Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 223
บทที่ 223 – โอเวอร์ลอร์ด (3)
“ลาล๊า ลาล๊าล๊าาาา”
“สามีที่รัก ฉันคิดว่าพวกเราได้จัดการมอนสเตอร์ในพื้นที่นี้หมดแล้ว”
“มันมีไม่เยอะเลย… พลีนตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
“อื้อ”
พลีนผู้ที่ให้ความบันเทิงหูกับเราและพามอนสเตอร์มาสู่ความตายได้หยุดร้องเพลงในทันทีตามคำขอของฉัน ฉันได้ให้ภูติธาตุของฉันออกไปทำลานมอนสเตอร์ที่กลายเป็นหินในขณะที่ฉันก็มองไปรอบๆพื้นที่ ไกลออกไปฉันสามารถจะลาวาที่พุ่งสูงขึ้นมาบนท้องฟ้าได้ ตามที่ฉันคิดเอาไว้เลยภูเขาไฟบูรูซานมันพัฒนาขึ้นมามากกว่าจุดเดิมที่ฉันเคยเห็นมา
“สามีที่รัก คุณรู้สึกได้ไหมถึงลมหายใจของสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่”
“แน่นอนสิ ตอนนี้เราได้เข้าใกล้มันแล้วฉันเลยรู้สึกได้อย่างชัดเจน”
“นี้มันอาจจะเป็น….”
ล็อทเต้ที่ฟังเราคุยกันอยู่ได้พูดออกมาอย่างลังเล ฉันได้หันไปถามเธอทันที
“เธอรู้อะไรไหมล็อทเต้”
“ฉันยังไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับพวกนั้นหรอฮีโร่”
“ไม่เลย”
“ฉันจะทำให้มันสั้นและง่ายๆนะ โลกที่ฉันมามันไม่มีมนุษย์อยู่เลย มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่มนุษย์เรียกกันว่ามอนสเตอร์อาศัยอยู่ แบ่งกันออกเป็นห้าประเทศหลักๆ มีประเทศหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟซึ่งมีราชาที่แข็งแกร่งบัญชาการอยู่
“แล้วนั่นมัน…”
ล็อทเต้ได้หยักหน้าอย่างช้าๆ
“ข้าไม่ได้สังเกตุเห็นลักษณะพิเศาอะไรของพวกมอนสเตอร์ดังนั้นข้าจึงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ว่าในตอนที่พวกเราได้เข้ามาใกล้นี้ ข้าสามารถจะรู้สึกได้ถึงออร่าของพวกนั้น แม้แต่ในหมู่พวกเรามอนสเตอร์ พวกเราก็ยังสงสัยในความแข็งแกร่งของกองทัพนั้นเช่นกัน วันนี้ข้าได้รู้สึกว่าจะได้พบมันแล้ว…เรื่องนี้มันทำให้ข้าค่อนข้างกังวล”
“อ่า ฉันก็เคยได้ยินเรื่องพวกนั้นเหมือนกัน ขาลาวาไม่มีวันตายใช่ไหม”
“เป็นกองทัพลาวาอมตะต่างหากเจ้าโง่”
“ฉันอยู่แต่ในเกาะนี่นาฉันเลยไม่ได้รู้จักพวกนี้”
ในตอนที่เธอพูดออกมามันได้แสดงให้เห็นว่าพลีนก็มาจากโลกเดียวกับล็อทเต้ เมื่อเห็นพลีนตะโกนใส่ล็อทเต้ ฉันก็ได้ลูบหัวให้เธอใจเย็นลง
“พลีนทำได้ดรแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“เอะเฮะเฮะ….”
“นี้เป็นเหตุผลที่ทำไมคนที่โง่ถึงได้รับมือได้ง่าย…ยังไงก็ตามฮีโร่ถ้าหากราชาอยู่ที่นี่จริงๆ แม้แต่สสมาชิกกิลด์ของฮีโร่ก็อาจจะไม่ปลอดถัย มันจะดีที่สุดที่จะเลือกคนออกไปสู้กับราชานั่น”
“ถ้าเรากำจัดราชานี้ พวกเราก็จะเหลืออีก 4 ที่เหลืองั้นหรอ? มันฟังดูเหมือนกับเป็นข้อบังคังเลยนะ”
“มันจะดีถ้าหากเป็นแบบนั้น….”
ล็อทเต้กํยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ด้วยความมั่นใจตามปกติของเธอและการที่ได้เห็นอีกด้านของเธอมันทำให้ฉันต้องกังวล
“การสูญเสียพลังของโลกและการเชื่อมต่อของโลกนี้…. มันเป็นที่แน่นอนว่าเป็นราชาทั้งห้าที่ให้คำสั่งกับเรา แต่ว่าพวกเราก็คิดอยู่เสมอว่ายังมีคนที่เหนือกว่าพวกนั้น ฉันไม่รู้ว่าทำไมและฉันจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ว่าฉันรู้ว่ามีใครสักคนอยู่ที่นั่น”
“มันไม่น่าแปลกใจเลย ในตอนที่มีช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นในระดับของสิ่งมีชีวิต มันอาจจะเป็นไปได้ว่าในระดับที่ต่ำกว่าจะไม่สามารถตระหนักได้ถึงตัวตนของระดับที่สูงกว่าแม้ว่าจะเผชิญหน้ากันตรงๆก็ตาม แม้อย่างนั้นหากว่าระดับที่ตำกว่ารู้ได้ถึงระดับที่สูงกว่า เขาก็จะลืมมันไปเมื่อจากมา สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังสามารถจะสร้างแรงกดดันทางจิตใจได้แม้แต่การอยู่ในความทรงจำก็ตามที นี้คนเป็นเหตุผลที่ทำให้ระดับที่ต่ำกว่าลืมพวกนั้นเพื่อที่จะป้องกันจิตใจของตัวเอง”
“นี้มันเป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินแบบนี้”
ฉันได้ขานรับคำอธิบายของลิโคไรท์ด้วยรอยยิ้มขมและคลายความเครียดของร่างกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อ ผู้นำที่ไม่มีใครรู้จักนี้น่าจะเป็นศัตรูของโลก แต่ว่าคนที่ฉันจะต้องกังวลในตอนนี้คือคนที่กำลังรอเราอยู่ที่ภูเขาไฟ
“พวกเราได้จัดการพื้นที่อื่นๆไปแล้ว เมื่อพวกเราได้จัดการเคลียร์ภูเขาไฟบูรูซาน พวกเราก็จะเสร็จธุระทั้งหมดในฟิลิปปินส์”
“ระวังด้วยนะสามีที่รัก พลังของดันเจี้ยนอาจจะไม่ได้ผลกับเจ้านี่”
“ฉันได้เตรียมแผนเอาไว้เผื่อเกิดแบบนั้นแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
หลังจากได้ยืนยันแล้ว ฉันได้เปิดช่องสนทนากิลด์และรายงานสถานการณ์ออกไป
[พวกเราเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้ว พวกเธอล่ะ]
[ใกล้เสร็จแล้ว]
[รออีกหน่อยนะพวก]
[เสร็จแล้วหรอ พลังดวงตามารของนายมันโกงไปแล้ว รอเดี๋ยวละกัน ฉันก็ใกล้จะจบแล้ว]
[เกือบจะจบแล้ว เมกิกำลังจัดการอยู่]
[พวกเราได้เจอกับมอนสเตอร์ยักษ์ระดับ SSS+ คังยงอูกำลังยื้อมันเอาไว้อยู่ ถ้าหากว่านายจบแล้วก็มาช่วยพวกเราทีคังชิน]
มันดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์จะเจอกับปัญหาทำให้เขาได้ขอความช่วยเหลือออกมา ฉันได้มองไปที่ล็อทเต้ในทันที แม้ว่าเธอจะบ่นแต่เธอก็กลับไปอยู่ในร่างของไวเวิร์น พลีน ลิโคไรท์และฉันได้กระโดดขึ้นไปบนหลังของเธอทันที
“ก่อนอื่นไปจัดการระดับ SSS+ กันก่อน”
[ข้ารู้สึกถึงออร่าของมันได้ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนะล่ะ]
ล็อทเต้ได้กระพือปีกพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนมุมมองรอบๆได้บิดเบี้ยวไปในทันที ในเวลาเพียงแค่สองนาทีพวกเราก็ได้เห็นมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่วอร์คเกอร์กำลังพูดถึง
มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีความสูงกว่า 20 เมตรกำลังเหวี่ยงดาบใหญ่อยู่ ร่างกายของมันราวกับทำมาจากไฟ ไม่สิ นั่นมัน….ลาวาหรอ ในตอนนั้นเองล็อทเต้ก็ได้ส่งเสียงออกมา
[มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเลย เป็นมันฮีโร่ ราชานั่นอยู่ที่ฟิลิปปินส์]
“นั่นคือกองทัพลาวาอมตะหรอ””
[ต้องเป็ฯมันแน่นอน ผู้ทำลายแห่งกองทัพลาวาอมตะ มันเป็นทหารจู่โจมแนวหน้าของพวกนัก]
“ทหารหรอ ไม่ใช่ผู้บัญชาการแต่เป็นแค่ทหารหรอ”
ล็อทเต้ได้เร่งความเร็วขึ้นราวกับจะบอกว่าใช่ เธอนี่เหี้ยมจริงๆเลย ฉันได้หยิบหอกโกลาหลออกมาในทันที แม้ว่าเพลิงโกลาหลจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันจะใช่ได่ แต่ว่ามันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ได้ผลกับคนที่มีธาตุไฟเหมือนกัน ดังนั้นในตอนนี้….
“ทุกคนจับเอาไว้นะะ ล็อทเต้เร่งความเร็วขึ้น”
[ไว้ใจได้เลย]
“โอ้ มันก็ไม่ได้แย่นะสามีที่รัก”
“จับล็อทเต้สิไม่ใช่ฉัน”
เจ้าจอมทำลายที่กำลังสู้อยู่ได้รู้ตัวว่าฉันเข้ามาและมองมาที่ฉัน แม้อย่างนั้นจอมทำลายก็ยังเจอกับการโจมตีด้วยหอกที่สั่นสะเทือนของพ่อและทำให้ก้อนลาวาหลุดออกมาจากขาของมัน
[อ๊าาาาาาาาาา]
“ริยู ชาราน่า”
[อื้อ]
เหนือหอกฉันขึ้นไปได้มีวังวนน้ำแข็งขึ้น ภายในเวลาเพียงแค่ 0.5 วินาทีมันก็ได้ไปถึงศัตรู พลังน้ำแข็งที่ถูกเสริมพลังด้วยลมที่ล็อทเต้สร้างขึ้นหอกโกลาหลได้แทงผ่านเข้าไปในอากาศ ปลายหอกได้ส่องแสงสีขาวออกมา
“กินนี่ไปซะ”
[ติดคริติคอล]
ในตอนที่ล็อทเต้ได้พุ่งสวนกับร่างของมันหอกของฉันก็ได้แทงตรงเข้าไปไหล่ ลาวาและน้ำแข็งได้ปะทะกันทำให้กระจายออกมาเป็นไอไหล่ที่เผาไหม้ด้วยเพลิงสีส้มของมันได้ถูกแช่แข็ง ละลาย และจากนั้นก็หลุดออกมาจากร่างของมัน หรือก็คือฉันได้ตัดแขนมันไปแล้ว
[ก๊าซซซซซซ]
“ชิ ฉันสามารถจะเอาชนะมันได้น่า”
“หัดซื่อตรงแล้วขอบคุณฉันได้แล้วคังยงอู”
[พวกมันดูดเพลิงและเอามาฟื้นฟูตัวเอง อย่าให้มันใช้เพลิงอะไรได้เด็ดขาด เร็วเข้าทำลายแขนที่หลุดออกมาของมันซะ]
“ริยู”
หอกน้ำแข็งไปปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าและตกลงมาที่แขนยักษ์ของมันบนพื้น แขนของมันได้ถูกละลายออกไปโดยสมบูรณ์ในทันที และยักษ์นั่นก็ได้ตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้วพร้อมเหวี่ยงดาบใหญ่เข้ามาหาฉันด้วยแขนที่เหลืออยู่ มันเป็นดาบที่ถูกเผาด้วยลาวา มันได้ตามความเร็วของล็อทเต้ทันและโจมตีมาที่ฉัน ยังไงก็ตาม…..
“ฉันบอกแล้วไงว่าศัตรูของแกคือฉัน”
คลื่นกระแทกแหลมคมได้ถูกยิงออกมาจากปลายหอกของพ่อและเจาะไปในร่างกายของยักษ์ ในขณะเดียวกันล็อทเต้ก็ได้หันไปหายักษ์นั้นและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง เนื่องจากการโจมตีของพ่อทำให้ยักษ์นั่นผงะไปเป็นโอกาสให้หอกของฉันแทงเข้าไปที่อกของมัน
[ก๊าาาาา]
“ตอนนี้แหละทุกคนใช้เวทย์น้ำแข็ง”
ลิโคไรท์ได้จับพลีนเอาไว้และตะโกนออกมาในขณะที่บินออกมาจากหลังของล็อทเต้ ซัคคิวบิทั้งหมดได้สร้างน้ำแข็งึข้นมากลางอากาศในขณะที่ลิโคไรท์ได้สร้างก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่อย่างมาก
“สามีที่รัก ไปก่อนเลย”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันกำลังรออยู่เลย ฉันได้ดึงพลังของริยูจนถึงขีดสุดและพลังงานเยือกแข็งที่ดูเหมือนจะแช่แข็งได้แม้แต่ผู้สร้างก็เริ่มที่จะโผล่ออกมาจากหอกโกลาหล ยักษ์ได้คำรามและยกดาบยักษ์ลาวาขึ้น ในตอนนั้นพ่อและวอร์คเกอร์ก็ยังวิ่งเข้ามาเช่นกัน
“ฮ่าห์”
ฉันได้พุ่งออกไปพร้อมเสียงตะโกน ดาบยักษ์ของยักษ์ได้เหวี่ยงลงมาที่ฉันในทันที แต่ว่าฉันก็พุ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่สนมัน ความร้อนที่น่ากลัวได้โถมเข้ามาหาฉันในทันที
[คุก๊าก๊าก๊า]
“ไอลูกชาย”
“อย่ากลัวเกินไปสิตาแก่”
[คุก๊าก๊า….ก๊าา?]
ยักษ์นั่นได้หยุดหัวเราะออกมาและเอียงหัวงง มันเป็นตามที่ฉันคิดเอาไว้เลยมันน่าจะรู้สึกได้ว่าเพลิงของมันลดลงไป
ผ้าคลุมเฟลิกซ์แห่งความโกลาหลได้กระพรือขึ้นและปล่อยแสงออกมา เพลิงของยักษ์นั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าระดับ SSS ทำให้ไม่สามารถจะดูดพวกมันได้ แต่ว่ามันยังเป็นไปได้ที่จะลบล้างมัน
ครู่หนึ่งฉันก็ได้โผล่ออกไปจากดาบยักษ์และแทงหอกที่คลุมด้วยออร่าน้ำแข็งใส่หน้าของมัน นี้คือฮีโรอิค สไตรค์
[ติดคริติคอล]
[ก๊าซซซซซซซ]
“ตายซะ”
“ตาย”
“เมื่อไหร่กันที่คำนี้เป็นคำพูดทางกายที่กิลด์รีไวเวิร์ลใช้กัน พวกเราช่วยเลิกใช้เสียงตะโกนแบบนี้ได้ไหมลล่ะ”
หลังจากที่ยักษ์นั้นได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เวทย์น้ำแข็งของซัคคิวบิก็มาถึง
“เจ้าชั่วที่พยายามจะทำร้ายสามีฉันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
“โจมตี แช่แข็งมัน”
[อ๊าาาาาาา]
พื้นดินได้สั่นและยักษ์ลาวาก็ได้คุกเข่าลงเพราะร่างกายส่วนบนถูกแช่แข็ง ฉันได้ยิงคืล่นออร่าที่บีบอัดพลังเยือกแข็งออกไปโดยไม่ลังเลและระเบิดหัวของมัน
หลังจากเสียการควบคุมจากหัวแล้วลาวาที่สร้างเป็นตัวยักษ์ก็ได้ล้มลงและกระจายออก จากนั้นซัคคิวบิก็ได้ยิงศรน้ำแข็งไปและทำลายลาวานั้น หลังจากได้ยืนยันว่ามันหายไปแล้ว ฉันก็ดึงหอกที่เล็งเอาไว้กลับมา
“จบแล้ว”
[ตามที่หวังเอาไว้กับฮีโร่เลย….]
“ว้าว น่าทึ่งมากสามีที่รัก”
ฉันได้ถอนหายใจออกมากับเสียงพึมพัมอย่างประหลาดใจของล็อทเต้ ฉันรู้สึกว่าซัคคิวบิก็จะแสดงออกมาเหมือนล็อทเต้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยิ่งกว่าซะอีก พวกเธอได้วิ่งเข้ามาหาฉัน ฉันได้มองไปที่ลิโคไรท์ในทันที
“ลิโคไรท์ทำอะไรกับพวกเธอหน่อยสิ”
“สามีที่รักเท่ไงล่ะ”
[เธอเป็นผู้นำของพวกเธอนะ]
“ใช่แล้ว พวกเธอได้แบ่งปันอารมณ์กัน”
ไม่มีใครจะมาหยุดเลยหรอ!?
หลังจากที่หยุดซัคคิวบิแล้วฉันได้เขกหัวลิโคไรท์และแบ่งปันข้อมูลที่ล็อทเต้บอกฉันให้พ่อกับวอร์คเกอร์ได้รู้ หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ล็อทเต้อธิบายแม้แต่พ่อก็ยังรู้สึกเหนือย
“นั่นมันหมายความว่ายังมีเจ้าพวกนี้อีกมากเลยหรอ”
“ใช่แล้ว ความจริงที่ว่าพวกนั้นอยู่ที่นี่มันหมายความว่าราชากองทัพก็ได้มาด้วย พวกนั้นจะเริ่มเดินทัพเร็วๆนี้แหละ”
“เดินทัพหรอ การรุกรานดินแดนศัตรูและรวบรวมกองทัพ มันควรจะเป็นวิธีของมนุษย์มากกว่านะ”
“อย่าได้ดูถูกพวกนั้นแค่เพราะพวกนั้นเป็นมอนสเตอร์”
ล็อทเต้ที่กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ได้ตอกกลับวอร์คเกอร์อย่างเย้ยหยัน
“พวกนั้นเป็นเผ่าพันธ์ที่สามารถจะใช้สมองได้เหมือนมนุษย์ ถ้าหากนายดูถูกพวกนั้นนายจะต้องเสียใจเอง”
“เอาล่ะ ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันได้เจอกับมอนสเตอร์ที่มีสมองในดันเจี้ยนมาแล้วเหมือนกัน”
ฉันได้ขอให้ล็อทเต้กลับไปในร่างมังกรทันที มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องไปพบกับคนอื่นๆ
“เรารู้ตัวจริงของพวกนั้นแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องลังเลอีกแล้ว พวกเราจะต้องไปจัดการราชา พวกเราทุกคน”
“นายพูดแบบนั้น แต่ว่าฉันพนันได้เลยว่านายจะเป็นคนที่จัดการตอบจบอีกรอบ”
“มันจะมีอะไรอีกที่ฉันจะทำให้สมกับเป็นหัวหน้ากิลด์ล่ะ”
ฉันได้ตอบกลับวอร์คเกอร์ไปในขณะที่เขาและพ่อขึ้นไปบนหลังล็อทเต้ ซัคคิวบิก็ยังเปลื่ยนเป็นค้างคาวและบินขึ้นมา
“ไปกันเธอ ไปจุดนัดพบกัน”
[ชิน มอนสเตอร์ยักษ์ที่น่ากลัวปรากฏตัว ฮี้ เงาของฉันมันไม่ได้ผล]
“….ก่อนอื่นไปช่วยคนอื่นก่อน”
เพียงแค่ฉันกำลังจะทำเท่… เยอึนเธอก็มาขัดงี้หรอ