Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 237
บทที่ 237 – ผู้พิทักษ์ (7)
แม้ว่าฉันจะรู้สึกงงกับการเปลื่ยนแปลงอย่างฉับพลัน แต่ฉันก็ได้รีบกระจายมานาตรวจจับออกไปรอบๆเพื่อมองหาศัตรูที่อาจจะมีได้ ในตอนที่ฉันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเดซี่ได้ดึงแขนฉันมาและอธิบาย
“ฐานใต้ดินปลอดภัย… ใกล้เคียงกับคำว่าปลอดภัย”
“แล้วพวกบุ๊ควอร์คเกอร์ล่ะ”
“เวทย์ใต้ดินคงความมืดไว้”
“แล้วความมืดมันเกี่ยวอะไรนะ”
“แตรมังกรจุดไฟสิ”
“ไอเวรเอ้ย อย่าเรียกฉันว่าแตรมังกรนะ…โฮ่”
หลินได้บ่นออกมาใส่เดซี่และเปิดฝ่ามือของเขาออกเหมือนกับจะจุดไฟขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างตกใจ
“ฉันยอมรับเลยว่าฉันประทับใจ มันสร้างข้อจำกัดได้แม้แต่ฉัน…”
“ฐานนี้ได้สร้างขึ้นภายใต้สมมติฐานว่าเราจะไม่ชนะ ที่นี่จึงยากมากๆที่จะจุดไฟ”
“แล้วการที่จุดไฟไม่ได้มันเกี่ยวอะไรกับบุ๊ควอร์คเกอร์ล่ะ”
“ถ้ามืดก็อ่านหนังสือไม่ได้”
ฉันนึกถึงในตอนที่ฉันได้แอบเอาหนังสือฝึกหอกไปแอบอ่านในห้องตอนเด็กๆขึ้นได้ทันที ในตอนที่แม่มารู้เขา แม่ได้หวดฉันทีหลัง มันเป็นช่วงเวลาดีๆนะ… เดี๋ยวสิ
“บุ๊ควอร์คเกอร์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดานี่ ความมืดสามารถจะหยุดมันไม่ให้อ่านหนังสือได้ด้วยหรอ”
“มันเป็นไปแล้ว นายไม่รู้หรอ”
“ฉันไม่รู้สิ แต่ว่าหากพิจารณาจากเลเวลเธอ ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของเธอและแม้แต่ร่างกาย…. เอ๊ะ”
นี้มันแปลกๆ ตอนนี้ฉันเลเวล 71 คตวามมืดตามปกติแล้วไม่น่าจะควรมาเกป็นอุปสรรคกับการมองเห็นของฉันสิ เดี๋ยวนะ เดซี่พูดอะไรในตอนแรก
“เวทย์คงความมืด…”
“บุ๊ควอร์คเกอร์ไม่สามารถจะอ่านหนังสือที่นี่ได้ หากบุ๊ควอร์คเกอร์อ่านหนังสือไม่ได้ความต้านทานจะหายไป นอกไปจากนี้ก็ยังบันทึกไมได้”
เดซี่ได้หยักหน้าออกมาเหมือนว่ากำลังรอให้ฉันสรุปออกมาแบบนี้ ฉันตีะหนักได้ทันทีว่าเวทย์ที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่เวทย์ธรรมดาและอีกเสียงหนึ่งก็ถามออกมา
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงสร้างฐานนี่ให้มืดตลอดสินะ”
“ถ้าหากไฮเดลเซินไม่ได้ตาย เขาจะต้องอยู่นี่”
“นั่นก็ยังเป็นเหตุผลทำให้บุ๊ควอร์คเกอร์ไม่เข้ามาที่นี่”
“การสร้างไฟผ่านเวทย์ความมืดจะทำให้บุ๊ควอร์คเกอร์อ่อนแอมากๆ กองทัพต่อต้านจะชนะได้อย่างง่ายดาย ภารกิจแรกของพวกเขาคือทำลายผู้บุกรุก”
จากนั้นเดซี่ก็ชี้ไปที่ด้านข้างทำให้ฉันได้รู้ตัวว่าเรากำลังถูกล้อม ส่วนหนึ่งมันเป็ฯเพราะว่าพวกเขาได้ปิดบังตัวตนอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่ส่งสัญญาณการมีอยู่ใดๆอกมา แต่ว่ามันก็ยังเป็นเพราะว่าเดซี่ได้ขัดฉันก่อนที่ฉันจะกระจายมานาตรวจจับไปรอบๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเวทย์ที่ฉันรู้สึกได้จากพวกนั้นดูจะเป็นหนึ่งเดียวกับเวทย์ความมืด”
“ทีคนมากกกว่าที่ฉันคิดอีกนะ น่าตกใจจริงๆ”
“เสียงนี้มัน…เดซี่ แอคทราเดี่ยน”
เสียงทุ่มของชายคนหนึ่งได้ดังผ่านความมืดมาทำให้เดซี่หยักหน้าเล็กๆ
“นักสำรวจดันเจี้ยนที่สี่ เจ้าโง่ที่อยู่ในเผ่าพันธุ์ที่อยู่มานาน อัศวินโง่แห่งจักรวรรดิไซแนน”
มันดูเหมือนว่าเสียงของคนๆนั้นจะเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่สี่ผู้เป็นอัศวินของอาณาจักรที่ล่มสลายและเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยที่สูง
“เธอช่วยพูดแค่ชื่อฉันไม่ได้หรอ ข้าคือ…ข้าคืออัศวินแห่งจักรวรรดิไซแนน เบเร็น มาทิส แล้วนายคือใคร”
“พวกของฉันเอง นอกไปจากนี้เป็นความลับ เราอยากจะได้ข้อมูล”
“อะไรนะ ทั้งเธอแล้วก็ไฮเดลเซินต่างก็มาที่นี่หลังจากผ่านไปนานและพวกเธอก็พูดแบบนี้หรอ เธอทำให้ฉันอยากจะร้องไห้…”
“ใช่แล้ว ข้อมูลไฮเดลเซิน”
เดซี่ได้โยนบางอย่างให้เขา อัศวินคนนั้นได้รับมาและตะโกนอย่างตกใจ
“เจ้าโง่ ตอนนี้อยู่ชั้นอะไร”
“21 ฉันแทบจะเข้าไปในพื้นที่พักอาศัยได้แล้วในตอนนี้ อย่าบอกฉันนะว่า เธอยังคงปีนดันเจี้ยนอยู่”
“อย่างที่ฉันคิดเลยยังเป็นขอทานอยู่ ไฮเดลเซินแลกกับทอง”
เจ้าโง่…เบเร็น มาทิสได้ส่งเสียงออกมาอย่างราเริง”
“เธอ… เธอยังไม่ชอบเขาสินะ”
“ข้อมูล”
เดซี่ได้หยิบถุงหนังที่ใส่ทองเอาไว้ออกมาและส่ายมันอย่างจงใจ
“ไฮเดลเซินเสียคุณสมบัติในการเป็นนักสำรวจไปแล้ว แต่ว่าฉันยังมีอนาคต ฉันมั่นใจว่าพวกนาย… จะเลือกอย่างชาญฉลาด”
“เธอก็ยังตรงไปตรงมาเหมือนเคยเลย… ทุกคนลดอาวุธลง พวกเธอไม่ใช่ศัตรูของเรา”
ความจริงแล้วที่ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่รู้สึกถึงตัวตนพวกเรา นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาอ่อนแอเกินไปที่ฉันจะต้องกลัวอีกด้วย พวกเราส่วนใหญ่มีความสามารถพอๆกับเบเร็น มาทิส หรือไม่ก็อ่อนแอกว่ากัน เพียงแค่ปาทูน่าละลายก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมดแล้ว
“แอคทราเดี่ยน ฉันไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าอย่าเกลียดหมอนั่นมากไปนักเลย เขาไม่ใช่คนไม่ดี เขายังมาใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ”
“มีผู้หญิงมาหาเขา”
“ใช่แล้ว เธอดูสวยมากๆด้วย แต่ว่าดูเหมือนเธอจะตกหลุมเสน่ห์ในบางอย่าง ฉันไม่รู้ทำไมเธอถึงได้หลงใหลในไฮเดลเซินที่สูญเสียทุกอย่างไป…”
“…พวกนั้นกำลังวางแผนอะไร”
“วางแผนขอ โทษนะ”
เขาได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม”
“ทุกๆคนยที่นี้แทบจะอาศัยอยู่ในความมืดมิดตลอดเวลา ใครล่ะจะไปวางแผนอะไรได้”
“…ชั่งมันเถอะ แล้วที่ไหนล่ะ”
“ฉันจะบอกเอง”
ฐานใต้ดินนี้ดูจะใหญ่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลที่เบเร็น มาทิสได้บอกออกมาซักพัก เดซี่ก็ได้หยักหน้าและส่งข้อความให้ฉัน
[พวกเขาไม่ได้โกหก]
[ไม่ใช่ว่าดวงตามารของเธอไม่สามารถจะอ่านได้ทุกสิ่งหรอกหรอ]
[มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องดวงตามาร มีแค่ไฮเดลเซินและบางทีอาจจะคู่รักคนอื่น ในช่วงที่ให้ข้อมูลอยู่มันจะมีข้อมูลไหลออกมาเป็นปกติ… นอกจากนี้ก็ยังมีเงินเลยทำให้ฉันได้รับข้อมูลมา]
ใช่แล้ว เพราะว่าไฮเดลเซินและเดซี่ได้ต่อสู้ด้วยกันในแนวหน้ามากก่อนมันจึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ไฮเดลเซินจะรู้ว่าเดซี่มีดวงตามาร แต่ว่ายังไงก็ตามคนพวกนี้เป็นคนนอกจึงไม่ได้รู้ในพลังของเธอเลย
นอกจากนี้เดซี่ยงบอกว่าเธอได้ตั้งใจให้ทองกับนักสำรวจที่สามารถจะเข้าไปในพื้นที่พักอาศัยได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถซื้ออาหารมาให้คนอื่นได้…. ฉันได้หยักหน้าเล็กน้อยและเฝ้ามองการแลกเปลื่ยนของเดซี่กับเบเร็นมาทิส
“ด้วยจำนวนมากขนาดนี้… ทุกๆคนในฐานจะได้กินอิ่มกันไปได้หลายปี”
“มีนำสำรวจเหลืออยู่เท่าไหร่”
“พวกเรามีสองคนในดันเจี้ยนที่สาม สามคนในดันเจี้ยนที่สี่ พวกเราทั้งหมดอยู่ในเลเวลที่ต่ำและแทบจะไม่มีเงินพอที่จะมาเลี้ยงทุกคนเลย แอคทราเดี่ยนเธอช่วยพวกเรา พวกเราชัดสนจนแม้แต่เราไม่สามารถจะสู้กับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนได้เลย”
“พวกเรามาเพื่อแก้ปัญหานั้น… ขอโทษด้วยที่เราไม่ได้มาในก่อนหน้านี้ สักวันเราจะกลับมา ทุกๆคนจะต้องถูกช่วย… ด้วยคนๆนี้”
ในตอนที่เธอได้ขอโทษอย่างสงบ เธอก็ชี้มาทางฉัน เบเร็น มาทิสได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“เขาหรอ ทำไมล่ะ”
“นี้คือทั้งหมดที่ฉันต้องการจะรู้ พวกเราจะไปแล้ว อีกไม่นานนายก็เชิญเข้าไปในดันเจี้ยนได้”
“อะ โอเค เพราะว่าเธอบอกว่าจะจัดการเอง ก็ขอบคุณนะ ที่นี่อาจจะมืดและสกปรก แต่ฉันเชื่อว่าเธอคงจะมีช่วยเวลาทีดี…. ขอร้องล่ะอย่าสู้กันนะ”
ฐานใต้ดินนี้ใหญ่มากๆ แต่ว่ามันก็มีความเงียบ ไม่มีใครที่เดินไปมาและเราก็ยังได้ยินเพียงแค่เสียงครางเป็นครั้งคราวเท่าน้น เดซี่ได้พูดออกมาดดยที่ไม่หน้าแดงแม้แต่น้อย
“ที่นี่มืดและเงียบ ไม่ว่าจะทำกันกี่ครั้งก็จะไม่มีลูกได้ และนี่คือเพียงแค่สิ่งเดียวที่ทำได้ มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว”
“ฉันเข้าใจ แต่ว่าเธอไม่ต้องอธิบายทุกอย่างก็ได้…”
ฉันได้แต่หมดหวังและอยากจะปิดหูตัวเองไปซะเลย ในตอนนั้นเองเดซี่ก็จับแขนของฉันและถามฉันออกมา
“คังชิน นั่นมันสนุกไหม สิ่งที่ผู้ชายกับผู้หญิงทำนะ ในตอนอยู่รำพังทำแบบนั้นบ่อยไหม เป้าหมายมันไม่ใช่การสร้างลูกหรอ เหตุผลที่ทาสเซ็กมีราคาแพงคือแบบนั้นสิ ทำไมผู้ชายถึงได้คลั่งไคล้เรื่องแบบนี้ แล้วทำไมผู้หญิงถึงชอบมันมากนะ”
“ฉันบอกว่าเธอไม่ต้องแสดงความเห็นกับทุกอย่างก็ได้ เธอคิดว่าจะให้ฉันอธิบายทุกอย่างแทนหรอ เสียใจด้วยนะฉันไม่รู้ซักนิด เสียใจด้วยย”
“โอ้ นายช่วยหยุดทำตัวเป็นพวกเวอร์จิ้นแล้วหุบปากไปได้ไหม”
อ๊าาา ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ควรที่จะมากับสองคนนี้ ฉันได้กำหมัดแน่นและตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ เสียงครางที่มีขึ้นมาบางครั้งมันทำให้ฉันแทบจะบ้าไป ในอตนนั้นเองโชคดีที่หลินที่นำทางอยู่ได้ยินบางอย่างจากเดซี่และหยุดลง
“เธออยู่นี่จริงๆซิปัว…”
“หลิน…?”
แม้ว่าเราจะยังอยู่ในความมืด แต่เราก็ใกล้พอที่จะรู้สึกถึงตัวตนคนได้ ตัวตนที่ทรงพลังที่บอกฉันว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา
“หลิน นายมาพาฉันกลับไปหรอ”
“อะไร เธอคิดว่าเราจะปล่อยเธอทิ้งไว้ได้หรอ”
พูดตามตรงออร่าที่เธอปล่อยออกมาอยู่ใกล้เคียงกับเลเวลของฉัน มันทำให้ฉันเกิดสงสัยว่าเธอใช่หัวหน้ากิลด์ผู้ดูแลจริงๆหรอ ยังไงก็ตามมันอาจจะเป็นเพราะว่าหลินและสมาชิกสวนแฟรี่อาจจะแปลกก็ได้ ยังไงก็เถอะโรเล็ตต้าได้บอกว่าฉันสามารถจะเอาชนะหัวหน้ากิลด์ผู้ดูแล เอเลนี่ ได้ในตอนที่ฉันเลเวล 80
แม้ว่าฉันจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่จะพูดแบบนี้ แต่ฉันก็ค่อนข้างจะเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถจะเอาชนะศัตรูของโลกได้แม้ว่าจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่มาจากดันเจี้ยน แม้ว่าฉันจะคิดว่าหัวหน้ากิลด์ผู้ดูแลดันเจี้ยนทั้งหมดเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกับโรเล็ตต้ามาก่อน แต่ว่าตอนนี้ฉันจะต้องคิดเรื่องนี้ใหม่แล้ว
“ซิปัว เธอน่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในดันเจี้ยนนะ”
“ดันเจี้ยนกำลังร่วงหล่นสินะหลิน”
“ทุกๆสิ่งหยุดลง สถานที่ๆจะต้องช่วยฝึกฮีโร่และผู้พิทักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนในโลกได้หยุดลงเพียงแค่เพราะเธอ”
“ฮึ่ม นั่นมันจะทำไม ฉันถูกบังคับให้อยู่กับดันเจี้ยนมากว่า 2,500 ปี เมื่อเทียบกันแล้วดันเจี้ยนเพียงแค่เสียหายแค่วันเดียวเองนะ”
ซิปัวได้พูดออกมาอย่างเย็นชาใส่หลิน จากนั้นเธอก็หันมาจ้องที่ฉันอย่างคมกริบ
“นายก็มาที่นี่เหมือนกันนี่ฮีโร่ของโลก ฉันคิดแล้วว่านายจะมา โรเล็ตต้านังผู้หญิงสารเลวนั่น ฉันขอโทษแล้ว แต่ว่ามันกลับให้ผลตรงกันข้าม ฉันไม่สามารถจะยกโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะนายได้”
นี้คือเหตุผลที่โรเล็ตต้าส่งมาหรอ เธอยอมมันง่ายๆเพราะว่ามีคนไม่พอ แต่ว่าซิปัวก็ยังคงทำผิดอย่างรุนแรง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธอยังคงมั่นใจว่าเธอไม่ผิด เหตุการณ์นั้นเพียงจะผ่านมาไม่นาน แต่ว่าตำแหน่งผู้เสียหายและผู้ร้ายได้หายไปจากใจเธอแล้ว สำหรับเธอดูเหมือนว่าทุกๆสิ่งที่เธอทำเพื่อไฮเดลเซินคือสิ่งที่ถูกต้อง
แม้ว่าฉันจะอธิบายออกไปยังไงเธอก็จะยังคงตีความมันตามที่เธอต้องการ และมันก็จะมีเพียงแค่การต่อต้านเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงเงียบต่อไป ยังไงก็ตามหลินก์ได้ตอบโต้กลับไป
“พวกเขาบอกว่าถ้าเธอช่วยคนแปลกหน้า เขาก็จะเปลื่ยนเธอเป็นศัตรู เธอมุทะลุเกินไปซิปัว เขาเป็นฮีโร่ เป็นคนที่เธอควรจะสนับสนุน… และโรเดิท ไฮเดลเซินนั่นเป็นไอ้โง่ที่ไร้สมองที่พยายามจะข่มเหงฮีโร่ด้วยประโยชน์ของตัวเอง”
“หลิน….”
“พวกเราไม่ได้มีเวลาที่จะมาเสียแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่ให้เวลาเธอได้กล่าวลาอีก พวกเราจะต้องไปเดี๋ยวนี้”
“หลิน ได้โปรด”
หลินได้กัดฟันแน่น ปืนในมือของเขาได้ถูกกระชับแน่น
“เธอควรจะรู้นิสัยฉันนะ เธอควรจะพอใจนะที่โรเดิท ไฮเดลเซินเพียงแค่ถูกเตะกลับมาอยู่ที่ทวีปของเขา… ความอดทนของเราหมดลงแล้วซิปัว”
ความตรึงเครียดได้เต็มไปทั่ว ท่าทางที่เปลื่ยนไปของรินได้ทำให้ฉันต้องหายใจลำบาก เดซี่ก็ยังฝังใบหน้าของเธอไว้กับหลังของฉันเพื่อหลบเจตนาฆ่าของเขา
ซิปัวก็ยังได้รับผลกระทบนี้ เจตนาฆ่าของหลินได้ตรึงเธอเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ในตอนที่เจตนาฆ่าของเขาได้ลดลงเล็กน้ย เธอก็ฝืนพูดออกมา
“ได้โปรด…หลิน มองฉันสิ ฉันรักเขา…”
“ความมุ่งมั่นที่จะทำลายศัตรูของโลกมันอ่อนแอจนพังลงแค่เพราะไอโง่คนเดียวงั้นหรอ”
“ในตอนแรก ฉันได้ถูกกดดันจากคนอื่นๆอีกสี่คนให้กล่าวสาบานต่อลอร์ด ฉันทำมันมามากพอแล้ว หลิน ขอร้องล่ะ…”
“ฉันจะยอมเธอวันหนึ่ง”
หลินได้ตอบตัดบทเธอราวกับจะบอกว่านี้เป็นความใจดีสุดท้ายของเขาแล้ว
“ตัดทุกๆอย่างภายในวันนี้ เธอจะต้องเสริมพลังให้กับพวกเราด้วยพลังที่เธอทิ้งไว้ ตราบใดที่เขายังรอดอยู่ซักวันหนึ่งจะมาถึงเมื่อเขาเป็นอิสระ เธอจะมีเวลาหนึ่งวันอีกครั้ง”
“หลิน…”
“ใน 24 ชม. เธอจะต้องกลับไปกับเรา ฉันจะไม่ยอมรับกับคำขออื่นอีกและในตอนที่เธอประท้วง ฉันจะลากเธอกลับไปเอง”
“…อึก”
ซิปัวได้วิ่งกลับไปในทันทีราวกับว่าเธอไม่ต้องการที่จะเสียเวลาแม้แต่นิดเดียวกับเรา ในตอนแรกฉันคิดว่าเธอจะกลับไปใช้เวลาที่เหลืออยู่กับโรเดิม ไฮเดลเซิน ยังไงก็ตามมันไม่ใช่แบบนั้น ไม่นานหลังจากซิปัวได้หายไป เขาก็ได้ปรากฏออกมาจากที่ๆเธออยู่
“เดซี่ แอคทราเดี่ยน…”
เขาไม่ควรจะมองเห็นหน้าเธอได้ แต่ว่ามันดูเหมือนว่าเธอจะรู้ถึงตัวเธอได้จากตัวตนที่มีอยู่ เธอได้พึมพัมชื่อเดซี่ออกมาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆปนกันอยู่
“โรเดิท ไฮเดลเซิน”
เดซี่ได้พูดออกมา ยังเหมือนเคยเสียงของเธอดูสงบมากๆ
“ใจของเธออมันชัดขึ้นแล้วหรอ”
“เธอปฏิเสธฉันอย่างแข็งขืน และคนที่เธอเลือกคือเขาหรอ ฮีโร่นั่น เธอเลือกเจ้าโง่บ้าบื่นที่ไม่สามารถมองสถานการณ์ออกได้หรอ”
“อื้อ นายไม่ใช่แนวของฉัน หน้าของนายสกปรก กระกระทำของนายสกปรก บุคลิกของนายสกปรก จิตใจนายสกปรก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแปลก แต่ว่าตอนนี้จิตใจนายดีขึ้นแล้ว”
มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีคำที่ตอบกลับมา เขาเพียงแค่มองมาทางพวกเรา แม้ว่าฉันจะไม่สามารถอ่านสีหน้าเขาได้จากความืด ฉันก็ยังสามารถบอกได้จากเสียงของเขาว่าเขากำลังจ้องมาที่ฉันด้วยเจตนาฆ่า
“แก ฉันไม่ได้บอกแกหรอกว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเดซี่ แอคทราเดี่ยน…”
“อ่า ขอบคุณคำแนะนำของนายนะ ฉันเลยได้สมาชิกกิลด์ที่ยอดเยี่ยมมา นั่นเป็นสิ่งเดียวเลยล่ะที่ฉันอยากจะขอบคุณนาย นอกจากนี้ฉันขอโทษด้วยนะ แต่ว่าฉันไม่อยากจะหายใจในอากาศเดียวกับนาย นายช่วยไสหัวไปได้ไหม?”
“อึก”
ฉันไม่เพียงแค่พูดออกไปเท่านั้น ฉันยังเตะเขาออกไปตรๆ เมื่อเห็นเขาลอยกลับไปในความมืด ฉันได้ถามเดซี่
“เป็นยังไงบ้าง”
“12 เต็ม 10”
ฉันไม่ได้หมายถึงที่ฉันเตะซะหน่อย ยังไงก็เถอะขอบคุณ”
“ความคิดของเขาชัดเจน… พลังแห่งความรักละมั้ง”
“เธอรู้หรอว่ารักคืออะไร”
“อื้ม สิ่งที่ชายหญิงทำกันในความมืด”
“ผิดเลยล่ะ”
ฉันอยากจะทำลายความรู้ที่บิดเบี้ยวของเดซี่ในทันที แต่จากนั้นหลินก็ได้หยุดฉันด้วยการฟาดหัวฉัน
“พวกเราควรจะไปพักเหมือนกัน ฉันเหนื่อยแล้ว”
“ทำไมนายต้องให้เวลาเธอวันหนึ่งด้วยล่ะหลิน”
“มันน่าเศร้าที่ไม่มีเวลาพักแม้แต่วันเดียวในเวลา 2,500 ปี… นอกไปจากนี้ ถ้าพวกเราพาเธอกลับไปในตอนนี้ เธอก็จะยังคงพร้อมที่จะทิ้งระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่ว่าถ้าหากว่าฉันให้เวลาเธอมากกว่านี้ ดันเจี้ยนและนักสำรวจจำนวนมากจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่ฉันจะทำให้เธอได้”
คำพูดนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่หลินพูดกับเธอในก่อนหน้านี้ ฉันค่อนข้างจะทึ่งมากๆกับหลินในปัจจุบันและพึมพัมออกมา
“…หลิน”
“มันก็แค่ความตั้งใจของฉัน พี่สาวจะอัดฉันจนตายแน่ถ้าเธอรู้เข้า… แต่ว่าฉันก็อดไม่ได้ในตอนที่นึกถึงหน้าของโรก้า”
“ฉันล่ะอยากจะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลินและโรก้าเนี้ยวจังเลย นอกจากนี้ยังมีบางอย่างที่ฉันอยากจะคุยกับนายด้วย…. ไหนๆเราก็มีเวลาว่างแล้วทำไมเราไม่ไปดื่มด้วยกันล่ะ ฉันแอบจิ๊กวิสกี้ที่พ่อเก็บเอาไว้มาอยู่”
“นั่นเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่ฉันได้เจอแกมา”
เดซี่ได้ส่ายแขนของฉันอย่างรุนแรงและถามออกมา
“อย่างที่ฉันคิดเลยคังชินชอบผู้ชาย….”
“ไม่”
“เพื่อทั้งสองคน ฉันจะออกไป… ฉันอยากจจะไปตรวจสอบหาคนที่รู้จักว่ารอดหรือตาย”
“รีบกลับมาล่ะอย่าไปนานเกิน”
“อื้อ”
เดซี่ได้กระโดดเข้าไปในความมืดและในที่สุดตัวตนของเธอก็หายไป หลินและฉันก็ยังเริ่มเดินหาที่เหมาะๆในการดื่ม ในพื้นที่ๆมืดมิดนี้ไม่มีใครที่จะสามารถบอกว่ากลางวันกลางคืนได้ มันมีเพียงแค่เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ