Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 233
บทที่ 233 – ผู้พิทักษ์ (3)
ซัคคิวบิได้ถ่ายตลอดกระบวนการจัดการกวาดล้างฟิลิปปินส์โดยที่ไม่ได้ตัดอะไรออกเลย จำวนที่เรามีมันมากกินกว่าที่จะนับได้และเราก็ไมาได้ตั้งเงื่อนไขยากใดๆที่สื่อจะเอาไว้ กลับกันพวกเราเพียงห้ามพวกเราจากการตัดต่อให้มันง่ายต่อคนดู พวกเราต่อการที่จะถ่ายทอดสถานณ์ของสนามรบจริงๆให้กับคนดู แน่นอนว่ามันเป็นการป้องกันการตัดต่อที่เป็นอันตรายอีกแล้ว
พูดตามตรงวิดีโอที่ถูกปล่อยออกไปมันน่าอายเล็กน้อย แต่ว่าจากความรู้สึกของฉันที่ต้องการจะให้คนอื่นๆได้เข้าใจในสถานการณ์ของโลกที่เผชิญอยู่มันทำให้ฉันแสดงออกไป ไม่มีผู้ใช้พลังคนใดที่จะสามารถจะรับมือกับมอนสเตอร์ในวีดีโอได้อย่างง่ายดายและถ้าหากฮวาหยาและซัคคิวบิไม่ได้ป้องกันกล้องเอาไว้ด้วยเวทย์ กล้องก็คงตะไม่มีอะไรที่ถ่ายมาได้เลย
มนุษยชาตจะต้องเข้าใจในเรื่องนี้และต่อสู้กับมอนสเตอร์อย่างจริงจังมากขึ้น แนวโน้มในปัจจุบันของการมองมอนสเตอร์เป็นแหล่งรายได้จะต้องเปลื่ยนไป
“ตามที่คิดเลยปฏิกิริยาตอบรับมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่”
“ด้านลบ?”
“และก็ด้านบวกด้วย”
ฮวาหยาได้ยิ้มขึ้นมาและเลื่อนหน้าจอผ่านอากาศมาให้ฉันดู ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาผู้คนและผู้ใช้พลังจากประเทศต่างๆได้ในจอนี้ แม้กระทั่งในตอนนี้ข้อความก็เด้งอย่างไม่สิ้นสุด
“มีหลักฐานมากเกินไปที่พวกนั้นจะกล่าวหาว่าเราโกหก ดูนั่นสิ พวกเรากำลังได้รับคำร้องขอจำนวนมากถึงวิธีเข้ามาเป็นรีไวเวิร์ล แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้ประกาศเงื่อนไขไปแล้วว่าต้องเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS”
“เย็นชา…..”
“ฟิลิปปปินส์ไม่มีมอนสเตอร์อีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้ พื้นที่ของมอนสเตอร์ได้กลายมาเป็นพื้นที่ๆเต็มไปด้วยทรัพยากรและผู้รอดชีวิตชาวฟิลิปปินส์กำลังสรรเสริญเราในฐานะเทพ”
“ฉันหมายควาว่า….”
พวกเราไม่ได้ต้องการเงินจากฟิลิปปินส์และพวกเราได้บอกประเทศอื่นที่กำลังจับตามองฟิลิปปินส์ว่าพวกเราไม่ได้มีสิทธิ์มากไปกว่าเจ้าของ
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การที่เราจะได้รับประโยชน์ทางการเงิน ในตอนนี้สิ่งที่เราต้องการคตือที่ให้คนอื่นมองสิ่งเหล่านั้นต่างไปจากเงิน สิ่งที่เราได้รับมาจากฟิลิปปินส์มันมีค่ามากยิ่งกว่าสิ่งที่เหมือนเงิน
สำหรับคนประเทศฟิลิปปินส์กว่า 90% ได้ตายไปจากการบุกของมอนสเตอร์ หรือก็คือมีคนรอดเพียง 10% เท่านั้น แม้ว่ามันจะฟังดูไม่มาก แต่จำนวนคนก็มีกว่า 10 ล้านคน และนั่นก็มากพอที่จะเรียกว่าประเทศได้ สำหรับชาวฟิลิปปินส์ที่ยังไม่มีบ้านหรือที่อยู่แล้ว ฟิลิปปินส์ในตอนนี้ได้เป็นที่ๆสบบูรณ์ที่พวกเขาจะกลับไปแล้ว
มีทั้งเหมืองแร่ใหม่ๆและทรัพยกรธรรมชาติจำนวนมาก พวกเขาสามารถจะทดสอบพืชพรรณและแร่ธาตุที่มาจากโลกอื่นได้ มันเป็นพื้นที่ๆเต็มไปด้วยสมบัติจริงๆ
แน่นอนว่ามันจะมีการให้แหล่งทรัพกรใหม่ๆแก่ประเทศอื่นที่มีศักยภาพมันเป็นสิ่งที่จะเลี่งไม่ได้ การสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ๆขึ้นมาตั้งแต่เริ่มเลยมันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ยังไงก็ตามหากรีไวเวิร์ลก้าวเข้ามาเพื่อทำให้แน่ใจว่าธุรกิจเป็นธรรมแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟิลิปปินส์ก็จะได้กลับมาเป็นประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง
“อย่างที่ฉันพูดไปก็ยังมีการวิจารณ์จำนวนมากเหมือนกัน โดยเฉพาะชาวเกาหลี อย่างที่นายรู้ชาวเกาหลีไม่ได้ให้ค่าชาวฟิลิปปินส์มากนะ พวกเขาถามว่าทำไมนายถึงไปช่วยประเทศนั่นที่มีปัญหากับประเทศเกาหลีเสมอด้วย”
“น่าขำดีนะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องการค้าประเวณีได้ แต่ว่าคนที่ก่ออาชญากรรมพวกนั้นก็อาจจะตายไปแล้วและในตอนนี้ชาวฟิลิปปินส์ก็ไม่มีทางทำอะไรเกาหลีได้ แน่นอนว่าถ้าพวกนั้นทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นอีก….”
ถึงแม้ว่าฉันจะคิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ว่าถ้าหากพวกนั้นทำแม้ว่าเราจะปกป้องพวกเขา พวกเขาก็จะต้องชดใช้ด้วยราคาที่เหมาะสมกับมัน
เอาล่ะ ถ้าพวกเขาได้รู้ถึงพลังส่วนหนึ่งที่เรามีอยู่ พวกเขาก็คงจะไม่กล้าที่จะทำเรื่องแบบนั้น ความจริงแล้วมันไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่พวกเขาจะทำมันก็จะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เราชอบ แม้ว่าพวกเราจะไม่ขออะไรจากพวกเขา แต่พวกเขาคงจะต้องการให้ของขวัญกับเรา พวกเราจะไม่ปฏิเสธมัน นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะคงความสัมพันธ์ของเราไว้
พวกเขาต้องเสียครอบครัว เพื่อน บ้าน อาชีพและทุกๆอย่างที่พวกเขาเคยรู้จักและรักในตอนที่หนีมาจากฟิลิปปินส์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความกลัวในมอนสเตอร์ได้ฝังแน่นอยู่ในกระดูกของพวกเขา เพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากมอนสเตอร์พวกเขารู้ว่าจะต้องทำตัวให้เป็นพันธมิตรกับเรา
ยังไงก็ตามมันดูเหมือนว่าชาวเกาหลีจะไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ
“มีคนอยู่มากเลยล่ะที่พูดว่า ‘เลือดฉันกำลังร้อน’ ‘ทำไมคนเกาหลีจะต้องยกความสำเร็จไปให้กับชาวฟิลิปปินส์ด้วยล่ะ’ ‘ไม่ใช่ว่าพวกนั้นเป็นแค่ไอโง่หรอ’ ‘คนฟิลิปปินส์ควรจะชดใช้ที่สร้างปัญหาให้เกาอื่น’…”
“มันดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะกรีดเลือดจากชาวฟิลิปปินส์เลยนะ”
“จะให้ฉันบอกอะไรไหม มันไม่ใช่ว่านายต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน…แต่ว่านายสู้เพื่อหาสัตว์เลี้ยงใหม่ให้กับน้องสาวสุดที่รักของนาย”
“อะแฮ่ม”
จู่ๆฮวาหยาก็จู่โจมฉันอย่างฉับพลันทำให้ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากไอออกมาแห้งๆและหลบตา
“ด้วยความรักน้องสาวของนาย ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่าคนพวกนั้นจะแสดงปฏิกิริยายังไงออกมาหากรู้เหตุผลที่แท้จริงที่เราไปที่ฟิลิปปินส์ นายคิดยังไงล่ะหัวหน้ากิลด์”
ฮวาหยาได้พูดในขณะที่กางแขนออกมาและจ้องจรงมาที่ฉัน ในที่สุดแล้วฉันได้แต่ยอมแพ้
“ฉันขอโทษรองหัวหน้า”
“เนื่องจากว่ามันไม่ใช่เหตุผลทางการเงิน ฉันจะให้อภัยนาย”
“ทำไมเธอต้องมาขู่ฉันด้วยล่ะ เธอจะหมายถึง…”
“นายก็รู้ ฉันคิดว่านายจะน่ารักที่สุดในตอนที่นายหน้าแดง”
“เห็นแก่ตัวมาก”
ในการเดินทางไปฟิลิปปินส์ครั้งนี้พวกเราได้ในทุกๆสิ่งที่เราต้องการ แม้ว่ายุยจะยังคงรู้สึกผิดที่ทำให้คนอื่นลำบากและซัคคิวบิต้องการ แต่ว่าต้องขอบคุณเธอที่ทำให้เราสามารถจะจัดการราชาลาวาได้ก่อนที่มันจะสามารถเตรียมกองทัพได้เต็มกำลัง
ถ้าหากว่าเราได้ต่อสู้กับมันทีหลังแม้ว่าเราจะแข็งแกร่งกว่านี้ มันก็อาจจะมีกองทัพที่ทรงพลังมาสู้กับเรา ไม่มีใครที่จะไปโทษยุยและกลับกันบางทีคำขอของเธออาจจะเป็นโชคดีต่างหาก
เดซี่ก็ยังได้รับอันเดทที่ทรงพลังในตอนท้าย ยุยได้รับไข่ราชาลาวาซึ่งแข็งแกร่งกว่าอันเดทที่เดซี่ได้แน่นอน ฮวาหยาก็ยังได้รับดวงตามาร เดซี่กับเยอึนก็ได้ไอเทมระดับตำนานและไอน่าก็ได้แหวนที่ช่วยเสริมการป้องกันให้กับเธอ
แม้ว่าฉันจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ว่าฉันได้ก็รับฉายาผู้พิทักษ์มาซึ่งช่วยเพิ่มพลังให้ฉันและฉันก็ยังได้แต้มทักษะและสเตตัสจำนวนมากมาอีกด้วย นอกไปจากนี้ตำแหน่งผู้ดูแลโลกของรีไวเวิร์ลก็ได้มั่นคงขึ้น ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางเราอีกต่อไปแล้ว
“สามีที่รักพวกเราได้ข้อมูลมามากขึ้นแล้ว”
“อึก”
ในตอนนั้นเองประตูได้ถูกเปิดและลิโคไรท์ได้เดินเข้ามาพร้อมกับบอลคริสตัลในมือ
“มีอู่สามที่ที่เป็ฯไปได้ว่าจะมีราชาอาศัยอยู่ได้ ไพวกเรามาดูด้วยกันสามีที่รัก”
“อ่า อย่างที่เธอรู้ ฉันจะต้องเสร็จสิ้นการรับไอเทมทั้งหมดกับบอสประจำชั้นที่ 70 ก่อน….”
แน่นอนว่าการกำจัดศัตรูของโลกคือสิ่งสำคัญ แต่ว่ามันจะมีปัญหาถ้าหากมันขัดขวางความก้าวหน้าในดันเจี้ยนของฉัน ฉันจะเผชิญหน้ากับพวกศัตรูของโลกได้ยังไงกันถ้าหากฉันไม่แข็งแกร่งขึ้น
ยังไงก็ตามพวกเธอก็ดูจะไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ฉันพูดเลย
“มาทำงานกันดีกว่าสามีที่รัก พวกเราจะต้องขยี้เจ้าพวกราชาโง่นั้น”
“ยังไงนายก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวในการจัดการอยู่แล้วนี่ ในตอนนี้นายจะต้องทำงาน มันไม่ใช่ว่าถึงเวลาที่ฉายาผู้พิทักษ์จะต้องแสดงออกมาแล้วหรอ”
“ให้ตายสิ….”
ฉันมีสิ่งที่ต้องทำในดันเจี้ยนอีกเหมือนกันนะ ฉันยังต้องไปเอาชุดที่ให้หลิยซ่อม ยังไงก็ตามฉันได้แต่คร่ำครวญอยู่ภายในใจเงียบๆ
[คุณได้กินผลไม้เสน่ห์จนถึงขีดสุดทำให้คุณดูสว่างยิ่งกว่าเดิม คุณจะได้รับความรักโดยไม่สนใจเพศ พลังเวทย์และเสน่ห์เพิ่มขึ้น 13 การกินไอเทมชิ้นนี่่ต่อไปจะไม่ส่งผลอะไรอีก]
[คุณได้สวมใส่เซ็ตราชาอินคิวบัส เสน่ห์และพลังเวทย์เพิ่มขึ้น 30 ในตอนที่คุณสวมใส่เซ็ตอินคิวบัส คุณจะสามารถใช้ทักษะ ‘ระเบิดความสับสน’ ได้วันละครั้ง หากเป้าหมายมีค่าเสน่ห์ต่ำกว่าคุณ คุณก็จะขโมยพลังเวทย์ของพวกนั้นมาครึ่งหนึ่งและทำให้เป้าหมายติดอยู่ในสถานะ ‘เหนื่อยล้า’ หากเป้าหมายมีค่าเสน่ห์สูงกว่าคุณ คุณก็จะสูญเสียพลังชีวิตและมานาครึ่งหนึ่ง และตกอยู่ในสถานะ ‘อ่อนแอ’]
“ในที่สุดมันก็จบแล้ว….”
ฉันได้บ่นกับตัวเองในขณะที่จ้องไปที่ศพของราชาอินคิวบัสที่กลายเป็นแสงไป หลังจากจบงานที่น่าเบื่อแล้วฉันก็ได้กลายเป็นอิสระและสามารถจะปีนดันเจี้ยนไปต่อได้ ตามแผนที่ฉันได้วางเอาไว้หลังจากจัดการกับอินคิวบัสเสร็จ
ด้วยการรวมกันของผลไม้เสน่ห์ทั้งหมดสิบลูกทำให้พลังเวทย์และเสน่ห์ของฉันเพิ่มขึ้น 40 แม้ว่ามันจะไม่เท่ากับรอยสักของราชินีซัคคิวบัสแต่ว่ามันก็ยังเพิ่มสถานะของฉันขึ้นมามากเช่นกัน แต่ว่ายิ่งค่าเสน่ห์ฉันเพิ่มมากยิ่งขึ้นมันยิ่งทำให้ฉันปวดหัว
เซ็ตราชาอินคิวบัสนั้นเป็นชุดสูทที่มีแจ็คเก็ตและกางเกงที่เป็นสีดำมันวาว มันเป็นชุดแบบที่คนรวยชอบใส่กัน เพียงแค่นี้ฉันก็รู้สึกแปลกๆกับมัน ดังนั้นฉันจึงดึงทักษะของมันออกมาและเก็บชุดลงไปในช่องเก็บของ
ผลของทักษะนี้มันมีความใกล้เคียงกับผลของทักษะฝันร้ายอันแสนหวาน ฝันร้ายอันแสนหวานจะขโมยพลังชีวิตของเป้าหมายในขณะที่ระเบิดความสับสนจะขโมยพลังเวทย์ของศัตรู ฉันได้ผสมทั้งสองทักษะเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องลังเลเลย
[คุณได้รับทักษะเฉพาะ ‘การล่อลวงของลิลิธ’]
[การล่อลวงของลิลิธจะสามารถใช้ได้เพียงวันละครั้งและใช้ได้เพียงแค่กับเพศตรงข้ามที่มีเสน่ห์ต่ำกว่าคุณเท่านั้น เมื่อใช้งานทักษะนี้จะขโมยพลังชีวิตและพลังเวทย์ของเป้าหมาย 50% และมีโอกาส 20% ทำให้เป้าหมายติดอยู่ในสถานะ ‘เชื่อฟังโดยสมบูณรณ์’ เมื่อผลของผลเชื่อฟังโดยสมบูรณ์ทำงานเป้าหมายจะกลายเป็นทาสรับใช้ของคุณตลอดกาล ยังไงก็ตามหากเป้าหมายไม่ติดสถานะเชื่อฟังโดยสมบูรณ์จะมีโอกาส 40% เป้าหมายก็จะติดสถานะ ‘ผู้ตื่นจากความคลั่ง’ เมื่อติดสถานะนี้จะทำให้พลังของเป้าหมายเพิ่มขึ้น 2 เท่าแลกกับการที่พลังชีวิตลดครึ่งหนึ่ง]
[คุณได้สร้างทักษะเฉพาะตัวขึ้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้เหล่าเทพที่เกี่ยวข้องกับความรักให้ความสนใจคุณ ยังไงก็ตามเทพอื่นๆที่กำลังแข่งขันกันอยู่ได้บังคับให้พวกนั้นถอยไปก้าวหนึ่ง คุณได้รับแต้มทักษะ 3 แต้ม แต้มทักษะในปัจจุบัน: 33]
“การล่อลวงของลิลิธ…. อย่างน้อยมันก็ใช้กับผู้ชายไม่ได้สินะ….”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทักษะนี้มันค่อนข้างที่จะมีผลข้างเคียงที่อันตราย มันยังต้องใช้กับเพศตรงข้ามเท่านั้นอีกด้วย มีโอกาส 20% ที่จะควบคุมเป้าหมายได้อย่างสมบูณร์ ในทางกลับกันมันก็มีโอกาส 40% ที่จะเพิ่มพลังให้กับศัตรู หรือก็คือทักษะนี้จะต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง
ด้านดีของมันก็ชัดเจนเหมือนกันก็คือกับเป้าหมายที่มีค่าเสน่ห์ที่สูงกว่าจะไม่สามารถใช้ทักษะนี้กับเป้าหมายได้
“ยังไงก็เถอะมันยังดีกว่าการไม่มีอะไรเลย”
ฉันได้ถอนหายใจออกมาและเปิดหน้าต่างทักษะก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องบอส ฉันยังไม่ได้รับเกราะกับคืนมา และเกราะราชาอินคิวบัสก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันอะไรได้ แต่ว่าในตอนนี้ฉันจำเป็นจะต้องไปในบียอนชั้นที่ 20 มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องไปเอาเกราะคืนมาจากหลิน
ยังไงก็ตามในตอนที่ฉันออกไปจากห้องบอส ฉันก็ไม่ได้เจอกับโรเล็ตต้าในชั้นขายของ ฉันคิดว่ามันแปลกๆแต่แล้วไม่นานฉันก็ได้พบกับสิ่งที่แปลกไป ตามปกติแล้วฉันจะต้องได้เห็นประตูสู่บียอนชั้นที่ 20 แต่ว่าฉันไม่เจออะไรแบบนั้นเลย
ในตอนนั้นเองได้มีข้อความหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ตื่นตระหนกของพี่สาวข้อความ
[แจ้งเตือนถึงนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งทุกคน หัวหน้ากิลด์ผู้ดูแลได้หลายไปทำให้กิจกรรมทั้งหมดในดันเจี้ยนถูกหยุดลง จนกว่าหัวหน้ากิลด์จะกลับมาบริการจากทางดันเจี้ยนเว้นแต่พื้นที่พักอาศัยจะไม่สามารถใช้ได้ หัวหน้ากิลด์ระดับ B หรือสูงไปกว่านั้นควรมารวมกันที่พลาซ่าของพื้นที่พักอาศัยในทันที]
สิ่งเดียวที่ฉันสามารถจะตอบสนองได้ในสถานการนี้คือ
“ไม่ใช่ว่านั่นรวมถึงโรเล็ตต้าด้วยหรอที่หายไป!?”