Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 236
บทที่ 236 – ผู้พิทักษ์ (6)
จักรวรรดิไซออนเป็นหนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่ในทวีปไซรอนจนถูกยกย่องว่าเป็นจักวรรดิ ด้วยพลังที่ย่งใหญ่นี้ทำให้พวกเราได้รับการยกย่องอย่างไม่หยุดหย่อนจากประเทศและพวกเขายังมีกองทัพอัศวินและจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งคอยปกป้องจักวรรดิจากทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์ที่จะมาคุกคามความปลอดภัย แน่นอนว่าประชาชนส่วนใหญ่ของจักรวรรดิไซออนก็เป็นมนุษย์
“ก่อนที่บุ๊ควอร์คเกอร์จะบุกรุก พวกเขาเป็นศัตรูของจักรวรรดิเซลโลน”
“ทำไมหรอ”
“เอลฟ์เทามีรูปลักษณ์ที่สวยงาม น่าหลงใหล”
“ถ้างั้นจะไปพูดสั้นๆและ— อะแฮ่ม”
“คนของจักวรรดิได้ใช้เอลฟ์เทา…เป็นทาสเซ็กส์”
เดซี่ได้ผงกหัวของเธอและพูดต่อออกมาอย่างปกติ ฉันได้ก้มหน้ากัดฟันและมองไปที่เธอ จากนั้นหลินก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ถ้างั้นการบุกของบุ๊ควอร์คเกอร์ก็ทำให้พวกนั้นต้องกลายเป็นพวกเดียวกัน”
“แม้แบบนั้นพวกเขาก็ยังสู้กันต่อไป เจ้าพวกเวรนี้ได้รับสิ่งที่สมควรได้รับ”
เดซี่ได้อธิบายอย่างโมโหด้วยการเตะออกไปใส่อากาศ แรงสะท้อนที่ดังเสียดออกมาทำให้แสดงเห็นว่าเธอไม่ชอบไฮเดลเซินมากแค่ไหน
“โดยเฉพาะเจ้าโรเดิท ไฮเดลเซินที่น่ารำคาญ ดวงตาที่น่าคนลุกนั่น ยิ่งคิดเกี่ยวกับหมอนั่นมากเท่าไหร่ยิ่งน่ารำคาญมาก เจ้าคนผิดปกตินั่น”
“ถ้างั้นทำไมผู้หญิงแบบซิปัวถึงชอบเขาล่ะ”
“มนุาย์ไม่แย่มาตั้งแต่เกิดนะ เขาจะต้องเปลื่ยนไปแน่นอน นอกไปจากนี้ถ้าหากคู่รักมองเพียงแค่นิสัยของอีกคน ไม่ใช่ว่าคู่แต่งงานทุกคนต้องเป็นนักปราชญ์หรอ”
“ชิ”
ฉันเพียงแค่ถามออกไปเฉยๆ แต่ว่านั่นมันได้แสดงออกถึงความด้อยประสบการณ์ในด้านความรักของฉัน…. ระหว่างเดซี่กับหลิน ไม่ใช่ว่าฉันอยู่ในจุดที่อ่อนแอสุดหรอ
ในตอนนี้พวกเรากำลังอยู่บนหลังของลาน่า ลาน่านั้นเร็วเทียบเท่าได้กับล็อทเต้ที่วิวัฒนาการมาแล้วด้วย ฉันงงมากที่เจ้าหมูตัวเล็กนี้มันมาเร็วแบบนี้ได้ยังไง แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เดซี่ได้ตั้งสมาธิส่งพลังเวทย์ของเธอไปให้กับลาน่า
เนื่องจากว่าเราได้คุยกันในก่อนหน้านี้แล้วว่าหลังของลาน่าไม่ได้ใหญ่มากนะทำให้พวกเราจะต้องเบียดกัน หลินได้อยู่ข้างหลัง ฉันอยู่ตรงกลาง และเดซี่ก็อยู่ด้านหลังของฉัน
“คังชินอย่ามาติดฉันมากสิ นายทำให้ฉันได้กลิ่นแปลกๆและมันน่ารำคาญนะ”
“นายก็พูดแบบนี้ด้วยหรอหลิน ฉันพยายามจะคควบคุมมันเหมือนกันนะ”
“นายกินอากาศบริสุทธิ์หรืออะไรแบบนี้หรอ”
“อย่าได้ล้อฉันเหมือนกับพ่อฉันนะ”
ในตอนที่ฉันได้ตะโกนใส่หลิน เดซี่ก็พูดออกมาเบาๆ
“ฉันอยากจะเอาลากิออกมา”
“ลากิ อะไรล่ะนั่น”
“มันเป็นศัตรูของโลกที่เราได้เปลื่ยนมันมาเป็นอันเดท”
หลินได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ
“อย่าทำนะ ถ้าเธอทำแบบนั้นพวกมันจะสังเกตุเห็นเราในทันที”
“แม้ว่ามันจะเป็นพวกตัวอ่อนแอหรอ”
“อ่อนแอตูดฉันสิ มันจะไม่มีอะไรแบบนั้นแน่ในตอนที่ศัตรูของโลกมาถึง เธอ มันดูเหมือนว่าเธอจะต้องได้รับการอบรบเกี่ยวกับฮีโร่ใหม่แล้ว”
“นายเคยสอนฉันด้วยหรอ”
เดี๋ยวนะ ในตอนที่ฉันคิดถึงมัน บางทีตอนนี้เขาก็อาจจะกำลังแนะนำฉันด้วย… แต่เพราะฉันไม่อยากยอมรับมัน ฉันจึงทำเพียงแค่เงียบไว้ ในตอนนั้นเองเดซี่ก็ขัดขึ้นมา
“บุ๊ควอร์คเกอร์จะมาเป็นกลุ่ม ข้อมูลของฉันถูกรู้แล้ว มันจะมาเพื่อจับฉัน”
“จับเธอหรอ”
“บุ๊ควอร์คเกอร์มีเพศหญิงน้อย เมื่อที่จะสืบพันธุ์ต่อไปเผ่าอื่นๆจึงถูกนำมาใช้”
“อึก”
“พวกมันมีข้อมูลของฉัน มันจะถือว่าจับได้ง่าย”
ใบหน้าของเดซี่ดูสงบมากในตอนที่เธอพูดเรื่องนี้ ที่เธอได้ตอบกลับไปเพราะเธอยังไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของหลินงั้นหรอ ฉันรู้สึกงงเล็กน้อยและจากนั้นเดซี่ก็พูดออกมา
“ข้อมูลจะไม่มีวันหายไป แม้อย่างนั้นด้วยความต่างกันหนึ่งระดับทำให้มันต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการปรับตัวเนื่องจากว่าฉันได้พัฒนาขึ้นมามาก”
“อ่า ฉันเข้าใจแล้ว”
“ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่ถือครองดวงตามาร และชื่อที่แท้จริงของเทพ ดังนั้นมันจึงการที่จะคำนวณและปรับตัว”
“ถ้างั้นแม้ว่าพวกนั้นจะรู้ว่ามีชื่อของเทพและดวงตามาร มันก็ยังยากที่พวกนั้นจะจดบันทึกลงไปในหนังสือและหาทางมาตอบโต้งั้นสินะ”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้”
มันดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องปกติระหว่างศัตรูของโลก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะสวนกลับระบบของดันเจี้ยน แต่ว่าพลังดั้งเดิมจากดันเจี้ยนก็ยังอยู่เหนือการควบคุมอย่างชื่อที่แท้จริงของเทพ ดวงตารมารและพลังมานาอินิกม่ามันก็เป็นการยากที่ศัตรูของโลกจะโต้กลับได้… แม้ว่าฉันจะมีคำถามอื่นอีกในหัว แต่ว่าในตอนนี้ฉันมีอีกคำถามที่อยากจะถาม
“เดซี่ฉันขอถามอะไรซักอย่างได้ไหม”
“แน่นอน เหมือนว่าฉันจะรู้คำตอบ… หน้าอกของฉันใหญ่เกินไป”
“ฉันไม่ได้อยากจะรู้ขนาดหน้าอกของเธอซะหน่อย แต่ว่ามันก็ใหญ่จริงๆแหละ”
“…นายรู้ได้ยังไง”
“ตอบได้ดีนี่คังชิน ที่ๆกระสุนของฉันจะไปอยู่ส่วนไหนมันจะขึ้นอยู่กับคำตอบของนาย”
“นายตัดสินใจที่จะยิงฉันแล้วหรอ”
ฉันได้ขุดหลุมฝังตัวเอง…! ฉันเพียงแค่พูดไปตามจริงจากสิ่งที่เห็นจากเดซี่ในตอนแรกเองนะ ให้ตายสิถ้าโรเล็ตต้ารู้เรื่องนี้เขา ตาของฉันต้องอยู่ในอันตรายอีกแน่…! ฉันได้แต่เปลื่ยนหัวข้อไปอย่าหมดท่า
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ คำถามของฉันคือชื่อที่แท้จริงของเทพแล้วก็ดวงตามารมันเป็นส่วนหนึ่งของดันเจี้ยนด้วยหรอ”
เดซี่ได้แต่งงกับคำถามของฉันและตอบกลับมาช้าๆ
“ดวงตามารและชื่อที่แท้จริงมีหลักการที่คล้ายคลึงกัน มันเป็นการสนับสนุนภายนอกด้วยการยืมระบบดันเจี้ยน”
“เธอช่วยอธิบายให้ละเอียดอีกหน่อยได้ไหม”
“อย่างที่ฉันหวังกับนักสำรวจบียอนเลย เธอรู้เพียงแค่หางอึ่ง เดี๋ยวฉันจะอธิบายที่เหลือเอง”
หลินได้หยิบปืนออกมาและพูดขึ้น ฉันกลัวว่าเขาจะยิงมาที่ฉัน แต่ว่าโชคดีที่เขาเพียงแค่เล็กไปในที่อากาศที่วางเปล่าและยิงมันออกไป
“มันไม่ไม่อะไรตรงนั้นใช่….อ่า”
“โอ้ ตอนนี้นายรู้สึกได้แล้วหรอ ใช่แล้วที่นี่มีผู้เฝ้าอยู่”
ด้วยคำพูดของหลินทำให้ลาน่าได้เร่งความเร็วขึ้น จากที่ไกลๆได้มีออร่าจิตสังหารพุ่งมาทางเราอย่างพุ่งพล่าน ฉันรู้สึกได้แม้แต่พลังเวทย์อีกด้วย หลังจากหลินได้ยินกระสุนไปอีกนัดเขาก็ได้จัดการทำลานจิตสังหารนั้นไปและพูดออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เทพจากตำนานนั้นมีตัวตนอยู่ พวกเราไม่รู้ถึงความหมายของพลังศักดิ์สิทธิ์ทีพวกเขาได้รับมา แต่ว่าพวกเรารู้ว่าพวกเขารู้จักสิ่งต่างๆ ได้เห็นสิ่งต่างๆ และมีตัวตนอยู่ในหลายๆยุค สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้ว่าพวกเขาจะทำสิ่งต่างๆมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำด้วยร่างกายที่แท้จริงได้””
“ร่างจริง ตัวตนที่แท้จริง….”
“มีผู้ชื่อได้รับชื่อที่แท้จริงของเทพอยู่ก่อนที่ดันเจี้ยนจะมีตัวตนเสียอีก ในตอนที่ดันเจี้ยนได้ถูกสร้างขึ้ลอร์ดได้ทำข้อตกลงกับเทพเอาไว้โดยใช้สิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จเป็นตัววัดให้เทพเข้ามาตรวจสอบในคนๆนั้น”
“เทพเห็นด้วยที่จะยอมรับกับความสำเร็จจากดันเจี้ยนงั้นหรอ”
“ถูกเพ่งเลยล่ะ พระเช้าได้ยอมรับความสำเร็จนี้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังต้องกำหหนดความต้องการพื้นฐานเอาไว้ด้วย ยังไงก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถจะมอบชื่อของพวกเขาให้กับใครก็ได้ทุกคน มีเพียงแค่คนที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะได้รับชื่อของพวกเราไปเพื่อที่จะใช้ยกระดับความศักดิ์สิทธิ์ในตัวของพวกเทพด้วยกันเอง”
“นายกำลังจะหมายความว่าพวกเทพได้ให้ยืมชื่อของพวกเขาเพื่อที่จะให้คนที่สมควรได้รับไปเผยแผ่ชื่อเสียงของพวกเขาให้กว้างไกลงั้นหรอ”
“ถูกแล้วล่ะ มันดูเหมือนว่าค่าสติปัญญานายจะไม่ได้มีไว้โชว์นะ”
หลินได้เติมกระสุนปืนพกอย่างคล่องแคล่วและยิงต่อไป เดซี่ได้พึมพัมขึ้นข้างหูฉัน
“หากไม่เข้าไปใกล้การสวนกลับก็จะไม่เกิดขึ้น หากพวกนั้นไม่เห็นการโจมตีหรือหากพวกนั้นตายก่อนที่จะได้เขียนลงไปในหนังสือมันจะไร้ความหมาย”
“ฉันจะจำเอาไว้”
“เพียงเพราะแบบนี้มันก็เลยง่ายที่นักสำรวจดันเจี้ยนจะได้รับชื่อของเทพ แต่ว่านั้นเทพพวกนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังดันเจี้ยน ชื่อของเทพก็คือชื่อของเทพอยู่ ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น ฉายาจากดันเจี้ยนก็คือของเลียนแบบที่มีระดับต่ำกว่าชื่อของเทพนะ”
“เข้าใจล่ะ…”
ฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินว่าฉายาเป็นของก็อปจากชื่อของเทพ แต่ยังไงก็ตามหลินยังพูดไม่จบ
“ดวงตามารก็เป็นผลพลอยได้ที่มาจากตำนาน ตัวอย่างง่ายๆก็ ลองดูสิ… โลกของนายรู้จักดวงตามารที่ทำให้คนเป็นหินยังไง?”
“อื้ม บาซิลิสจากตำนานยุโรป เมดูซ่าจากทำงานกรีกที่มีชื่อเสียงมาก… อ่า”
“นอกจากนี้ก็ยังมีดวงตามารของบาลอรจากตำนานของชาวไอริช … ตอนนี้นาบรู้หรือยัง ทำไมดวงตามารถึงเป็นสิ่งที่พิเศษ การได้รับดวงตามารมันก็เหมือนกับการได้รับชื่อของเทพ แม้ว่ามันจะมีรางวัลอื่นๆอีกในดันเจี้ยนที่มาจากตำนานเก่าแก่โบราณนอกเหนือไปจากดวงตามาร แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นของก็อปเหมือนกับฉายาในดันเจี้ยนแหละ แต่ว่าบางคนยังบอกว่าดวงตามารได้รับยากยิ่งกว่าชื่อที่แท้จริงของเทพซะอีก”
“ถ้างั้นดวงตามารก็…”
“ดวงตามารพวกนวนก็ยังเก็ฐซ่อนพลังที่วิเศษเอาไว้อีก ดวงตาพวกนี้มันต่างไปจากวัตถุในดันเจี้ยน แม้แต่ฉันก็ยังไม่มีดวงตามารเลย
และมันก็ไม่มีทางที่จะพลาดโอกาสนี้
“ฉันมีนะ”
“ไอเวรนี่….”
เดซี่ก็ยังเสริมขึ้นมา
“ฉันก็มีเหมือนกันนะ หุหุ”
“ผู้หญิงคนนี้”
หลินได้หยุดยิงปืนลงและลาน่าก็ได้หยุดวิ่งลงอย่างรวดเร็ว พวกเราได้มาถึงหน้าปราสาทที่พังลงก่อนที่จะรู้ตัวซะอีก
“เมืองเอเรี่ยน ถ้าหากว่ากองกำลังต่อต้านยังมีชีวิตอยู่ทุกคนจะต้องอยู่ที่นี่”
“ยังมีคนรอดอยู่ในโลกที่ถูกควบคุมด้วยบุ๊ควอร์คเกอร์อีกหรอ”
“ฐานใต้ดินทนทาน พลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่แหล่งสุดท้ายของมนุษยชาตอยู่ที่นี่…. ที่นี่เป็นที่ๆเห็นโรเดิท ไฮเดลเซินครั้งสุดท้าย”
คำพูดของเธอเหมือนการโจมตีปิดท้ายทำให้หลินยิ้มออกมา
“ทำได้ดี พาฉันไปตามทางที่เธอเลือกเลยเอลฟ์เทา”
“เรียกฉันว่าแอคทราเดี่ยน”
“โอเคแอคทราเดี่ยน ซิปัวอยู่ที่นี้ฉันรู้สึกได้เลย มันดูเหมือนว่าเราจะได้เจอสิ่งดีๆในวันนี้นะ”
“นั่นมันเยียมเลย”
กลับกันแบบนั้นมันอาจจะหมายความว่าโรเดิท ไฮเดลเซินยังมีชีวิตอยู่ เขานี่ตายแยกยิ่งกว่าแมลงสาบจริงๆ ในตอนที่ฉันกำลังรู้สึกเหนื่อยหน่าย หลินก็ได้หยิบปืนขึ้นมาถือเอาไว้และยักไหล่ขึ้นมา มันทำให้ฉันอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“ที่นี่ก็มีพวกมันอยู่หรอ”
“เหมือนกับรังแมลงสาบเลยล่ะ น่ารำคาญจริงๆ”
“เดี๋ยวฉันจะช่วยด้วย คังชินแค่ดูก็พอ”
“ได้ ได้ ฉันรู้แล้ว”
ในตอนที่ฉันตัดสินใจจะไปสู้เดซี่ได้มองมาที่ฉันด้วยท่าทางที่ทำให้ฉันต้องหวาดกลัว ฉันได้เร่งรีบที่จะถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่งทันที ฉันกำลังถูกทำให้เหมือนกับเป็นภาระ ในตอนที่ฉันส่ายหัวเดซี่ก็เปิดประเป๋าและหยิบเอาตั๊กแตนยักษ์มากิออกมา
“มากิจะสู้ด้านหน้าให้ นายจัดการได้เต็มที่เลย”
“ยอดเยี่ยม ไปกันเถอะ”
หลินได้กระโดดข้ามกำแพงที่พังของปราสาทมเข้าไปในเมืองทันที หลังจากนั้นบุ๊ควอร์คเกอร์ได้เริ่มปรากฏตัวทันที
“มนุษย์ที่เรากำลังรอมา”
“มนุษย์ฆ่าพวกของเราไปจำนวนมาก”
“มันจะต้องใช้เวลานานในการวิเคราะห์ข้อมูล”
“ผู้หญิงคนที่หนีไปกลับมา”
“ข้อมูลของเราบอกว่าเธอเป็นเผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม เธอจะพัฒนาขึ้นอีก”
หลินอดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวพวกมันและตะโกนออกมา
“อ๊ากกก วิธีพูดของไอพวกนี้มันทำให้ฉันรำคาญ”
กระสุนของหลินไม่เคยพลาดเป้าและมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัว เขาไม่จำเป็นต้องยิงซ้ำสองเพื่อฆ่าบุ๊ควอร์คเกอร์เลย และเนื่องจากพวกมันได้มารวมกันที่นี่เพื่อค้นหาและฆ๋ากองกำลังต่อต้าน พวกมันจะต้องเป็นพวกระดับสูงในหมู่บุ๊ควอร์คเกอร์ แต่ว่าหลินก็ยังใช้กระสุนเพียงแค่นัดเดียวเพื่อฆ่าพวกมัน
“เราโดนโจมตีและได้รับความเสียหายไม่ได้ เราจะต้องดูจากไกลๆและบันทึก”
“ข้อมูลที่ถูกบันทึกจากพรรคพวกระยะปลอดภัย”
“ตาย ตายแล้ว”
“ฟังดูดี พี่น้องเรากำลังมาเพิ่ม พวกเราจะได้วิเคราะห์ด้วยการเขียนลงไปทีละนนิด”
“ฉันไม่ยอมให้ทำแน่ มากิ”
[ก๊าซซซซซซซซซ]
มากิ ราชินีตั๊กแตนที่เกิดมาใหม่ในฐานะอันเดนได้คำรามออกมาอย่างโกรธแค้นและกางปีกออกมา ในเวลาเดียวกันออร่าลมจากมากิก็ได้ยิงเข้าใส่บุ๊ควอร์คเกอร์จำนวนมากที่อ่อนแออย่างเงียบๆ ตั๊กแตนก็ยังแข็งแกร่งขึ้นหลังจากกลายมาเป็นอันเดท
“มากิ ฆ่าเจ้าตัวจดบันทึก”
[ก๊าซซซซซ]
มากิได้คำร่างรับและมุ่งเข้าไปใส่บุ๊ควอร์คเกอร์ ทุกๆครั้วที่เคียวของมากิได้ตัดผ่านอากาศ อาคารรอบๆที่ตั้งอยู่ก็จะถูกตัดพร้อมๆกับหัวของบุ๊ควอร์คเกอร์
“ตัวนี่แข็งแกร่งเกินไป เราไม่มีบันทึก”
“พลังตัดที่ทรงพลัง เราต้องการความต้านทานพลังตัด”
“พงกเราต้องการตัวตนพิเศษ ความต้านทานที่จะตัดไม่ได้”
“พวกเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่น้องจะเกิด เราไม่รู้ว่าพี่น้องจะรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่”
“มันเป็นสองวันหลังจากนี้ เราจะต้องเพิ่มข้อมูลใหม่”
“ตอนนี้ ฉันจะไม่ให้แกได้ทำ”
ด้วยเสียงของเดซี่ทำให้มากิเร็วยิ่งขึ้นไปอีก มากิได้เหวี่ยงเคียวของเธอไปอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเทียบได้กับความเร็วปืนของหลิน ไม่สิ บางทีมากิอาจจะเร็วกว่า ในตอนที่ฉันเฝ้ามองพวกบุ๊ควอร์คเกอร์กำลังถูกฉีกเป็นชินๆ เดซี่ก็พูดขึ้น
“ในตอนที่พวกมันได้บันทึกแล้วทุกๆคนจะได้รับความต้านทาน สิ่งที่น่ากลัวคือพวกหน่วยที่จะเกิดขึ้นใหม่ มันจะเอาบทเรียนที่เจอมาใช้”
“ตัวที่เกิดทีหลังจะแข็งแกร่งขึ้นสินะ”
“อื้ม พวกมันเรียนรู้และวิวัฒนาการในพริบตาเดียว”
“พวกมันไม่มีที่สิ้นสุดเลย ให้ตายสิ”
“ป้องกันไม่ให้มันบันทึกได้ จัดการในปริมาณที่เหมาะสทจากนั้นก็ไปที่ทางชั้นใต้ดิน”
“เข้าใจแล้ว”
หลินได้เร่งความเร็วขึ้นทำให้หัวของบุ๊ควอร์คเกอร์ที่กำลังป้องกันทางอยู่ได้ถูกเจาะอย่างรวดเร็ว”
“ไม่ถูกด้วยการสังเกตบันทึก มันยังเป็นไปได้ทีมันจะสร้างความต้านทานได้ ถ้าเป็นไปได้กำจัดมันทั้งหมด”
“ก่อนอื่นเราต้องผ่านมันไปก่อน”
พวกเราได้จัดการบุ๊ควอร์คเกอร์ที่ขวางทางเราทั้งหมดและพุ่งเข้าไปในเมือง การปรากฏตัวของบุ๊ควอร์คเกอร์ที่ไม่สิ้นสุดลงมันทำให้ฉันนึกไปถึงฝันร้ายในทวีปพาแนน แต่ว่าก็ไม่มีพวกมันแม้แต่ตัวเดียวที่ทนต่อกระสุนของหลินและเคียวของมากิได้ ยังไงก็ตามพวกมันก็เริ่มน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อมันหลบการโจมตีของมากิได้
“การต้านทานได้เริ่มถูกสร้างแล้ว รูปแบบการเคลื่อนไหวของมากิจะต้องเปลื่ยนแปลง”
“นี่คือการสังเกตบันทึกที่เธอพูดถึงสินะ”
“อื้อ ถ้าทักษะถูกใช้แม้แต่นิดบุ๊ควอร์คเกอร์จะเขียนลงไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน”
เดซี่ได้พูดออกมาในขณะกัดฟัน
“เพื่อที่จะป้องกันมัน ทักษะที่ใช้จะต้องเหนือไปกว่าความเข้าใจตามปกติ”
“ชื่อของเทพและดวงตามาร…”
“และก็พลังของชิน อินิกม่า หรือไม่ก็พลังของแตรมังกร”
“แตรงกร!? เมื่อกี้เธอเพิ่งจะเรียกฉันว่าแตรมังกรหรอ”
ในตอนนั้นเองมากิที่เพลิงจะยิงออร่าคมเคียวออกไปและจัดการพังบุ๊ควอร์คเกอร์ที่อยู่ด้านหน้ายับเยิน เดซี่ก็ได้กลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับเก็บมากิลงไปในช่องเก็บของของเธอ….
และพวกเราก็ได้เข้ามาในชั้นใต้ดินโดยไม่ตั้งใจ