Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 227
บทที่ 227 – โอเวอร์ลอร์ด (7)
อะไรนะ? ฉันได้แต่สงสัยในสิ่งที่ได้ยิน วิวัฒนาการหรอ? ไปเป็นอะไรล่ะ? อะไรคือสายพันธุ์ที่สูงกว่าปีกทมิฬ? ลิโคไรท์ที่อยู่ในอ้อมแขนของฉันได้แสดงความตกใจออกมา
“วิวัฒนาการ….มันเป็นเพราะว่าเธอมีพันธะสัญญากับสามี เธอจึงได้รับส่วนหนึ่งของพลังดันเจี้ยน”
“พลังของดันเจี้ยนส่วนหนึ่งหรอ”
“มันไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดเองตามธรรมชาติ มันเป็นเพราะว่าเธอได้สร้างความสำเร็จขึ้นอย่างมากทำให้เธอได้รับพรจากดันเจี้ยนผ่านสามีที่รัก แม้ว่าฉันจะไม่เคยคิดว่าไวเวิร์นจะสามารถได้รับความสำเร็จจนพอจะวิวัฒนาการเลยก็ตาม…แต่ว่าเธอคืออะไร”
“เธอเคยเป็นบอสประจำพื้นที่หนึ่งมาก่อน แต่ก่อนหน้านั้นไปดูล็อทเต้กันเถอะ”
ด้วยความที่ลิโคไรท์ไม่ยอมที่จะปล่อยมือจากฉัน ฉันได้แต่ยอมแพ้ ในตอนที่ฉันได้เดินเข้าไปใกล้เธอ ล็อทเต้ก็กำลังอาบลาวาอยู่จู่ๆก็ส่องแสงออกมาและถูกล้อมไปด้วยแสงสีแดง แม้แต่ฉันยังสามารถจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากตัวเธอได้เลย
“ชินเกิดอะไรขึ้น? นายเอาชนะมัน….หือ”
ฮวาหยาที่บินมาอย่างรวดเร็วได้เห็นลิโคไรท์ที่อยู่ในอ้อมกอดของฉันและเธอได้หรี่ตาลงก็จะปิดปาก ฮวาหยาได้เข้าใจสถานการณ์แล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณเธอจริงๆ ฉันได้ขอบคุณเธอด้วยสายตาและพูดตอบเธอไป
“ล็อทเต้กำลังวิวัฒนาการ”
“วิวัฒนาการ”
มันไม่นานนักก่อนที่แสงจะลดลง ยังไงก็ตามในเวลาเดียวกันแสงที่หุ้มล็อทเต้อยู่ก็ลดลงไปเช่นกัน ล็อทเต้ก็ยังดูจะลดขนาดลง ล็อทเต้ที่ตัวใหญ่มากในตอนที่เราได้เจอกันครั้งแรกในตอนนี้ได้ตรงกันข้ามไปอย่างสิ้นเชิง
ในที่สุดแล้วล็อทเต้ได้หดลงไปประมาณ 4 เมตร จากนั้นแสงก็ได้ไหลเข้าไปในร่างกายของล็อทเต้และเธอก็โผล่ออกมาให้เราได้เห็น แม้ว่าเธอจะยังคงเป็นสีดำอยู่ แต่ก๋มีเส้นสีแดงตัดอยู่ที่ขอบปีกของเธอ เธอดูจะเพรียวขึ้นและดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงเข้ม การวิวัฒนาการของเธอดูจะมีความเกี่ยวข้องกับลาวา
[ปีกทมิฬคือไวเวิร์นสายพันธุ์หายากที่สามารถจะควบคุมเพลิงแห่งคำสาปได้ พวกเขาจะเป็นที่รู้จักกันได้ด้านปีกที่เพรียวเร็วและเพลิงที่ทรงพลัง แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นมังกรโบราณที่ถูกสาปแช่งจนถูกลดระดับลง]
[ปีกทมิฬที่ได้อยู่เหนือขีดจำกัดแล้วจะสามารถกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมได้ แต่ว่ามีปักทมิฬไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งพอที่จะไปถึงขีดจำกัดได้ ปีกทมิฬล็อทเต้เป็นปีกทมิฬตัวแรกที่กลับไปสู่รูปแบบเดิมได้]
[ปีกทมิฬล็อทเต้ได้วิวัฒนาการเป็นราชินีเพลิง]
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดันเจี้ยนจะช่วยเธอได้ แต่ว่าเธอได้วิวัฒนาการกลับสู่ดังเดิมแทน ล็อทเต้ที่ได้ทำลายจินตนาการของทุกคนได้เข้ามาหาฉันและพูดออกมา
[ฮีโร่ท่านเห็นการเปลื่ยนแปลงของข้าไหม]
“ใช่่ ฉันเห็นแล้ว พลังของเธอดูจะเพิ่มขึ้นสองเท่า”
เพียงแค่อยู่ใกล้ๆกับล็อทเต้ฉันก็สามารถจะรู้สึกถึงความร้อนได้เลย มันดูเหมือนพลังของเธอจะถูกบีบอัดให้เล็กลง ปีกของเธอได้สะบัดไปมาอย่างร่าเริง ลมที่ออกมาก็ยังมีเพลิงลุกขึ้นและลามไปรอบๆ
[หุหุ นี่คือร่างที่แท้จริงของข้า เพื่อที่จะกลับสู่ร่างที่แท้จริงต้องแลกด้วยการทรยศมอนสเตอร์ตัวอื่นๆและเลือกจะใช้ชีวิตในฐานะข้ารับใช้ของมนุษย์ นี่มันแปลกจริงๆเลย ฮ่าๆๆๆ]
“เธอรู้ไหมเธอกำลังพูดอะไรออกมานะ
[ฮีโร่มันดูเหมือนว่าท่านจะเป็นพรสำหรับข้าจริงๆ]
“อ่า ฉันดีใจนะที่เธอมีความสุข”
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องลำบากเล็กน้อยที่จะถือลิโคไรท์ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ฉันก็ได้ลูบหัวล็อทเต้ที่เข้มาหาฉันและพูดขึ้น
“ฉันยินดีที่จจะจัดงานปาตี้ยินดีนะ แต่ว่าเธอควรจะรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเรานะ เดี๋ยวไว้ทีหลังนะ”
[ฉันรอได้มากเท่าที่ท่านต้องการเลยฮีโร่ของฉัน]
ล็อทเต้ได้ตอบกลับมาอย่างร่าเริงและยื่นหลังของเธอมาให้ฉันขี่ ก่อนที่ฉันจะขึ้นไปบนหลังเธอ ฉันได้ลูบลิโคไรท์ที่ยังกอดฉันอยู่
“ลิโคไรท์เธอใช้มานาของเธอหมดแล้วใช่ไหม”
“อื้อ ขอโทษนะสามีที่รัก ฉันรู้ว่าเรายังต้องเผชิญหน้ากับราชาอีก แต่ว่าฉันดันควบคุมตัวเองไม่ได้… มันคงจะยังไม่ฟื้นคืนมาอยู่พักหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก นั่นมันช่วยไม่ได้ เธอกลับไปพักที่คฤหาสน์ก่อนเลย เดี๋ยวพวกเราจะสู้กับราชาลาวาเอง”
“ฉันจะเชื่อคุณ”
ลิโคไรท์ได้ตอบกลับมาอย่างเงียบๆและจูบมาที่แก้มของฉัน จากนั้นเธอก็กลับไปในดันเจี้ยนก่อนที่ฉันจะขึ้นไปบนหลังล็อทเต้
“เอาล่ะตอนนี้มันถึงเวลาที่จะ….อืม”
เมื่อแก่นแท้แห่งลาวาตายแล้ว ฉันคิดว่าทุกอย่างที่เป็นของมันจะกลายเป็นลาวาและหายไป แต่ว่าน่าแปลกที่หอกยักษ์ยังคงปักอยู่กับพื้น นอกจากมานาที่เหลืออยู่แล้วก็ยังมีอาวุธอยู่อีกด้วย
“ย่ะห์”
ฉันได้เหวี่ยงหอกโกลาหลไปเล็กน้อย ในตอนที่หอกยักษ์ถูกโจมตี มันได้ส่องแสงออกมาและถูกหอกโกลาหลกลืนลงไป
[หอกโกลาหลสีชาดได้ดูดกลืนหอกลาวายักษ์ อัตราการเติบโต: 77%]
ก่อนหน้านี้อัตราการเติบโตของมันยังไม่ถึงแม้แต่ 70% เลย แม้ว่าจะเป็นหลังจากที่มันกินอาวุธของเหตุการดันเจี้ยนและบอสประจำชั้นทั้งหมดอัตราการเติบโตของมันยังไม่ถึงแม้แต่ 23% แต่ว่านี่มันเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก แม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่าจะเติมเต็ม 23% ที่เหลือยังไงแต่ฉันก็เชื่อว่ามันยังเป็นไปได้แต่คงต้องรอไปอีกหน่อย
“ฉะ ฉันควรจะตรวจสอบคำอธิบายไอเทมไหม ไม่สิ ยังไงมันก็ถูกกินโดยหอกโกลาหลไปแล้ว….”
หอกโกลาหลได้หมุนกลางอากาศและกลับมาสู่มือของฉัน จากนั้นฉันก็ได้หันไปหาฮวาหยาที่ยืนอยู่
“สองคนที่บาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง พวกเขาโอเคไหม”
“ต้องขอบคุณการรักษาที่รวดเร็วของรูเดียและอิลิกเซอร์… พวกเขาจึงไม่เป็นไร แม้ว่าจะเสียอุปกรณ์ไปบ้างก็ตาม…. คนที่เจ็บคือวอร์คเกอร์กับสุมิเระ”
“ฉันพอจะรู้อยู่ว่าพวกเขาโดนลาวาได้ยังไง”
วอร์คเกอร์น่าจะบาดเจ็บเพราะพยายามจะปกป้องโซฟีและมันก็เหมือนกันกับสุมิเระที่พยายามจะปกป้องสมาชิกกิลด์คนอื่นๆทุกคน ฉันจินตนาการได้เลยว่าพวกเขาจะต้องเจ็บมาแค่ไหน ฉันได้กัดฟันแน่นและหันหน้าไปหาพวกเขา มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
จำนวนของจอมทำลายและผู้กวาดล้างเหลือเพียงครึ่งเดียวจากที่โผล่มาในตอนแรกเท่านั้น พวกที่เหนือกว่าพวกมันได้เริ่มปรากฏออกมา พวกนี้น่าจะเป็นทหารชุดสุดท้ายแล้ว แม้ว่ามันจะมีจำนวนไม่มากแต่พวกมันแต่ละตัวก็ดูจะเต็มไปด้วยพลัง
ฉันได้เล็งหอกไปทางพวกมันและพูดกับฮวาหยาเงียบๆ
“ฮวาหยาปกป้องคนอื่น”
“ฉันยิ่งเป็นห่วงนายเลยล่ะ”
“ฉันจะไม่เป็นไร จริงๆ”
“ชิน….”
“เร็วเข้า”
พูดตามตรงทุกๆครั้งที่ฉันใช้ทักษะสังเวยพลังชีวิตฉันจะลดต่ำลง ฉันได้ตื่นโพชั่นลงไป
“ฉันจะไปแล้วนะ”
“ชินระวังตัวด้วย”
“แน่นอน”
หลังจากที่ล็อทเต้ได้วิวัฒนาการมาเป็นราชินีเพลิงแล้วความเร็วของล็อทเต้เหนือกว่าจินตนาการของฉันมาก แม้ว่าในตอนที่เธออยู่ในร่างปักทมิฬแล้วเธอก็ได้แสดงความเร็วที่น่าตกใจออกมาด้วยขนาดที่ใหญ่โต แต่ในตอนนี้ความเร็วเธอน่าจะเทียบได้กับความเร็วแสง
[ฮีโร่ เตรียมปะทะ]
“พร้อมแล้ว”
ฉันได้ตอบกลับไปอย่างร่าเริงและเปิดใช้งานไต้ฝุ่นคลั่ง ศัตรูที่ฉันกำลังเผชิญหน้าก็คืออัศวินลาวาที่ดูเหมือนกับแก่นแท้ลาวาในเวอร์ชั่นที่ลดขนาดลง เนื่องจากว่าแก่นแท้แห่งลาวาฉันยังจัดการมาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัว
“มาสู้กับฉันนี่ไอพวกเวร! เปิดเส้นทางไปหาราชาของแกซะ”
เสียงคำรามของฉันได้ดังสั่นไปทั่วทั้งภูเขาไฟนี้ พวกอัศวินก็ดูเหมือนจะเข้าใจในคำพูดของฉัน มันได้หยิบอาวุธขึนมาและพุ่งเข้าใส่ฉัน ล็อทเต้ได้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาราวกับว่าเธอกำลังรอเวลานี้อยู่
[ข้าจะให้เจ้าได้รู้จักถึงพลังของราชินีเพลิงเดี๋ยวนี้แหละ]
ร้างกายของเธอได้ส่องแสงออกมาเหมือนกับในตอนที่ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ เธอได้พุ่งเข้าไปฉีกกระฉากร่างกายของพวกอัศวินลาวาโดยที่ไม่เปิดโอกสให้ฉันทำอะไรเลย แม้ว่าลาวาในร่างของมันจะระเบิดออกมาในตอนมันตาย แต่ล็อทเต้ก็ไม่ได้บาดเจ็บเลย
[ฮีโร่ร่างกายของข้าแข็งแกร่งกว่าไฟแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงข้าสู้ได้ตามใจเลย]
“ฉันดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น”
มันเป็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันได้ยิ้มขึ้นและยกหอกที่ปล่อยประกายสายฟ้าออกมาไปทางอัศวินลาวา
“เข้ามา ฉันจะทำลายพวกแกทั้งหมดเอง”
หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปพักหนึ่งเมื่อฉันมองกลับไปก็ได้ยินแต่เสียงการตายของอัศวินลาวา ตอนนี้มีเพียงแค่สมาชิกรีไวเวิร์ลที่เหลืออยู่ในสนามรบ จอมทำลายล้าง ผู้เก็บกวาดและอัศวินลาวาที่มีจำนวนมากก่อนหน้านี้ไม่สามารถจะเห็นได้อีกแล้ว ในสนามรบนี้เต็มไปด้วยเสียงของลาวาและในตอนนี้ได้ถูกความเงียบแปลกๆเข้าครอบงำ
“มันจบแล้วหรอ”
ฉันได้พึมพัมออกมาอย่างไม่เชื่อตัวเอง คนอื่นๆก็ยังมองไปรอบๆด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อและเลือด
[แน่นอนฮีโร่ ตอนนี้มีอีกแค่ตัวตนเดียวที่เหลืออยู่ในที่แห่งนี้]
ล็อทเต้ได้บอกฉันอย่างสงบ มันเห็นได้ชัดเจนว่าอีกตัวตนหนึ่งที่เธอหมายถึงคืออะไร มันเป็นไปได้แค่ราชาลาวา
“ภูเขาไฟ…พลังงานที่ยิ่งใหญ่”
เดซี่ได้เข้ามาหาฉันด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า แม้ว่าเธอจะชอบใส่ชุดที่ประณีตเสมอแต่ว่าในตอนนี้เครื่องแบบของเธอต่างก็ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยเหงื่อ มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นเดซี่ต้องเหงื่อตก
“อันเดตของฉันหายไปหลายตัวเลย ยกราชาลาวาให้ฉัน”
“….เธอคิดว่าเธอจะควบคุมมันได้หรอ”
“อาจจะ ยอมแพ้การควบคุมอันเดทตัวอื่นๆทั้งหมดไปอาจจะเป็นไปได้”
“นั่นมันไม่ดีเลย”
“สำหรับตอนนี้ อาวุธไม้ตายเป็นสิ่งจำเป็น”
คำพูดของเธอมันทำให้ฉันลังเล เธอพูดถูก แม้ว่าอันเดทของเธอจะแข็งแกร่ง แต่มันจะดีกว่าหากว่ามีสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าโดยสมบูรณ์ เดซี่น่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าพวกเราจะยังไม่ชนะแต่เธอก็คิดเกี่ยวกับการได้รับอันเดทแล้ว
“เอาล่ะ งั้นไม่เป็นไร”
“หุหุ”
หลังจากได้ยินคำตอบของฉันได้ซี่ได้ยิ้มขึ้น จากนั้นฉันก็ได้รวบรวมทุกๆคนมาด้วยกัน สภาพของพวกเขาแย่จนยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด มันดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์และสุมิเระที่เสียอุปกรณ์สวมใส่ไปจะมีปัญหามากขึ้นเพราะพวกเขาต้องสู้ด้วยอุปกรณ์ระดับต่ำ
นอกไปจากนี้หน่วยต่อสู้ซัคคิวบิหลายตนก็ยังได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีกด้วย ฉันดีใจากที่เจ้าพวกกองทัพลาวาเวรนั่นได้ถูกจัดการไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันก็สามารถจะเห็นสัญญาณการตายของซัคคิวบิเพิ่มอีกได้เลย
“ทุกคนขอบคุณ…จริงๆ”
“นายก็ทำได้ดีเหมือนกัน”
“พวกเราชนะแล้วสินะ ฉันคิดว่าเรากำลังจะตายซะแล้ว”
“ฉันเหนื่อย”
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความเห็นออกมา ไอน่าก็กระโดดเข้ามากอดฉันเบาๆ เธอป็นคนที่พยายามหนักมากที่สุดในวันนี เธอคงต้องฆ่าพวกทหารไปมากกว่าฉันซะอีก และเธอจะต้องใช้มานาไปมากอีกด้วย ฉันรู้สึกเหมือนได้เลย ฉันได้กอดเธอเอาไว้และลูบหลังของเธอ
“ขอบคุณนะไอน่า หนูทำได้ดีมา”
“อื้อออ หนูยังไม่เหนื่อย หนูจะสู้กับพ่อ”
“เพราะพ่อขาดพลังทำให้ไอน่าต้องเหนื่อย…. ขอโทษนะแต่ว่าพ่อยังต้องการพลังของไอน่า ไอน่ามาช่วยพ่อได้ไหม”
“อื้อ หนูจะปกป้องพ่อ”
ฉันได้กอดไอน่าแน่นขึ้น จากนั้นลีออนก็ถามออกมา
“เพื่อน เจ้านั่นมันยังไม่ออกมาอีกหรอ”
“ใช่แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้านั่นจะไม่ต่อสู้จนกว่ามันจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นประโยชน์กับมันมากที่สุด”
“ไอเจ้าน่ารำคาญนั่น”
“ตอนนี้มันไม่เป็นไรแล้ว…มาเลือกสมาชิกกันเถอะ”
ด้วยคำนี้คนอื่นๆได้แสดงปฏิกิริยาออกมาในทันที คนแรกไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสุมิเระ
“หนูยังไปต่อได้ค่ะคุณชิน”
“ไม่ได้ สุมิเระ”
“แต่ว่าหนูยังไม่ได้ใช้แม้แต่พลังของเทพเลยนะ หนูบาดเจ็บเพียงเพราะว่าหนูต้องการจะเก็บมันเอาไว้สู้กับบอส….”
“สุมิเระ”
ฉันได้ส่ายหัวอีกครั้งหนึ่ง
“ฉันต้องการเฉพาะคนที่ตรงกับเงื่อนไขเท่านั้นที่ฉันจะเลือก ฉันจะไม่เลือกคนที่จะตายในการโจมตีครั้งเดียว แม้ว่าเธอจะมีพลังของเทพเหลืออยู่ แต่ว่าเธอเหนื่อยเกินไปแล้ว มันยากเกินไปที่จะต่อสู้อีก”
“คุณชิน….”
“ลูกชาย พ่อจะไป”
“พ่อก็ไปไม่ได้”
“เฮ้”
ฉันไม่ได้หันกลับไปแม้ว่าพ่อจะท้วงออกมา
“ซัคคิวบิทั้งหมดทำได้น่าทึ่งมากแล้วในวันนี้ กลับไปพักกันก่อนเถอะ เราสามารถจะจัดงานศพให้กับคนที่ล้มลงไปในตอนที่การต่อสู้นี้จบลง”
“สามีที่รัก….”
“ในตอนนี้ฉันจะขอประกาศถึงคนที่จะมากับฉันเพื่อไปสู้กับราชาลาวา คนที่จะไปคือฉัน เดซี่ ฮวาหยา ไอน่า และเยอึน”
“อะไรกัน แล้วฉันล่ะชิน”
“เธอไปไม่ได้รูเดีย มันอันตรายเกินไป”
“ชิน”
“แต่ว่านายให้เยอึนไป”
“เยอึนเป็นคนที่มีพลังในการหลบหลีกดีสุดในหมู่พวกเรา เธอลองมองดูสิ”
ฉันได้ชี้ไปที่เยอึนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น การหลบหลีกของเธอเป็นที่หนึ่งในกิลด์ของเรา นอกไปจากนี้ความแข็งแกร่งของเธอ….
“เยอึนก็ยังมี ‘สิ่งนั่น’”
“อื้อ… ใช่แล้ว ฉันจะใช้มัน….อูว”
เยอึนดูจะรู้ว่าฉันต้องการจะพูดถึงอะไร เธอได้ขมวดคิ้วและพึมพัมออกมาเล็กๆ
“แต่ว่าอาจารย์กำลังเล็งชิน….”
“เธอจะไม่ทำอะไรตลกๆในระหว่างการต่อสู้แน่”
“ไม่ต้องห่วงเยอึน ถ้าหากว่าเธอพยายามจะทำอะไร พี่สาวคนนี้จะหยุดเธอเอง แม้ว่าจะต้องเผาเธอก็ตาม”
“นั่นมันร่างกายของฉันนะพี่”
จากนั้นเร็นก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่พอใจ
“เจ้าชายฉันก็ยังมีการประจักษ์แห่งไดฟิคนะ”
“ถ้านายใช้การประจักษ์แห่งไดฟิค นายก็จะตรงไปสู่ปากปล่องภูเขาไฟแน่ๆ นายจะต้องรอจนกว่าช่วงการทุบตีจะจบลง”
“ฟูววว”
เมื่อได้ยินว่าฉันไม่ยอมให้เร็นไปด้วย เลอบิคได้ถอนหายใจออกมาอย่างเปิดเผย ฉันพูดออกมาด้วยรอยยิ้มขม
“คนอื่้นๆห้ามตามเรามานะ เพียงแค่กลับไปพัก เข้าใจไหม”
“อื้ออ….”
“ฉันไม่อยากจะ….”
“รูเดีย ฉันขอให้เธอช่วยรักษาคนอื่นๆในคฤหาสน์ทีนะ ขอร้องล่ะ”
“แต่ว่าชิน…. อื้อ”
รูเดียได้พองแก้มขึ้นมาและจากนั้นก็หันไปในท้ายที่สุด
“ทำตามที่นายต้องการไปเถอะ จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยเจ้าออร์คโง่”
“ขอบคุณที่ฟังฉันนะ”
“เชอะ”
แม้ว่าเธอจะบอกให้ฉันไปตาย เธอก็ยังโยนขวดอิลิกเซอร์จำนวนมากใส่หน้าฉัน ฉันได้รับเอาไว้ง่ายๆ หลังจากที่รูเดียส่งเสียงฮึ่มออกมาก็กลับไปที่ดันเจี้ยน
“ถ้างั้นพวกเราไปละนะพ่อ อย่าได้แอบตามเรามาล่ะ”
“อะแฮ่ม แกกำลังดูถูกพ่อของแกมากเกินไป”
“เมื่อไหร่ที่พ่อได้ชื่อที่แท้จริงของเทพ พ่อจะมากับเราได้”
“อ๊ากกก ก็ได้ ฉันสาบานได้เลยยฉันจะต้องได้ไอเจ้านั่นมาให้ได้”
หลังจากที่ทุกคนได้กลับไปที่คฤหาสน์แล้ว ฉันได้มองไปที่สมาชิกที่เหลือและประกาศออกมา
“ไปล่าราชากันเถอะ”
ปลายทางของเขาคือปากปล่องภูเขาไฟบูรูซาน ที่ๆราชาลาวากำลังรอเราอยู่