Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 230
บทที่ 230 – โอเวอร์ลอร์ด (10)
สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ในตอนนี้คือมันร้อนมา เพลิงของราชาลาวามันได้เผามานาของฉัน ฉันเคยได้ยินว่าไม่มีอะไรที่มันเผาไม่ได้ แต่นี่มันมากไปแล้ว
ฉันได้คำรามออกมาก่อนที่มันจะสายไป
“ย๊ากกกกกกกกก”
[คุณได้ใช้เสียงคำรามเยือกแข็ง ศัตรูทั้งหมดในสนามรบจะถูกแช่แข็งกับที่ พรรคพวกทั้งหมดจะได้รับสถานะสุดยอดเกราะและพลังทั้งหมดเพิ่มขึ้น 50% ชั่วคราว คุณจะมีโอกาสโจมตีติดคริติคอลเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อโจมตีศัตรูที่ได้รับผลของเสียงคำรามเยือกแข็ง]
[ผลของเสียงคำรามเยือกแข็งได้ถูกยับยั้ง พลังของศัตรูทำให้ทักษะของคุณแสดงผลครึ่งหนึ่ง คุณไม่สามารถแช่แข็งเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์]
นั่นมันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือฉันหายใจได้แล้ว จริงๆฉันได้รับความเสียหายจากความร้อนเจ้านี่มากกว่าการโจมตีตรงๆซะอีก เป็นมอนสเตอร์ที่ไร้แก่นสารอะไรแบบนี้
แม้อย่างนั้นฉันได้กันฟันแน่นและแทงหอกขึ้นไปที่เบดานปากของมัน ด้วยความใหญ่โตของมันไม่ว่าการโจมตีที่ฉันสร้างมันจะแรงแค่ไหนมันก็จะรู้สึกเพียงแค่เข็มทิ่มเท่านั้น ถึงแบบนั้นฉันก็ยังได้ขยายออร่าออกไปหลายสิบเมตรและเจาะทะลวงการป้องกันของมันเข้าไป
จากนั้นฉันก็ยกเลิกการปิดการใช้งาน ใช้งานอะไรนะหรอ
แน่นอนว่ามันคือการละเล่นของเทพเจ้า
[ก๊าซซซซซซ]
เสียงร้องของมันดูเหมือนกับเพลงที่เข้ามาในหูของฉัน ฉันได้เปิดปากของมันออกและยืนอยู่บนหินของมัน หอกที่แทงอยู่ในตอนนี้ได้ยืดออกมาหลายสิบเมตรและเจาะหัวมัน
“นั่นมันหลอกนะ”
[ก๊าซซซซซซซซซ]
“ต้องโง่ขนาดไหนกันถึงจะเชื่อในสิ่งที่ศัตรูพูด”
[เจ้าหลอกข้าฮีโร่]
ถึงแม้ว่าฉันจะมั่นใจว่าฉันทะลวงสมองของมันไปแต่มันก็น่าจะไม่เป็นไรเลย มันดูเหมือนว่าศัตรูของโลกจะก็ไม่ใช่ศัตรูที่จะสู้ได้ง่ายๆเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโครงสร้างร่างกายของมันทำงานแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นฉันจะต้องใช้วิธีไหนฆ่ามันล่ะ บางทีฉันอาจจะได้พบวิธีหากอัดมันไปเรื่อยๆก็ได้
“ทุกคนโจมตี”
“ดูก้า”
“ฉันมาแล้วเฮคาที”
ในตอนที่ฉันสั่งให้ปาตี้ของฉัน ฉันก็ได้ถ่ายพังสายฟ้าลงไปในหอกเพื่อที่จะสร้างความเสียหายที่รุนแรงให้กับมันก่อนที่จะหมดเวลาที่เหลืออีก 2 นาที
“มาดูกันว่าแกจะทนการโจมตีได้นานแค่ไหน พายุหอกสายฟ้า”
[นายท่านพลังนี้มันมากเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนกับกำลังถูกลืน]
“ทนเอาไว้อีกนิดนะไพก้า ย๊าาาาา”
ปากของราชาได้พยายามจำกลืนฉันลงไปแต่ฉันได้ยกหอกขึ้นและเจาะเพดานนปากของมันต่อไป เลือดของมันได้ไหลลงมาใส่ฉันราวกับน้ำตกและเผาฉัน ฉันได้สร้างบาเรียอินิกมาขึ้นทันที แต่ว่ามันก็ยังไม่พอที่จะป้องกันได้หมด
“ย๊าาากกกกก ตายซะ”
[จงชดใช้ที่มาหลอกราชาลาวาผู้นี้ ก๊าซซซซซซซซซซ]
ความร้อนได้พุ่งขึ้นมาจากหน้าอกมัน มันกำลังจะปล่อยลมหายใจเพลิงออกมาสินะ ยังไงก็ตามหากว่าขึ้นมาบนหลังเสือแล้วมันก็ยากที่จะลงไป การถอยออกไปในตอนนี้คือสิ่งที่แย่ที่สุดที่ฉันจะทำแน่ๆ ฉันได้ตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในพลังการป้องกันของโอเวอร์ลอร์ดและใช้งานความเร็วศักดิ์สิทธิ์เพื่อแทงมันต่อไป
ในตอนนั้นเองหนามกระดูกที่หุ้มด้วยมานาสีดำไปพุ่งออกมาจากร่างกายขชองฉันและโจมตีเพดานปากของมัน ทักษะบัลลังก์แห่งหนามถูกใช้งานแล้ว
[อึก…. นี่มัน…!? ฮึ่ม ข้าจะละลายเจ้า]
ความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวได้ละลายร่องรอยของเสียงคำรามเยือกแข็งและพุ่งเข้ามาหาฉัน ฉันได้ร้องออกมาทันที
“ริยู”
[ฉันจะพยายาม]
ริยูที่เตรียมพร้อมไว้มาตลอดเวลาได้ระเบิดพลังของเธอออกมา บาเรียน้ำแข็งได้กั้นระหว่างคอของราชาลาวากับฉัน จากนั้นชาราน่าก็ได้เข้ามาเสริมพลังให้กับบาเรียน้ำแข็งของริยู แม้ว่าจะเป็นความพยายามของภูติธาตุทั้งสองแต่ว่าเพลิงของราชาลาวาก็ได้ทำลายบาเรียน้ำแข็งไป โชคดีที่เพลิงของมันอ่อนแอลงไปมากในตอนที่มาถึงฉัน แต่ว่าน่าทึ่งที่ฉันก็ยังไม่สามารถลบล้างเพลิงนี้ได้ ตามที่คิดเลยมันเป็นเพลิงระดับ EX
[ติดคริติคอล]
“อ๊ากกกกกกก”
แม้ว่าในตอนที่เพลิงปะทะกับอินิกม่าที่อยู่รอบๆตัวฉัน มันก็ยังสร้างความเสียหายจำนวนมากกับฉันและทำให้ฉันต้องฝืนทนเจ็บเอาไว้ ชุดเกราะที่ฉันใส่ไว้แม้ว่ามันจะเพิ่มโอกาสติดคริติคอลสองเท่าแต่ว่ามันก็ยังทำให้ฉันได้รับความเสียหายคริติคอลเพิ่มเช่นกัน การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้ฉันบาดเจ็บหนัก
[ตายไปซะ ข้าจะกินเจ้าและเอาเจ้ามาเป็นเชื้อเพลิงให้กับข้า]
“ฉันก็อยากจะพูดเหมือนกับพอดีเลย”
มันดูเหมือนว่าคนอื่นๆก็ยังกำลังโจมตีราชาลาวาจากด้านนอกเนื่องจากว่าได้เกิดเสียงดังมากๆและร่างกายของมันได้สั่นอย่างรุนแรง ยังไงก็ตามราชาลาวามันยังคงมุ่งความนสนใจมาที่ฉันและฉันก็ยังจดจ่ออยู่กับมัน
“ฮ่าาาาาาห์”
ฉันได้แทงหอกออกไปอย่างบ้าคลั่ง แทง ดึง แทง ดึง แทง กล้ามเนื้อทุกๆส่วนในร่างกายของฉันได้ทำงานเพียงแค่สองการเคลื่อนไหวนี้ซ้ำไปซ้ำมา ฉันไม่สนใจเสียงที่ออกมาจากกล้ามเนื้อของฉันและใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากว่ามานาของฉันได้ถูกเติมด้วยวิญญาณสัมบูณร์ในตอนที่โจมมตี ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องลังเลที่จะใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนี่มันทำให้ฉันได้ทำการโจมตีออกไปนับไม่ถ้วนในเวลาสั้นๆ และราชาลาวาก็ได้ตกอยู่ภายใต้สถานะหลากหลายอย่าง
[ผลพิเศษจากโอเวอร์ลอร์ดทำให้ศัตรูถูกบังคับให้นอนหลับ เนื่องจากพลังการต้านทานที่ทรงพลังของศัตรูได้เปลื่ยนจากการบังคับหลับให้เป็นสับวนอย่างหนัก]
[ผลพิเศษจากโอเวอร์ลอร์ดทำให้ศัตรูขอคุณเลือดไหลอย่างมาก เนื่องจากพลังการต้านทานที่ทรงพลังของศัตรูได้เปลื่ยนการเลือดไหลอย่างมากเป็นเลือดไหล]
[ผลพิเศษจากโอเวอร์ลอร์ดทำให้ศัตรูของคุณบ้าคลั่ง เนื่องจากพลังการต้านทานที่ทรงพลังของศัครูได้เปลื่่ยนความบ้าคลั่งเป็นความโกรธ]
[เจ้า มานานี้มันข้าควบคุมไม่ได้ มานานี้เป็นพลังที่อยู่ตรงข้ามกับพลังศักดิสิทธิ์]
“แกมารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้วไอกิ้งก่า ฮ่าาาาห์”
[ทักษะไม่ยอมตายถูกเปิดใช้งาน]
แม้ว่าจะมีอินิกม่าป้องกันร่างฉันเอาไว้อยู่แต่พลังชีวิตของฉันก็ลดลงไปจนถึงจุดที่อันตราย เพราะว่าฉันตั้งสมาธิไปกับการโจมตีมากเกินไปฉันเลยไม่ได้รู้ตัวเลย ถ้าหากว่าฉันไม่มีทักษะไม่ยอมตาย ฉันก็คงตายไปแล้ว
[มีการป้องกันแบบนั้นได้ยังไงกัน เจ้าใช้พลังเหล่านี้ได้ยังไง เขาบอกฉันว่านักสำรวจไม่สามารถจะขวางทางข้าได้]
“ฉันอยากจะฟังแกมากกว่านี้นะ แต่ว่าแกคงจะไม่บอกฉันลง ดังนั้นได้แต่ยอมรับ”
พายุหอกสายฟ้าจะไม่มีวันหยุดลงจนกว่าฉันจะหยุดมันเอง เบดานปากของมันในตอนนี้ได้ยับเยินไปแล้ว แม้ว่าเลือดและเนื้อของมันที่ตกลงมาจำทำให้เกิดเพลิงที่ทรงพลัง แต่ฉันก็ยังโจมตีต่อไป จากนั้นแม้แต่โลหิตต้องสาปก็ยังทำงาน
[โลหิตต้องสาปทำงาน ใช้พลังชีวิตของคุณ 5% เพื่อที่จะฉีดเลือดปนเปื้อนเข้าไปในศัตรู ราชาลาวาได้ตกอยู่ในสถานะ ‘โลหิตปกเปื้อน’ ความเร็วในการเคลื่อนที่และพลังโจมตีได้ลดลง มานาจะสูญเสียออกไปอย่างต่อเนื้อง ผลสถานนะนี้จะไม่มีวันถูกลบล้างได้เว้นแต่เป้าหมายจะตาย ศัตรูของคุณได้พยายามจะต่อต้านสถานะนี้แต่ล้มเหลว]
[ก๊าซซซซซซซซซ]
“โอ้ นี่มันก็ทำงานแล้ว
[อ๊าาา เจ้าใช้คำสาป คำสาปที่ไม่มีวันลบล้างได้ยกเว้นคนใดคนหนึ่งในพวกเราจะตาย]
ฉันได้หยิบอิลิกเซอร์ที่รูเดียให้ไว้ออกมา ในตอนั้นขวดอิลิกเซอร์ได้เริ่มถูกความร้อนที่น่าสะพรึงละลายทันทีทำให้ฉันรีบดื่มมันลงไป จากนั้นฉันได้ถ่ายพลังอินิกม่าทั้งหมดในร่างไปที่หอก
เปลวเพลิงได้ลุกโชนขึ้นสร้างความเสียหายกับฉันในทันที แต่ว่าด้วยพลังของอิลิกเซอร์มันได้ช่วยบรรเทาอากาศลงและป้องกันไม่ใช่พลังชีวิตฉันลดต่ำกว่านี้ ยังไงก็ตามมันอยู่ได้ไม่นานนัก
ที่สำคัญที่สุดก็คือทักษะโอเวอร์ลอร์ดเหลือเวลาอีกไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น ในตอนที่มันหมดลง ฉันก็จะต้องตายแน่ๆ ในตอนที่ฉันคิดแบบนี้หอกในมือฉันเล็กน้อย แต่แล้วฉันก็ได้ทิ้งความคิดนั้นไป ถ้าหากว่าฉันสูญเสียสติไปแม้แต่นิดมันก็จะต้องจบลง
ต่อมาฉันได้ทำลายบอลคริสตัลที่ลิโคไรท์ให้ฉันมาโดยไม่ลังเล พลังเวทย์จำนวนไม่สิ้นสุดได้ไหลออกมาและเข้าไปอยู่ในหอกโกลาหล ตามมาด้วยประกายสายฟ้าหอกโกลาหลได้ปล่อยแสงสีแดงที่ทำให้มองเห็นได้ชัดแม้ว่าจะอยู่ใจกลางของเพลิงราชาลาวาก็ตาม
ในตอนนั้นเองทักษะกลืนกินก็ถูกใช้งานโดยอัตโนมัต พลังชีวิตของฉันได้ลดลงไปต่ำกว่า 10% แม้ว่าจะมีพลังของอิลิกเซอร์ก็ตาม ยังไงก็ตามในตอนที่ฉันรู้สึกถึงประตูสู่ความตาย ฉันได้สงบยิ่งขึ้น
มันง่ายมาก ถ้าฉันฆ่าศัตรูได้ ฉันจะไม่ตาย แต่ถ้าฉันทำไม่ได้ฉันก็จะตาย ดังนั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะต้องทำ
“นี้คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของฉัน สังเวย”
ถ้าหากว่าพลังชีวิตต่ำกว่า 10% มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ทักษะสังเวยจะถูกใช้งาน ยังไงก็ตามแม้ว่าฉันไม่โจมตี แต่หนามกระดูกมังกรได้พุ่งออกมาจากร่างของฉันอย่างไม่สิ้นสุดและแทงไปที่ราชาลาวา และด้วยพลังของกลืนกินทำให้พลังชีวิตฉันเพิ่มขึ้นมาเหนือระดับ 10%
เมื่อรู้ว่าพลังชีวิตฉันจะต้องลดไปต่ำกว่า 10% อีก ฉันได้รีบใช้ทักษะสังเวยโดยที่ไม่มีความลังเลและรีดเร้นมานาทั้งหมดไปที่หอก
[คุฮ่าฮ่าฮ่า ข้ายอมรับเลยว่าเจ้าเป็นคนแรกที่สร้างปัญหาให้กับข้าได้ขนาดนี้ แต่ว่าเจ้าคิดว่ามนุษย์อย่างเจ้าจะเอาชนะราชาลาวาผู้นี้ได้หรอ ในวันนี้จะเป็นวันสิ้นสุดของโลก ความสิ้นหวังและความตาย แม้แต่ในความตายเจ้าก็จะต้องได้พบกับความสิ้นหวัง คุฮ่าฮ่าฮ่า]
ท้องของมันได้ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง มานาจำนวนที่ไม่สิ้นสุดและเพลิงที่ไม่สิ้นสุดกำลังจะปะทุออกมา ไม่ว่าฉันจะขโมยมานามาจากมันมากแค่ไหน ไม่ว่ามันจะเสียมานามากแค่ไหน แต่ว่ามานาของมันก็ไม่สิ้นสุดลง เว้นเสียแต่ว่าวิญญาณของมันจะถูกทำลาย มันก็คืออมตะ
[ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรที่ทำอันตรายข้าได้]
“ฮีโรอิค…. สไตรค์”
แม้ว่าฉันจะรู้แบบนั้นฉันก็ยังแทงหอกออกไป ฉันไม่เคยทุ่มสมาธิกับการโจมตีเท่านี้มาก่อน ความคิดเดียวที่มีในหัวคือฆ่ามันด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของฉันไปภายในหอก ฉันได้แทงหอกไปที่มันทำให้เกิดการระเบิดที่ยิ่งใหญ่ออกมา
[ติดคริติคอล]
[อั๊ก]
หัวของมันได้ระเบิดออกโดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรออกมาก่อน ในตอนที่หอกของฉันแทงทะลุหัวมังกรของมันทำให้เหิดการระเบิดออกโดยที่มานาไม่สามารถทนไว้ได้
แน่นอนว่าพร้อมๆกับหัวมันที่ระเบิดออก ฉันก็ได้หลุดออกมาอยู่กลางอากาศ แม้ว่ามันจะยังคงร้อนแผดเผาอยู่ แต่ว่ามันก็ดีกว่าในตอนที่ฉันอยู่ในปากของมัน ในตอนนี้ฉันสามารถจะเห็นสิ่งที่คนอื่นๆทำได้
“พ่อ”
ไอน่าได้บินตรงเข้ามาหาฉันพร้อมๆกับคลื่นพลังเยือกแข็งทันที เพลิงที่ยังเผาร่างของฉันได้ปะทะกับพลังเยืกอแข็งของไอน่า แต่ไม่นานมันก็ได้ดับลง จากนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่าโอเวอร์ลอร์ดได้สิ้นสุดลง แม้ว่าฉันจะยังมีเวลาอยู่อีกหลายวินาที แต่ว่าฉันได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดที่มีอยู่ออกไปในการโจมตีก่อนหน้านี้แล้ว
ทักษะกลืนกินก็ยังดูเหมือนจะหยุดลง เนื่องจากฉันไม่สามารถจะเพิ่มพลังชีวิตได้อีกแล้ว ฉันเลยคิดว่าพลังชีวิตของฉันน่าจะเหลืออยู่ที่ 10% เท่านั้น ฉันรู้สึกเหมือนกับจะตายลงไปจริงๆเลย ถ้าฉันปิดตาลงไปฉันรู้สึกว่าฉันจะไม่สามารถเปิดมันได้อีก
จากนั้นเอง
[ถ้านี้คือขีดจำกัดของเจ้า…. งั้นนี่คือชัยชนะของข้า ]
ฉันได้ตัวแข็งทื่อ ถึงแม้ว่าฉันจะมั่นใจว่าหัวมันระเบิดไปแล้ว แต่เพลิงยักษ์ก็ได้พุ่งเข้ามาหาฉัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี้คือร่างจริงของมัน ไอน่าได้ยิงพลังเยือกแข็งของเธอออกไปอย่างตกใจ แต่ว่ามานาของเธอก็ดูจะมาถึงขดจำกัดแล้วเหมือนกัน
ถ้าแบบนี้มีเพียงแค่ทักษะย้อนกลับเท่านั้น….
[เจ้าจะไม่ได้หนีไปไหนทั้งนั่น]
[เพ็งเล็งได้ถูกใช้งาน การเคลื่อนไหวของคุณได้ลดลงอย่างมาก คุณไม่สามาถจะเปิดช่องเก็บของได้ ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาลดลง ในตอนที่คุณถูกจ้องโดยศัตรูคุณจะไม่สามารถใช้ทักษะย้อนกลับได้]
“มันยังรอดได้ยังไงกันแม้ว่าหัวจะถูกระเบิดไป”
“ดูก้าแทงมีดลงไปก่อนที่มันจะสายไป การยับยั้งแห่งแสงจันทร์”
เฮคาทีดูจะทำอะไรบางอย่างให้ราชาลาวาผงะไป ดูก้าได้พุ่งเขามาแทงไปที่ร่างราชาลาวาในทันที แสงสีฟ้าได้กระจายออกมาจากมีดสั้นและทำให้การเคลื่อนไหวของราชาลาวาหยุดลงไป ยังไงก็ตามเพลิงก็ยังคงแข็งแกร่งพอๆกับในก่อนหน้านี้ มันได้ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่มั่นใจในชัยชนะ
[คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าแค่นี้มันพอหยุดข้าหรอ ในตอนที่ฮีโร่ตายไป เจ้าก็จะเป็นรายต่อไปเอง]
ทักษะเพ็งเล็งมันทำให้ฉันไม่สามารถจะทำอะไรได้ ถ้าหากว่าฉันมีมานาเหลือ ฉันก็ยังใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ว่าฉันเพิ่งจะใช้มานาทั้งหมดออกไป เมื่อคิดว่ามันมีทักษะที่โกงแบบนี้ มันก็คงจะต้องสร้างทักษะได้แบบฉัน
[ดังนั้นนี้คือจุดจบ เเจ้าโง่ เจ้าคาดหวังมากเกินไป]
“เจอแล้ว เครื่องเซ่นพระอัคนี เพลิงจักรวาลแห่งอัคนี”
ในตอนนั้นเองฉันได้ยินเสียงฮวาหยาตะโกนออกมา ดวงตาของเธอได้เปิดกว้างและมือเธอได้รวบเข้าด้วยกันพร้อมกับเพลิงสีขาวที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เพลิงในมือเธอได้ลอยออกมาในทันทีและมันดูจะเผาบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นแม้ว่ามันจะมองไม่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม แต่จู่ๆราชาลาวาก็ได้ร้องออกมาด้วยเสียงที่ดังเสียดไปถึงสวรรค์
[นังสารเลว]
“อย่าได้หยาบคายสิไอกิ้งก่าเวรตะไร”
ฮวาหยาได้ตะโกนออกมาอย่างรุนแรงและรวบมือขึ้นสูง ผมสีแดงของเธอได้กระพือไปกับอากาศเหมือนกับผ้าไหม้ในขณะที่ดวงสาสีทับทิมของเธอได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง ในตอนที่เธอใช้พลังของเทพ เธอดูเหมือนกับเทพธิดาแห่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“ตายซะ”
[ก๊าซซซซซซซซซซ]
เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองได้ดังออกมาทั่วทั่วภูเขาไฟ ยักษ์เพลิงได้ขยายตัวออกและพุ่งมาทางฉัน ยังไงก็ตามก่อนที่มันจะเข้ามาไหล้ฉัน ล็อทเต้ที่หลุดจาผลของทักษะเพ็งเล็งได้มาคว้าฉันเอาไว้ จากนั้นเพลิงนั่นได้พลาดเป้าและขยายไปเรื่อยๆจนกระทั่งระเบิดออก
เสียงประโคมที่สนุกสนามยินดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินได้ดังขึ้นมาทันที
[เหตุการการณ์จู่โจมครั้งยิ่งใหญ่สำเร็จ]