล้จะจบลง
“พวกเราได้อธิบายสถานการรณ์นี้กับผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีแล้ว สื่อจะพูดคุยถึงพวกเราในช่วงมื้อเย็นนี้ มีอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ….”
“ปฏิเสธทุกคนที่มีระดับต่ำกว่า SS”
“ถ้างั้นนั้นหมายความว่าคือทุกคน”
ฮวาหยาได้เผาเอกสารบางอย่างที่อยู่ในมือของเธอทิ้ง ในตอนที่ฉันคิดเรื่องนี้จะมีเพียงแค่ผู้ใช้พลังระดับ SS เท่านั้นที่จะไปกับเราได้ แต่ว่าพวกเขาทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการลุยดันเจี้ยนแน่ๆ
ในตอนที่กระดาษในมือของเธอได้กลายเป็นผงการแสดงออกของฮวาหยาก็ได้จริงจังขึ้น
“ฉันจะขอยืนยันเป็นครั้งสุดท้ายนะ พวกเราไม่ได้บังคับให้ใครมามีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ ถ้าใครไม่มั่นใจในพลัง….”
ในตอนนั้นเองรูเดียก็โต้กลับมา
“เธออาจจะอยากไปกับชินตามลำพัง แต่ว่าฉันไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่”
“ชิ แม้ว่าฉันจะต้องการแบบนั้นแต่ว่าน้องสามีก็มาเหมือนกัน….”
ฮวาหยาหันหน้าหนีและบ่นอิบ ยุยได้เอียงหัวออกมาและถามกับฮวาหยา
“น้องสามีหรอ นั่นหมายความว่าอะไรนะ ฉันว่าจะต้องมีอะไรผิดไปแน่ๆ…. เธอช่วยเรียกฉันใหม่ได้ไหม”
น่ากลัวและเย็นชา ฉันคิดว่าน่าจะเป็นแค่ฉันที่คิดแบบนี้ ฉันได้มองไปที่ฮวาหยาผู้ที่เป็นผู้ใช้พลังไฟระดับ SSS เมื่อเห็นเธอก็ยังสั่นมันดูเหมือนว่าอุณหภูมิรอบๆคงจะลดลง
“ยุย ไม่ต้องกลัวไปนะ พี่แต่อยากจะใก้ลเธอนะ เธอไม่ชอบพี่หรอ”
“ไม่มีทางที่หนูจะชอบคุณแน่ พี่ ฮ่าๆ….แล้วนอกจากนี้ความหมายของน้องสามีคืออะไรหรอ”
ยุยกำลังข่มเหงฮวาหยา! เธอได้พูดตรงประเด็นจนทำให้ฮวาหยาถึงกับจุก
“กู้ประเทศคืนมาเพียงแค่พวกเรา….มันราวกับว่าพวกเราเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จากในหนังสือการ์ตูนเลยเนอะ”
“นายพูดไม่ได้ผิดหรอกคังยงอู พวกเราคือฮีโร่ของโลกใบนี้”
“ชิน ยงอู ใครเป็นคนเลือกชื่อนี้มากัน….” [ชินในภาษาเกาหลีคือ เทพ และยงอูในภาษาเกาหลีคือฮีโร่ครับ]
“ใครสนลาะ ชิน ยงอู นี้เป็นสิ่งที่อธิบายพวกเขาได้ดีไม่ใช่หรอ”
“เฮ้ หยุดพูดเหมือนคนโง่ได้แล้วน่า ในตอนนี้พวกเราได้เวลาเดินทางแล้ว”
สมาชิกทั้ง 17 คนของรีไวเวิร์ลได้เริ่มเดินทางสู่ฟิลิปปินส์ในทันที
นับจากนี้พวกเราคือตัวละครหลักของตำนานฮีโร่นี้